ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 428 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 8541 - 8560 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8541 | รายงานประจำปี 2562 ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) | พณ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี
๒๕๖๒ ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน)
โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑) การจัดฝึกอบรม ประชุม สัมมนา
ให้กับประชาชนและบุคลากรของภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ (๒)
การดำเนินโครงการวิจัยในประเด็นที่เกี่ยวกับการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ (๓)
การเผยแพร่ผลงานวิชาการผ่านช่องทางต่าง ๆ
และการขยายเครือข่ายการสร้างองค์ความรู้และการให้บริการวิชาการเพื่อการค้าและการพัฒนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และ (๔) การดำเนินงานของศูนย์ศึกษาวิเคราะห์แนวโน้มด้านการค้าและการพัฒนา
โดยมีการจัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อรับฟังความคิดเห็น
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8542 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 | สม. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8543 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานศาลปกครอง ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินการทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8544 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ตผ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
รายงานการเงินแสดงฐานะการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8545 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 6/2564 | นร.04 | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่
๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
แนวทางการปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมาย กรณีการให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง
ๆ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน
หรือสถานที่พำนัก (๓) การยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(๔) แผนการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และ
(๕) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8546 | ผลการสอบบัญชี สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 และรายงานประจำปี 2563 ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก | สกพอ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการสอบงบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
โดยผู้สอบบัญชีได้รับรองงบการเงินดังกล่าวโดยไม่มีเงื่อนไขแล้ว
และที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๔ มีมติรับทราบรายงานผลการสอบบัญชีดังกล่าวด้วยแล้ว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๒.
รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๓ ของสำนักงานคณธกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ซี่งที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓
มีมติรับทราบรายงานดังกล่าว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8547 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเพิ่มข้อความนัยข้อ ๒๗ วรรคหก แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็น “การประชุมของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง
อาจประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้แก้ไขชื่อและร่างข้อ ๑ โดยระบุเป็น (ฉบับที่ ..)
แก้ไขเพิ่มเติมคำปรารภของร่างระเบียบกระทรวงการคลัง จากเดิมที่กำหนดไว้ว่า
“โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุง...” แก้ไขเป็น “โดยที่สมควรแก้ไขเพิ่มเติม....”
และแก้ไขบทอาศัยอำนาจในการออกระเบียบกระทรวงการคลังให้เป็นไปตามมาตรา ๖๘ มาตรา ๗๘
มาตรา ๙๒ และมาตรา ๑๐๕ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8548 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายกมล รอดคล้าย ) | ศธ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายกมล รอดคล้าย
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
(นางกนกวรรณ วิลาวัลย์) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕
พฤษภาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8549 | การกำหนดหลักเกณฑ์ด้านความประพฤติและมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับการจ้างงานในหน่วยงานของรัฐ | นร. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติในการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการ
หรือจัดจ้างเป็นพนักงาน พนักงานราชการ ลูกจ้างของส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ
ตามแต่กรณี ให้ครอบคลุมถึงความประพฤติและมาตรฐานทางจริยธรรมที่ถูกต้องดีงาม
เพื่อให้ได้มาซึ่งบุคลากรของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีความรู้ความสามารถ
มีความประพฤติเหมาะสม รวมทั้งคุณสมบัติในการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดี
ซึ่งจะมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาด้านจริยธรรมในภาคราชการและสังคมไทยในภาพรวมต่อไป
ทั้งนี้ ในการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนเงินเดือน/ค่าตอบแทน
หรือเพื่อต่อสัญญาจ้าง
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำหลักเกณฑ์ด้านความประพฤติและมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วยอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8550 | มาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระลอกใหม่ | กค. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบ อนุมัติ
และรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวในการดำรงชีวิตให้แก่ประชาชนและบรรเทาความเดือดร้อนสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจาก
COVID-19 โดยธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม
๒๐,๐๐๐ ล้านบาท แห่งละ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ ๐.๓๕ ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน ๓ ปี (ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
๖ งวดแรก) โดยรัฐบาลชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs)
ร้อยละ ๑๐๐ สำหรับ NPLs ที่ไม่เกินร้อยละ ๕๐
ของสินเชื่อที่อนุมัติ ๑.๒ อนุมัติงบประมาณวงเงินรวม ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินมาตรการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ รับทราบมาตรการการพักชำระหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
(Specialized Financial Institutions : SFIs) และรับทราบรายงานมาตรการการคลัง มาตรการการเงิน และมาตรการอื่น ๆ
ที่ได้ดำเนินการเพื่อดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระบจาก COVID-19 ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑)
ควรดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส
และระมัดระวังพิจารณาการดำเนินโครงการว่าอยู่ในขอบเขตที่รัฐสามารถรับภาระได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
(๒)
ควรบริหารจัดการสินเชื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งเตรียมแนวทางสำหรับการบริหารจัดการสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ที่เกิดจากการดำเนินมาตรการในระยะต่อไป เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต
และ (๓) ควรให้ความสำคัญกับการเตรียมแนวทางการดำเนินมาตรการในระยะต่อไป เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดที่อาจมีความยืดเยื้อมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8551 | มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระลอกเดือนเมษายน 2564 | นร.11 | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอขอแก้ไขข้อความในหนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/๒๗๑๓ ลงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ หน้า ๘ ข้อ ๒.๒) จาก
ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ๒๕๖๔ และสามารถนำ e-Voucher ไปใช้จ่ายในเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม ๒๕๖๔ ทั้งนี้
คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ ๓๑ ล้านคน” เป็น
“...ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม ๒๕๖๔ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการฯ
ประมาณ ๔ ล้านคน” ๒.
รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๒.๑
รับทราบการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ที่ดำเนินการอยู่
โดยเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการเลื่อนกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ระยะที่ ๓ และโครงการทัวร์เที่ยวไทย
ออกไปจนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในระลอกเดือนเมษายน
๒๕๖๔ จะคลี่คลายลงตามขั้นตอนของระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๒
เห็นชอบในหลักการของข้อเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ในระลอกเดือนเมษายน ๒๕๖๔ และเห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๓ เห็นควรให้การไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค
ดำเนินการตามมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
(ไฟฟ้าและน้ำประปา)
โดยขอรับสนับสนุนแหล่งเงินเพื่อดำเนินตามมาตรการดังกล่าวภายใต้กรอบวงเงินรวมไม่เกิน
๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามขั้นตอนของพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ต่อไป ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8552 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ยธ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน ๒๐
ล้านบาท ได้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (๖.๐๒ ล้านบาท)
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (๘.๕๙ ล้านบาท) ราชอาณาจักรกัมพูชา (๒.๓๔ ล้านบาท)
และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (๓.๐๕ ล้านบาท)
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
งบเงินอุดหนุนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๓ แผนงาน ได้แก่ (๑)
ปฏิบัติการสกัดกั้น ปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น
และเคมีภัณฑ์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง : การจัดหา อุปกรณ์
เครื่องมือและยานพาหนะในการปฏิบัติการ และการจัดตั้งด่านตรวจถาวรในพื้นที่เป้าหมายสำคัญ
(๒) การพัฒนาระบบการประสานงานร่วมกันผ่านศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย : ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย
และ (๓) การเสริมสร้างประสิทธิผลของกลไกหมู่บ้าน/ชุมชนสีขาวปลอดภัยจากยาเสพติด : การสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน ๑.๒
ให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน
และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ งบเงินอุดหนุน
รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
และสามารถจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ
เพื่อให้มีการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตามที่ได้รับจัดสรร ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น (๑) การดำเนินโครงการฯ
จำเป็นต้องมีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องและจริงจังเพื่อให้สามารถทำลายแหล่งผลิตได้ทั้งระบบและไม่เกิดแหล่งผลิตใหม่ในระยะยาว
(๒)
การดำเนินการเสริมสร้างประสิทธิผลของกลไกหมู่บ้าน/ชุมชนสีขาวปลอดภัยจากยาเสพติดที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวชายแดน
โดยเฉพาะในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชา เห็นควรขยายพื้นที่ดำเนินการในเมียนมาและเวียดนาม
เพื่อให้การดำเนินงานมีความครอบคลุมมากขึ้น เกิดประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) กำกับ ติดตาม
และประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งกำหนดแนวทางในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในเชิงรุก
เพื่อให้สามารถลดปริมาณการผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาภายในประเทศได้มากยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8553 | ผลการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน | นร.11 | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
เมื่อวันพุธที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๔ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีผู้เข้าร่วมการประชุม
ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งเห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุม โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
๔ ด้าน ประกอบด้วย (๑) ด้านการกระจายและฉีดวัคซีน
โดยใช้กลไกการทำงานของภาคเอกชนในการจัดสถานที่ฉีดวัคซีนและกระจายวัคซีนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
และสำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดจะดำเนินการผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน
(กรอ.) จังหวัดและกลุ่มจังหวัด พร้อมร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยสำหรับการจัดเตรียมสถานที่และกระจายวัคซีน
รวมถึงอุปกรณ์และบุคลากรที่จะเข้ามาช่วยปฏิบัติงานในจุดต่าง ๆ (๒) ด้านการสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์
โดยภาคเอกชนจะมีส่วนช่วยในการประชาสัมพันธ์เรื่องการจัดหาและบริหารวัคซีน
และสร้างความรับรู้แก่ประชาชนเรื่องการฉีดวัคซีนเพื่อให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น (๓)
ด้านการสนับสนุนระบบอำนวยความสะดวกระบบงานต่าง ๆ
โดยแอปพลิเคชันลงทะเบียนการฉีดวัคซีน “หมอพร้อม”
ภาคเอกชนจะมีส่วนในการสนับสนุนระบบเพิ่มเติมระหว่างการลงทะเบียนและการฉีดวัคซีน
และ (๔) ด้านการจัดหาวัดซีนเพิ่มเติม ให้กระทรวงสาธารณสุข
โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
และองค์การเภสัชกรรมพิจารณาแนวทางการผ่อนคลายกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้ใช้วัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
ที่อยู่ระหว่างประเมินข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authority : EVA) เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8554 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระยะการระบาดระลอกเมษายน 2564 | สธ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑
รับทราบโครงการเตรียมความพร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ :
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการติดเชื้อใหม่ให้ไม่เกินศักยภาพที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้
(Low Level transmission) และเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชากรในประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ
๗๐ ของประชากรทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ ผู้มีโรคร่วม
และกลุ่มเปราะบาง/ด้อยโอกาส ระยะเวลาดำเนินการเดือนเมษายน ๒๕๖๔ ถึงเดือนกันยายน
๒๕๖๔ งบดำเนินงานทั้งสิ้น ๑๒,๕๗๖,๖๒๙,๓๒๒ บาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๒,๕๗๖,๖๒๙,๓๒๒ บาท ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑
บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด
และเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองระดับ/แยกประเภทผู้ป่วย
รวมทั้งการนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลให้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น ๒.๒ ประเมินสถานการณ์ ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนต่าง
ๆ เช่น การเฝ้าระวังโรค การเข้าตรวจโรค และการรักษาพยาบาล เป็นต้น
รวมทั้งให้จัดเตรียมแผนรองรับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เพื่อให้การบริหารจัดการวิกฤติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ๒.๓ เร่งรัดการดำเนินการกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าวสู่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย
๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8555 | การยื่นขอเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงเพื่อระงับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping: AD) และการอุดหนุน (Countervailing : CVD) สินค้าน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทย ในรูปแบบการกำหนดราคาขั้นต่ำและ/หรือโควตาภาษี (Undertaking Agreement) | อก. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการยื่นขอเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงเพื่อระงับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด
(Anti-Dumping : AD) และการอุดหนุน (Countervailing
: CVD) สินค้าน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทย
ในรูปแบบการกำหนดราคาขั้นต่ำและ/หรือโควตาภาษี (Undertaking Agreement) ตามร่างกรอบเจรจาจัดทำความตกลงเพื่อระงับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าน้ำตาลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทยกับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการประสานผู้ประกอบการน้ำตาลในประเทศไทยที่ส่งออกน้ำตาลทรายไปยังสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
จัดทำข้อมูลสนับสนุนเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหารัฐบาลไทยให้การอุดหนุนสินค้าน้ำตาลที่ส่งออกไปสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ให้กรมคุ้มครองการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (TRAV) กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามรับไปพิจารณาโดยด่วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8556 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสงสัย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสงสัย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสงสัย
ในท้องที่ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
โดยเห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบและแก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงให้เป็นไปตามปัจจุบันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8557 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ) | กค. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
เป็นจำนวนร้อยละห้าสิบของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างงานผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเป็นระยะเวลาไม่เกิน
๓ ปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐
บาทต่อคนต่อเดือน โดยขอขยายระยะเวลาออกไปอีก ๑ ปี
ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งควรมีหน่วยงานทำหน้าที่คัดกรองและให้ใบรับรองผู้พ้นโทษที่มีความประพฤติดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ
และสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน นอกจากนี้ ควรจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตลอดจนติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการในโอกาสแรกด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการจัดหาตำแหน่งว่างไว้เพื่อรองรับเพื่อให้ผู้พ้นโทษสามารถประกอบอาชีพได้หลังจากพ้นโทษแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8558 | รายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการออกระเบียบและประกาศตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | ดศ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการออกระเบียบและประกาศตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.
๒๕๖๒ ใช้บังคับ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรายงานว่า
เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการออกประกาศหรือระเบียบเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้
แต่อย่างไรก็ตาม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มีการจัดทำกฎหมายลำดับรองดังกล่าวแล้ว
โดยได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยแล้ว ทั้งนี้
เมื่อมีคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแล้ว
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจะได้เสนอร่างกฎหมายต่อไป
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๒ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๑
พฤษภาคม ๒๕๖๕
เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นหน่วยงานและกิจการต่าง ๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ซี่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งรัดการดำเนินการเพื่อจัดทำกฎหมายลำดับรอง
หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องที่จำเป็นต้องมี
เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้
และให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำกับสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมทำหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เร่งจัดทำกฎหมายลำดับรอง
หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งเร่งสื่อสารทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและเตรียมความพร้อมรองรับ
เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ทันทีเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8559 | ขอความเห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาคปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุด ตามบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนระบบ 53 ขั้น | มท. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาคปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของพนักงาน
จากเดิมขั้นที่ ๔๖.๕ อัตรา ๑๑๓,๕๒๐ บาท เป็นขั้นที่ ๕๓ อัตรา ๑๔๒,๘๓๐ บาท
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุด ตามบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนระบบ ๕๓
ขั้น ของการประปาส่วนภูมิภาค
ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ
โดยคำนึงถึงสถานะการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ
มีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและไม่ก่อให้เกิดภาระแก่ประชาชน
ตลอดจนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณและเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน รวมถึงฐานะทางการเงินในอนาคต
โดยคำนึงถึงหลักความคุ้มค่าและประหยัดในการใช้จ่ายงบประมาณ นอกจากนี้ การประปาส่วนภูมิภาคควรบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินด้วยความรอบคอบและเตรียมความพร้อมขององค์กรเพื่อให้สามารถรองรับการดำเนินการตามมาตรการต่าง
ๆ ของรัฐบาลในการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8560 | แนวทางการเสนอร่างกฎกระทรวงต่อคณะรัฐมนตรีตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ห้ามไม่ให้มีบทบัญญัติที่มีลักษณะเป็นการมอบอำนาจช่วงโดยกฎหมายแม่บทมิได้ให้อำนาจไว้) (ร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน และความคงทนของอาคาร ตลอดจนลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. ....) | มท. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน และความคงทนของอาคาร
ตลอดจนลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๒๗) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๘
(พ.ศ. ๒๕๔๐) และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๔๙)
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยกำหนดหลักเกณฑ์การรับน้ำหนัก
ความต้านทาน และความคงทนของอาคาร
ตลอดจนลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีการก่อสร้างอาคารในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรปรับปรุงการกำหนด ข้อ ๒๔ (๔) (ข)
ในร่างกฎกระทรวงฯ เป็น “ข้อ ๒๔ (๔) (ข) โครงหลังคาของอาคารตามวรรคหนี่งที่เป็นอาคารชั้นเดียวต้องมีอัตราการทนไฟไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง
และหากเป็นอาคารตั้งแต่สองชั้นขึ้นไป ต้องมีอัตราการทนไฟไม่น้อยกว่าสองชั่วโมง
และโครงสร้างเสาที่รับน้ำหนักโครงหลังคาเพียงอย่างเดียวต้องมีอัตราการทนไฟไม่น้อยกว่าสองชั่วโมง
เว้นแต่โครงสร้างหลังคาในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ ที่ไม่ต้องมีอัตราการทนไฟ”
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) ควรเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับภาคส่วนต่าง
ๆ อาทิ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนด้านวิศวกรรม
และสภาผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องทราบ
เพื่อใช้ประกอบการออกแบบทางวิศวกรรมภายหลังจากกฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้หน่วยงานของรัฐผู้เสนอร่างกฎกระทรวงถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการเสนอร่างกฎกระทรวงจะต้องไม่มีบทบัญญัติที่มีลักษณะเป็นการมอบอำนาจช่วงโดยกฎหมายแม่บทมิได้ให้อำนาจไว้
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |