ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย | พณ. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์
รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย (Memorandum of Understanding between
Ministry of Commerce, Royal Thai Government and Department of Industries and
Commerce, Government of Telangana, Republic of India) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
(จะมีการจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจฯ รูปแบบออนไลน์ในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔)
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน
รวมทั้งแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีภายใต้ขอบเขตความร่วมมือ ได้แก่
การแลกเปลี่ยนข้อมูลการตลาด การสนับสนุนเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของภาคธุรกิจ
การส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงทางธุรกิจระหว่างกัน
การอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมทางธุรกิจประเภทต่าง ๆ
การเชื่อมโยงแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาสในการเจรจาการค้า การแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านสตาร์ทอัพผ่านศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ
การให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนต่าง ๆ
และการให้สิทธิประโยชน์หรือสิทธิพิเศษทางภาษีแก่นักลงทุนที่ใช้ไม้ยางพาราจากไทย
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑)
หากในอนาคตมีการดำเนินงานส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่สินค้าจากอินเดีย
ฝ่ายไทยก็ควรพิจารณาขอรับการอำนวยความสะดวกดังกล่าวเช่นกัน (๒) กระทรวงพาณิชย์ควรเน้นย้ำความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในการแลกเปลี่ยนสตาร์ทอัพระหว่างกันเพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์และทักษะด้านการบริหารจัดการให้กับสตาร์ทอัพไทย
รวมทั้งการเชื่อมโยงนักลงทุนและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่อินเดียมีศักยภาพและใช้เทคโนโลยีสูงเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้กับบุคลากรไทย
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ และ (๓)
กระทรวงพาณิชย์ควรประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดการอำนวยความสะดวกและสงเสริมให้ผู้ประกอบการไทยใช้สิทธิประโยชน์จากความร่วมมือดังกล่าว
โดยเฉพาะการขยายตลาดการค้าและการลงทุนในกลุ่มสินค้าเกษตรที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ
ไม้ยางพารา และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งรวมถึงอาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาล
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|