ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 98 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 1941 - 1960 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1941 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ.
๒๕๖๐ ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้บังคับในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
และเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างการบังคับใช้กฎหมาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรให้บังคับใช้ตามกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง
ในบริเวณจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในพื้นที่
ความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของชาวประมงบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอย่างยั่งยืนต่อไป กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1942 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการให้บริการของหน่วยบริการอาชีวเวชกรรมตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการให้บริการของหน่วยบริการอาชีวเวชกรรมตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานการให้บริการอาชีวเวชกรรมที่หน่วยบริการอาชีวเวชกรรมต้องใช้ดำเนินการตรวจสุขภาพแก่ลูกจ้างหรือแรงงานนอกระบบตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง การป้องกัน
และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สภาการพยาบาล และแพทยสภา ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น สภาการพยาบาล เห็นว่า หมวด ๒ ข้อ ๕ (๑)
(การตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยง) ความว่า “....หรือแรงงานนอกระบบรับผิดชอบอยู่
โดยการบ่งชี้และประเมินความเสี่ยงการเกิดโรคจากการประกอบอาชีพ ....” มีข้อเสนอว่า
โดยการบ่งชี้และประเมินความเสี่ยง ทั้งนี้ เพื่อให้มีความชัดเจน ควรมีคณะกรรมการ/คณะทำงานไปประเมินทั้งโครงสร้าง องค์ประกอบ ขอบเขต
หน้าที่การทำงาน หมวด ๓ ข้อ ๘ (๒.๒) ความว่า “พยาบาลวิชาชีพที่ผ่านหลักสูตรความรู้พื้นฐานด้านอาชีวอนามัยสำหรับพยาบาล
หรือหลักสูตรการพยาบาล....” ขอแก้โดยเพิ่มเติมเป็น
“พยาบาลวิชาชีพที่ผ่านหลักสูตรความรู้พื้นฐานด้านการพยาบาลอาชีวอนามัย หรือหลักสูตรการพยาบาล....”
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องตรงกับหลักสูตรที่สภาการพยาบาลให้การรับรอง และ หมวด ๔
ข้อ ๑๑ (๒) ความว่า “...กรมการแพทย์หรือสมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทยกำหนด
หรือผ่านหลักสูตร ...” ขอแก้โดยเพิ่มเติมเป็น “....กรมการแพทย์หรือสมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย
หรือสมาคมพยาบาลอาชีวอนามัยแห่งประเทศไทยกำหนด หรือผ่านหลักสูตร ....” แพทยสภา
เห็นว่ากฎกระทรวงควรมีผลใช้บังคับเร็วกว่าที่กำหนดไว้ โดยปรับลดลงเหลือ ๑๘๐ วัน
ทั้งนี้ แพทยสภามีหลักสูตรอบรมแพทย์ด้านสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงอาชีวเวชศาสตร์อยู่แล้ว
ซึ่งสามารถปฏิบัติงานในด้านนี้ได้ และในการกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับการให้บริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมที่หน่วยบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมที่ใช้ดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษ
โดยมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่เป็นระบบ ทันต่อสถานการณ์โรคมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1943 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิต นำเข้า
ส่งออก หรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๓ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท
๓ และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขการขอขึ้นทะเบียนและการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว
ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง และแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้อง
ครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินงานทางการเงินการคลังและงประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1944 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาการส่งข้อมูลการอุดมศึกษาและการอื่นที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. .... | อว. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1945 | การให้ความเห็นชอบเอกสารผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 56 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 ฉบับ | นร.53 | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(AEM) ครั้งที่ ๕๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ๑) ร่างผลลัพธ์การจัดทำตัวชี้วัดเชิงนโยบายในการพัฒนา SME
อาเซียน และ ๒)
ร่างกรอบแบบจำลองสำหรับระบบการรับรองธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบร่างเอกสาร
๒ ฉบับ ในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน [ASEAN Economic Ministers (AEM)] ในการประชุมหรือในห้วงการประชุม AEM ครั้งที่ ๕๖
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๒ กันยายน พ.ศ.
๒๕๖๗ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยร่างผลลัพธ์ฯ
มีสาระสำคัญเป็นการนำเสนอผลลัพธ์จากการศึกษารวบรวมและประเมินข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบศักยภาพของนโยบายในการพัฒนา
SME ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค และร่างกรอบแบบจำลองฯ
เป็นคู่มือเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาระบบการรับรองธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากแห่งชาติ
โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากสำหรับผู้กำหนดนโยบาย
เจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการรับรองเศรษฐกิจฐานราก
เพื่อเตรียมเสนอต่อคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และผู้นำอาเซียนพิจารณาให้การรับรองและเห็นชอบต่อไป
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การจัดทำตัวชี้วัดเชิงนโยบายในการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอาเซียน
และร่างกรอบแบบจำลองสำหรับระบบการรับรองธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิเคราะห์ ประเมินผล
และติดตามการดำเนินงาน ตลอดจนสื่อสารผลลัพธ์และความคืบหน้าของร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนรับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1946 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับจ่ายเป็นเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) | กษ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทาน ใช้จ่ายงประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน
๓๓๔,๐๐๑,๓๕๓.๖๑ บาท สำหรับจ่ายเป็นเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้าง
ตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) จำนวน ๗๐ รายการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณ
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1947 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปค ประจำปี 2567 | นร.53 | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๗ และให้รัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ
โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุนการเติบโตของ MSMEs โดยเฉพาะกลุ่มที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ถูกครอบคลุม
เช่น สตรี คนพื้นเมือง ผู้ทุพพลภาพ เป็นต้น ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจในระบบ
เศรษฐกิจรูปแบบดิจิทัล การเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว ตามเป้าหมายกรุงเทพว่าด้วยเศรษฐกิจ
BCG รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและโครงการเพื่อการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่า ร่างแถลงการณ์ฯ
ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงควรนำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเสนอให้มีความร่วมมือด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) ให้เข้าถึงการทดสอบและรับรองมาตรฐานการผลิตและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับสากลในร่างแถลงการณ์ฯ
อันจะช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการให้ได้คุณภาพมาตรฐาน
สามารถเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลกและแข่งขันได้อย่างยั่งยืนต่อไปด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ครั้งที่ ๓๐
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1948 | การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | นร.04 | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) ปฏิบัติหน้าที่แทน นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว
เห็นควรให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.
เร่งสำรวจความเสียหายของประชาชนทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่รับผิดชอบ
และกำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาภายหลังน้ำลด
รวมทั้งให้เร่งจัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อการให้ความช่วยเหลือ/เยียวยา/ชดเชย
แล้วเสนอขอใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยด่วน
ให้แล้วเสร็จทันภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๗ ๒.
เร่งสำรวจความเสียหายของสถานที่ราชการในความรับผิดชอบและเร่งดำเนินการปรับปรุง/ซ่อมแซมให้สามารถใช้ปฏิบัติราชการได้ตามปกติโดยเร็วเพื่อให้สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่องต่อไป ๓. เร่งจัดทำแผนฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยดังกล่าวข้างต้นและดำเนินการตามแผนดังกล่าวตามขั้นตอนโดยเร็วต่อไป ๔. เร่งจัดทำมาตรการป้องกันความเสียหายจากอุทกภัย
รวมทั้งให้จัดทำแผนเผชิญเหตุอุทกภัยด้วย
เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นเหมาะสม ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ โดยให้คำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน
เท่าทันต่อสถานการณ์และความพร้อมของหน่วยงานดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1949 | ร่างกฎกระทรวงการยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการทางกฎหมายกรณีเมื่อมีเหตุอันสมควรหรือมีเหตุสงสัยว่าพาหนะนั้นมาจากท้องที่หรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรที่มีโรคระบาดเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่าน
ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
และกระทรวงมหาดไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรณีของพาหนะทางน้ำตามข้อ ๓
(๑) ของร่างกฎกระทรวงฯ ไม่ได้กำหนดให้ต้องยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางน้ำเช่นเดียวกับกรณีของพาหนะทางบกและพาหนะทางอากาศ
จึงเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์การยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพสำหรับพาหนะทางบก
พาหนะทางน้ำ และพาหนะทางอากาศให้เป็นอย่างเดียวกัน กระทรวงมหาดไทย
เห็นควรขยายระยะเวลาในการกำหนดวันบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด
๓๐ วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ซักซ้อมแนวทางในขั้นตอนการดำเนินการ
และเห็นควรตัดข้อ ๖ ออก โดยนำถ้อยคำในข้อ ๖ มาเพิ่มเติมในข้อ ๕ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ
เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต้องสอดรับกับพันธกรณีของไทยต่อกฎอนามัยระหว่างประเทศ
ค.ศ. ๒๐๐๕ ฉบับ แก้ไขล่าสุด
ที่จะมีผลใช้บังคับสำหรับรัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลกในอนาคตอันใกล้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรณีของพาหนะทางน้ำตามข้อ ๓
(๑) ของร่างกฎกระทรวงฯ ไม่ได้กำหนดให้ต้องยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางน้ำเช่นเดียวกับกรณีของพาหนะทางบกและพาหนะทางอากาศ
จึงเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์การยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพสำหรับพาหนะทางบก
พาหนะทางน้ำ และพาหนะทางอากาศให้เป็นอย่างเดียวกัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1950 | ร่างกฎกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ พ.ศ. .... | อว. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์
เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตและผู้มีไว้ในครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ต้องปฏิบัติ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณา
ดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย
ที่มีกำลังตั้งแต่ ๒ เมกะวัตต์ (ความร้อน) ขึ้นไป ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับกฎกระทรวงฉบับอื่นที่จะมีการประกาศใช้ตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ควรพิจารณากำหนดระเบียบ ประกาศ
หรือคู่มือในการดำเนินงานสำหรับกำหนดรายละเอียดในการออกแบบสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1951 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | รง. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๔๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะฝีมือบุคลากรเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้กระทรวงแรงงานดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1952 | ขออนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | พม. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายร่ายประจำปีงบประมาณ งบกลาง
รายการเงินสำรองสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ
โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑,๒๑๔,๒๑๖,๖๐๐ บาท เพื่อเป็นเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
ที่จะได้รับเงินต่อเนื่องในเดือนกันยายน ๒๕๖๗ จำนวน ๒,๒๗๕,๔๙๐ ราย โดยเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน
ตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ แล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1953 | การป้องกันและปราบปรามธุรกิจขายสินค้าจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย | พณ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการแก้ไขปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
จำนวน ๕ มาตรการหลัก (๖๓ แผนปฏิบัติการ) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามหน้าที่และอำนาจ
รวมทั้งให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
สำหรับการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายและการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ให้กระทรวงพาณิชย์เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรกำกับดูแลและตรวจสอบให้หน่วยงานมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งมีการประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายที่สามารถให้ข้อมูลและเบาะแสการขายสินค้าจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย
อาทิ สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ตลอดจนเร่งรัดการตราพระราชบัญญัติว่าด้วยเศรษฐกิจแพลตฟอร์มให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
และควรมีมาตรการช่วยเหลือและพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs แต่ละประเภท ขนาด และศักยภาพของธุรกิจ อาทิ
เร่งแก้ปัญหาหนี้สินและสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง ส่งเสริมให้เข้าถึงการทดสอบและรับรองมาตรฐานเพื่อยกระดับสินค้าและบริการ
ตลอดจนพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ จูงใจให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นและลดผลกระทบจากการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1954 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการอาคารเรียน 212 ล./57-ข สำหรับก่อสร้างในเขตแผ่นดินไหว โรงเรียนชุมชนบ้านอุ้มผาง จังหวัดตาก | ศธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
รายการอาคารเรียน ๒๑๒ ล./๕๗-ข สำหรับก่อสร้างในเขตแผ่นดินไหว
โรงเรียนชุมชนบ้านอุ้มผาง ตำบลอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ๑ หลัง วงเงิน ๒๐,๗๘๙,๐๐๐ บาท
ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ - พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวขอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ นอกจากนี้ เพื่อมิให้งบประมาณตกเป็นพับไปโดยผลของกฎหมาย
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานควรเร่งดำเนินการและเบิกจ่ายงประมาณ ปี พ.ศ.
๒๕๖๖
ที่ได้รับการขยายเวลาเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน
๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1955 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำ และเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำ | กษ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน
ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำ และเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำ
จำนวน ๑,๐๗๒
รายการ วงเงิน ๒,๒๘๙,๓๘๒,๒๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1956 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | นร.07 | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจากที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาบริการประชาชนและการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณ งบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง
จำนวน ๒ รายการ ดังนี้ ๑) รายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการ พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ
กองจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑ ตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี จากเดิม
วงเงิน ๘๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท (วงเงินรวมเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด
๘๖,๖๒๕,๐๐๐ บาท) ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ.
๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็น วงเงิน ๘๙,๕๐๐,๐๐๐
บาท ผูกพันงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๖๙ และ ๒) รายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการ
พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ กองจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑ ตำบลหนองไม้แดง
อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี จากเดิม วงเงิน ๔,๓๓๑,๒๐๐ บาท (วงเงินรวมเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด
๔,๕๔๗,๗๖๐ บาท) ผูกพันงบประมาณ ปี พ.ศ.
๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็น วงเงิน ๔,๖๙๘,๗๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - พ.ศ.
๒๕๖๙ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักงบประมาณดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1957 | รายการสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือในภาคการเกษตร | กษ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอรรถกร ศิริลัทธยากร)
รายงานภาพรวมสถานการณ์อุทกภัย ปี ๒๕๖๗ และการให้ความช่วยเหลือในภาคการเกษตร ดังนี้ ๑.๑
สรุปสถานการณ์อุทกภัย ผลกระทบด้านการเกษตร (ด้านพืช ประมง และปศุสัตว์) และการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า
(ข้อมูล ณ วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๗) ๑.๒ การขอปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๖๓
และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๖๔ ๑.๓
การเตรียมการช่วยเหลือเกษตรหลังน้ำลดเพื่อฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย เช่น
การสนับสนุนปัจจัยการผลิตตามความต้องการของเกษตรกร การฟื้นฟูพื้นที่การเกษตร
การปรับปรุงคุณภาพดินและน้ำ การช่วยเหลือด้านหนี้สินและทรัพย์สิน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย
ตามหน้าที่และอำนาจ และเป็นไปตามแนวทางระเบียบ หลักเกณฑ์
และวิธีปฏิบัติที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้รวดเร็วและทั่วถึง
เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้โดยเร็วและทันต่อสถานการณ์มากที่สุด ๓.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ในภาพรวมทั้งหมด
รวมทั้งให้ศึกษาความจำเป็นเหมาะสมของการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และอัตราการช่วยเหลือเยียวยาแก่เกษตรกรด้วย
แล้วให้รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1958 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | ดศ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่าง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย
- กัมพูชา ในด้านต่าง ๆ เช่น บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลสินค้าและบริการของรัฐบาลดิจิทัล
กำลังคนทางดิจิทัล ความปลอดภัยทางออนไลน์และการป้องกันการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์รวมถึงความร่วมมืออื่น
ๆ เป็นต้น ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับข้อสังเกตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ที่เห็นควรเพิ่มเติมรายละเอียดความร่วมมือด้านการสืบสวนดำเนินคดีเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ
ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน
จึงไม่มีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1959 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 30 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๓๐ แผนงาน IMT-GT และให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) มอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT-GT
และเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๓๐ แผนงาน IMT-GT และการประชุมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องในระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ รวมทั้ง
ให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ ในวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ โดยไม่มีการลงนาม โดยแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน
การพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การพัฒนาโครงการเชื่อมต่อทางกายภาพภายในอนุภูมิภาค
การเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมดิจิทัลในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและครอบคลุมในอนุภูมิภาค
และการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1960 | ร่างกฎกระทรวงการตรวจสุขภาพของแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการตรวจสุขภาพของแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสิทธิในการตรวจสุขภาพของแรงงานนอกระบบให้มีสิทธิได้รับการตรวจสุขภาพโดยหน่วยบริการที่ได้ขึ้นทะเบียน
๓ กรณี ได้แก่ การตรวจสุขภาพแรกเข้าทำงานภายในสามสิบวันและตรวจสุขภาพเป็นระยะ
การตรวจสุขภาพก่อนกลับเข้าทำงานหลังจากเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย
และการตรวจสุขภาพกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน
และควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพของแรงงานนอกระบบ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงแรงงาน เห็นควรกำหนดให้กฎกระทรวงฯ
มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
และควรมีการระบุลักษณะการประกอบอาชีพอื่นที่ควรเฝ้าระวังด้วย เช่น
โรคที่เกิดจากรังสีแตกตัว โรคหูเสื่อมจากเสียงดัง และโรคติดเชื้อจากสัตว์ เป็นต้น สำนักงาน ก.พ.ร.
เห็นควรพิจารณาให้กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้เร็วกว่าที่กำหนด
และกระทรวงสาธารณสุขต้องมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้กับหน่วยบริการอาชีวเวชกรรมได้ทราบถึงบทบาทของหน่วยบริการที่จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขภายหลังจากกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลใช้บังคับโดยเร็ว
รวมถึงควรพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศรองรับการเชื่อมโยงฐานข้อมูลการตรวจสุขภาพของแรงงานนอกระบบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขอาจพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมที่จะให้แรงงานต่างด้าวซึ่งมีจำนวนมากและเป็นสัดส่วนที่สูงของแรงงานทั้งหมดในประเทศไทย
สามารถเข้าถึงการตรวจสุขภาพได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงมากขึ้น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรมีการสื่อสารสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชนผู้เป็นแรงงานนอกระบบ
เพื่อให้รับรู้ถึงสิทธิการตรวจสุขภาพ รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกต้อง
|