ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 210 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 4181 - 4200 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4181 | การร่วมรับรองร่างปฏิญญาว่าด้วยการส่งเสริมรูปแบบธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก: ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยเพื่อการเติบโตอย่างเท่าเทียม (Declaration on Promoting Inclusive Business Models: Empowering Micro. Small and Medium Enterprises for Equitable Growth) | นร.53 | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการส่งเสริมรูปแบบธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก:
ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยเพื่อการเติบโตอย่างเท่าเทียม (Declaration on Promoting Inclusive Business Models :
Empowering Micro. Small and Medium Enterprises for Equitable Growth) และอนุมัติให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ
ในการประชุมสุดยอดธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๖ และการประชุมรัฐมนตรี ระดับสูง
ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการสนับสนุนการดำเนินการในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อยเพื่อการเติบโตอย่างเท่าเทียม
โดยพิจารณาจากบริบทของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนในด้านความสามารถและทรัพยากรที่มีอยู่
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4182 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีปัญหาการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย และการจัดระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่คนจนเมืองในชุมชนแออัดของจังหวัดภูเก็ต | สม. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีปัญหาการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย
และการจัดระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่คนจนเมืองในชุมชนแออัดของจังหวัดภูเก็ต
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า
สิทธิในการจัดการที่ดินของรัฐและสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานเป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่ดูแลรักษาที่ดินของรัฐแต่ละประเภท
การแยกสิทธิในการจัดการที่ดินและสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณะออกจากกัน
อาจทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการบริหารจัดการที่ดินของหน่วยงานที่รับผิดชอบที่ดินแต่ละประเภท
ดังนั้น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบให้สอดคล้องกับหลักการเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ส่วนกรณีเร่งรัดการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
กรณีปัญหาการจัดให้มีสาธารณูปโภคในระหว่างการแก้ไขปัญหาที่ดิน
การจัดให้มีโฉนดชุมชน
และการแก้ไขปัญหาที่ดินของรัฐทุกประเภทได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะทำงานแก้ไขปัญหาและศึกษาแนวทางการจัดการที่ดินทำกินให้กับชุมชนในรูปแบบโฉนดชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติแล้ว
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4183 | ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกับหน่วยยามฝั่งเวียดนาม ในความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล | นร.54 | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
สำนักนายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรไทยกับหน่วยยามฝั่งเวียดนาม
แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล
และอนุมัติในหลักการ ก่อนที่จะมีการลงนาม และอนุมัติให้รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและยกระดับความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค
โดยไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
เป็นความตกลงงที่ไม่มีผลทางกฎหมาย จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเสนอ
โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม รวมทั้งให้ปรับแก้ไขชื่อและการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย
ตามความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจฯ
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4184 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือ และป่ายางน้ำกลัดใต้ บางส่วน ในท้องที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนเรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือ
และป่ายางน้ำกลัดใต้ บางส่วน ในท้องที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... คืนไปได้
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4185 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 30 [Joint Statement of the Thirtieth ASEAN Socio - Cultural Community (ASCC) Council] | พม. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๐ [Joint Statement of the Thirtieth ASEAN
Socio-Cultural Community (ASCC) Council] และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๐ [30th ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC)
Council Meeting] ให้การรับรอง (adopt) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
สำหรับการประชุมดังกล่าวในวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความชื่นชมสาธารณรัฐอินโดนีเซียสำหรับความมุ่งมั่นในการเป็นประธานอาเซียน
ภายใต้หัวข้อหลัก “อาเซียนเป็นศูนย์กลาง สร้างสรรค์ความเจริญ”
การรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๘ รวมถึงการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประชาคมอาเซียนและองค์กรอาเซียนเฉพาะสาขาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4186 | ร่างเอกสารสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 41 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ
(๑) ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๔๑ (๒)
ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๔๑
ว่าด้วยความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืนผ่านการเชื่อมโยงระหว่างกัน (๓)
ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น
และเกาหลี) ครั้งที่ ๒๐ (๔) ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก
ครั้งที่ ๑๗ และ (๕) ร่างถ้อยแถลงร่วมของโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว
ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ฉบับที่ ๔
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ให้การรับรองเอกสารสำหรับการประชุมดังกล่าวในช่วงการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้งที่ ๔๑ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕
สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างเอกสารทั้ง ๕ ฉบับดังกล่าว
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสาม กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก และประเทศคู่เจรจา ตามลำดับ
ในการส่งเสริมความร่วมมือและความเชื่อมโยงทางพลังงานระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนด้านพลังงาน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๕
ฉบับดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4187 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำในแนวปะการัง
เพื่อประโยชน์ในการสงวน คุ้มครอง อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ที่เห็นว่าต้องมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวได้ทราบมาตรการตามประกาศอย่างทั่วถึง
ต้องคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ของกรมเจ้าท่าตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยฯ
และให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4188 | ความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย และผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 30 | คค. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค
ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย
และผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๓๐
เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ผ่านระบบการประชุมทางไกล สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ความก้าวหน้าโครงการฯ เช่น รถไฟความเร็วสูง ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพฯ-นครรราชสีมา
โดยมีสัญญาการก่อสร้างงานโยธา ๑๔ สัญญา มีการก่อสร้างแล้วเสร็จ ๑ สัญญา ได้แก่
สัญญา ๑-๑ กลางดง-ปางอโศก อยู่ระหว่างก่อสร้าง ๑๐สัญญา
และอยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ๓ สัญญา และ (๒)
ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๓๐
มีสาระสำคัญ เช่น ไทยได้นำเสนอความก้าวหน้างานโยธาโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ ๑
ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งงานโยธาส่วนใหญ่ได้เริ่มดำเนินการแล้ว
และได้นำเสนอความก้าวหน้าและแผนการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ระยะที่ ๒
นครราชสีมา-หนองคาย ว่าได้ออกแบบรายละเอียดงานโยธาแล้วเสร็จ นอกจากนี้
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์
โดยเห็นชอบให้มีการจัดประชุมไตรภาคีระหว่างไทย สปป.ลาว และจีน
เพื่อหารือรายละเอียดต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4189 | ขอความเห็นชอบถ้อยแถลงของประธานการประชุมรัฐมนตรีขนส่งเอเปค ครั้งที่ 11 | คค. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
มติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ส.ยืนยัน ๑๘๒๐๖/๖๖ เรื่อง ขอความเห็นชอบถ้อยแถลงของประธานการประชุมรัฐมนตรีขนส่งเอเปค
ครั้งที่ ๑๑ คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบถ้อยแถลงของประธานการประชุมรัฐมนตรีขนส่งเอเปค ครั้งที่ ๑๑
ก่อนกระทรวงคมนาคมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยถ้อยแถลงของประธานฯ
มีสาระสำคัญ เช่น เน้นย้ำความมุ่งมั่นต่อวิสัยทัศน์ปุตราจายา ค.ศ. ๒๐๔๐
การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเอาทีอารอ และเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เน้นบทบาทสำคัญของภาคคมนาคมขนส่ง
และชี้แนะให้คณะทำงานด้านการขนส่งของเอเปคมีส่วนร่วมในการประชุมและการดำเนินงานในอนาคต
ในประเด็นห่วงโซ่อุปทานและการเชื่อมต่อ สภาพภูมิอากาศ
ความครอบคลุมและความเท่าเทียมเพศสภาพ นวัตกรรม และความมั่นคงระดับโลก ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม บูรณาการแนวทางการดำเนินงานและแสวงหาความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมระหว่างสาขาความร่วมมือต่าง
ๆ ในเวทีเอเปคอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการสร้างอนาคตที่เปิดกว้าง มีพลวัต
ยืดหยุ่น และสงบสุขสำหรับทุกคน เพื่อบรรลุเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการสนับสนุนให้เขตเศรษฐกิจต่าง
ๆ ร่วมมือกับภาคการขนส่งและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ
โดยสร้างความตระหนักรู้ของสาธารณชนเกี่ยวกับการใช้ระบบขนส่งที่ผิดกฎหมายเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ร่วมด้วย
และให้ความสำคัญกับการบูรณาการความร่วมมือเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคคมนาคมขนส่ง
การเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการให้บริการได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง
และการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4190 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566 | นร.11 สศช | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี
๒๕๖๖ และแนวโน้มปี ๒๕๖๖ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๖ ขยายตัวร้อยละ ๑.๘
ชะลอลงจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๖ ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๖ (%YoY)
และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๖
ขยายตัวจากไตรมาสแรกปี ๒๕๖๖ ร้อยละ ๐.๒ (%QoQ)_SA) รวมครึ่งแรกของปี
๒๕๖๖ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๒ ๒.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๖ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๐
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุโภคบริโภคภาคเอกชน
การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ โดยคาดว่าการอุปโภคบริโภคและการลงทุนรวมจะขยายตัวร้อยละ
๕.๐ และร้อยละ ๑.๖ ตามลำดับ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ
๑.๗-๒.๒ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๑.๒ ของ GDP ๓.
ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๖๖ ควรให้ความสำคัญกับ (๑) การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ
รวมทั้งการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและติดตามป้องกันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก
(๒) การักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ (๓)
การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง (๔) การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร
(๕) การขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า และ (๖) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4191 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 10 และร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ 1 | กค. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๑๐ (Joint Statement of the 10th ASEAN
Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) และร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอาเซียน
ครั้งที่ ๑ (Joint Statement of the 1st ASEAN Finance and
Health Ministers’ Meeting) เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมที่จะมีการรับรองในการประชุมดังกล่าว
ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ทั้ง ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนในการดำเนินการประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ
ใน ๓ ประเด็นหลัก ได้แก่ ความร่วมมือระหว่างภาคสาธารณสุขและภาคการคลัง
ความมั่นคงทางอาหาร และการใช้สกุลเงินท้องถิ่นเพื่อการทำธุรกรรม และเป็นการแสดงความตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านการคลังและสาธารณสุขเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านสาธารณสุขและเงินทุนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อป้องกันและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4192 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสีประจำวิทยาลัยนาฏศิลป์และวิทยาลัยช่างศิลป์ทุกแห่งที่มีการเปิดสอนระดับปริญญาเพิ่มขึ้น
และแก้ไขลักษณะ ชนิด ประเภทของส่วนประกอบครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4193 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า และตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว
ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า และตำบลแม่หอพระ
อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว
ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า และตำบลแม่หอพระ
อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
เพื่อก่อสร้างโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา
จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ประมาณ ๒๒๙ ไร่ ๑ งาน ๖๓.๖ ตารางวา
ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่ามีพื้นที่ทับซ้อนกับป่าไม้ถาวร
ชื่อ “ป่าแม่แตง” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๐๙
ซึ่งพื้นที่ที่ขอเพิกถอนจากอุทยานแห่งชาติทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ และป่าไม้ถาวร
หากเพิกถอนเฉพาะอุทยานแห่งชาติแต่ไม่เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นป่าไม้ถาวรอยู่
และให้กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงาน
ตลอดจนชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินโครงการตามผลการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน รวมทั้งให้กรมชลประทานร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า
และพันธุ์พืช จัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่ภายหลังการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ
โดยให้ชุมชนและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญและให้กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงาน
ตลอดจนชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินโครงการตามผลการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน รวมทั้งให้กรมชลประทานร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า
และพันธุ์พืช จัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่ภายหลังการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ
โดยให้ชุมชนและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4194 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าน้ำตกพลิ้ว-เขาสระบาป บางส่วน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าน้ำตกพลิ้ว-เขาสระบาป
บางส่วน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าน้ำตกพลิ้ว-เขาสระบาป
บางส่วน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองขลุง
จังหวัดจันทบุรี จำนวนเนื้อที่ประมาณ ๘๕ ไร่ ๒ งาน ๕๔ ตารางวา
ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
และควรดำเนินการตามมาตรการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมหลังการก่อสร้าง และมาตรการป้องกัน
แก้ไข หรือเยียวยาความเดือดร้อน
หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4195 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 86) พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... | พณ. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๘๖) พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์
ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๘๖) พ.ศ. ๒๕๔๑
ซึ่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าวกำหนดให้ถ่านหินทุกชนิดที่เป็นก้อน ผง
หรืออัดเป็นก้อน เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออก
แต่เนื่องจากปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
กำหนดชนิดและสภาพแร่ที่ห้ามส่งออกกนอกราชอาณาจักรหรือเขตไหล่ทวีป พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งกำหนดมาตรการห้ามส่งออกถ่านหินที่มีถิ่นกำเนิดในราชอาณาจักรและเขตไหล่ทวีปออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตไหล่ทวีปไว้เป็นการเฉพาะแล้ว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4196 | การเร่งรัดออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 | กษ. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎอื่นใดที่ออกตามบทอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ
จำนวน ๗ ฉบับ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.
พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อจำหน่ายเนื้อสัตว์
พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓. พระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๔. พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๕. พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๔๒ ๖. พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4197 | ร่างระเบียบ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ พ.ศ. .... | สกมช. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบ
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ในคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาบุคคลเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
ตามที่คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาของคณะกรรมการสรรหาที่สรรหาควรพิจารณาให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
และเห็นว่าการเสนอขอความเห็นชอบร่างระเบียบนี้เป็นการกำหนดรายละเอียดการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายแม่บทให้อำนาจไว้
และมิได้เป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีกระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไปตามมาตรา
๑๖๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑
มีนาคม ๒๕๖๖ เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4198 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณเป็นเงินราชการลับ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ปปท. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงาน
ป.ป.ท. โอนเงินจัดสรร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๑,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินราชการลับ
ตามมัยมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ท.
เสนอ ทั้งนี้
ในการดำเนินการดังกล่าวเป็นการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงาน
และเป็นการดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์และภารกิจที่สำนักงาน ป.ป.ท. ต้องดำเนินการตามปกติ
จึงไม่ถือเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามมาตรา ๑๖๙ (๑)
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
และแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากยุบสภาผู้แทนราษฎร
ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๖ และให้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้งบประมาณเงินราชการลับ
พ.ศ. ๒๕๔๗ ระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
และหลักเกณฑ์ว่าด้วยการใช้งบประมาณรายจ่าย
การโอนเงินจัดสรรหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4199 | การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ | ดศ. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. แต่งตั้ง นายพีรเดช ณ น่าน
เป็นกรรมการในคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ แทน นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี
ที่ขอลาออกจากตำแหน่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4200 | การสรรหาบุคคลเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐแทนตำแหน่งที่ว่าง (นายอำนาจ พวงชมภู) | ปปท. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเสนอรายชื่อ
นายอำนาจ พวงชมภู เป็นบุคคลที่คณะรัฐมนตรีสรรหาและเสนอรายชื่อต่อคณะกรรมการคัดเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
เพื่อคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
แทนนายพิทยา บุญชู กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเดิม
ที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบห้าปีบริบูรณ์
ตามพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ
|