ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 516 จากทั้งหมด 6236 หน้า แสดงรายการที่ 10301 - 10320 จากข้อมูลทั้งหมด 124707 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 10301 | ขอความร่วมมือในการตอบกระทู้ถาม | สผ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้คณะรัฐมนตรีถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ (เรื่อง
ขอความร่วมมือในการตอบกระทู้ถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร) โดยเคร่งครัด
และแจ้งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10302 | ขออนุมัติกรอบการเจรจาและข้อเสนอของไทยเพื่อจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ในประเทศไทย | สธ. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการเจรจาต่อรองเพื่อจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่
(ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Disease) ในประเทศไทย และกำหนดกรอบการเจรจาต่อรองในการดำเนินงานและกรอบวงเงินงบประมาณสนับสนุนของศูนย์ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การกำหนดกรอบการดำเนินงานและกรอบวงเงินงบประมาณสนับสนุนในกระบวนการเจรจาต่อรอง
ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับและภาระผูกพันด้านงบประมาณที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรก ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ
ไป เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐและประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า
และภาระทางการคลังและงบประมาณเท่าที่จำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10303 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563) | นร. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๔
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๕
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10304 | ร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีด้านเยาวชนของอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือของเยาวชนสำหรับประชาคมอาเซียนที่สอดคล้องและตอบสนอง (Draft Joint Statement of ASEAN Youth Ministers on Enhancing Youth Cooperation for a Cohesive and Responsive ASEAN Community) | พม. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีด้านเยาวชนของอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือของเยาวชนสำหรับประชาคมอาเซียนที่สอดคล้องและตอบสนอง
(Draft Joint Statement of ASEAN Youth Ministers on Enhancing Youth
Cooperation for a Cohesive and Responsive ASEAN Community) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในการประชุมผู้นำเยาวชนอาเซียน (The ASEAN Youth Leaders’ Conference
in line with the 37th ASEAN Summit) ในวันที่ ๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video conference) โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาเยาวชนอาเซียน
และส่งเสริมเยาวชนอาเซียนให้พร้อมรับอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป
รวมถึงเน้นย้ำถ้อยแถลงของเยาวชนอาเซียน ปี ๒๐๒๐
และมุ่งเน้นการพัฒนาและเตรียมความพร้อมสำหรับเยาวชนผ่านการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10305 | ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการทหารผ่านศึกระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับประเทศสมาชิกสหประชาชาติ 22 ประเทศที่ส่งกองกำลังสนับสนุนการปฏิบัติการของกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี | กห. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการทหารผ่านศึกระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับประเทศสมาชิกสหประชาชาติ
๒๒
ประเทศที่ส่งกองกำลังสนับสนุนการปฏิบัติการของกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี (Joint
Communique on Cooperation for Veterans Affairs between the 22 UN Sending States
and the Republic of Korea) และให้เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐเกาหลีเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการลงนามระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการผู้รักชาติและทหารผ่านศึก
สาธารณรัฐเกาหลี กับผู้แทนจากประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ๒๒ ประเทศ
ในการประชุมสุดยอดระดับรัฐมนตรีว่าด้วยกิจการทหารผ่านศึก ๒๐๒๐ (Ministerial
Summit on Veterans Affairs 2020) ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๖๓ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ในโอกาสครบรอบ ๗๐ ปี การเริ่มต้นของสงครามเกาหลี
โดยมีสาระสำคัญเป็นการยืนยันถึงความร่วมมือที่ก้าวหน้าระหว่างกันในช่วงของสงครามเกาหลี
และให้คำมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีและประชาคมระหว่างประเทศ
รวมทั้งเห็นพ้องที่จะพัฒนาและสร้างความร่วมมือด้านกิจการทหารผ่านศึกระหว่างกันในรูปแบบต่าง
ๆ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10306 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 24 [Joint Ministerial Statement of the Twenty-Fourth ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council] | พม. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๔ [Joint Ministerial Statement of the Twenty-Fourth
ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council] และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
ร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๔ [24th Meeting of the ASEAN Socio-Cultural
Community Council (ASCC) Council] ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนประเด็นสำคัญภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของเวียดนาม
ได้แก่ (๑) สันติภาพ ความมั่นคงและเสถียรภาพ (๒) ความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค
ความแน่นแฟ้น และการแสวงหาผลประโยชน์จากโอกาส (๓)
การส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียนและความตระหนักรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน (๔)
การยกระดับความเป็นหุ้นส่วนกับประชาคมโลกเพื่อสันติภาพ ความมั่นคง
และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอาเซียน และ (๕) การเพิ่มพูนขีดความสามารถและประสิทธิผลทางสถาบันของอาเซียน
รวมทั้งการรับรองเอกสารผลลัพธ์สำคัญภายใต้ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนเพื่อการพิจารณาในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๓๗ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10307 | ผลการดำเนินงานโครงการทางพิเศษสายกะทู้ - ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง
จังหวัดภูเก็ต ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะเชื่อมโยงการเดินทางจากอำเภอกะทู้ไปยังหาดป่าตอง
และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนในพื้นที่ นักท่องเที่ยว
และส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยโครงการฯ
จะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒๙ รวมทั้งสามารถใช้เป็นเส้นทางอพยพกรณีเกิดภัยพิบัติ
เช่น สึนามิ เป็นต้น สำหรับความคืบหน้าของโครงการฯ
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้จัดส่งรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการฯ
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ประชุมหารือเมื่อวันที่ ๒๒
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๒
โดยขอให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ให้มีความชัดเจน
เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนในการนำเสนอคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการของโครงการฯ
ต่อไป ซึ่งโครงการฯ จะต้องดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่ของกรมป่าไม้ จำนวน ๓ ป่า
ได้แก่ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิด เนื้อที่ ๖๐ ไร่ ๘๙ ตารางวา
พื้นที่ป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เนื้อที่ ๒๑ ไร่ ๑ งาน ๖๓ ตารางวา
และพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ เนื้อที่ ๒๗ ไร่ ๒ งาน ๙๕
ตารางวา ทั้งนี้
คาดว่าจะดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่ทั้งหมดแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10308 | แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ และจังหวัดภูเก็ต | กก. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
จังหวัดกระบี่ และจังหวัดภูเก็ต
เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยว
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้คงอยู่
และมีความพร้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ประกอบด้วย (๑)
โครงการคลองท่อมเมืองสปา อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ (๒)
โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำผุดบางสวรรค์ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ
(๓) โครงการจัดการแข่งขันกีฬาเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กระบี่
และสุราษฎร์ธานี (Air Sea Land Southern Sports and Tourism Festival) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10309 | ผลการดำเนินงานโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต
ระยะที่ ๑ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เพื่อเสริมสร้างศักยภาพระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง
สนับสนุนและรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน
(ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง และสตูล) โดยมีผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ได้แก่
(๑) การนำเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (๒) การตราพระราชกฤษฎีกาให้อำนาจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดภูเก็ต
และ (๓)
การจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10310 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนงานระยะยาวใหม่ ปี 2563 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนงานระยะยาวใหม่
ปี ๒๕๖๓ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
ซึ่งได้เสนอความต้องการกู้เงินตามแผนงานระยะยาวใหม่ ปี ๒๕๖๓ จำนวน ๖ แผนงาน
ในแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘)
ต่อคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเรียบร้อยแล้ว และมีความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนงานระยะใหม่
ปี ๒๕๖๓ ได้แก่ (๑) แผนงานปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพสถานีไฟฟ้า ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓ อยู่ระหว่างการพิจารณาผลการประกวดราคา (๒)
แผนงานย้ายแนวและเปลี่ยนทดแทนอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายและสายส่งไฟฟ้าเพื่อความมั่นคง
ปี ๒๕๖๓-๒๕๗๐ อยู่ระหว่างการจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อใช้สำหรับการก่อสร้าง (๓)
แผนงานปฏิบัติการดิจิทัลด้านระบบงานและแพลตฟอร์ม อยู่ระหว่างขออนุมัติร่างข้อกำหนดขอบเขตงาน
(TOR) (๔)
แผนงานปฏิบัติการดิจิทัลด้านสื่อสารและโทรคมนาคม ของ กฟภ. ปี ๒๕๖๓
อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ (๕) แผนงานการใช้พื้นที่สำนักงานใหญ่ กฟภ.
ดำเนินการตามแผนแม่บท Phase B อยู่ระหว่างจัดทำข้อกำหนดขอบเขตงาน
(TOR) และกำหนดราคากลาง และ (๖) แผนงานจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทดสอบ
กฟภ. อยู่ระหว่างการออกแบบอาคารศูนย์ปฏิบัติการทดสอบ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10311 | รายงานผลการดำเนินงานมาตรการของรัฐบาลสำหรับผู้ประกอบการและประชาชนรายย่อย | กค. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานมาตรการของรัฐบาลสำหรับผู้ประกอบการและประชาชนรายย่อย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
มาตรการรักษาระดับการบริโภคในประเทศ
เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนและก่อให้เกิดการขยายตัวของอุปสงค์การบริโภคในประเทศ
ประกอบด้วย ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑)
โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (๒) โครงการคนละครึ่ง และ
(๓) มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ๒.
มาตรการด้านการเงิน
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
รวมไปถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-๑๙
ให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย ๔
มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อเพิ่มเติม
พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) โครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก (๓) โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะที่ ๘ และ (๔)
โครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10312 | งบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 | ยธ. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินเรียบร้อยแล้ว
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10313 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. .... | อก. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรที่ต้องชำระตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา
๑๗ แห่งพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. ๒๕๑๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘
เป็นระยะเวลา ๑ ปี รวม ๓ รายการ ได้แก่ ค่าจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร
ค่าเครื่องหมายการจดทะเบียนซึ่งเจ้าพนักงานได้ประทับหรือทำไว้ที่เครื่องจักร และค่าคัดสำเนาเอกสารพร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้อง
โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
และควรพิจารณาหรือกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการในการปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจในอนาคต
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตระบบอัตโนมัติหรืออุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ควรส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเข้ามาใช้ระบบจดทะเบียนเครื่องจักรออนไลน์
(Online Machinery Registration) ให้มากขึ้น
ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10314 | แผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2563 – 2565 | ยธ. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางการดำเนินงาน
เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการ ประสานการปฏิบัติ จัดสรรทรัพยากร
และติดตามประเมินผลของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วย ๕
มาตรการ (๙ แนวทาง) ได้แก่ (๑) มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ (๒)
มาตรการการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย (๓) มาตรการการป้องกันยาเสพติด (๔)
มาตรการการบำบัดรักษายาเสพติด และ (๕) มาตรการการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ และให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดประจำปีให้สอดคล้องรองรับกับแผนปฏิบัติการฯ
ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลกลไกการขับเคลื่อนในแต่ละระดับ
รวมทั้งการกำหนดค่าเป้าหมายของตัวชี้วัดเพื่อให้สามารถติดตามประเมินผลสำเร็จของแผนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามแผนปฏิบัติการฯ
เห็นควรให้ดำเนินการในลักษณะบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งนำไปเป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10315 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2563 | นร.14 | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาเรื่องที่หน่วยงานเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อทราบ ๕ เรื่อง ได้แก่
ผลการประชุมคณะอนุกรรมการภายใต้ กนช. จำนวน ๗ คณะ
ผลการประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม
๒๕๖๓ ความก้าวหน้าแผนงานโครงการที่เสนอในคณะรัฐมนตรี และงานนโยบายที่นายกรัฐมนตรี
ตรวจงานในพื้นที่ และการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ความก้าวหน้าการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
และงบประมาณรายจ่ายแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
และรายงานสถานการณ์น้ำที่ผ่านมา สถานการณ์น้ำปัจจุบัน และการคาดการณ์ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๑.๒ เรื่องเพื่อพิจารณา ๔ เรื่อง ได้แก่
โครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ที่วงเงินงบประมาณเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท
ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อกำหนดขอบเขต บทบาท ภารกิจ
หน้าที่และอำนาจของหน่วยงานด้านการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศ
การมอบหมายให้คณะกรรมการลุ่มน้ำคณะหนึ่งคณะใด ปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการลุ่มน้ำประจำลุ่มน้ำตามมาตรา
๒๗ (มาตรา ๑๐๐ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑)
และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์
ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง ภายใต้ กนช. และคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการฯ ๑.๓ เรื่องอื่น ๆ ๒ เรื่อง ได้แก่
การปรับปรุงองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ ของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด
และการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานประปาหมู่บ้าน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และข้อสั่งการของประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพและเพียงพอต่อความต้องการใช้ของประชาชนทั้งประเทศ
และการประชุมในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันแก้ไขปัญหาน้ำให้กับประชาชน
ทั้งน้ำอุปโภค-บริโภค น้ำเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว
ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันหาวิธีการดำเนินงานอย่างไรให้มีการกระจายน้ำได้อย่างทั่วถึง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10316 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง และสตูล) | นร.11 | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด
ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง และสตูล) เมื่อวันอังคารที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
จังหวัดภูเก็ต ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10317 | ข้อเสนอโครงการภายใต้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” | ทส. | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบโครงการภายใต้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน”
ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันสืบเนื่องมาจากข้อเสนอของที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ
(กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล)
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๑๑ โครงการ ภายในกรอบวงเงิน
๒,๐๙๘.๕๔๘๘ ล้านบาท สำหรับโครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล
พื้นที่ดำเนินการจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต พังงา ตรัง สตูล และระนอง วงเงิน ๒๐๐.๐๐๐๐
ล้านบาท เห็นควรให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องโดยตรงเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) เร่งจัดเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ของโครงการ อาทิ
สถานที่ดำเนินโครงการ แบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง อัตรากำลัง
และการบริหารจัดการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์ ความต้องการหรือประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เพื่อจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดลำดับความสำคัญตามความจำเป็นและความพร้อมของโครงการ
ให้สอดคล้องกับฐานะการคลังของประเทศด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10318 | สรุปผลการประชุมหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต | นร.11 | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ คือ
ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดภูเก็ต
ข้อเสนอมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดภูเก็ต
มาตรการส่งเสริมการจัดแพ็คเกจท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
และมาตรการส่งเสริมการจัดสัมมนาของภาครัฐในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรง
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10319 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2563 | นร.10 | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม และมีข้อสั่งการสำคัญ ๓ ประเด็น
เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้กำกับและติดตามการดำเนินงานของหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ให้นำเสนอวัฒนธรรมของประเทศในลักษณะ Soft Power เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
รวมถึงการสร้างความภาคภูมิใจ ความรัก ความสามัคคีของประชาชนภายในประเทศ ๒.
ให้พิจารณาทบทวนแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการให้สอดคล้อง
เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วนตามสถานการณ์ ทั้งนี้
ให้คำนึงถึงบริบทของการเปลี่ยนฉับพลันทางดิจิทัล (Digital Disruption)
และความพร้อมในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีของประชาชน ๓.
ให้มีการทำงานแบบบูรณาการ มุ่งเน้นการทำงานให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
โดยเฉพาะการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มเปราะบางของสังคม
ซึ่งถือเป็นวาระเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10320 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร.02 | 03/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบสรุปรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซี่งมีรายละเอียดครอบคลุม ๓ ประเด็น ได้แก่ (๑)
งานสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อเรื่องสื่อสารที่สำคัญประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยคณะอนุกรรมการทบทวนนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕
(พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในภาพรวมของประเทศผ่านสื่อต่าง ๆ
ซึ่งประชาชนมีข้อเสนอต่อการพัฒนางานประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานภาครัฐในประเด็นต่าง ๆ
(๒) งานบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารภาครัฐและประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้องค์ความรู้เพื่อบริหารจัดการข่าวลวง
โดยคณะอนุกรรมการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารภาครัฐเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชนร่วมกับทุกกระทรวงดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ เช่น ประชาสัมพันธ์เชิงรุก สร้างองค์ความรู้ ต่อต้านข่าวปลอม
และจัดทำระบบตรวจสอบข่าวปลอมที่มีมาตรฐาน เป็นต้น และ (๓) งานพัฒนาบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศ
โดยคณะอนุกรรมการพัฒนาบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศได้ดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ ได้แก่ พัฒนาหลักสูตรเดิมให้เป็นหลักสูตรการสื่อสารในยุคดิจิทัล
และการนำหลักสูตรการสื่อสารในยุคดิจิทัลของสถาบันการประชาสัมพันธ์ไปใช้ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง
ๆ และมอบหมายหน่วยงานภาครัฐรับข้อเสนอของประชาชนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่ กปช. เสนอ ๒. ให้ กปช. รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการติดตามประเมินผลการรับรู้และเข้าใจข่าวสารของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
