ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 380 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 7581 - 7600 จากข้อมูลทั้งหมด 11334 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7581 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาให้สถานะตามกฎหมายแก่คนญวนอพยพ | มท | 09/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับการพิจารณาให้สถานะตามกฎหมายแก่คนญวนอพยพ โดยผลการดำเนินการจนถึงปัจจุบันมีคนญวน อพยพที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมาย และได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว รวมทั้ง สิ้น 25,133 คน โดยอนุมัติให้มีสัญชาติไทย จำนวน 23,161 คน (ล่าสุดอนุมัติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 จำนวน 574 คน) และอนุมัติให้เป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1,972 คน (ล่าสุด อนุมัติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 จำนวน 43 คน ส่วนผู้ที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมายไว้แล้วแต่อยู่ ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบพฤติการณ์ด้านยาเสพติดและอาชญากรรม (อาชญากรรมข้ามชาติและที่มีโทษ ทางอาญา) จำนวนทั้งสิ้น 4,635 คำร้อง จำแนกเป็น ขอมีสัญชาติไทย จำนวน 3,315 คำร้อง และขอมีสถานะ ต่างด้าว ฯ จำนวน 1,320 คำร้อง ซึ่งในส่วนของผู้ที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมาย คณะกรรมการพิจารณา ให้สัญชาติไทยและให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อย ในการประชุมครั้งที่ 1/ 2547 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2547 เห็นชอบให้ส่งคำร้องเหล่านี้ให้จังหวัดที่มีผู้ยื่นคำร้อง จำนวน 13 จังหวัด ดำเนินการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ยื่นคำร้อง ตรวจสอบความมีตัวตนอยู่จริง ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และ ข้อมูลของผู้ยื่นคำร้องให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน จากนั้นให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดตรวจสอบ ประวัติอาชญากรรมและยาเสพติด แล้วนำผลการตรวจสอบเข้าพิจารณาในคณะอนุกรรมการ ฯ ระดับจังหวัด และเสนอคณะกรรมการ ฯ ระดับกระทรวงพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ได้ จัดประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการกำหนดสถานะตาม กฎหมายแก่คนญวนอพยพเพื่อให้การดำเนินการตามแผนงานแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 นอก จากนี้ ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนาม เมื่อวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2547 ได้เห็นชอบตาม ข้อตกลงของที่ประชุมกลุ่มการเมืองและความมั่นคง ข้อ 3.2 ไทยจะพิจารณาให้สัญชาติแก่ชาวเวียดนามที่อาศัย อยู่ในประเทศไทยซึ่งยังคงค้างอยู่จำนวนประมาณ 3,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2547 ในการนี้กระทรวงมหาด ไทยได้มีหนังสือแจ้งกำชับจังหวัดที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวด้วยแล้ว สำหรับคนญวน อพยพที่ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้มีสัญชาติไทย เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 กระทรวงมหาดไทยจะได้ร่วมกับจังหวัดที่บุคคลดังกล่าวมีภูมิลำเนา ได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม หนอง คาย อุดรธานี มุกดาหาร และอุบลราชธานี รวมกันจัดพิธีมอบหลักฐานแสดงความเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย และมีปฏิญาณตนเพื่อสำนึกในความเป็นไทยต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ธงชาติไทย ขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 ณ หอประชุมสถาบันราชภัฏสกลนคร จังหวัดสกลนคร โดยมี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประมวล รุจนเสรี) เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาด ไทยเปลี่ยนคำว่า "คนญวนอพยพ" เป็น "ชาวเวียดนามอพยพ" ด้วย
|
|||||||||||||||
7582 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาให้สถานะตามกฎหมายแก่คนญวนอพยพ | มท | 09/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับการพิจารณาให้สถานะตามกฎหมายแก่คนญวนอพยพ โดยผลการดำเนินการจนถึงปัจจุบันมีคนญวน อพยพที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมาย และได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว รวมทั้ง สิ้น 25,133 คน โดยอนุมัติให้มีสัญชาติไทย จำนวน 23,161 คน (ล่าสุดอนุมัติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 จำนวน 574 คน) และอนุมัติให้เป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1,972 คน (ล่าสุด อนุมัติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 จำนวน 43 คน ส่วนผู้ที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมายไว้แล้วแต่อยู่ ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบพฤติการณ์ด้านยาเสพติดและอาชญากรรม (อาชญากรรมข้ามชาติและที่มีโทษ ทางอาญา) จำนวนทั้งสิ้น 4,635 คำร้อง จำแนกเป็น ขอมีสัญชาติไทย จำนวน 3,315 คำร้อง และขอมีสถานะ ต่างด้าว ฯ จำนวน 1,320 คำร้อง ซึ่งในส่วนของผู้ที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมาย คณะกรรมการพิจารณา ให้สัญชาติไทยและให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อย ในการประชุมครั้งที่ 1/ 2547 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2547 เห็นชอบให้ส่งคำร้องเหล่านี้ให้จังหวัดที่มีผู้ยื่นคำร้อง จำนวน 13 จังหวัด ดำเนินการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ยื่นคำร้อง ตรวจสอบความมีตัวตนอยู่จริง ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และ ข้อมูลของผู้ยื่นคำร้องให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน จากนั้นให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดตรวจสอบ ประวัติอาชญากรรมและยาเสพติด แล้วนำผลการตรวจสอบเข้าพิจารณาในคณะอนุกรรมการ ฯ ระดับจังหวัด และเสนอคณะกรรมการ ฯ ระดับกระทรวงพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ได้ จัดประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการกำหนดสถานะตาม กฎหมายแก่คนญวนอพยพเพื่อให้การดำเนินการตามแผนงานแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 นอก จากนี้ ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนาม เมื่อวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2547 ได้เห็นชอบตาม ข้อตกลงของที่ประชุมกลุ่มการเมืองและความมั่นคง ข้อ 3.2 ไทยจะพิจารณาให้สัญชาติแก่ชาวเวียดนามที่อาศัย อยู่ในประเทศไทยซึ่งยังคงค้างอยู่จำนวนประมาณ 3,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2547 ในการนี้กระทรวงมหาด ไทยได้มีหนังสือแจ้งกำชับจังหวัดที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวด้วยแล้ว สำหรับคนญวน อพยพที่ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้มีสัญชาติไทย เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 กระทรวงมหาดไทยจะได้ร่วมกับจังหวัดที่บุคคลดังกล่าวมีภูมิลำเนา ได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม หนอง คาย อุดรธานี มุกดาหาร และอุบลราชธานี รวมกันจัดพิธีมอบหลักฐานแสดงความเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย และมีปฏิญาณตนเพื่อสำนึกในความเป็นไทยต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ธงชาติไทย ขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 ณ หอประชุมสถาบันราชภัฏสกลนคร จังหวัดสกลนคร โดยมี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประมวล รุจนเสรี) เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาด ไทยเปลี่ยนคำว่า "คนญวนอพยพ" เป็น "ชาวเวียดนามอพยพ" ด้วย
|
|||||||||||||||
7583 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับกระทู้ถาม | นร | 09/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีที่
เกี่ยวข้องกับกระทู้ถาม โดยรวมเป็นมติคณะรัฐมนตรีเดียว ดังนี้ เมื่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาหรือสำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รับกระทู้ถามจากสมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว สำนักงาน เลขาธิการ ฯ จะส่งกระทู้ถามดังกล่าวไปยังกระทรวงเจ้าของเรื่องและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อเตรียม ตอบในราชกิจจานุเบกษาหรือในที่ประชุมสภาแห่งนั้น ๆ แล้วแต่กรณี และแจ้งให้กระทรวงเจ้าของเรื่องทราบ อีกครั้งหนึ่งเพื่อจัดเตรียมคำตอบ โดยแจ้งให้ทราบด้วยว่า หากไม่สามารถตอบได้ภายในกำหนดเวลาตามข้อ บังคับการประชุมวุฒิสภา หรือการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็ให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาหรือสำนัก งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทราบด้วย และเมื่อกระทรวงเจ้าของเรื่อง ได้รับกระทู้ถามแล้ว ให้เร่งรัดจัดทำคำตอบและส่งคำตอบกระทู้ถามไปให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อ นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน 2 สัปดาห์ นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้ ใช้แบบและคำขึ้นต้นกระทู้ถามแบบเดิมตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้เคยจัดทำไว้ และเมื่อสำนักเลขา ธิการนายกรัฐมนตรีได้รับคำตอบเรียบร้อยแล้ว ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายก รัฐมนตรีมอบหมาย เพื่อสั่งการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนตอบในราชกิจจานุเบกษา หรือในที่ประชุมสภา แล้วแต่กรณี และเมื่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือที่รองนายกรัฐมนตรีสั่งการ แล้ว จากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีให้นำรายชื่อกระทู้ถามและหน่วยงานผู้ตอบเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ และเมื่อคณะรัฐมนตรีรับทราบแล้ว หากกรณีเป็นกระทู้ถามที่ตอบในราชกิจจานุเบกษา สำนักเลขาธิการคณะ รัฐมนตรีจะนำคำตอบกระทู้ถามประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้วแจ้งให้กระทรวงเจ้าของเรื่อง สำนักเลขาธิ การนายกรัฐมนตรี และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาหรือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้วแต่กรณี ทราบต่อไป หากกรณีเป็นกระทู้ถามที่ต้องตอบในที่ประชุมสภา ฯ จะแจ้งไปยังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา หรือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า รัฐมนตรีพร้อมจะตอบกระทู้ถามนั้น ๆ แล้ว พร้อมกับแจ้งให้ รัฐมนตรีเจ้าของเรื่องเตรียมตอบกระทู้ถาม และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป โดยกระทู้ถามที่ ต้องตอบในที่ประชุมสภา ฯ และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาหรือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่กรณี ได้จัดเข้าในระเบียบวาระการประชุมโดยที่ยังไม่ได้รับแจ้งว่ารัฐมนตรีพร้อมจะตอบ ให้รัฐมนตรีเจ้าของ เรื่องรีบนำคำตอบเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนตอบกระทู้ถามต่อไป แต่ถ้ารัฐมนตรีไม่พร้อมจะตอบให้รีบแจ้งไป ยังสภา ฯ โดยตรง ทั้งนี้ หากกระทู้ถามมีผลกระทบกับข้อกฎหมายหรือทางคดีมีผลกระทบต่อนโยบายของ รัฐบาล และยังไม่สมควรเปิดเผยตามมาตรา 183 ของรัฐธรรมนูญ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อน ดำเนินการต่อไป ส่วนคำตอบกระทู้ถามเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษาเรื่องใดที่เสนอคณะรัฐมนตรีแล้ว หาก มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมใหม่ให้รัฐมนตรีเจ้าของเรื่องรับไปปรับปรุงกระทู้ถามดังกล่าวแล้วจึงส่งมาลงพิมพ์ใน ราชกิจจานุเบกษาได้ สำหรับกรณีกระทู้ถามด่วน หรือกระทู้ถามสดด้วยวาจา สมควรประสานงานกับเจ้าหน้า ที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาล่วงหน้าก่อนเริ่ม การประชุมสภา ฯ ในวันนั้นด้วย กับให้ดำเนินการกระทู้ถามใหม่และกำหนดเวลาที่ต้องปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2546 ดังนี้ กระทู้ถามรัฐมนตรีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับไว้และ อยู่ระหว่างดำเนินการ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไปตามเดิม รวมไปถึงกระทู้ถามนายก รัฐมนตรีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับไว้และได้ส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการแล้ว ให้ ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2547 เป็นต้นไป นอก จากนี้ เมื่อได้มีการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2531 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติมเสร็จเรียบร้อย โดยกำหนดให้กระทู้ถามไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว ให้สำนัก เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบการดำเนินการกระทู้ถามทั้งหมด ไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกต่อไป โดยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบการดำเนินการกระทู้ถามเต็มรูปแบบ แต่สำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรียังคงรับผิดชอบในส่วนการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
|
|||||||||||||||
7584 | สรุปผลการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษจังหวัดสมุทรปราการ | ทส | 09/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการ
ดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ โดยได้แจ้งความ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีอาญา กิจ การร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี บริษัทปาล์มบีช ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด และบริษัทคลองด่านมารีน แอนฟิชเชอร์รี่ จำกัด ฐานร่วมกันฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดินในโครงการจัดการน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ และให้ดำเนินคดีอาญา กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี กรณีที่มีการถอนตัวของบริษัท นอร์ธเวสต์ วอเตอร์ อิน เตอร์เนชั่นแนล และได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ ให้ดำเนินคดีอาญา บริษัทปาล์มบีช ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ในความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงาน ผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ และความผิดฐานใช้ เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดดังกล่าว และดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ของรัฐในฐานความผิดเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และได้ ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2546 โดยดำเนินการยื่นฟ้องคดีอาญา กิจการร่วม ค้าเอ็นวีพีเอสเคจี กับพวกในข้อหาฉ้อโกง ในส่วนของกลุ่มธนาคารผู้ค้ำประกัน ได้ดำเนินการฟ้องคดีแพ่งกับ กลุ่มธนาคารผู้ค้ำประกันต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เรียกให้ชำระหนี้ตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน และได้ขอให้ พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีแพ่งกับกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจีเพื่อเรียกร้องเงินค่าจ้างและเงินอื่น ๆ ที่ได้จ่ายไปคืนมาตามมูลหนี้เรื่องลาภมิควรได้ นอกจากนี้ ได้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดิน จำนวน 4 โฉนดทั้ง แปลง ประกอบด้วย โฉนดที่ดินเลขที่ 15024 โฉนดที่ดินเลขที่ 13150 โฉนดที่ดินเลขที่ 13817 และโฉนดที่ ดินเลขที่ 15528 ในการนี้ ได้ว่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายเพื่อปฏิบัติงานสนับสนุนการตรวจสอบ และสอบสวน ข้อเท็จจริงต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับระเบียบและข้อกฎหมาย และว่าจ้างกลุ่มที่ปรึกษาเพื่อประเมินความเหมาะ สมของการดำเนินโครงการ ฯ เพื่อวิเคราะห์และจัดทำทางเลือกในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งได้ให้สถาบันวิชา การศึกษาวิเคราะห์ทางสังคม และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินโครงการ ฯ กำหนดแล้วเสร็จ ภายในเดือนกันยายน 2547 ทั้งนี้ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รับผิดชอบ ดูแล ติดตามการดำเนินการในคดีต่าง ๆ ตลอดจนให้คำปรึกษาแนะนำแก่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||
7585 | ขออนุมัติจัดซื้อเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และเครื่องตรวจจับความเร็วโดยวิธีพิเศษ | มท | 09/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ
ความปลอดภัยทางถนนเสนอ ดังนี้ รับทราบการดำเนินการจัดซื้อเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และเครื่อง ตรวจจับความเร็ว (Speed gun) โดยวิธีการประกวดราคาจัดซื้ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ของศูนย์อำนวย การความปลอดภัยทางถนน และอนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 เรื่อง ขอ อนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อจัดหาเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และเครื่องตรวจจับความเร็ว เพื่อสนับสนุน การปฏิบัติงาน ให้แก่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัด และสถานีตำรวจนครบาลในเขต กรุงเทพมหานครเฉพาะส่วนของการนำวิธีการประกวดราคาจัดซื้อทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการจัดหาเครื่อง ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และเครื่องตรวจจับความเร็ว สำหรับผลการดำเนินการจัดซื้อได้กำหนดคุณลักษณะ เฉพาะเพื่อให้ได้เครื่องมืออุปกรณ์ที่มีคุณภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ และเปิดกว้างให้เกิดการแข่ง ขันราคาอย่างเป็นธรรม โดยได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์การจัดหาพัสดุ โดยวิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็ก ทรอนิกส์ (e-Auction) มีผู้สนใจติดต่อขอซื้อเอกสารการประมูลซื้อครุภัณฑ์ จำนวน 2 รายการ ด้วยระบบ อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งสิ้น 11 ราย โดยในส่วนของเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ จำนวน 836 เครื่อง มีผู้เสนอ เอกสาร 3 ราย แต่ผ่านการพิจารณาเพียง 1 ราย จึงให้ยกเลิกการประมูลซื้อเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ เนื่องจากไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในการประมูลที่กำหนดไว้จำนวนผู้ค้าที่ผ่านการคัดเลือกต้องไม่น้อยกว่า 3 ราย รวมทั้งยกเลิกการประมูลเครื่องตรวจจับความเร็ว จำนวน 350 ชุด เนื่องจากมีผู้เข้าประมูลเพียง 2 ราย และไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การจัดหาและจัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวสามารถ ดำเนินการส่งมอบให้ศูนย์ ฯ ได้ทันใช้ในการปฏิบัติงานของหน่วยต่าง ๆ ตามมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ในการรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุทางการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2547 จึงเห็นควรยกเลิกการประมูล ซื้อด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 และให้ศูนย์ ฯ พิจารณาดำเนินการเรื่องนี้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม |
|||||||||||||||
7586 | กระทู้ถามที่ 1154 ร. เรื่อง การรณรงค์ให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครอนุรักษ์และพัฒนาดูแลรักษาลำคลองสายต่าง ๆ เพื่อเป็นเส้นทางเดินทางและท่องเที่ยว | สผ | 02/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1154
ร. เรื่อง การรณรงค์ให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครอนุรักษ์และพัฒนาดูแลรักษาลำคลองสายต่าง ๆ เพื่อ เป็นเส้นทางเดินทางและท่องเที่ยว ของนายศิริ หวังบุญเกิด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า รัฐบาลมีนโยบายและแนวทาง ในการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง โดยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2544 เห็นชอบ กำหนดให้วันที่ 20 กันยายนของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ รวมทั้งได้กำหนด ให้ปี พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2546 เป็น "ปีแห่งการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง" รวมทั้งให้มีการตั้งคณะ กรรมการระดับชาติ เพื่อเป็นองค์กรหลักในการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อม แม่น้ำ คู คลอง และ ให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินการตามนโยบายและแผนงานและโครงการนำร่องที่ กำหนด นอกจากนี้ ได้มีการพัฒนาและดำรงรักษาแม่น้ำ คู คลอง ไม่ให้เสื่อมโทรมไปกว่าที่เป็นอยู่ โดยเร่ง ฟื้นฟูแม่น้ำ คู คลอง ที่เสื่อมโทรม เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการคมนาคมขนส่ง การเกษตร การอุปโภคและบริโภค และวิถีชีวิตของประชาชน ให้มีกลไกในการกำกับดูแลการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภาค และระดับประเทศ โดยมีกฎหมายรองรับ และให้มีการขึ้นทะเบียนแม่ น้ำ คูคลองที่ควรอนุรักษ์ เพื่อให้มีการดูแลรักษาและใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม และมีแผนการอนุรักษ์และ พัฒนาสภาพแวดล้อมแม่น้ำ คู คลอง ได้แก่ แผนปฏิบัติงานระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2546) และ แผนปฏิบัติงานระยะยาว (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2549) สำหรับมาตรการที่ให้ประชาชนหันมาใช้การคมนาคม ทางน้ำด้วยความปลอดภัย กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการจราจรและขนส่ง ได้ประสานกรมการขนส่งทาง น้ำและพาณิชยนาวี ในการขอรับโอนสถานีขนส่งทางน้ำ (ท่าเทียบเรือสาธารณะ ท่าข้าม) จากกระทรวง คมนาคม ตามแผนการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนการพัฒนาปรับปรุงลำคลอง สายต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครให้เป็นเส้นทางเดินทางและท่องเที่ยวทางน้ำ ได้มีการกำหนดไว้ในแผนงาน ระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2546) และแผนปฏิบัติงานระยะยาว (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2549) ประกอบ ด้วย แผนงานการฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อม แผนงานการฟื้นฟูธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญา ท้องถิ่น และแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ |
|||||||||||||||
7587 | กระทู้ถามที่ 1178 ร. เรื่อง ขอให้ตั้งจังหวัดพระนารายณ์ | สผ | 02/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1178 ร.
เรื่อง ขอให้ตั้งจังหวัดพระนารายณ์ ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า รัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทย ได้ ตรวจสอบการขอให้แบ่งแยกเขตการปกครองของจังหวัดลพบุรี ไปตั้งเป็นจังหวัดใหม่ชื่อ "จังหวัดพระนารายณ์" โดยพิจารณาตามหลักเกณฑ์และแนวทางการตั้งจังหวัดใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2524 และจากผลการพิจารณาเห็นว่า การแบ่งเขตการปกครองของจังหวัดลพบุรี ไปเป็นจังหวัดใหม่ชื่อ "จังหวัดพระ นารายณ์" ยังไม่เป็นการสมควร เนื่องจากปัจจุบันจังหวัดลพบุรียังมีพระนารายณ์ราชนิเวศน์เป็นหลักฐาน และ ได้มีการประกาศเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2504 เป็นที่รู้จักของประชาชน จังหวัดลพบุรีที่ส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้แบ่งแยกพื้นที่จังหวัดไปเป็นจังหวัดใหม่ ประกอบกับเมื่อได้พิจารณาตาม หลักเกณฑ์การจัดตั้งจังหวัดใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ปรากฏว่า เนื้อที่และสภาพภูมิศาสตร์ จำนวน อำเภอในเขตการปกครอง จำนวนประชากร และลักษณะพิเศษของจังหวัด ไม่เข้าหลักเกณฑ์การจัดตั้งจังหวัด ใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งได้มีการพิจารณาตรวจสอบข้อมูลเหตุผลความจำเป็นและความเป็นไปได้ใน การจัดตั้งจังหวัดใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรี ปรากฏว่า ยังไม่สมควรแยกเขตการปกครองของจังหวัดลพบุรี ไป ตั้งเป็นจังหวัดใหม่ในขณะนี้ |
|||||||||||||||
7588 | การเร่งรัดกระบวนการตรากฎหมายของคณะรัฐมนตรี | นร | 02/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอการเร่งรัดกระบวนการตรากฎ
หมายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดประชุมร่วมระหว่าง รองนายกรัฐมนตรี (นาย วิษณุ เครืองาม) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และผู้แทนเลขาธิการคณะกรรม การกฤษฎีกา โดยผลการประชุมหารือในเรื่องดังกล่าวนอกจากจะเป็นการเร่งรัดกระบวนการตรากฎหมายให้ มีความรวดเร็วขึ้น ควรมีการพัฒนาประสิทธิภาพให้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้นควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ ในการเร่งรัด กระบวนการตรากฎหมายของคณะรัฐมนตรี จะประกอบด้วย ขั้นตอนก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี ขั้นตอนการนำ เสนอคณะรัฐมนตรี การแจ้งมติคณะรัฐมนตรี การตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย การพิจารณาของคณะกรรมการ ประสานงานสภาผู้แทนราษฎร การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา การนำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย การประกาศในราชกิจจานุเบกษา การเตรียมการออกอนุบัญญัติตามกฎหมายแม่บท และการจัดทำประมวล กฎหมาย (Codification) หรือรวบรวมกฎหมายให้เป็นหมวดหมู่ และให้แจ้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบ และ รับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||
7589 | ขอความเห็นชอบในการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย โครงการพัฒนาดาวเทียม Remote Sensing ของประเทศไทย (ดาวเทียม THEOS) | วท | 02/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้ใช้จ่ายเงินงบประมาณราย
จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการ พัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (16,500 ล้านบาท) ในส่วนที่เป็นเงินเหลือจ่ายของโครงการพัฒนาดาวเทียม Remote Sensing ของประเทศไทย (ดาวเทียม THEOS) ที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยให้กระทรวงวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ) รับไปจัดทำแผนการปฏิบัติงานและ แผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินการจริงในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพื่อเสนอ คณะกรรมการพิจารณาค่าใช้จ่ายเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศเพื่อพิจารณา ต่อไป เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 บังคับใช้แล้ว สำหรับ งบประมาณรายจ่ายที่ต้องผูกพันต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2550 ให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยี อวกาศและภูมิสารสนเทศเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น เหมาะสม และประหยัด รวม ทั้งให้ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบ การดำเนินการด้วย และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประสานกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเร่งรัดดำเนิน การจัดหาดาวเทียมตามโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2546 เรื่อง สรุปผลการดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างคณะกรรมการต่อรองราคาและเงื่อนไขอื่น ๆ ในการพัฒนาดาวเทียม Remote Sensing ของประเทศไทย กับ บริษัท EADS-ASTRIUM S.A.S ประเทศฝรั่งเศส ที่กำหนดให้ดำเนินการใน ลักษณะการค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) 100 เปอร์เซ็นต์ ต่อไป โดยสินค้าของไทยที่จะนำมาดำเนินการใน ครั้งนี้ ควรเจรจาให้เป็นสินค้าที่ฝ่ายไทยมีความพร้อมส่งออกนอกเหนือจากที่ประเทศไทยได้ส่งออกไปจำหน่ายใน ตลาดฝรั่งเศสอยู่แล้วตามปกติ เช่น ไก่ต้มสุก กุ้งแช่แข็ง เป็นต้น กับให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิ สารสนเทศประสานกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมไปถึงจัดฝึกอบรมในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ สามารถนำเทคโนโลยีและข้อมูลต่างๆ จากโครงการดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ร่วมกันและเกิดความคุ้มค่าแก่ทางราช การในภาพรวมให้มากที่สุด |
|||||||||||||||
7590 | การรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการจัดทำแผนแม่บทแห่งชาติด้านนาโนเทคโนโลยี | วท | 02/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานผลการดำเนินการจัด
ทำแผนแม่บทแห่งชาติด้านนาโนเทคโนโลยี ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งผลการดำเนินงาน สวทช. โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (ศน.) ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมจัดทำแผนแม่บท ฯ และมีการแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำร่างแผนแม่บทด้านนาโนเทคโนโลยี 4 คณะ ได้แก่ (1) Nanobiotechnology (2) Nanoelectronics (3) Nanomaterials และ (4) Nanoeducation/HRD โดยแต่ละ คณะทำงานได้ประชุมปรึกษาหารือและระดมสมองเพื่อจัดทำร่างแผนแม่บท ฯ ในแต่ละด้านตั้งแต่เดือนพฤศจิกา ยน 2546 ก่อนนำมาปรับปรุงและบูรณาการเป็นร่างแผนแม่บท ฯ รวมทั้งได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ฯ โดยเชิญคณะทำงานทุกคณะเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำร่างแผนแม่บท ฯ มาเป็นระยะ ๆ และได้ จัดทำร่างแผนแม่บท ฯ ในเบื้องต้นแล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการแก้ไขเพิ่มเติมโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณ วุฒิที่เกี่ยวข้อง เพื่อจักได้ร่างแผนแม่บท ฯ ที่สมบูรณ์ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||
7591 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ พ.ศ. .... | มท | 02/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ เห็นชอบให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10
กุมภาพันธ์ 2547 เกี่ยวกับการกำหนดวัน เวลาเปิด-ปิดสถานบริการ โดยให้สถานบริการที่ตั้งอยู่ก่อนวันที่พระ ราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546 มีผลใช้บังคับ มีวันเวลาเปิดปิดตามกฎหมายเดิม แทนการ ใช้วันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตหรืองดอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ (Zoning) เป็นตัว กำหนด ทั้งนี้ ให้เงื่อนไขดังกล่าวที่ใช้กับเวลาเปิดปิดสถานบริการที่ตั้งอยู่นอกเขต ฯ สิ้นสุดลง หากได้กระทำ การฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถาน บริการ พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับ ข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า ร่างข้อ 7 กำหนดเฉพาะสถานบริการตามมาตรา 3(5) ของพระ ราชบัญญัติสถานบริการ ฯ ที่อยู่ในเขต ฯ จึงสมควรพิจารณาว่าจะต้องกำหนดในส่วนของสถานบริการตาม มาตรา 3(5) ที่ตั้งอยู่นอกเขต ฯ ด้วยหรือไม่ และการกำหนดให้เงื่อนไขที่ใช้กับเวลาเปิดปิดสถานบริการที่ตั้งอยู่ นอกเขต ฯ สิ้นสุดลงตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547 จะสามารถกระทำได้ตามกฎหมายว่า ด้วยสถานบริการหรือไม่ |
|||||||||||||||
7592 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดแนวทาง และมาตรการในการดำเนินการแก้ไขปัญหานำเข้าสารเคมี | อก | 02/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางและมาตรการในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการนำเข้าสารเคมี โดยได้กำหนดหลัก เกณฑ์การพิจารณาห้ามนำเข้า ผลิต ส่งออก และมีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตราย และออกประกาศกระทรวง อุตสาหกรรมเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2544 เพื่อห้ามนำเข้า ผลิต ส่งออก และมีไว้ใน ครอบครองสารเคมีที่ประเทศพัฒนาแล้วห้ามใช้และประเทศไทยไม่มีการใช้ หรือมีสารทดแทน จำนวน 49 ราย การส่วนความคืบหน้าการดำเนินการควบคุมการใช้และการนำเข้าสารเคมี (กรณีปัญหาไวน์ปลอม) คณะกรรม การวัตถุอันตรายเห็นชอบให้ควบคุม gamma Butyrolactone และสารเคมีอื่นที่มีโครงสร้างคล้ายกันอีก 2 ราย การ ได้แก่ 1,4 Butane Diol และ gamma Hydroxy Valerate เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 และห้ามใช้วัตถุอันตราย ทางด้านสาธารณสุข 6 รายการ ห้ามใช้วัตถุอันตรายทางด้านอุตสาหกรรม 3 รายการ และควบคุมวัตถุอัน ตรายทางด้านสาธารณสุขให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเปลี่ยนจากชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่ 3 จำนวน 3 รายการ และจะได้ พิจารณาต่อไปจนครบ 130 รายการ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการออกประกาศควบคุม นอกจากนี้ คณะอนุกรรม การเพื่อพิจารณาข้อมูลและกลั่นกรองความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายชนิดต่าง ๆ เห็นชอบให้ควบคุมสาร เคมีอันตรายร้ายแรง (Extremely hazardous substance) จำนวน 146 รายการ เป็นวัตถุอันตรายไม่ต่ำกว่า ชนิดที่ 3 และควบคุมสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เกิดการกลายพันธุ์ และเป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ จำนวน 43 รายการ เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ซึ่งห้ามนำเข้า ผลิต ส่งออก และมีไว้ในครอบครอง ยกเว้นรายการที่ยังมี ความจำเป็นต้องใช้ ขณะนี้อยู่ระหว่างให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมโรงงานอุตสาห กรรม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจเคมี และสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พิจารณา
|
|||||||||||||||
7593 | รายงานผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 พ.ศ. .... ในขั้นกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎร | กค | 22/02/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเสนอผลการพิจารณาร่างพระ
ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ของสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเสร็จแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเห็นชอบด้วย กับร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีเสนอ โดยไม่มีการแก้ไขในสาระสำคัญ มีผู้ขอสงวนคำแปรญัตติจำนวน หนึ่ง ซึ่งคาดว่า สภาผู้แทนราษฎรอาจกำหนดพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการ ฯ พิจารณา เสร็จแล้วในวันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ 2547 และ ในกรณีร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอและอยู่ในชั้น การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา ให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของเรื่องติดตามความ เคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดและกำชับเจ้าหน้าที่ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2540 เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอต่อรัฐสภาโดยเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||
7594 | แผนเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้งปี 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 22/02/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่องในวาระสำคัญ (Agenda Based) เรื่อง การบริหารจัดการน้ำ ประกอบ
ด้วย เรื่อง แผนเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การรวมหน่วย งานด้านน้ำให้อยู่ในกระทรวงเดียวกัน (แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ) เรื่อง สรุปผลการระดมความ คิดเห็นในการประชุมกลุ่มย่อย การสัมมนาการบูรณาการการแก้ไขปัญหาอุทกภัย เรื่อง แผนยุทธศาสตร์ "การ จัดการทรัพยากรน้ำของชาติ" เรื่อง รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การผ่อน ผันการใช้น้ำบาดาลสำหรับภาคอุตสาหกรรม และเรื่อง โครงการพัฒนาโครงข่ายน้ำและการพัฒนาเกษตร กรรมแบบบูรณาการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รายงาน และเพื่อให้การบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำได้รับการพิจารณาในภาพรวมอย่างบูรณาการ ครอบคลุมทั้งในเรื่องของแหล่งน้ำ การบริหารจัด การน้ำ และผู้ใช้น้ำ เช่น การผันน้ำจากแหล่งน้ำของประเทศข้างเคียงเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนในประเทศไทย การ แก้ไขปัญหาการตื้นเขินของแหล่งน้ำ การกระจายน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำอย่างทั่วถึง เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการในเรื่อง เหล่านี้อาจจะต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ และควรจะต้องเริ่มดำเนินการไปพร้อมกันทุกด้านให้เกิดผล เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ที่จะบังเกิดขึ้นกับประชาชน จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณ กิตติ) นำเรื่องดังกล่าวทั้งหมด และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำไปประชุมร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||
7595 | การรวมหน่วยงานด้านน้ำให้อยู่กระทรวงเดียวกัน | ทส | 22/02/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่องในวาระสำคัญ (Agenda Based) เรื่อง การบริหารจัดการน้ำ ประกอบ
ด้วย เรื่อง แผนเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การรวมหน่วย งานด้านน้ำให้อยู่ในกระทรวงเดียวกัน (แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ) เรื่อง สรุปผลการระดมความ คิดเห็นในการประชุมกลุ่มย่อย การสัมมนาการบูรณาการการแก้ไขปัญหาอุทกภัย เรื่อง แผนยุทธศาสตร์ "การ จัดการทรัพยากรน้ำของชาติ" เรื่อง รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การผ่อน ผันการใช้น้ำบาดาลสำหรับภาคอุตสาหกรรม และเรื่อง โครงการพัฒนาโครงข่ายน้ำและการพัฒนาเกษตร กรรมแบบบูรณาการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รายงาน และเพื่อให้การบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำได้รับการพิจารณาในภาพรวมอย่างบูรณาการ ครอบคลุมทั้งในเรื่องของแหล่งน้ำ การบริหารจัด การน้ำ และผู้ใช้น้ำ เช่น การผันน้ำจากแหล่งน้ำของประเทศข้างเคียงเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนในประเทศไทย การ แก้ไขปัญหาการตื้นเขินของแหล่งน้ำ การกระจายน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำอย่างทั่วถึง เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการในเรื่อง เหล่านี้อาจจะต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ และควรจะต้องเริ่มดำเนินการไปพร้อมกันทุกด้านให้เกิดผล เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ที่จะบังเกิดขึ้นกับประชาชน จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณ กิตติ) นำเรื่องดังกล่าวทั้งหมด และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำไปประชุมร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||
7596 | สรุปผลการระดมความคิดเห็นในการประชุมกลุ่มย่อยการสัมมนาการบูรณาการการแก้ไขปัญหาอุทกภัย | นร | 22/02/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่องในวาระสำคัญ (Agenda Based) เรื่อง การบริหารจัดการน้ำ ประกอบ
ด้วย เรื่อง แผนเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การรวมหน่วย งานด้านน้ำให้อยู่ในกระทรวงเดียวกัน (แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ) เรื่อง สรุปผลการระดมความ คิดเห็นในการประชุมกลุ่มย่อย การสัมมนาการบูรณาการการแก้ไขปัญหาอุทกภัย เรื่อง แผนยุทธศาสตร์ "การ จัดการทรัพยากรน้ำของชาติ" เรื่อง รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การผ่อน ผันการใช้น้ำบาดาลสำหรับภาคอุตสาหกรรม และเรื่อง โครงการพัฒนาโครงข่ายน้ำและการพัฒนาเกษตร กรรมแบบบูรณาการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รายงาน และเพื่อให้การบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำได้รับการพิจารณาในภาพรวมอย่างบูรณาการ ครอบคลุมทั้งในเรื่องของแหล่งน้ำ การบริหารจัด การน้ำ และผู้ใช้น้ำ เช่น การผันน้ำจากแหล่งน้ำของประเทศข้างเคียงเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนในประเทศไทย การ แก้ไขปัญหาการตื้นเขินของแหล่งน้ำ การกระจายน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำอย่างทั่วถึง เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการในเรื่อง เหล่านี้อาจจะต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ และควรจะต้องเริ่มดำเนินการไปพร้อมกันทุกด้านให้เกิดผล เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ที่จะบังเกิดขึ้นกับประชาชน จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณ กิตติ) นำเรื่องดังกล่าวทั้งหมด และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำไปประชุมร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||
7597 | แผนยุทธศาสตร์ "การจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ" | ทส | 22/02/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่องในวาระสำคัญ (Agenda Based) เรื่อง การบริหารจัดการน้ำ ประกอบ
ด้วย เรื่อง แผนเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การรวมหน่วย งานด้านน้ำให้อยู่ในกระทรวงเดียวกัน (แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ) เรื่อง สรุปผลการระดมความ คิดเห็นในการประชุมกลุ่มย่อย การสัมมนาการบูรณาการการแก้ไขปัญหาอุทกภัย เรื่อง แผนยุทธศาสตร์ "การ จัดการทรัพยากรน้ำของชาติ" เรื่อง รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การผ่อน ผันการใช้น้ำบาดาลสำหรับภาคอุตสาหกรรม และเรื่อง โครงการพัฒนาโครงข่ายน้ำและการพัฒนาเกษตร กรรมแบบบูรณาการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รายงาน และเพื่อให้การบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำได้รับการพิจารณาในภาพรวมอย่างบูรณาการ ครอบคลุมทั้งในเรื่องของแหล่งน้ำ การบริหารจัด การน้ำ และผู้ใช้น้ำ เช่น การผันน้ำจากแหล่งน้ำของประเทศข้างเคียงเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนในประเทศไทย การ แก้ไขปัญหาการตื้นเขินของแหล่งน้ำ การกระจายน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำอย่างทั่วถึง เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการในเรื่อง เหล่านี้อาจจะต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ และควรจะต้องเริ่มดำเนินการไปพร้อมกันทุกด้านให้เกิดผล เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ที่จะบังเกิดขึ้นกับประชาชน จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณ กิตติ) นำเรื่องดังกล่าวทั้งหมด และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำไปประชุมร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||
7598 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การผ่อนผันการใช้น้ำบาดาลสำหรับภาคอุตสาหกรรม | นร | 22/02/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่องในวาระสำคัญ (Agenda Based) เรื่อง การบริหารจัดการน้ำ ประกอบ
ด้วย เรื่อง แผนเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การรวมหน่วย งานด้านน้ำให้อยู่ในกระทรวงเดียวกัน (แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ) เรื่อง สรุปผลการระดมความ คิดเห็นในการประชุมกลุ่มย่อย การสัมมนาการบูรณาการการแก้ไขปัญหาอุทกภัย เรื่อง แผนยุทธศาสตร์ "การ จัดการทรัพยากรน้ำของชาติ" เรื่อง รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การผ่อน ผันการใช้น้ำบาดาลสำหรับภาคอุตสาหกรรม และเรื่อง โครงการพัฒนาโครงข่ายน้ำและการพัฒนาเกษตร กรรมแบบบูรณาการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รายงาน และเพื่อให้การบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำได้รับการพิจารณาในภาพรวมอย่างบูรณาการ ครอบคลุมทั้งในเรื่องของแหล่งน้ำ การบริหารจัด การน้ำ และผู้ใช้น้ำ เช่น การผันน้ำจากแหล่งน้ำของประเทศข้างเคียงเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนในประเทศไทย การ แก้ไขปัญหาการตื้นเขินของแหล่งน้ำ การกระจายน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำอย่างทั่วถึง เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการในเรื่อง เหล่านี้อาจจะต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ และควรจะต้องเริ่มดำเนินการไปพร้อมกันทุกด้านให้เกิดผล เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ที่จะบังเกิดขึ้นกับประชาชน จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณ กิตติ) นำเรื่องดังกล่าวทั้งหมด และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำไปประชุมร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||
7599 | โครงการพัฒนาโครงข่ายน้ำและการพัฒนาเกษตรกรรมแบบบูรณาการ | กษ | 22/02/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่องในวาระสำคัญ (Agenda Based) เรื่อง การบริหารจัดการน้ำ ประกอบ
ด้วย เรื่อง แผนเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การรวมหน่วย งานด้านน้ำให้อยู่ในกระทรวงเดียวกัน (แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ) เรื่อง สรุปผลการระดมความ คิดเห็นในการประชุมกลุ่มย่อย การสัมมนาการบูรณาการการแก้ไขปัญหาอุทกภัย เรื่อง แผนยุทธศาสตร์ "การ จัดการทรัพยากรน้ำของชาติ" เรื่อง รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การผ่อน ผันการใช้น้ำบาดาลสำหรับภาคอุตสาหกรรม และเรื่อง โครงการพัฒนาโครงข่ายน้ำและการพัฒนาเกษตร กรรมแบบบูรณาการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รายงาน และเพื่อให้การบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำได้รับการพิจารณาในภาพรวมอย่างบูรณาการ ครอบคลุมทั้งในเรื่องของแหล่งน้ำ การบริหารจัด การน้ำ และผู้ใช้น้ำ เช่น การผันน้ำจากแหล่งน้ำของประเทศข้างเคียงเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนในประเทศไทย การ แก้ไขปัญหาการตื้นเขินของแหล่งน้ำ การกระจายน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำอย่างทั่วถึง เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการในเรื่อง เหล่านี้อาจจะต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ และควรจะต้องเริ่มดำเนินการไปพร้อมกันทุกด้านให้เกิดผล เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ที่จะบังเกิดขึ้นกับประชาชน จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณ กิตติ) นำเรื่องดังกล่าวทั้งหมด และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำไปประชุมร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||
7600 | การปล่อยกู้ของธนาคารของรัฐให้แก่ผู้ประกอบการที่มีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) | นร | 22/02/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานผลการปล่อย
กู้ของธนาคารของรัฐให้แก่ผู้ประกอบการที่มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยกระทรวงการคลังแจ้งว่า มีกรณีลูก หนี้ของสถาบันการเงินอื่นบางรายมาขอกู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ไปชำระหนี้สถาบันการเงิน เดิม แต่ไม่ปรากฏว่ามีการลดหนี้ที่สถาบันการเงินเดิมจำนวนสูงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้ สถาบันการเงินเดิมได้รับประโยชน์ เพราะได้รับชำระหนี้ไปทั้งจำนวน (หลังให้ส่วนลดแก่ลูกค้าแล้ว) และสามารถนำ เงินที่ได้รับชำระหนี้ไปขยายการให้สินเชื่อต่อไปได้ สำหรับลูกหนี้ก็ได้รับประโยชน์เพราะได้เงินกู้ยืมใหม่จากธนาคาร กรุงไทย ฯ ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสถาบันการเงินเดิม เนื่องจากขณะนี้ธนาคารกรุงไทย ฯ สามารถแข่งขันด้าน ราคาได้ดีกว่าสถาบันการเงินอื่นด้วยต้นทุนของเงินที่ได้เปรียบ ดังนั้น ภาระของลูกหนี้ก็จะลดลงด้วยอัตราดอกเบี้ย ที่ลดลง ส่วนธนาคารกรุงไทย ฯ ก็ได้ประโยชน์ในการเพิ่มธุรกิจของตน ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะได้ตรวจ สอบระบบการบริหารและประเมินความเสี่ยงของธนาคารกรุงไทยฯ ในเรื่องนี้อย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อป้องกันปัญหา ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งจะได้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตามมติคณะรัฐมนตรี (9 กันยายน 2546) กรณีผู้ประกอบการต่าง ๆ ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสถาบันการเงินของรัฐได้เจรจาขอประนอม หนี้จนเหลือวงเงินที่จะต้องชำระหนี้จริงเพียงประมาณร้อยละ 30 ของวงเงินที่ควรจะต้องชำระ (hair cut) หลังจาก นั้น ผู้ประกอบการเหล่านี้จะไปยื่นขอกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อมาชำระหนี้หรือไถ่ถอนกิจ การของตน ซึ่งหากธนาคารกรุงไทย ฯ พิจารณาอนุมัติเงินกู้ให้แก่ผู้ขอกู้ในกรณีดังกล่าวอาจไม่เหมาะสมและหาก พบพฤติกรรมที่ไม่สมควรดังกล่าวจะได้สั่งการให้ธนาคารกรุงไทย ฯ ปรับปรุงแก้ไขต่อไป |
.....