ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 519 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 10361 - 10380 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10361 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายมงคลชัย สมอุดร) | นร.01 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมงคลชัย สมอุดร
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10362 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางเบญจวรรณ เพชรสุขศิริ) | สธ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางเบญจวรรณ เพชรสุขศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์
(เทคโนโลยีชีวภาพ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10363 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 12 | นร10 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10364 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2563 - 2564 จากคณะรัฐมนตรี | กห | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10365 | แผนปฏิบัติการภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2561 - 2565 ฉบับทบทวน แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร11 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10366 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | มท | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10367 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2563) | นร04 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10368 | การส่งเสริมการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม | นร. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อเป็นการส่งเสริมการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมและเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ
ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล
รวมทั้งสร้างความเข้าใจและการรับรู้ที่ถูกต้องให้แก่ทุกภาคส่วนและประชาชนทั่วไป
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) และสำนักงาน ก.พ.ร.
บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อจัดให้มีเวทีสร้างการรับรู้และรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวข้างต้น
โดยให้พิจารณากำหนดประเด็นในการดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๖ ด้าน และให้กำหนดหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในแต่ละประเด็นให้ชัดเจนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10369 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | ทส. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน
๔๓๕,๒๘๙,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและลดผลกระทบจากสัตว์ป่า
รวมถึงการแก้ไขปัญหาการดูแลสัตว์ป่าของกลางตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ จำนวน ๓ โครงการ
ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์แบบบูรณาการ
โครงการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบของลิงในชุมชน
และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการรับสัตว์ป่าของกลางและสัตว์ป่ากรณีแก้ไขปัญหาตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ในกรงเลี้ยง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10370 | รายละเอียดงบการเงินของสำนักงาน กสทช. ประจำปี 2562 ที่เปลี่ยนแปลงไปจากรายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2562 | กสทช. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๒ โดยในส่วนงบการเงิน ปี
๒๕๖๒ ที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ซี่งบัดนี้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และได้แจ้งข้อมูลงบการเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10371 | การนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (ฉบับที่ 2) | ยธ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ
หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (ฉบับที่ ๒)
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดส่งรายงานผลการดำเนินงานฯ
ต่อคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมานต่อไป
โดยรายงานผลการดำเนินงานของไทยฯ (ฉบับที่ ๒) กระทรวงยุติธรรม
โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้จัดทำด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมในช่วงระหว่างปี
๒๕๖๐-๒๕๖๒
โดยได้ดำเนินการลงพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ
ทั้งในส่วนของพัฒนาการ ปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ และข้อท้าทายต่าง ๆ
ตลอดจนประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับแก้ไขเป็นร่างฉบับสมบูรณ์
ซึ่งครอบคลุมพัฒนาการการดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ ทั้งในเชิงนโยบาย กฎหมาย
และการปฏิบัติตามประเด็นที่คณะกรรมการสหประชาชาติกำหนด พร้อมทั้งได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบความถูกต้องแล้ว
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยวกับการพิจารณาปรับเนื้อหาบางส่วนในรายงานผลการดำเนินงานของไทยฯ
(ฉบับที่ ๒) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรายงานผลการดำเนินงานฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันสอบทานข้อมูลและตัวเลขเชิงสถิติต่าง
ๆ ในรายงานผลการดำเนินงานฯ
ให้สอดคล้องและถูกต้องตรงกันก่อนดำเนินการเผยแพร่รายงานผลการดำเนินงานฯ
และส่งให้คณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมานต่อไป
๓.
ให้กระทรวงยุติธรรมบูรณาการการดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการต่อต้านการทรมานฯ
ของไทยเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
รวมถึงการสร้างการรับรู้และจิตสำนึกแก่เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนเพื่อให้ตระหนักว่าการทรมาน
การลงโทษที่โหดร้าย
และการบังคับให้หายสาบสูญเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและฝ่าฝืนต่อหลักสิทธิมนุษยชน
รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการติดตามและตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของไทยด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10372 | โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค (Regional Innovation Center : RIC) ในประเทศไทย | นร.11 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในฐานะผู้ประสานงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค
(Regional Innovation Center : RIC) ประเทศไทย
โดยมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติในการดำเนินงานศูนย์
RIC ประเทศไทย และเห็นชอบร่างเอกสารโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติในการดำเนินงานศูนย์
RIC ในประเทศไทย
รวมทั้งอนุมัติให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างเอกสารโครงการฯ
ของฝ่ายไทย พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
สำหรับงบประมาณสนับสนุนโครงการฯ ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๔๒.๖๒๕ ล้านบาท และได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๓๐.๕๐๐ ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น การเปิดโอกาสการมีส่วนร่วมของประชาชนในการออกแบบและพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบาย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารโครงการฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการดำเนินงานของศูนย์
RIC ประเทศไทย
เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานให้ชัดเจน
และให้รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10373 | การเร่งรัดการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) | นร 05 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การสนับสนุนการใช้สินค้าและบริการของวิสาหกิจชุมชน ชุมชน และท้องถิ่น)
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการจัดซื้อจัดจ้างการผลิตสินค้าและบริการในเรื่องต่าง
ๆ จากวิสาหกิจชุมชน ชุมชน และท้องถิ่น
โดยให้แต่ละหน่วยงานพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างในอัตราส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐
ของมูลค่าความต้องการใช้ทั้งหมดของหน่วยงาน นั้น
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ SMEs
ให้ถูกต้องครบถ้วนโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ SMEs ในการขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินกิจการ
รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าและบริการของ SMEs ในแต่ละกลุ่มธุรกิจ/แต่ละพื้นที่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10374 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต และหนังสือรับรองการแจ้งตามกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฎิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. 2559 พ.ศ. .... | สธ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการแจ้งตามกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต
หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๕๙
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการดำเนินกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพที่มีข้อกำหนดของท้องถิ่นให้เป็นกิจการควบคุมการจัดตั้งตลาด
การจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสะสมอาหาร การจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ
และค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองการแจ้งเกี่ยวกับการจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสะสมอาหารที่ราชการส่วนท้องถิ่นสามารถเรียกเก็บได้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต
หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยมีกำหนดระยะเวลาใช้บังคับหนึ่งปีนับแต่วันที่ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลใช้บังคับ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมตามร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อรายได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเก็บ
จึงเห็นควรที่กระทรวงสาธารณสุขจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วนสำหรับใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการคลังของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10375 | การกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้
COVID-19 Active Response and Expenditure Support Program ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) โดยอนุมัติให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดใน Asian
Development Bank Ordinary Operations Loan Regulations ลงวันที่ ๑
มกราคม ๒๕๖๐ ของ ADB และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจาก
ADB วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อนำไปใช้จ่ายในแผนงาน/โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
รวมทั้งอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้ฯ
ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำคำรับรองทางกฎหมาย
(Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้ฯ ของ ADB ในโอกาสแรก ภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์) เสนอเพิ่มเติมว่า ขออนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาเงินกู้ฯ
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประมาณการความต้องการใช้วงเงินอย่างรอบคอบ
เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถวางแผนและบริหารจัดการการกู้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และให้กระทรวงการคลังมีการบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ต่างประเทศ
ทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยด้วยความระมัดระวัง
เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสัญญาเงินกู้ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10376 | ผลการดำเนินโครงการตามภารกิจของ บจธ. สิ้นสุด ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2563 | บจธ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนินโครงการตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) (บจธ.) สิ้นสุด ณ วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งประกอบด้วย
โครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจร โครงการแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจน
โครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน
และโครงการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาด้านที่ดิน วงเงินงบประมาณ ๔๐๐.๔๒๗ ล้านบาท โดย
บจธ.
ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการเรียบร้อยแล้ว
และมีงบประมาณคงเหลือ ๗๗.๔๒๙ ล้านบาท ซึ่ง บจธ. จะนำเงินคงเหลือส่วนนี้
และเงินสมทบของ บจธ. จำนวน ๕.๐๗๑ ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๘๔.๕๐๐ ล้านบาท
ไปใช้ดำเนินโครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจรเพิ่มเติมใน ๔ พื้นที่
ในท้องที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และตาก ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓ ตามที่ บจธ. เสนอ และให้ บจธ.
รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน เช่น (๑) บจธ.
ควรถอดบทเรียนที่ได้รับจากการปฏิบัติงานในโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน
ในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน เพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินการของ บจธ.
ในระยะต่อไป (๒) บจธ. ควรสรุปปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดในการดำเนินโครงการ
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารที่ดิน และ (๓)
งบประมาณคงเหลือที่จะนำมาดำเนินการจะมีผลให้เกิดภาระงบประมาณอย่างต่อเนื่อง
จึงควรดำเนินการประเมินผลการดำเนินงานของ บจธ. รอบ ๑ ปี โดยคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
ตามนัยมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเร่งดำเนินการประเมินผลการดำเนินงานของ
บจธ. ว่า เกิดผลสัมฤทธิ์หรือมีความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับภาระงบประมาณ
และสมควรยุบเลิกหรือไม่ ตามนัยมาตรา ๕
แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่
๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งต้องดำเนินการภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ๓.
มอบหมายให้กระทรวงการคลังและผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารที่ดินหรือองค์การอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในลักษณะทำนองเดียวกับธนาคารที่ดินต่อคณะรัฐมนตรี
ตามนัยมาตรา ๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
ซึ่งต้องดำเนินการภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ๔. ให้ บจธ.
บูรณาการการดำเนินงานตามแผนงานการพัฒนาที่ดินและส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นรูปธรรม
รวมถึงร่วมกันพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบ ข้อกำหนด
และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการของเกษตรกรหรือผู้ยากจนที่ถือครองที่ดินของ บจธ.
(ทั้งลักษณะเช่าที่ดินและการจำนองที่ดิน) ให้สามารถเข้าร่วมโครงการของหน่วยงานต่าง
ๆ ได้ เพื่อให้เกษตรกรหรือผู้ยากจนกลุ่มนี้ได้รับโอกาสในการพัฒนาอาชีพและสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐในระยะต่อ
ๆ ไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10377 | แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | รง. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา)
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา
๖๔ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา
๖๔ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10378 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 13/2563 | นร.11 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการของจังหวัดที่มีหน่วยรับผิดชอบอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และโครงการของส่วนราชการสังกัดกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพลังงานเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัด รวมทั้งสิ้น
๕๗ จังหวัด ๑๕๗ โครงการ กรอบวงเงิน ๘๘๔,๖๒๕,๐๖๘ บาท ให้จังหวัดใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
โดยให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับโครงการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติและโครงการติดตั้งหลักนำทางยางธรรมชาติเพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน
วงเงินรวม ๔๐,๑๗๙.๔๖ ล้านบาท
โดยหากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ก็เห็นสมควรที่กระทรวงคมนาคมจะดำเนินการในพื้นที่เกาะกลางที่มีความเสี่ยงหรือมีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
ในลักษณะโครงการนำร่อง โดยการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๓ จากรายการที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และ/หรือมีเงินเหลือจ่ายจากการจัดซื้อจัดจ้าง
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ มาดำเนินโครงการดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ
มีความโปร่งใสที่แสดงถึงความรับผิดชอบของหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10379 | ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตให้ผู้ป่วยหรือผู้ประกอบกิจการด้านเกษตรกรรมในการผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๕
เพื่อแก้ไขปัญหาการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชนที่ต้องการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค
และปัญหาการพัฒนาองค์ความรู้และต่อยอดกัญชาทางการแพทย์ รวมทั้งกำหนดเกี่ยวกับกระบวนการเก็บรักษาและทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง
เพื่อแก้ไขปัญหาการเก็บรักษายาเสพติดให้โทษของกลางไว้เป็นเวลานาน
ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและสถานที่ในการเก็บรักษา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น มาตรา ๔ ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็น (๔) ของมาตรา
๒๖/๒ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ “(๔)
ในกรณีที่เป็นการผลิตของผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
หรือหมอพื้นบ้านตามกฎหมาย ว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา ๒๖/๕ (๗)
ให้กระทำได้ไม่เกินปริมาณที่จำเป็นสำหรับใช้รักษาโรคเฉพาะตัว
เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต” ทั้งนี้ เพราะนิยามคำว่า “ผลิต หมายถึง เพาะ
ปลูก...ซึ่งมีความหมายอย่างกว้าง การเพาะ ปลูก เพียง ๑
ต้นย่อมถือว่าเป็นการผลิตแล้ว จึงควรกำหนดขอบเขตไว้” และมาตรา ๕ (๘)
“ผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตด้านเกษตรกรรมรวมถึงเกษตรกร...”
ควรพิจารณาการให้คำนิยาม “ผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตด้านเกษตรกรรม” และ
“เกษตรกร” เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายต่อไป เป็นต้น
ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และขั้นตอนการขออนุญาตปลูกกัญชาให้ชัดเจน
และควรมีมาตรการควบคุมการอนุญาตนำเข้ายาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา
เพื่อป้องกันมิให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
และมิให้เอื้อประโยชน์แก่บุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น กรณีที่ผู้ประกอบวิชาชีพจะให้คำรับรองให้ผู้ป่วยปลูกกัญชาได้
ควรมีมาตรการควบคุมที่ชัดเจนและรัดกุม และควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลและป้องกันไม่ให้มีการนำกัญชาไปใช้ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากทางการแพทย์เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10380 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม 5 ฉบับ | กษ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่
ในท้องที่ตำบลหนองมะค่า และตำบลวังทอง อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยทับทัน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยทับทัน จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลดอนแรด อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์
และตำบลบัวหุ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ถึงกิโลเมตรที่ ๒๖.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลยางสว่าง อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ และตำบลอีเซ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ
จังหวัดศรีสะเกษ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำเสียว
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำเสียว จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลด่าน และตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ถึงกิโลเมตรที่
๑๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลกุง และตำบลหนองบัวดง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยน้ำเค็ม
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยน้ำเค็ม
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลกุง อำเภอศิลาลาด และตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล
จังหวัดศรีสะเกษ ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลกุง อำเภอศิลาลาด
และตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยพลับพลา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยพลับพลา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลทุ่งกุลา อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด และตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม
จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลทุ่งกุลา อำเภอสุวรรณภูมิ
จังหวัดร้อยเอ็ด และตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|