ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | คค. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ๓. นายปัญญา ชูพานิช ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
82 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 3/2568 | นร.08 | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัดตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ
อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง
อำเภอยะหา อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๘
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๒.๑
เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง
อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอยะหา อำเภอรามัน
อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง และร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ รวม
๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
83 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | สธ. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุชา
สะสมทรัพย์) ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายชัยชนะ
เดชเดโช)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
84 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย | มท. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นางสาวธีรรัตน์
สำเร็จวาณิชย์) ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเดชอิศม์
ขาวทอง)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
85 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายกิตติกร โล่ห์สุนทร) | นร.04 | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายกิตติกร โล่ห์สุนทร
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
86 | ปรับปรุงการมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการปรับปรุงการมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี
เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ และผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ แผนบูรณาการ ประธานรรมการ ๑.
การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายภูมิธรรม
เวชยชัย ๒. การป้องกัน ปราบปราม
และแก้ไขปัญหายาเสพติด นายภูมิธรรม
เวชยชัย ๓.
การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว นายสุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ ๔.
การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ นายสุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ ๕.
การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย นายพีระพันธุ์
สาลีรัฐวิภาค ๖.
การพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต นายพีระพันธุ์
สาลีรัฐวิภาค ๗. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นายพิชัย
ชุณหวชิร ๘. การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ นายประเสริฐ
จันทรรวงทอง ๙. รัฐบาลดิจิทัล นายประเสริฐ
จันทรรวงทอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
87 | ขออนุมัติท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย ครั้งที่ 5 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง และหากในการประชุมดังกล่าว
มีผลให้มีเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น ๆ
อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับรัสเซีย
ให้ผู้แทนไทยสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยกระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมเตรียมการฝ่ายไทยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาประเด็นที่ฝ่ายไทยประสงค์จะผลักดันในการประชุมฯ
ตลอดจนประเด็นที่คาดว่าฝ่ายรัสเซียจะหยิบยกขึ้นหารือในช่วงการประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ
และได้จัดเตรียมท่าทีไทยสำหรับการหารือในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ ครั้งที่ ๕
ดังกล่าวแล้ว เช่น การขยายความร่วมมือเศรษฐกิจระหว่างกัน
โดยร่วมพิจารณาหาแนวทางการอำนวยความสะดวกและการแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างสองประเทศ
ส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน และผลักดันการดำเนินการต่าง
ๆ ภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ASEAN ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด่วนที่สุด ที่ นร
๐๙๐๗/๑๕๙ ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงพลังงาน เห็นว่าท่าทีไทยดังกล่าวเป็นแนวทางการหารือความร่วมมือในภาพกว้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับด้านพลังงานในประเด็นการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
โดยการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน
ซึ่งมีความสอดคล้องกับการดำเนินนโยบายพลังงานของไทยในด้านการแสวงหาความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ
จึงควรคำนึงถึงบริบทและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
ควรผลักดันความร่วมมือทางการค้ากับรัสเซีย
โดยเฉพาะสินค้าที่ประเทศไทยมีศักยภาพและรัสเซียมีมูลค่าการนำเข้าจากต่างประเทศสูง
อาทิ ยานยนต์ และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก
และอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดคู่ค้าหลักของไทย
รวมถึงเพิ่มโอกาสให้ไทยขยายการค้าไปยังสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union : EAEU) ซึ่งเป็นตลาดศักยภาพใหม่ที่มีประชากรจำนวนมากและมีกำลังซื้อสูง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
88 | ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจากปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน กรณีการปนเปื้อนมลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายจากประเทศเมียนมา | สนง. กสม. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจากปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน
กรณีการปนเปื้อนมลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายจากประเทศเมียนมา ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
89 | ข้อเสนอแนะกรณีประชาชนที่ถูกอพยพจากโครงการขยายเหมืองแม่เมาะ บ้านเวียงหงส์ล้านนา อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ไม่ได้รับเอกสารสิทธิในที่ดิน | สนง. กสม. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะกรณีประชาชนที่ถูกอพยพจากโครงการขยายเหมืองแม่เมาะ
บ้านเวียงหงส์ล้านนา อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ไม่ได้รับเอกสารสิทธิในที่ดิน
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
90 | รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลากิจในวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 | นร.05 | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา
๑๕.๐๐ – ๑๖.๓๐ น.
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
91 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นรายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดิน โครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ | กษ. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
92 | ขอความเห็นชอบร่างแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2568-2575) | สภช. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม ฉบับที่ ๒
(พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๕) และมอบหมายให้สภาเกษตรกรแห่งชาติเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม
ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๕) สู่การปฏิบัติ โดยร่างแผนแม่บทฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งพร้อมสร้างโอกาสและรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
ขับเคลื่อนเกษตรสีเขียวที่สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และให้ภาคการเกษตรสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ ประกอบด้วย ๓
ยุทธศาสตร์ คือ ๑) การสร้างความเข้มแข็งของเกษตร ๒) การพัฒนาเกษตรสีเขียว และ ๓) การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลก
ตามที่สภาเกษตรกรแห่งชาติเสนอ ให้สภาเกษตรกรแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งข้อคิดเห็น ข้อสังเกต
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรกำหนดเป้าหมายรายได้เงินสดสุทธิครัวเรือนเกษตรให้ครอบคลุมจนถึงปี
๒๕๗๕ ตามกรอบระยะเวลาของแผน
และเพื่อให้การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติอย่างต่อเนื่องควรให้ความสำคัญกับการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ
รวมถึงการประเมินผลการบรรลุเป้าหมายของแผนดังกล่าว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อระบบนิเวศของทรัพยากรธรรมชาติในภาพรวมทั้งระบบ
อาทิ การใช้ปุ๋ย สารเคมี และแนวปฏิบัติในการทำเกษตร รวมถึงการทำเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำ
อันจะส่งผลให้ประเทศบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
93 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล FIVB Women's World Championships 2025 | กก. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๔๒๔,๑๗๗,๒๐๐ บาท
สำหรับเป็นค่าลิขสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล FIVB
Women’s World Championships 2025 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการกีฬาแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๓/๖๙๙๖ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยดำเนินการนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
โดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว
ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดประกอบ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
94 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2568 | ปสส. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม
๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๗
กรกฎาคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
95 | ร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... | กค. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินของโลก
(Financial Hub) และดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจากต่างประเทศให้มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยผ่านกลไกในการส่งเสริม
กำกับดูแล และการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการที่เข้ามาประกอบธุรกิจเป้าหมายใน Financial
Hub เพื่อให้บริการแก่นิติบุคคลหรือบุคคลที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
(Non-residents) อันจะช่วยพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการเงินและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
รวมทั้งสามารถดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจากต่างประเทศให้มาประกอบธุรกิจเป้าหมายในประเทศไทย
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรกำกับดูแลความเสี่ยงด้านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
(AML/CFT) ของการประกอบธุรกิจใน Financial
Hub ในระดับที่ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานในระบบการเงินหลักของประเทศและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
เตรียมหน่วยงานกำกับดูแลการประกอบธุรกิจใน Financial Hub ให้พร้อมก่อนอนุญาตให้มีการประกอบธุรกิจใน
Financial Hub รวมทั้งการกำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการจัดตั้ง
Financial Hub โดยประเมินจุดแข็งของประเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและดึงดูดให้มีการมาประกอบธุรกิจใน
Financial Hub เป็นลำดับแรก รวมถึงพิจารณาความเสี่ยงต่าง ๆ
ที่จะเกิดขึ้นอย่างรัดกุมและรอบด้าน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
96 | การกระทำผิดพระธรรมวินัยของพระสงฆ์ | นร. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากกรณีพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูปกระทำผิดพระธรรมวินัยจนถึงขั้นอาบัติปาราชิกและบางส่วนได้ลาสิกขาไปแล้ว
ร่วมทั้งยังมีพระสงฆ์อีกหลายรูปที่ถูกกล่าวหาหรือมีข้อสงสัยว่าอาจกระทำผิดพระธรรมวินัยด้วยเช่นเดียวกัน
ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุชาติ
ตันเจริญ) กำกับให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร่วมกับมหาเถรสมาคม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการติดตามพระสงฆ์ที่กระทำผิดพระธรรมวินัยรวมถึงผู้ร่วมกระทำผิดทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาลงโทษตามพระธรรมวินัยและ/หรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
รวมทั้งให้เร่งพิจารณาทบทวนและแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง
และมติคณะสงฆ์ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง เหมาะสม และเป็นปัจจุบัน ครอบคลุมถึงการกระทำความผิดของทั้งพระสงฆ์และฆราวาสในทุกมิติ
รวมตลอดถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด ให้ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อมิให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนาอีกต่อไป ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งรณรงค์เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยพุทธ
การปฏิบัติตัวของฆราวาสและพระสงฆ์ และการดำเนินชีวิตตามพุทธวิถีของไทย ให้ถูกต้อง
ทั่วถึง และต่อเนื่อง เพื่อธำรงไว้ซึ่งศีลธรรมอันดีและความสงบเรียบร้อยของประชาชนในสังคมโดยรวม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
97 | มาตรการยกระดับความปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรมของประชาชนและนักท่องเที่ยว | นร. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการบูรณาการข้อมูลโดยนำข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลและการกระทำความผิดที่มีอยู่ของหน่วยงานมาใช้ร่วมกับระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
(CCTV) ในการติดตาม ตรวจสอบ
และปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดและปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือที่อาศัยพื้นที่ดังกล่าวเป็นทางผ่านในการกระทำความผิด
จนเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม นั้น เพื่อเป็นการขยายผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
จึงขอมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม
เพื่อบูรณาการข้อมูลและนำระบบดังกล่าวมาใช้ในการดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ของแต่ละจังหวัดที่มีผู้คนรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เช่น
แหล่งท่องเที่ยว โรงพยาบาล ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินการนำร่องในจังหวัดต่าง ๆ
ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักก่อนเป็นลำดับแรก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
98 | มาตรการให้ความช่วยเหลือดูแลผู้ประกอบการและประชาชนบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา | นร.04 | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ใน ๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ อุบลราชธานี สระแก้ว บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ
จันทบุรี และตราด โดยจำกัดเวลาในการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนดังกล่าว เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติตามความเหมาะสมกับสถานการณ์
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ด้วย จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่จำเป็นต้องขนส่งสินค้าข้ามแดน
เนื่องจากกระบวนการขนส่งสินค้าข้ามแดนในปัจจุบันอาจมีความล่าช้าและต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งที่ยาวนานขึ้น
เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบให้เหลือน้อยที่สุด เช่น
การเพิ่มช่องทางการตลาดและการจำหน่ายสินค้า
การขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของไทยในการรับซื้อสินค้าทั้งที่เป็นสินค้าทางการเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมให้มากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
99 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (ว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ภูมิประเทศ) | กค. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ภูมิประเทศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพสามิต ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต
(นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔
ตุลาคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
100 | รายงานความคืบหน้าการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม | สวส. | 08/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานความคืบหน้าการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ๒. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมเป็นระยะเวลา
๖๐ วัน นับแต่วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๘
โดยให้การขยายระยะเวลาในครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ
ให้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบต่อไป ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมและคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่ากระบวนการในการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมมีผลเกี่ยวข้องกับความต่อเนื่องในการบริหารงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
ดังนั้น การดำเนินการที่เป็นไปโดยล่าช้าและไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
จึงควรกระทำเมื่อมีเหตุผลความจำเป็นเท่านั้น
อีกทั้งควรพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการที่ยังไม่แล้วเสร็จให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่าสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมได้ดำเนินการขั้นตอนการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมแล้ว
จึงเห็นควรขยายเวลาอีก ๖๐ วัน นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาไว้เดิม
(วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๘) เป็นสิ้นสุดวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๘
|