ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 487 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 9721 - 9740 จากข้อมูลทั้งหมด 124177 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9721 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ รวม 3 ฉบับ | รง. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
ยกเลิกประกาศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
ค่าทำศพกรณีตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ค่าช่วยเหลือบุตร
และค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร (๒)
ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
หลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย
อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายและการเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
และกรณีเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต อันมิใช่เนื่องจากการทำงานให้แก่ลูกจ้าง
ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าทำศพให้แก่ทายาทของลูกจ้าง และ (๓)
ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าช่วยเหลือบุตร
และค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายค่าช่วยเหลือบุตรและค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตรให้แก่ลูกจ้าง
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เกี่ยวกับการกำหนดให้ค่ารักษาพยาบาลกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่เกิดขึ้นก่อนวันที่
๑ เมษายน ๒๕๖๐ ให้ สปสช. มีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลแทนลูกจ้างเท่าที่ลูกจ้างนั้นมีสิทธิได้รับหรือไม่เกินสิทธิที่นายจ้างกำหนดไว้
นั้น ยังไม่สอดคล้องตามแนวทางการเรียกเก็บที่ สปสช. กำหนด และควรแก้ไขบทนิยาม
“เงินบำรุงการศึกษา” และ “เงินค่าเล่าเรียน”
ให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาประมาณการรายจ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงอัตราค่าใช้จ่าย
ค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย
อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ตลอดจนการจ่ายค่าช่วยเหลือบุตรและค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งพิจารณาถึงฐานะทางการเงินและความสามารถในการจ่ายขององค์กร
โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ใช้เงินงบประมาณจะต้องจัดทำแผนการบริหารจัดการอัตรากำลังให้มีขนาดที่เหมาะสม
และนำระบบสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการและวางแผนกำลังคนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ
รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย
เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินขององค์กร และลดภาระงบประมาณในระยะยาว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9722 | ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 38 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พน. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้งที่ ๓๘ ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน+๓ (จีน
ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ ๑๗ ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานเอเชียตะวันออก
ครั้งที่ ๑๔ และร่างถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว
ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
(หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) เป็นผู้ให้การรับรองในร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
นี้ ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกดังกล่าวได้ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๘
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ในรูปแบบออนไลน์
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในความร่วมมือด้านพลังงานของประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในกรอบอาเซียน+๓
ประเทศคู่เจรจาในกรอบสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก และระหว่าง ๔ ประเทศ
ได้แก่ สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9723 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 | กค. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ จำนวน ๒,๔๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ
ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ
เนื่องจากจำนวนเงินดังกล่าวมีความเหมาะสมกับกระแสเงินสดรับ-จ่ายของกองทุนฯ
และจะทำให้กองทุนฯ มีเงินสดคงเหลือเพื่อสำรองเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการและภาระชดเชยที่อยู่ระหว่างดำเนินการในปีงบประมาณ
๒๕๖๕ จำนวน ๓,๔๒๐ ล้านบาท อย่างไรก็ดี หากกองทุนฯ
ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ
เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9724 | การเร่งรัดร่างกฎหมายของรัฐบาล | ปสส. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
เพื่อให้การขับเคลื่อนร่างกฎหมายของรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีผลใช้บังคับโดยเร็ว
อันเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินและการพัฒนาประเทศ
จึงมีมติให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการยืนยันร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาในชั้นสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9725 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบคำขออนุญาต ใบอนุญาต ใบรับรอง คำสั่งและแบบหนังสือตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบรับรอง และการออกใบแทน ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง
รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบคำขออนุญาต
ใบอนุญาต ใบรับรอง คำสั่งและแบบหนังสือตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแบบคำขออนุญาต
แบบใบอนุญาต แบบใบรับรอง แบบคำสั่ง และแบบหนังสือตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ.
๒๕๒๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบรับรอง
และการออกใบแทนตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต
การออกใบรับรอง และการออกใบแทน ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ฉบับที่ ๒๙ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ฉบับที่ ๔๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ฉบับที่ ๕๖
(พ.ศ. ๒๕๔๓) และฉบับที่ ๕๗ (พ.ศ. ๒๕๔๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.
๒๕๒๒ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบรับรอง
และการออกใบแทนตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9726 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาซึ่งเป็นส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคลและมีอิสระในการบริหารงานบุคคล
การงบประมาณ และการดำเนินการอื่น ตามมาตรา ๖
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔
เป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีในสังกัดกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
ดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำสั่งทางปกครองได้
อันจะทำให้การบังคับทางปกครองตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.
๒๕๕๔ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9727 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลสันปูเลย ตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลสันกลาง ตำบลต้นเปา ตำบลแม่ปูคา ตำบลสันกำแพง ตำบลร้องวัวแดง และตำบลทรายมูล อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | คค. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลสันปูเลย ตำบลแม่คือ
อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลสันกลาง ตำบลต้นเปา ตำบลแม่ปูคา ตำบลสันกำแพง ตำบลร้องวัวแดง
และตำบลทรายมูล อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท ชม. ๓๐๒๙
กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๐๖
เนื่องจากมีการเพิ่มขึ้นของประชากรในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอสันกำแพง
จังหวัดเชียงใหม่ และการเจริญเติบโตของเมือง ทำให้เกิดปัญหาทางด้านการจราจร
ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำให้การเดินทางของประชาชนมีความสะดวกและรวดเร็ว
รวมทั้งยกระดับความปลอดภัยในการคมนาคมและการขนส่งสินค้า
รองรับการเจริญเติบโตและการขยายตัวของชุมชนในอนาคต อันจะทำให้การจราจรและการขนส่งมีความสะดวกยิ่งขึ้น
ตลอดจนเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ก่อนการก่อสร้างทางหลวงชนบททุกเส้นทาง
ขอให้กรมทางหลวงชนบทให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงชนบทกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทันและอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรืออุทกภัยต่อไปในอนาคต
และให้กรมทางหลวงชนบทจัดลำดับความสำคัญและแบ่งระยะการก่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท
สายเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท ชม. ๓๐๒๙ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๐๖ ออกเป็นช่วง
ๆ ตามความจำเป็นโดยเฉพาะในบริเวณที่เป็นคอขวด เพื่อให้สามารถบรรเทาปริมาณการจราจรบนโครงข่ายถนนสายหลัก
รวมทั้งรองรับปริมาณความต้องการเดินทางที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นจากการขยายตัวของชุมชนในอนาคต
พร้อมทั้งประสานกับกรมทางหลวงเพื่อบูรณาการแผนพัฒนาโครงข่ายถนนในพื้นที่ร่วมกัน
ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมถือปฏิบัติเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนและการขยายถนนต้องสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีผลเป็นการกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติเพียงเท่าที่จำเป็นละต้องสร้างระบบการระบายน้ำที่เพียงพอต่อการขยายตัวของชุมชนหรือเมืองในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอีก
๑๐-๑๕ ปีข้างหน้าไปพร้อมกันด้วย
เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาถนนกีดขวางทางน้ำและทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว
ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9728 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2563 และแนวโน้ม ปี 2563 - 2564 | นร.11 | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี
๒๕๖๓ และแนวโน้มปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี
๒๕๖๓ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สามของปี
๒๕๖๓ ปรับตัวลดลงร้อยละ ๖.๔ ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการลดลงร้อยละ
๑๒.๑ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๓ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๓ ร้อยละ
๖.๕ รวม ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๖๓ เศรษฐกิจไทยปรับตัวลดลงร้อยละ ๖.๗ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย
ปี ๒๕๖๓ คาดว่าจะลดลงร้อยละ ๖.๐ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าปรับตัวลดลงร้อยละ ๗.๕
การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมปรับตัวลดลงร้อยละ ๐.๙ และร้อยละ ๓.๒ ตามลำดับ
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ -๐.๙ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ
๒.๘ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี
๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๕-๔.๕ โดยมีแรงสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก
รวมทั้งแรงขับเคลื่อนจากภาครัฐจากการเบิกจ่ายภายใต้กรอบงบประมาณและมาตรการทางเศรษฐกิจ
และฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปี ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9729 | การแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ [ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดฐานทำให้แท้งลูก)] | นร.09 | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา
๓๐๑ โดยกำหนดอายุครรภ์เกินสิบสองสัปดาห์เป็นองค์ประกอบความผิดเพิ่มเติมสำหรับความผิดฐานทำให้แท้งลูก
ซึ่งมีผลทำให้หญิงสามารถทำให้ตนเองแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูกได้ในขณะมีอายุครรภ์ไม่เกินสิบสองสัปดาห์โดยไม่มีความผิด
รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๓๐๕ เพิ่มเหตุและเงื่อนไขสำหรับการกระทำความผิด
โดยยกเว้นความผิดฐานทำให้แท้งลูกให้ครอบคลุมกรณีต่าง ๆ ที่จำเป็น
โดยต้องเป็นการกระทำของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามหลักเกณฑ์ของแพทยสภาเพื่อความปลอดภัยของหญิงตั้งครรภ์
(ความผิดฐานทำให้แท้งลูก) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. มอบหมายให้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรประสานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาเร่งรัดร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในชั้นการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรให้แล้วเสร็จตามคำบังคับของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่
๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
(ภายในสามร้อยหกสิบวันนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ซึ่งจะครบกำหนดวันที่
๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9730 | การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.) จำนวน ๗ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีเมื่อวันที่
๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังมีคำสั่งแต่งตั้ง
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑ นายนิพนธ์ ฮะกีมี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายใน คปภ. ๒ นายวรวิทย์ เจนธนากุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชีใน
คปภ. ๓ นายวิชัย อัศรัสกร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจใน
คปภ. ๔ นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินใน
คปภ. ๕ นายสุวิชญ โรจนวานิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ใน
คปภ. ๖ นางฤชุกร สิริโยธิน เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ใน
คปภ. ๗ นายรพี สุจริตกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกันภัยใน คปภ.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9731 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประพิศ จันทร์มา และนายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร) | กษ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นายประพิศ จันทร์มา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน ๒. นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9732 | การถวายพระสมัญญา “สิริศิลปิน” แด่ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี | วธ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง
การถวายพระสมัญญา “สิริศิลปิน” แด่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬากรณวลัยลักษณ์
อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติราชนารี มีวัตถุประสงค์เพื่อน้อมสำนึกถึงพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อวงการศิลปะร่วมสมัย
ประจักษ์ถึงพระปรีชาสามารถที่เป็นเลิศในการสร้างสรรค์งานศิลปะร่วมสมัยหลากหลายสาขา
ทั้งงานทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ ดนตรี และการออกแบบสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะพระองค์
กอปรกับมีพระทัยมุ่งมั่นและพระวิริยะอุตสาหะในการทรงงานด้านศิลปะ
โดยทรงใช้พระอัจฉริยภาพในมิติของศิลปะในการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
และนำไปต่อยอดหารายได้สมทบทุนมูลนิธิในพระดำริ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9733 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษ หมายเลข ๗
และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗
และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงวันหยุดราชการต่อเนื่อง
เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงพิเศษดังกล่าว ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา
ของวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
และตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา
ของวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงวันหยุดราชการดังกล่าว
พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-๑๙ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9734 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายศศิวัฒน์ ว่องสินสวัสดิ์ และ นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ) | กต. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายศศิวัฒน์ ว่องสินสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย ๒. นางจุฬามณี
ชาติสุวรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมยุโรป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9735 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ. 2563 (ครบ 1 ปี) | ดศ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล
พ.ศ. ๒๕๖๓ (ครบ ๑ ปี) โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่
๑๘ ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน ๖,๙๗๐ คน ระหว่างวันที่ ๑-๑๕ สิงหาคม๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล พบว่า ประชาชนร้อยละ ๗๘.๖ ติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล
โดยแหล่งข้อมูลที่ติดตามมากที่สุดคือ โทรทัศน์ (ร้อยละ ๙๓.๗)
ในขณะที่ประชาชนร้อยละ ๒๑.๔ ไม่ได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร โดยให้เหตุผล เช่น ไม่สนใจ
ไม่มีเวลา/ไม่ว่าง และไม่ชอบ ๒.
ความพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาล พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด
(ร้อยละ ๓๓.๔) และในระดับปานกลาง (ร้อยละ ๔๘.๐)
ซึ่งนโยบายที่ประชาชนพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด คือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
(ร้อยละ ๖๒.๒) ๓.
เรื่องที่ชุมชน/หมู่บ้านได้รับความเดือดร้อน ได้แก่ คนในชุมชนว่างงาน/ไม่มีอาชีพที่มั่นคง
(ร้อยละ ๒๙.๙) สินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง/ค่าครองชีพสูง (ร้อยละ ๑๘.๗)
สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ/ต้นทุนการผลิตสูง (ร้อยละ ๑๘.๐) ภัยธรรมชาติ (ร้อยละ ๑๖.๗)
และปัญหายาเสพติด (ร้อยละ ๗.๓) ๔. เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ
ได้แก่ ปัญหาการว่างงาน (ร้อยละ ๔๑.๒) ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีราคาแพง
(ร้อยละ ๒๐.๔) ปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ (ร้อยละ ๑๙.๑) จัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค/แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
(ร้อยละ ๑๑.๕) และจัดสวัสดิการของรัฐให้เพียงพอและครอบคลุมทุกพื้นที่ (ร้อยละ ๘.๕) ๕.
ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล พบว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ ของประเทศในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๒๙.๘) เชื่อมั่นปานกลาง (ร้อยละ ๔๘.๗)
เชื่อมั่นน้อยและน้อยที่สุด (ร้อยละ ๑๘.๔) และไม่เชื่อมั่นเลย (ร้อยละ ๓.๑)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9736 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2563 | ดศ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในการสอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่
๑๘ ปีขึ้นไป ในชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั่วประเทศ จำนวน
๔๖,๐๐๐ คน ระหว่างวันที่ ๑-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. การพบเห็นปัญหายาเสพติด
ประชาชนร้อยละ ๕๑.๖ ไม่พบเห็นและไม่ทราบว่าในชุมชน/หมู่บ้านมีปัญหายาเสพติด ร้อยละ
๔๒.๕ ไม่พบเห็นแต่ทราบว่าในชุมชน/หมู่บ้านมีปัญหายาเสพติด และร้อยละ ๕.๙
พบเห็นปัญหายาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้านด้วยตนเอง ๒. การพบเห็นการซื้อขายยาเสพติด
ประชาชนร้อยละ ๖๕.๐ ไม่พบเห็นและไม่ทราบว่ามีการซื้อขายยาเสพติด ร้อยละ ๓๒.๒
ไม่พบเห็นแต่ทราบว่ามีการซื้อขายยาเสพติด ร้อยละ ๒.๕
พบเห็นการซื้อขายยาเสพติดได้ง่ายเพราะมีการซื้อขายแบบเปิดเผยและไม่เกรงกลัวกฎหมาย
และร้อยละ ๐.๓ พบเห็นการซื้อขายยาเสพติดได้ยากเพราะเจ้าหน้าที่เข้มงวดและต้องออกไปซื้อนอกชุมชน/หมู่บ้าน ๓. การพบเห็นผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด
ประชาชนร้อยละ ๕๒.๕ ไม่พบเห็นและไม่ทราบว่ามีผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ร้อยละ ๔๒.๑
ไม่พบเห็นแต่ทราบว่ามีผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด และร้อยละ ๕.๔ พบเห็นด้วยตนเอง ๔. ความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานโดยรวมของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ประชาชนร้อยละ ๕๕.๖ พึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ ๓๘.๐ พึงพอใจปานกลาง
ร้อยละ ๖.๐ พึงพอใจน้อย-น้อยที่สุด และร้อยละ ๐.๔ ไม่พึงพอใจ ๕. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากสถานการณ์ปัญหายาเสพติด
ประชาชนร้อยละ ๖๖.๘ มีความปลอดภัยในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ ๒๙.๗
มีความปลอดภัยปานกลาง ร้อยละ ๓.๓ มีความปลอดภัยน้อย-น้อยที่สุด และร้อยละ ๐.๒
ไม่มีความปลอดภัย ๖.
แนวทางการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประชาชนเห็นว่าควรมีการปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
การใช้กฎหมายลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด
การตั้งจุดตรวจหรือจุดสกัดเพื่อเฝ้าระวังในชุมชน/หมู่บ้าน
การเฝ้าระวังในชุมชน/หมู่บ้าน และการปลูกฝังให้ครอบครัวช่วยกันสอดส่องดูแล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9737 | รายงานผลการเตรียมความพร้อมในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 | กสทช. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเตรียมความพร้อมในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา
๓๐ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานจัดทำหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการตราพระราชกฤษฎีกา
จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) การแก้ไขแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ (ภาคผนวก ก.
และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ) (๒)
การจัดทำหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่โดยวิธีอื่นนอกเหนือจากวิธีประมูล
(๓) การจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
หรือกิจการโทรคมนาคม เพิ่มเติมจากการประกอบกิจการที่ได้รับอนุญาต และ (๔)
การจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการโอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9738 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน
ในท้องที่ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9739 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 8 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๘ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าลาด จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๔๔.๓๐๐
ในท้องที่ตำบลปากน้ำ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา (๒) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองสียัด
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๕๖.๑๐๐ ในท้องที่ตำลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และ
(๓) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน
อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒๘.๑๐๐ ในท้องที่ตำบลเกาะขนุน
อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค จากกิโลเมตรที่
๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองยาว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ถึงกิโลเมตรที่
๒๘.๐๒๐ ในท้องที่ตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลนอกเมือง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๒๕.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าสว่าง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดมน้อย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโนนกลาง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่
๒๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคันไร่ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี และ (๒)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโนนกลาง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่
๖๕.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลกุดชมภู อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ
ในท้องที่ตำบลท่าโสม อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง ในท้องที่ตำบลด่านชุมพล
อำเภอบ่อไร่ และตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง ถึงกิโลเมตรที่ ๔๑.๕๖๒ ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา ในท้องที่ตำบลทุ่งผึ้ง
ตำบลปงดอน และตำบลแม่สุก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9740 | ผลการสำรวจสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 | ดศ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ได้แก่ ความพึงพอใจในชีวิต ประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในชีวิตอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด
(ร้อยละ ๗๒.๕) โดยเฉพาะด้านชีวิตครอบครัว ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ประชาชนส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๕๓.๐)
โดยเฉพาะประชาชนในภาคใต้ชายแดน ผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
(ร้อยละ ๙๐.๐) โดยมีรายได้ลดลงและรายจ่ายเพิ่มขึ้น ผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่ามีความรุนแรงอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดต่อประเทศ (ร้อยละ
๘๑.๙) และความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๗๑.๗) ๒.
สำนักงานสถิติแห่งชาติได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เช่น การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการรับมือและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
การดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ อย่างต่อเนื่อง และการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือแรงงานในสภาวะวิกฤต
เป็นต้น
|