ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 5031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2565 | ทส. | 18/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๖/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๕ จำนวน ๓ เรื่อง ประกอบด้วย (๑)
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (จำนวน ๘ โครงการ) เช่น โครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าให้พื้นที่เกาะต่าง
ๆ [เกาะกระเต็น (แตน)
จังหวัดสุราษฎร์ธานี] ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
โครงการถนนตามผังเมือง ผังเมืองรวมเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร
ของกรมทางหลวงชนบท โครงการปรับปรุงท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
ของกรมท่าอากาศยาน (๒) ร่างแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5
ภายใต้แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นละออง ปี ๒๕๖๖ และ (๓) แผนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาปนเปื้อนสารตะกั่วบริเวณห้วยคลิตี้
ระยะที่ ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
82 | นโยบายและแนวทางในการพัฒนาการสหกรณ์ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) | กษ. | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบนโยบายและแนวทางในการพัฒนาการสหกรณ์ ระยะ๕ ปี (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ ครั้งที่ ๔ เมือวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๕
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) สถานการณ์ทั่วไปของสหกรณ์ไทย ปัจจุบันสหกรณ์มีแนวโน้มลดลง
โดยมีประมาณธุรกิจด้านการให้เงินกู้มากที่สุด
ส่วนชุมนุมสหกรณ์มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
โดยมีสัดส่วนปริมาณธุรกิจในการให้บริการรับฝากสูงที่สุด และ (๒)
นโยบายและแนวทางในการพัฒนาการสหกรณ์ฯ ประกอบด้วย ๖ นโยบายย่อย ได้แก่ (๑)
พัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการสหกรณ์สู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูงด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
(๒) ส่งเสริมการขับเคลื่อนองค์กรและดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลสารสนเทศ
(๓) ยกระดับศักยภาพและสมรรถนะการดำเนินธุรกิจตามลักษณะธุรกิจและประเภทของสหกรณ์
(๔) สร้างการเชื่อมโยงและร่วมมือกันทางธุรกิจและสังคม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
(๕) สร้างธรรมาภิบาลในขบวนการสหกรณ์ และ (๖) ปรับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ขบวนการสหกรณ์
และ (๖)
ปรับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ขบวนการสหกรณ์และภาครัฐเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
83 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 3/2566 และครั้งที่ 4/2566 | นร.11 สศช | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
เห็นชอบ และรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๖
และครั้งที่ ๔/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๖
ที่ได้มีมติที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ การรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๖ (๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕-๓๑ มกราคม ๒๕๖๖)
และแนวทางการปิดบัญชี “เงินกู้ตามพระราชกำหนด COVID-19 ๒๕๖๔” ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
และกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
การปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
84 | มาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2566-2570) | นร.10 | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบข้อเสนอมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ
(พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
เพื่อให้ส่วนราชการและองค์กรกลางบริหารทรัพยากรบุคคลนำไปปฏิบัติต่อไป และรับทราบผลการดำเนินการตามมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ
(พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) พร้อมปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ (เมื่อสิ้นสุดมาตรการ)
ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๖
เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ โดยมาตรการที่เสนอมาในครั้งนี้ต่อเนื่องจากมาตรการฉบับเดิม
ประกอบด้วย ๒ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ และ (๒)
มาตรการบริหารอัตรากำลังปกติ
โดยมาตรการฉบับใหม่แตกต่างไปจากมาตรการฉบับเดิมในเรื่องของหลักการที่มุ่งเน้นการควบคุมขนาดกำลังคนและงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐให้สมดุลกับบทบาทภารกิจของภาครัฐ
โดยในส่วนของมาตรการบริหารอัตรากำลังปกติกรณีการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการพลเรือนได้ปรับแนวทางการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุ
เป็น ๒ ช่วง ได้แก่ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๗ ให้ตรึงอัตรากำลัง
ไม่เพิ่มกรอบอัตรากำลังตั้งใหม่ในภาพรวม และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘–๒๕๗๐
ให้จัดสรรอัตราว่างตามขนาดของส่วนราชการ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการฉบับเดิม
สำหรับการรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการฉบับเดิมครอบคลุมผลการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุข้าราชการพลเรือน
โดย อ.ก.พ. กระทรวงได้จัดสรรคืนให้ส่วนราชการทันที ๑๙,๑๒๑ อัตรา (ร้อยละ ๗๑.๔๐)
จากอัตราว่างทั้งหมด ๒๖,๗๘๑ อัตรา ๒. ให้ฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
สำนักงาน ก.พ.ร.
รวมทั้งส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงาน ก.พ.ร.
ที่เห็นควรพิจารณารายละเอียดจำนวนบุคลากรแต่ละประเภทที่ได้รับอนุมัติตามกรอบ
จำนวนที่มีอยู่ในปัจจุบัน จำนวนอัตราเกษียณ จำนวนอัตราว่าง หรือองค์ประกอบอื่น ๆ
ที่เป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์
การทบทวนหรือการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับภารกิจตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน
ตามสถานการณ์ด้านกำลังคนและงบประมาณในแต่ละปี
รวมถึงติดตามประเมินผลระดับความสำเร็จตามตัวชี้วัดและเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
เพื่อที่จะนำไปทบทวนแนวทางการกำหนดเป้าหมายของมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐในรอบถัดไป
และควรพิจารณาค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน เพื่อจูงใจในการทำงาน
รวมถึงการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ในการจัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ส่วนราชการและองค์กรกลางบริหารทรัพยากรบุคคลนำไปปฏิบัติ
ควรมุ่งเน้นความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาระบบราชการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) หมุดหมายที่ ๑๓
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
85 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2566 | นร.11 สศช | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
เห็นชอบ และรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๖
เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๖
ที่ได้มีมติที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
และการจัดทำรายงานความกาวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
86 | รายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน | มท. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ มีมติ ๓
ประเด็น สรุปได้ว่า (๑)
เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงแผนแม่บทและแผนแม่บทอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน
โดยให้ปรับปรุงอาคารศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก
(๒) เห็นชอบให้จังหวัดน่านจัดทำแผนแม่บทและแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่านฉบับใหม่
โดยทบทวนแผนแม่บทฉบับเดิมในภาพรวม และการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณต่าง ๆ
ในเมืองเก่าให้เหมาะสม
โดยจัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ และให้จังหวัดน่านรับความเห็นของคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และ (๓)
รับทราบและเห็นชอบในหลักการการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่านที่เห็นชอบโครงการปรับปรุงอาคารศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก
ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณ เช่น ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด คำนึงถึงภูมิทัศน์
วัฒนธรรม (Cultural Landscape) ของพื้นที่ดังกล่าว
ซึ่งมีโบราณสถานและแหล่งศิลปกรรมสำคัญตั้งอยู่โดยรอบด้วย
และสร้างความรับรู้และความเข้าใจต่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่านในทุกมิติ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่านในระยะยาวต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
87 | การเปิดโครงข่ายขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big Rock) ตามหลักการโครงข่ายแบบเปิด (Open Access Network) | ดศ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเปิดโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
(โครงการงบ Big Rock)
ตามหลักการโครงข่ายแบบเปิด (Open Access Network)
โดยใช้แนวทางที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เพื่อให้มีการเชื่อมโยงเครือข่ายไปให้บริการปลายทาง
(Last Mile Access) ยังทุกภาคส่วน
ซึ่งเป็นการใช้โครงข่ายดังกล่าวให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุดลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม
และรับทราบการโอนทรัพย์สินภายใต้โครงการเน็ตประชารัฐ
และโครงการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big
Rock)
ให้กับสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตามมติคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในคราวประชุม ครั้งที่
๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น
ควรพิจารณาจัดทำฐานข้อมูลของโครงการรวมทั้งการติดตั้งอุปกรณ์ switch ต้นทาง และอุปกรณ์ปลายทาง (SDP : Splitter Distribution Point)
ทั้งหมดในพื้นที่ให้สามารถเข้าถึงและตรวจสอบจุดให้บริการหรือการขอใช้บริการได้ผ่านบริการเว็บ
ควรขยายความครอบคลุมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ทั่วถึงทั้งประเทศโดยเร็ว
ควรปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐและประชาชนจะได้รับ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. โดยที่โครงการเน็ตประชารัฐและโครงการ
Big Rock มีประเด็นการค้างชำระค่าใช้จ่าย
ค่าบริการแก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด
(มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕
จึงมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งหารือกับกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินดังกล่าวของโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งศึกษาทางเลือกรูปแบบธุรกิจของโครงการดังกล่าวข้างต้นที่เหมาะสมภายใต้หลักการโครงข่ายแบบเปิด
(Open Access Network) เพื่อให้มีช่องทางสร้างรายได้อย่างเพียงพอและยั่งยืนต่อไปในอนาคต |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
88 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงพลังงาน กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวัฒนธรรม | คปร. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงพลังงาน
กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวัฒนธรรม รวมทั้งสิ้น ๙๘ อัตรา
ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ประกอบด้วย
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน จำนวน ๓๘ อัตรา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
กระทรวงยุติธรรม จำนวน ๕๐ อัตรา และกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จำนวน ๑๐ อัตรา ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ
และให้กระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ) กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด)
และกระทรวงวัฒนธรรม (กรมการศาสนา) รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้หน่วยงานราชการทั้ง
๓ หน่วยงาน เร่งดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งบุคลากรตามแผนการสรรหา
และบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและเงื่อนไขที่ คปร. กำหนดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งควรมีการกำหนดเป้าหมายผลผลิตและผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่ได้รับการจัดสรรอัตราจัดตั้งขึ้นใหม่
และให้ส่วนราชการปฏิบัติตามขั้นตอน หลักเกณฑ์ และวิธีการที่สำนักงบประมาณกำหนด โดยคำนึงถึงหลักความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณ
และถือปฏิบัติตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/ว ๑๓ ลงวันที่ ๒๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
89 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2565 และรายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2563 | ทส. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๕ และรายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุม ครั้งที่ ๕/๒๕๖๕
เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๕ เช่น สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขาที่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นและที่ควรเฝ้าติดตาม
และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งในระยะสั้น
(๑-๒ ปี) และระยะยาว (๑๐ ปี ข้างหน้า) และ (๒)
รายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๖๕ ข้อเสนอแนะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม ๕๒ หน่วยงาน
ได้ดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๔๖๘ โครงการ โดยแบ่งการดำเนินโครงการเป็น ๓
ด้าน คือ (๑) ด้านกฎหมายและนโยบาย (๒) ด้านการบริหารจัดการ และ (๓)
ด้านการสนับสนุน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
90 | ขออนุมัติดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2566 | กษ. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
91 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (พลตำรวจโท พรชัย สุธีรคุณ) | อว. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พันตำรวจโท พรชัย สุธีรคุณ
ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ
(ตามมติคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๕)
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ) รับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ที่เห็นควรพิจารณาจัดทำระเบียบการสรรหาและหลักเกณฑ์การแต่งตั้งผู้อำนวยการสำหรับการแต่งตั้งผู้อำนวยการในโอกาสต่อไป
เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การสรรหาประธานกรรมการ
และกรรมการในคณะกรรมการองค์การมหาชน และผู้อำนวยการองค์การมหาชน
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
92 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2565 | ทส. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕
จำนวน ๕ เรื่อง ประกอบด้วย (๑) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ส่วนเพิ่ม)
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์
ของกรมชลประทาน และโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง
ของกรมทางหลวง (๒) (ร่าง) แผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐
โดยเป็นแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่องจากแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.
๒๕๖๐-๒๕๖๕ ที่ได้หมดระยะเวลาการใช้ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ (๓) แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ซึ่งมีโครงการภายใต้แผนการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ผ่านการพิจารณา
เช่น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะมูลฝอย (ระยะที่ ๓) จังหวัดสุโขทัย
และโครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี (๔)
โครงการพัฒนาศักยภาพสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด
เพื่อพัฒนาแผนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัด ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
(องค์การมหาชน) และ (๕) การปรับปรุงมาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
93 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน 12 ตอน | คค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน ๑๒
ตอน วงเงิน ๔,๙๗๐,๗๑๐,๖๖๖ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ได้แก่
(๑) ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๖ จำนวน ๓ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๕ ,ตอนที่
๒๐ และตอนที่ ๒๔ (๒) ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗ จำนวน ๕ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๒, ตอนที่ ๑๘ ตอนที่ ๑๙ ตอนที่ ๓๔ และตอนที่ ๓๙ และ (๓)
ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ จำนวน ๔ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๑, ตอนที่ ๔,
ตอนที่ ๒๑, และตอนที่ ๒๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น
ให้กรมทางหลวงดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่
๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ เกี่ยวกับแนวปฏิบัติกรณีรายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พิจารณาการเปิดให้บริการโครงการฯ บางช่วงของเส้นทางที่แล้วเสร็จ
เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในบริเวณพื้นที่โครงการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
(กรมทางหลวง)
เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมและกำกับการก่อสร้างงานโยธาในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
รวมทั้งตรวจสอบงานก่อสร้างในส่วนที่ดำเนินการก่อสร้างไปก่อนการแก้ไขสัญญาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และดำเนินการให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
94 | รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2564 | พม. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามมติคณะกรรมการผู้สูงอายุ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนในเชิงนโยบายต่อไป
โดยรายงานฯ มีสาระสำคัญ เช่น สถานการณ์ผู้สูงอายุของโลกและสถานการณ์ในประเทศไทย
สถานการณ์ผู้สูงอายุกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ปี ๒๕๖๔
การปรับตัวและการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้สูงอายุในช่วงโควิด-๑๙
การดำเนินงานด้านผู้สูงอายุในไทย งานวิจัยเพื่อสังคมผู้สูงอายุ
และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงคมนาคม ที่เห็นว่า
ในประเด็นข้อเสนอการมุ่งพัฒนาระบบบำนาญให้ครอบคลุมผู้สูงอายุอย่างถ้วนหน้า
รวมทั้งการปรับปรุงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เหมาะสมกับค่าครองชีพหรือภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
ควรคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในอนาคตอันเนื่องมาจากการปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและแนวทางเพื่อลดภาระผูกพันงบประมาณดังกล่าว
ให้ความสำคัญเรื่องการสูงวัยในถิ่นเดิม นอกเหนือจากการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาวะด้านร่างกายและจิตใจ
ควรมุ่งเน้นด้านระบบการบริหารจัดการ การดูแลและช่วยเหลือผู้สูงอายุ
และให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
95 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2565 | ทส. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๕
จำนวน ๒ เรื่อง ประกอบด้วย (๑) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกอน อำเภอเชียงกลาง
จังหวัดน่าน (กรมชลประทาน) โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน (กรมชลประทาน) และโครงการโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ
(ส่วนเพิ่ม) ระยะที่ ๑ (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต) และ (๒)
การกำหนดมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำผิวดิน โดยกรมควบคุมมลพิษได้จัดทำ (ร่าง)
ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง
กำหนดมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำผิวดิน พ.ศ. ....
ซึ่งได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชนแล้ว
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้รับรองรายงานการประชุมดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่
๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
96 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 20/2565 | นร.11 สศช | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๕
มีมติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ อาทิ
อนุมัติให้จังหวัดเชียงใหม่ยกเลิกการดำเนินโครงการขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งบ้านแพะแม่คือ
หมู่ที่ ๑ ตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
และอนุมัติให้กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ขยายระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค
และการเกษตร จากเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕ เป็นเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ข้อ ๑๙ และข้อ
๒๐ สำหรับโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังในโอกาสแรก
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ควรกำกับติดตามหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
97 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 31/2565 | นร.11 สศช | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอว่า ขอแก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/(คกง.๖๔) ๓๔๒ ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ หน้า ๑๒ ข้อ ๔.๑
ให้ถูกต้องจากเดิม “...เดือนมีนาคม ๒๕๖๖...” เป็น “...เดือนธันวาคม ๒๕๖๕ ...”
๒. เห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๓๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๕
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และข้อ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังในโอกาสแรก
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ควรกำกับติดตามหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย
และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานดำเนินโครงการจัดทำรายงานความก้าวหน้าของโครงการ
และแผนการดำเนินงานที่ได้มีการปรับแผนพร้อมการบริหารความเสี่ยงต่อคณะกรรมการฯ
เพื่อทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
98 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 19/2565 | นร.11 สศช | 13/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ดังนี้ รับทราบการขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ด้านสัตว์ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อช.) จากเดิมสิ้นสุดเดือนกันยายน ๒๕๖๕
เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม ๒๕๖๖ ภายใต้กรอบวงเงินเดิม ๗๔๑.๕๘๘ ล้านบาท โดยมอบหมายให้
อช. ดำเนินโครงการในส่วนที่เหลือโดยใช้จ่ายจากแหล่งเงินอื่นตามความจำเป็นและความเหมาะสมต่อไป
และเร่งเสนอรายงานผลการดำเนินโครงการ พร้อมทั้งส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายตามข้อ ๑๙
และข้อ ๒๐
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยเร็ว และรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ราย ๓ เดือน
ครั้งที่ ๑๐ (๑ สิงหาคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕)
พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
พ.ศ ๒๕๖๓ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนากยรัฐมนตรีฯ ข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐
สำหรับโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังในโอกาสแรก
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
99 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2565 | ทส. | 13/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๕
ประกอบด้วย (๑) รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
สายชลบุรี-พัทยา ของกรมทางหลวง (๒) ความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหามลพิษกรณี โรงงานของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ตำบลบางบุตร
อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง (๓) ผลการดำเนินงานเพื่อปกป้องการเกิดอุบัติภัยสารเคมี
บทเรียนจากเหตุเพลิงไหม้ กรณีโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล
จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ (๔) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (๕)
การจัดทำแผนดัชนีสมรรถนะสิ่งแวดล้อม (Environmental Performance Index :
EPI) ของไทย และ (๖) (ร่าง)
แนวทางการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒
(พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
100 | การจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) [ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ....] | ดศ. | 13/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ
(องค์การมหาชน) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการยกฐานะของสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ
(Government Big Data Institute : GBDI)
หน่วยงานภายในภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
ให้เป็นสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (National Big
Data Institute : NBDI) ซึ่งเป็นองค์การมหาชน
เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อน วิเคราะห์
และบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศโดยตรง ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขชื่อหน่วยงาน ตัดคำว่า
“คลัง” และ “แห่งชาติ” ออก เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงาน
ตลอดจนมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ที่กำหนดว่า
“ไม่ควรใช้คำว่า “แห่งชาติ”
ในการกำหนดชื่อหน่วยงานของรัฐเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเอกรัฐ
และหน่วยงานของรัฐทุกแห่งทำหน้าที่ในฐานะ “แห่งชาติ” อยู่แล้ว” และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ เช่น การกู้ยืมเงินของ NDBI ต้องทำด้วยความระมัดระวัง
รอบคอบ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk)
โดยจะต้องยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะและกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ตลอดจนระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรให้ผู้บริหารหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับมิติด้านเศรษฐกิจ
สังคมและสิ่งแวดล้อม ร่วมเป็นกรรมการด้วย
ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานและพิจารณาปรับเปลี่ยนองค์กรรูปแบบใหม่
เมื่อได้ดำเนินการจัดตั้ง NDBI ครบ ๒ ปี เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |