ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 662 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13221 - 13240 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13221 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 | คค | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของทุน และงบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน และมีความเห็นว่างบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินของสถาบันการบินพลเรือน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13222 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... | กค | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นในนิติบุคคลเพื่อไปซื้อหุ้นในนิติบุคคลอื่น ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจำหน่ายหุ้นนิติบุคคลให้แก่กองทุนเห็นควรให้ดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรอง ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13223 | การขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 ออกไปอีก 2 ปี | ทส | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ออกไปอีก ๒ ปี นับแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดอายุการใช้บังคับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13224 | ขออนุมัติการปรับผังบริเวณโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง จังหวัดนนทบุรี (บางใหญ่ - วัดพระเงิน) เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน | พม | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับผังบริเวณโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง จังหวัดนนทบุรี (บางใหญ่-วัดพระเงิน) เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน สรุปได้ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐) อนุมัติการจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๙ ซึ่งมีโครงการเคหะชุมชนฯ รวมอยู่ด้วย และต่อมากรมทางหลวงชนบทมีโครงการที่จะตัดถนนใหม่ (โครงการถนนต่อเชื่อมถนนนครอินทร์-ศาลายา) ระยะทางประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ซึ่งโครงการถนนฯ มีผลให้ขนาดที่ดินของโครงการเคหะชุมชนฯ ลดลงจาก ๑๐.๐๙ ไร่ เป็น ๙.๙๕ ไร่ และส่งผลกระทบต่อตัวอาคารที่จะพัฒนา รวมถึงถนน พื้นที่ว่าง สาธารณูปโภค และสาธารณูปการบางส่วน จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามแผนงานที่กำหนดได้ และจำเป็นต้องปรับบริเวณโครงการใหม่ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญตามที่เคยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งยังคงรูปแบบของอาคารชุด ๕ ชั้น จำนวน ๑๒ อาคาร รวม ๕๒๖ หน่วย ขนาด ๓๒ ตารางเมตร ตามเดิม และสามารถดำเนินการได้ภายในกรอบวงเงินงบประมาณเดิม รวมทั้งการใช้ประโยชน์ที่ดินก็ยังคงเป็นไปตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดเช่นเดิม ทั้งนี้ ให้การเคหะแห่งชาติเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามขั้นตอนการพิจารณารายงาน EIA ก่อนการดำเนินโครงการฯ ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้สามารถดำเนินโครงการเคหะชุมชนฯ ได้เมื่อรายงาน EIA ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ เช่น ควรกำกับดูแลและบริหารโครงการเคหะชุมชนฯ ให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานและจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงให้ครอบคลุมการดำเนินงานของโครงการเคหะชุมชนฯ โดยเน้นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความล่าช้าของโครงการเคหะชุมชนฯ รวมทั้งการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และควรเร่งดำเนินโครงการเคหะชุมชนฯ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ อย่างรอบคอบด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13225 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ 10) พ.ศ. 2562 - 2566 | มท | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ประกอบด้วยกิจกรรมแบบเบ็ดเสร็จ ๓ ประการ ได้แก่ (๑) การคัดเลือกนักศึกษา โดยกระทรวงมหาดไทยร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ดำเนินการคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของรัฐรวม ๙ แห่ง ปีละ ๔๔ คน (๒) การจัดสรรเงินทุนอุดหนุนการศึกษาปีละ ๔๔ ทุน จำแนกเป็น สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ๒๗ ทุน ๆ ละ ๔๐,๐๐๐ บาท และสาขาวิชาสังคมศาสตร์ ๑๗ ทุน ๆ ละ ๓๐,๐๐๐ บาท และ (๓) การสงวนอัตราเข้ารับราชการ โดยดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๖ ที่ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สงวนอัตราเพื่อรองรับนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษากระทรวงละ ๔ อัตรา สำหรับส่วนราชการอื่นให้สงวนอัตราไว้อย่างน้อยกระทรวงละ ๑ อัตรา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การจัดสรรทุนรัฐบาลให้แก่หน่วยงานของรัฐ) ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งที่มีความประสงค์จะขอรับการจัดสรรทุนการศึกษาจากรัฐบาลจัดส่งเรื่องพร้อมทั้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้กับสำนักงาน ก.พ. พิจารณาก่อนดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าว เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีแนวทางการเพิ่มจำนวนทุนการศึกษา ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์โดยให้มีการผสมผสานกลุ่มเป้าหมายจากศาสนา และวัฒนธรรมอื่น ๆ มีโอกาสเข้าถึงทุนการศึกษา ควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีงานทำของนักศึกษาภายหลังจบการศึกษาในพื้นที่ของตนเอง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. สำหรับการสงวนอัตราเข้ารับราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๖ [เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยต่าง ๆ (พ.ศ. ๒๕๔๗-๒๕๕๑)] ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองหารือร่วมกับหน่วยงานหลักตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการสงวนอัตราเข้ารับราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสาขาที่นักศึกษาเรียนจบ เพื่อให้การจัดสรรกำลังคนของหน่วยงานเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการจัดสรรโควตาทุนสาขาแพทย์ให้กับนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาบุคลากรด้านการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังขาดแคลนในปัจจุบัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13226 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือในสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ | นร | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือในสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และอนุมัติให้ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (นางอรรชกา สีบุญเรือง) ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ในนามของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศในด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และสนับสนุนให้เกิดความเข้าใจและการมีส่วนร่วมระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศในด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ในสาขาความร่วมมือรวม ๑๙ สาขา และสาขาอื่น ๆ ที่คู่ภาคีทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีความร่วมมือ เช่น การโฆษณา สถาปัตยกรรม งานฝีมือ วัฒนธรรมการประกอบอาหาร ดนตรี ศิลปะการแสดง การถ่ายภาพ เป็นต้น ตามที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการจัดทำข้อตกลงเพื่อปฏิบัติและข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจฯ ส่วนราชการเจ้าของเรื่องควรส่งร่างข้อตกลงดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาต่อไป แต่หากเข้าข่ายเป็นสัญญาเชิงพาณิชย์ ส่วนราชการเจ้าของเรื่องควรส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา นอกจากนี้ หากทั้งสองประเทศมีการดำเนินกิจกรรมร่วมกันภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งจะเป็นการได้รับผลงานอย่างใดอย่างหนึ่ง การทำข้อตกลงสำหรับกิจกรรมและผลงานนั้น ๆ ควรคำนึงถึงความชัดเจนในประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา และประเด็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เนื่องจากอุตสาหกรรมสร้างสรรค์นั้น เกี่ยวเนื่องกับความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลและลักษณะวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่น ไปรณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13227 | แผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร และเรื่อง ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากร จากถนนเทศบาลสงเคราะห์ถึงสุดเขตกรุงเทพมหานคร | มท | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานครดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากร จากถนนเทศบาลสงเคราะห์ถึงสุดเขตกรุงเทพมหานคร ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ภายในกรอบวงเงิน ๓,๔๔๓ ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินจากเงินอุดหนุนรัฐบาลและเงินรายได้ของกรุงเทพมหานคร ในสัดส่วนร้อยละ ๕๐ : ๕๐ ๑.๒ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงนาก่อสร้าง จำนวน ๓,๔๔๓ ล้านบาท ในสัดส่วน ๕๐ : ๕๐ แบ่งเป็น ๔ ช่วง โดยช่วงที่ ๑ จำนวน ๖๒ ล้านบาท เป็นการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาพื้นที่คลองเปรมประชากรที่ต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมทั้งการดำเนินการก่อสร้างและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่ ๒ ถึงช่วงที่ ๔ นั้น เนื่องจากกรุงเทพมหานครไม่ได้เสนอขอตั้งงบประมาณรองรับไว้ หากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ ก็เห็นควรให้กรุงเทพมหานครใช้จ่ายจากเงินรายได้ที่ต้องนำมาสมทบก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อไปให้กรุงเทพมหานครจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามสัดส่วนที่เหลือ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป โดยให้อยู่ภายในกรอบเงินอุดหนุนรัฐบาลที่จัดสรรให้กรุงเทพมหานคร ๑.๓ กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุมกำกับดูแลโครงการฯ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับ รวมทั้งควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการฯ ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและครบถ้วน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาความเหมาะสมเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ความเห็นชอบแล้วให้ครบถ้วน รวมทั้งดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13228 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2562 และข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน | มท | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑-๒ มกราคม ๒๕๖๒ (รวม ๗ วัน) พบว่า ในภาพรวมมีจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุและผู้บาดเจ็บลดลง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ รองลงมาคือ การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ส่วนประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์ ในการนี้ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนนได้จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัย โดยมุ่งเน้นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสำคัญ (ขับเร็ว ดื่มขับ ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย) แบ่งออกเป็น ๖ มาตรการสำคัญคือ (๑) มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านคน (๒) มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม (๓) มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ (๔) มาตรการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว (๕) มาตรการด้านการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ และ (๖) มาตรการด้านการบริหารจัดการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ โดยให้นำความเห็นของกระทรวงกลาโหม ข้อสังเกตของกระทรวงยุติธรรม และข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข เช่น ให้ทุกส่วนราชการควรร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ด้านความปลอดภัยทางถนนและปลูกฝังวินัยจราจรผ่านเครื่องมือและสื่อต่าง ๆ รวมทั้งกวดขันเรื่องวินัยจราจรอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13229 | ผลการประชุมท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Tourism Forum 2019 : ATF 2019) ครั้งที่ 38 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กก | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการประชุมท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Tourism Forum 2019 : ATF 2019) ครั้งที่ ๓๘ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๑๘ มกราคม ๒๕๖๒ ณ เมืองฮาลอง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ซึ่งการประชุม ATF 2019 แบ่งออกเป็น ๒ ระดับ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN National Tourism Organizations : ASEAN NTOs) ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาของคณะกรรมการด้านการท่องเที่ยวอาเซียน และผลการประชุมเจ้าหน้าที่ NTOs ซึ่งจะนำเสนอให้ที่ประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Tourism Minister Meeting : ATMM) เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นที่สนใจร่วมกันเพื่อกำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยว ๒. การประชุม ATMM เป็นการพิจารณาทบทวน/อนุมัตินโยบายและแผนงานที่ได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่ NTOs โดยการประชุมดังกล่าว ประกอบด้วย ๒.๑ การประชุม ATMM ครั้งที่ ๒๒ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Tourism Strategy Plan : ATSP) ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘ ซึ่งในปี ๒๕๖๑ มีกิจกรรมสำคัญที่ดำเนินการแล้วเสร็จ รวม ๓๓ กิจกรรม โดยมีโครงการภายใต้กิจกรรมตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ที่ประเทศไทยเป็นผู้ประสานงานหลัก จำนวน ๔ โครงการ เช่น โครงการจัดทำแผนแม่บทการท่องเที่ยวเชิงอาหาร และการท่องเที่ยวเชิงศาสนาพุทธ เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับรองโครงการ/แผนงาน ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ฯ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน เช่น ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นและภาคเอกชนในการพัฒนาการท่องเที่ยว เป็นต้น รวมทั้งให้ความสนใจเกี่ยวกับความคืบหน้าการจัดทำ ASEAN Common Visa และการจัดทำ ASEAN Business Travel Card ด้วย ๒.๒ การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ ๗ ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียน-อินเดีย ในด้านการท่องเที่ยวด้วยความพยายามที่จะสร้างสรรค์กิจกรรมที่เข้มข้นขึ้น และรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดียว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ๒.๓ การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม (สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) ครั้งที่ ๑๘ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวของประเทศอาเซียนบวกสาม และกล่าวขอบคุณทั้ง ๓ ประเทศ ในการสนับสนุนกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือฯ และหวังว่าประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสามจะดำเนินการตามแผนงานความร่วมมือที่จะจัดขึ้นในปี ๒๕๖๒ เช่น การประชุมเชิงปฏิบัติการอาเซียนบวกสาม เรื่อง มาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการประชุมระดับภูมิภาคอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๑ เรื่อง การอำนวยความสะดวกและลดความซับซ้อนของการเดินทางและการทำวีซ่า เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13230 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 50 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561 - 31 มกราคม 2562) | นร04 | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๕๐ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๓๑ มกราคม ๒๕๖๒) ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การแก้ไขความเดือดร้อนในพื้นที่เกี่ยวกับเรื่องที่ดินทำกิน สาธารณูปโภค สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ และ (๒) การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ด้านสังคมจิตวิทยา ด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านการต่างประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13231 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... | สว | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงควรเร่งดำเนินการออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และมาตรการต่าง ๆ รวมทั้งให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินชดเชยให้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพมีเวลาในการเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติตามร่างพระราชบัญญัตินี้ และควรจัดทำร่างกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาพลังงานทดแทน เพื่อสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนในอนาคตและให้เกิดการบูรณาการด้านพลังงานทดแทนของประเทศ ตลอดจนการบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินของกองทุนให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียนและกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13232 | ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยกำหนดเพิ่มเติมให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารและรถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของทุกประเภทการขนส่งต้องจัดให้มีระบบการจัดการความปลอดภัยในการขนส่ง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นผู้ขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสาร ควรเพิ่มการประเมินปัญหาสุขภาพสำหรับการขอใบอนุญาตขับขี่ เช่น โรคลมชัก เป็นต้น และเห็นควรให้กรมการขนส่งทางบกเร่งพิจารณาหลักเกณฑ์ ข้อกำหนด และแนวทางการปฏิบัติของการกำหนดระบบการจัดการความปลอดภัยในการขนส่ง รวมทั้งการให้ความรู้และเตรียมความพร้อมแก่ผู้ประกอบการในการปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว เพื่อให้การใช้บังคับกฎหมายดังกล่าวเกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13233 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อจัดตั้งสำนักงานยุติธรรมจังหวัด ๑-๑๘ เป็นส่วนราชการภายในสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ทำหน้าที่ประสานการบริหารราชการและปฏิบัติงานที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกระทรวงยุติธรรมในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนในระดับภูมิภาคหรือระดับพื้นที่จังหวัด และกำหนดหน้าที่และอำนาจของส่วนราชการดังกล่าว และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13234 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำเขื่อนแควน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำเขื่อนแควน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13235 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) จะออกประกาศกำหนดเงินตราสกุลอื่นนอกจากเงินตราไทยเพื่อให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถเลือกใช้เป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงานสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เมื่อพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13236 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อบริหารการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อบริหารการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อบริหารการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อบริหารการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย ซึ่งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว สรุปผลการพิจารณาได้ว่า ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้วบางส่วน เช่น การกำหนดนิยามของ MSMEs เป็นนิยามกลางใช้เหมือนกันทั้งประเทศ และควรระบุว่าภาครัฐและภาคเอกชนส่วนงานใดให้รับภารกิจในการส่งเสริม MSMEs ทางด้านใดบ้างเพื่อแต่ละองค์กรจะได้เตรียมดำเนินการได้ตรงเป้าหมาย พร้อมทั้งในกรณีการเข้าถึงแหล่งเงินทุนควรกำหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่ในการสนับสนุนการลงทุนต่าง ๆ เป็นผู้ดำเนินการให้กู้ยืม รวมทั้งผลักดันให้มีการรวมกลุ่มและมีกิจกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างธุรกิจในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Development) และเห็นด้วยกับการออกร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อย พ.ศ. .... เป็นต้น ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13237 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... | สว | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการประกาศใช้กฎหมายลำดับรองกรณีที่เป็นการเพิ่มภาระจะต้องกำหนดวันใช้บังคับให้มีความเหมาะสม กำหนดกรอบแนวทางการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการให้มีจำนวนเท่าที่จำเป็น และกรณีการกำหนดข้อยกเว้นการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลควรพิจารณาให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลควรคำนึงถึงผลกระทบต่อข้อมูลในส่วนอื่น ๆ หรือของบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและไม่สร้างภาระจนเกินสมควร ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13238 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการคลังได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยได้เริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา เพื่อให้ประชาชนและนักลงทุนได้ทราบและเข้าใจถึงระบบดังกล่าว และเข้ามาใช้ประโยชน์มากขึ้น รวมทั้งได้ดำเนินการเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรอง และจัดทำกรอบแนวทางการดำเนินงานเพื่อผลักดันให้มีการทำธุรกรรมดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากการใช้บังคับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13239 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี พ.ศ. ๒๕๕๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดให้เพิ่มปริญญาในสาขาวิชาศิลปกรรมศาสตร์ และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13240 | กรอบความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มธนาคารโลก พ.ศ. 2562 - 2565 | กค | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรอบความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มธนาคารโลก พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ (Country Partnership Framework : CPF) เพื่อกำหนดแนวความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มธนาคารโลกเป็นระยะเวลา ๔ ปี ซึ่งได้กำหนดขอบเขตการพัฒนาไว้ ๒ ประการ ได้แก่ (๑) การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและการเติบโตที่ยั่งยืน (Promoting Resilient and Sustainable Growth) มุ่งเน้นการสร้างภาคีความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกลุ่มธนาคารโลกกับประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถทางเศรษฐกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนของภาคเอกชนและเพิ่มเงินทุนสำหรับการพัฒนาและการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และ (๒) การพัฒนาอย่างทั่วถึง (Strengthening Inclusion) มุ่งเน้นการสร้างภาคีความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกลุ่มธนาคารโลกกับประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างทั่วถึง โดยการขับเคลื่อนเป้าหมายตาม CPF จะอยู่ในรูปแบบของการจ้างกลุ่มธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย (Reimbursable Advisory Service : RAS) เป็นหลัก ทั้งนี้ กลุ่มธนาคารโลกเชื่อว่าหากสามารถดำเนินการตามแผนการพัฒนาได้เต็มประสิทธิภาพจะสามารถช่วยยกระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เหนือกว่าการเติบโตในปัจจุบันที่ร้อยละ ๔ และสามารถขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศรายได้สูงและทั่วถึง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
.....