ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 90 จากทั้งหมด 513 หน้า แสดงรายการที่ 1781 - 1800 จากข้อมูลทั้งหมด 10241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1781 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนราธิวาส พ.ศ. .... | มท | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนราธิวาส พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบางนาค บางส่วนของตำบลโคกเคียน บางส่วนของตำบลกะลุวอเหนือ และบางส่วนของตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1782 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 59 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน) | มท | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขหลักเกณฑ์การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยให้ผู้ซึ่งครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับสามารถขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ ผ่านกระบวนการพิจารณาและมีผลใช้บังคับแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรจะมีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจถึงสิทธิและทางเลือกการดำเนินการตามกฎหมายที่ได้แก้ไขใหม่ในพื้นที่ที่คาดว่าจะมีประชาชนต้องการออกโฉนดและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจและใช้สิทธิตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างเหมาะสมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1783 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๐ ดังต่อไปนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นผู้มีสิทธิได้รับบำนาญพิเศษเหตุทุพพลภาพให้ได้รับบำนาญพิเศษเพิ่มสูงขึ้น ๒. แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจ่ายบำเหน็จตกทอดให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับให้สามารถนำเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับบำนาญของราชการส่วนท้องถิ่น (ช.ค.บ.) มารวมคำนวณได้ ๓. ยกเลิกบทบัญญัติเรื่องการหมดสิทธิรับบำนาญของผู้รับบำนาญ |
|||||||||||||||||||||||||||
1784 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 01/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมคิด ศริ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1785 | โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2555 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 01/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาปี ๒๕๕๕ จำนวน ๒๐ โครงการ วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๔,๙๒๔.๐๒๔ ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ประกอบด้วย ๑.๑ โครงการที่มีแหล่งเงินรองรับการดำเนินโครงการ จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายระบบประปาภูเก็ต และสามพราน วงเงินลงทุน ๗๗๔.๐๐๘ ล้านบาท ให้ กปภ. กู้เงินภายในประเทศ (พันธบัตร) เพื่อลงทุนโครงการ โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ๑.๒ โครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินรองรับ และไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ประจำปี ๒๕๕๕ จำนวน ๑๘ โครงการ วงเงินรวม ๔,๑๕๐.๐๑๖ ล้านบาท โดยให้ กปภ. บรรจุไว้ในกรอบแผนการลงทุนระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๘) เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปี ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาแนวทางเลือกเพิ่มเติมในการดำเนินโครงการพัฒนาปี ๒๕๕๕ ของ กปภ. ได้แก่ การพิจารณาปรับโครงสร้าง และอัตราค่าน้ำประปาที่สะท้อนต้นทุนในแต่ละพื้นที่ และที่เป็นธรรมต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ให้บริการ การบูรณาการฐานข้อมูลตั้งแต่ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้น้ำ การจัดทำแผนที่แหล่งน้ำ การจัดทำแผนที่ระบบท่อประปาเดิม และแผนที่ระบบท่อประปาที่จะวางแนวท่อบริการใหม่ให้สอดคล้องกัน การประเมินผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานของ กปภ. โดยใช้แหล่งอ้างอิงจากผลการดำเนินงานของบริษัทประปาต่างประเทศที่มีระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพเป็นเกณฑ์เปรียบเทียบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำประปาของ กปภ. และพิจารณาความคุ้มค่าจากการลงทุนทางด้านการเงิน โดยการควบคุมค่าใช้จ่ายการผลิตและเพิ่มรายได้จากการให้การบริการ และลดอัตราการสูญเสียน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยประสานความร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาโครงสร้างการบริหารกิจการการประปาของประเทศในภาพรวม การผลักดันการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลกิจการประปาของประเทศเพื่อกำหนดมาตรฐานประกอบกิจการประปา โครงสร้างและอัตราค่าบริการ และการติดตามและเร่งปรับลดการใช้น้ำบาดาลของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่ กปภ. สามารถขยายเขตการให้บริการน้ำประปาทดแทนได้แล้ว ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1786 | การกำหนดค่าตอบแทนของกรรมการบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทในเครือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 01/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดอัตราเบี้ยประชุมกรรมการของบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทในเครือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยกำหนดให้บริษัทฯ อยู่ในรัฐวิสาหกิจกลุ่มที่ ๓ ได้รับเบี้ยประชุมกรรมการในอัตราไม่เกินคนละ ๖,๐๐๐ บาทต่อเดือน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๗ (เรื่อง การปรับปรุงอัตราเบี้ยกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1787 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับงานที่ทำเป็นโครงการ จำนวน 19 โครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 01/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กู้เงินในประเทศเพื่อลงทุนในโครงการ จำนวน ๑๙ โครงการ ของ กฟภ. ตามกรอบวงเงินกู้ภายใต้แผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๔,๖๙๕.๕๐๖ ล้านบาท ซึ่งไม่เกินกรอบวงเงินกู้ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินกู้ โดยให้ กฟภ. ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ที่กำหนดให้การกู้เงินในประเทศดังกล่าวในแต่ละปี กฟภ. จะต้องเสนอความต้องการกู้เงินให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินต่อคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเพื่อบรรจุโครงการเงินกู้ไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1788 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด | มท | 01/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพงศ์นิตย์ ศิธราชู และนายอนันต์ สิริแสงทักษิณ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด แทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1789 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านช้าง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | มท | 01/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านช้าง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านช้าง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๖ ไร่ ๑ งาน ๙๕ ตารางวา เพื่อมอบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๒ และใช้ประโยชน์อย่างอื่นในราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1790 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | มท | 01/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๓ งาน เพื่อมอบให้องค์การบริหารส่วนตำบลบางโฉลงใช้เป็นที่ตั้งที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางโฉลง และใช้ประโยชน์อย่างอื่นในราชการขององค์การบริหารส่วนตำบล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1791 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทากาศ จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... | มท | 24/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทากาศ จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลทาขุมเงิน ตำบลทาทุ่งหลวง และตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1792 | โครงการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) | มท | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้กรมการปกครองเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ จากรายการเช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อจัดทำระบบให้บริการประชาชนด้านการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ ซึ่งเป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๓๔๑,๙๓๗,๙๕๗ บาท เป็นรายการจัดซื้อบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) โดยให้กรมการปกครองเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไปรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. เนื่องจากรายการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวมีผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี แผนงานบริหารจัดการภาครัฐ ผลผลิตการพัฒนาการให้บริการทะเบียน บัตรประจำตัวประชาชนและข้อมูลข่าวสารมีความล่าช้า กรมการปกครองต้องนำเสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน ตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ (๒) จากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1793 | รายงานผลการจัดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี | มท | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดงานศิลปาชีพ ประทีบไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชนเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ.) ได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ มอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้โอนเงินงบประมาณโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานเบิกแทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๑๓๓,๐๐๕,๐๐๐ บาท ๒. กิจกรรมภายในงานศิลปาชีพ ประทีบไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการเทิดไท้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ๔ ภาค ผลิตภัณฑ์ชุมชน ๔ ภาค OTOP คัดสรรเพื่อเจรจาธุรกิจเฉพาะ OTOP ชุมชน OTOP รักษ์สุขภาพ และเวทีกลางและเวทีเล็กเพื่อการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งกิจกรรมในงานสร้างนักธุรกิจ OTOP โดยมีการเสวนาโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ เป็นได้มากของชาวสวน กลยุทธ์การค้าและต่อยอดธุรกิจ การหาพื้นที่จำหน่ายในส่วนค้าปลีกและเทคนิคการค้าปลีกให้ประสบความสำเร็จ ธรรมะดิลิเวอร์รี่ของนักธุรกิจ เจาะใจผู้บริโภค กลยุทธ์การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้วยการตลาดเพื่อสังคม มาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาลเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดสู่สากล ทำ OTOP ให้ลูกค้า OK ธุรกิจเพื่อชีวิตพิชิตใจลูกค้า และนวัตกรรมกับการสร้างสินค้า OTOP ๓. ผลการจัดงานศิลปาชีพ ประทีบไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ได้รับความสำเร็จและตอบรับจากประชาชนผู้เข้าชมงาน ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ OTOP เป็นอย่างดี โดยมียอดการจำหน่ายสินค้า ๕ ประเภทสูงสุด ได้แก่ ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้ อาหาร เครื่องดื่ม และสมุนไพร รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ รวมเป็นเงิน ๖๖๓,๘๙๒,๖๙๗ บาท และรวมกับยอดประมาณการมูลค่าการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจต่าง ๆ กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ตามโครงการสร้างนักธุรกิจ OTOP (OTOP Business Leader Development : OBLD) ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของการจัดงาน โดยให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมส่งเสริมนักธุรกิจ OTOP โดยการนำนักธุรกิจมาพบกับงานศิลปาชีพ ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ OTOP อีกจำนวน ๑๒๐,๗๐๐,๐๐๐ บาทแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗๘๔,๕๙๒,๖๙๗ บาท สำหรับผู้เข้าชมงานมีจำนวนทั้งสิ้น ๙๒๒,๙๓๐ คน ๔. ผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้เข้าชมงาน ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการจัดงานมากที่สุด ร้อยละ ๘๓.๑๘ ส่วนผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP มีความพึงพอใจต่อการจัดงานในภาพรวมมากที่สุดร้อยละ ๘๕.๑๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
1794 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย | มท | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๐ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายบุญเชิด คิดเห็น ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมที่ดิน ๓. นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำปาง ๔. นายเสนีย์ จิตตเกษม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดระยอง ๕. นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดตรัง ๖. นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๗. นายสมศักดิ์ ชำทวีพรหม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดร้อยเอ็ด ๙. นายชัยโรจน์ มีแดง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิษณุโลก ๑๐. นายปรีชา เรืองจันทร์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครสวรรค์
|
|||||||||||||||||||||||||||
1795 | โครงการปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี ปี 2554 | มท | 10/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาสุราษฎร์ธานี วงเงินลงทุน ๙๒๖.๒๐๘ ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้ กปภ. กู้เงินภายในประเทศ (พันธบัตร) เพื่อลงทุนโครงการโดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับสาระสำคัญของโครงการ ฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบผลิต ระบบส่งน้ำ และระบบจ่ายน้ำประปาในพื้นที่เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เทศบาลตำบลวัดประดู่ เทศบาลเมืองท่าข้าม เทศบาลตำบลท่าทองใหม่ เทศบาลตำบลกาญจนดิษฐ์ เทศบาลตำบลพุมเรียง เทศบาลตำบลตลาดไชยา เทศบาลตำบลท่าฉาง และชุมชนรอบนอกให้สามารถบริการน้ำประปาแก่ประชาชนได้เพิ่มขึ้นในอีก ๑๐ ปีข้างหน้าอย่างพอเพียง ใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างประมาณ ๓ ปี เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก ๙๖,๐๐๐ ลบ.ม./วัน สามารถให้บริการผู้ใช้น้ำเพิ่มขึ้นอีก ๔๖,๒๐๐ ราย โดยจะมีการก่อสร้างวางท่อส่งน้ำ ท่อจ่ายน้ำ และท่อบริการขนาดต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนทดแทนท่อเก่าและวางท่อใหม่ในเขตจ่ายน้ำต่าง ๆ และพื้นข้างเคียง รวมความยาวทั้งสิ้นประมาณ ๕๔.๑๕ กม. และก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปาประกอบด้วยระบบสูบน้ำแรงต่ำ - แรงสูง โรงกรองน้ำ ระบบจ่ายสารเคมี ถังน้ำใส และหอถังสูง รวมทั้งก่อสร้างระบบชักน้ำดิบและขุดสระระบายตะกอนเพิ่มด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแนวทางการจัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสียรวมกับค่าน้ำประปา โดยเฉพาะในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนและใช้บริการน้ำประปาจาก กปภ. การศึกษาผลกระทบจากการดำเนินงานของประปาในภาวะเหตุฉุกเฉิน ภัยแล้ง และอุทกภัย โดยจัดทำแผนการรองรับในกรณีดังกล่าว การพิจารณาแนวทางการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) การตรวจสอบการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสียในระบบให้เหลือในเกณฑ์ที่ยอมรับได้เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำดิบ การพิจารณาขยายเขตจ่ายน้ำไปยังชุมชนที่ขาดแคลนน้ำสะอาดในพื้นที่ใกล้เคียง การเร่งรัดจัดหาที่ดินให้แล้วเสร็จก่อนดำเนินโครงการฯ เพื่อมิให้การดำเนินโครงการเกิดความล่าช้า และส่งผลกระทบต่อขอบเขตแผนงานโครงการ การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการและค่าใช้จ่ายในการผลิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมควบคู่กับการเพิ่มรายได้จากการให้บริการให้เป็นไปตามเป้าหมาย การพิจารณาปรับโครงสร้างและอัตราค่าน้ำประปาที่สะท้อนต้นทุน เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อฐานะการเงินขององค์กรในระยะยาว การเร่งดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสียให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ร้อยละ ๒๕ การติดตามตรวจสอบการดำเนินงานของผู้รับจ้างปฏิบัติให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเสียทั้งระบบ และพิจารณาจัดทำแผนป้องกันและลดผลกระทบต่อการให้บริการน้ำประปาในกรณีเกิดอุทกภัยหรือภัยแล้งในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1796 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. .... | มท | 10/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลนากอก บางส่วนของตำบลนิคมคำสร้อย และบางส่วนของตำบลโชคชัย อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1797 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.) | มท | 10/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.) จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ เมษายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นางเลื่อมใส ใจแจ้ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานท้องถิ่น ๒. นายปรีชา วัชราภัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานบุคคล ๓. นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านระบบราชการ ๔. นายไพฑูรย์ บุญวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารและการจัดการ ๕. นายวิจิตร วิชัยสาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1798 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 02/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ผู้รับบำนาญปกติหรือผู้รับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพอาจนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงินได้ ๑.๒ กำหนดให้ผู้รับบำนาญปกติหรือผู้รับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงินได้ แต่หากสัญญากู้เงินสิ้นสุดลงโดยไม่มีการบังคับเอากับสิทธิในบำเหน็จตกทอดที่นำไปเป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงิน ทายาทมีสิทธิได้รับบำเหน็จตกทอดเต็มตามจำนวน แต่หากผู้รับบำนาญปกติหรือผู้รับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพถึงแก่ความตายหรือสัญญากู้เงินสิ้นสุดลงโดยไม่มีการบังคับเอากับสิทธิในบำเหน็จตกทอดที่นำไปเป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงิน ทายาทมีสิทธิได้รับบำเหน็จตกทอดเท่ากับจำนวนที่เหลือหลังจากที่ราชการส่วนท้องถิ่นได้หักจำนวนเงินที่จ่ายให้แก่สถาบันการเงินออกจากสิทธิในบำเหน็จตกทอดมาตรา ๔๖/๕ ๑.๓ กำหนดให้ผู้รับบำนาญปกติหรือผู้รับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพยังคงมีสิทธิได้รับบำนาญอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้มีสิทธินำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงินได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ร่างมาตรา ๔๖/๒ ได้กำหนดนิยามคำว่า “ราชการส่วนท้องถิ่น” ไว้ ซึ่งนิยามของคำนี้ได้มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๐ มาตรา ๔ วรรคสาม และมีข้อความเหมือนกันทุกประการ จึงสมควรตัดร่างมาตรา ๔๖/๒ ออกจากร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๒ ร่างมาตรา ๔๖/๕ มีสาระสำคัญเหมือนกับมาตรา ๔๗/๔ ของพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ และมาตรา ๕๗/๔ ของพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ แต่ไม่มีข้อความที่เหมือนวรรคสองของทั้งสองมาตราดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อความที่ให้อำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการเรียกเงินคืนจากผู้รับบำนาญ หรือจากกองมรดกของผู้นั้น ในกรณีที่ไม่อาจหักเงินที่จ่ายให้แก่สถาบันการเงินไปแล้วจากสิทธิในบำเหน็จบำนาญตกทอดได้ การที่ร่างมาตรา ๔๖/๕ ไม่มีวรรคสองดังกล่าว อาจทำให้ทางราชการเสียประโยชน์ได้ จึงสมควรเพิ่มข้อความเช่นเดียวกับวรรคสองของมาตรา ๔๗/๔ ของพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ และวรรคสองของมาตรา ๕๗/๔ ของพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ ในร่างมาตรา ๔๖/๕ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1799 | สรุปผลการดำเนินการโครงการปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ | มท | 02/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการดำเนินงานโครงการปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งผลจากการดำเนินโครงการได้ก่อให้เกิดการรับรู้และตื่นตัวในเรื่องของการสวมหมวกนิรภัย มีการบังคับใช้กฎหมาย ว่ากล่าวตักเตือนและจับปรับ เพิ่มขึ้นมา ๓ เท่า (เพิ่มจาก ๘๕๐,๐๖๐ ราย ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็น ๒,๗๐๗,๔๔๐ ราย ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔) และผลจากการสำรวจการสวมหมวกนิรภัยทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน ๑,๒๓๐,๑๙๗ คน พบว่า สัดส่วนการสวมหมวกนิรภัยในภาพรวมของประเทศเพิ่มสูงขึ้นเพียง ๒ เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น โดยเพิ่มจาก ๔๔ เปอร์เซ็นต์ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็น ๔๖ เปอร์เซ็นต์ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒ แนวทางที่จะดำเนนการในระยะต่อไป ๑.๒.๑ ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการต่อไปอีก ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗) เพื่อให้มีการเพิ่มสัดส่วนของผู้สวมหมวกนิรภัยอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเร่งรัดให้มีการสวมหมวกนิรภัยเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ ๒๐ ในแต่ละปี ๑.๒.๒ ให้คณะอนุกรรมการด้านผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (เสาหลักที่ ๔ ตามแนวทางทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน) เป็นผู้รับผิดชอบหลัก พร้อมทั้งมีการติดตามกำกับ การรายงานความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคต่อศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ๑.๒.๓ รัฐบาลควรมีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้สามารถดำเนินการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเย็นและกลางคืน เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีข้อจำกัดในด้านบุคลากรและงบประมาณในช่วงเวลาดังกล่าว ๑.๒.๔ ให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนประสานงานกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้เข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแลและตรวจจับหมวกนิรภัยที่ไม่ได้มาตรฐานในสถานประกอบการและในท้องตลาด รวมทั้งเร่งรัดและหามาตรการในการส่งเสริมมาตรฐานหมวกนิรภัยที่จะประกาศใช้ ให้มีกลไกที่เอื้อต่อการผลิตในราคาที่ถูก เช่น การใช้มาตรการด้านภาษี หรือการอุดหนุนผู้ประกอบการที่ผลิตหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะหมวกนิรภัยสำหรับเด็ก ๑.๒.๕ ให้คณะอนุกรรมการด้านการบริหารจัดการข้อมูลและการติดตามประเมินผลในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน พัฒนาระบบข้อมูลเพื่อติดตามสถานการณ์การบาดเจ็บศรีษะและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ (ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย) พร้อมทั้งนำเสนอข้อมูลให้กับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเป็นประจำทุก ๒ เดือน ๑.๒.๖ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัด โดยเฉพาะในสถานประกอบการ สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมทั้งกำหนดให้มีการนำเสนอข้อมูลการดำเนินงานด้านการบังคับใช้กฎหมาย และข้อมูลการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านที่ประชุมจังหวัดทุกเดือน ๑.๒.๗ ให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนขยายความร่วมมือกับภาคีภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคธุรกิจ หน่วยงาน องค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการรณรงค์ประชาสัมภันธ์ในรูปแบบที่หลากหลาย โดยเฉพาะการรณรงค์ผ่านสื่อศิลปิน เพลง ภาพยนตร์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ เด็ก/เยาวชนเพิ่มมากขึ้น ๑.๒.๘ ให้กระทรวงคมนาคมวางแนวทางการดำเนินการเพื่อให้สภาพถนนและสิ่งแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการขับขี่รถจักรยานยนต์ได้อย่างปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ การออกแบบจุดกลับรถที่ปลอดภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ เช่น การทำทางลอดใต้สะพาน การทำสะพานลอยรถจักรยานยนต์ การหาแนวทางการเพิ่มช่องทาง/เลนรถจักรยานยนต์ในถนนที่กำลังออกแบบใหม่ หรือถนนที่มีปริมาณรถจักรยานยนต์สัญจรเป็นจำนวนมาก โดยควรมีการจัดทำมาตรฐานช่องทางรถจักรยานยนต์และจัดโครงการถ่ายทอดความรู้ให้กับหน่วยงานด้านงานทางและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อนำไปวางแผนให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ และการสนับสนุนให้กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเข้าร่วมในการรณรงค์ส่งเสริมการใช้หมวกนิรภัยอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ๒. ให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเล็งเห็นถึงความปลอดภัยที่จะได้รับจากการสวมหมวกนิรภัยโดยให้มีการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและจริงจังด้วย รวมทั้งเห็นควรทำการศึกษาเพื่อประเมินผล วิเคราะห์สาเหตุและเสนอแนะมาตรการที่รัดกุม เพื่อให้ทราบถึงประเด็นปัญหาที่สำคัญที่ทำให้การรณรงค์ไม่ได้ผลตามเจตนารมณ์ และเพื่อสามารถวางแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบพร้อมทั้งตั้งเป้าหมายให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติอันจะทำให้การณรงค์นั้นมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการรณรงค์เรื่องการสวมหมวกนิรภัย ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1800 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคไทยฯ | มท | 02/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบบันทึกความเข้าใจ (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING : MOU) ในการให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบริเวณชายแดนไทย - พม่า ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (THE OFFICE OF THE UNITED NATIONS HIGH COMMISSIONER FOR REFUGEES : UNHCR) ในโครงการจัดทำทะเบียนผู้หนีภัยการสู้รบและการพิจารณาสถานะบุคคลสัญชาติพม่า ปี ๒๕๕๕ [MOU 2012/52281/1900/1 THAA/PF (1257000)] ที่กระทรวงมหาดไทยลงนามร่วมกับ UNHCR เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับสาระของบันทึกความเข้าใจฯ ที่กำหนดให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการภายใต้กฎเกณฑ์ของคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ (UNCITRAL) สำหรับการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากบันทึกความเข้าใจฯ (ข้อ ๗.๐๕) ซึ่งหากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นหรือเป็นข้อเรียกร้องของคู่สัญญาอีกฝ่ายที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ คณะรัฐมนตรีก็สามารถอนุมัติให้ใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการดังกล่าวได้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) และโดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การเสนอเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติมาตรา ๑๙๐ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ถือปฏิบัติว่า เรื่องใดที่เสนอคณะรัฐมนตรี หากมีประเด็นที่อาจเกี่ยวข้องกับมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หน่วยงานเจ้าของเรื่องต้องระบุข้อมูล เหตุผล ข้อเท็จจริงในหนังสือเสนอเรื่องมาให้ชัดเจนด้วยว่า เป็นกรณีที่อยู่ในข่ายต้องดำเนินการเสนอขอความเห็นชอบของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ หรือไม่ เพราะเหตุใด เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป จึงเห็นควรที่กระทรวงมหาดไทยจะได้เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามมติดังกล่าว ก่อนลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ไปดำเนินการด้วย
|
.....