ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 89 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 1761 - 1780 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1761 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 10 | กค | 16/09/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
คลังเอเปค ครั้งที่ 10 ซึ่งจัดขึ้น เมื่อวันที่ 4 - 5 กันยายน 2546 ณ จังหวัดภูเก็ต โดยสาระสำคัญของการประชุม ฯ ได้หารือเกี่ยวกับ "การเชื่อมโยงเศรษฐกิจแนวใหม่ จากเศรษฐกิจฐานรากสู่ระดับภูมิภาคและระดับสากล (Local /Regional Link, Global Reach : A New APEC Financial Cooperation)" ภายใต้หัวข้อการประชุม 3 หัวข้อย่อย ซึ่งได้แก่ (1) การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Grass - Roots and SME Development) ที่ประชุม ฯ ได้หารือถึงแนวทางในการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและวิสาหกิจ ขนาดจิ๋ว และได้ตกลงที่จะดำเนินงานร่วมกับรัฐมนตรี APEC SMEs อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การสนับสนุนการพัฒนา วิสาหกิจเหล่านี้ โดยเฉพาะในด้านการเสริมสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การปรับปรุงระบบศุลกากร การให้แรง จูงใจด้านภาษี การบริหารจัดการที่ดี และภาวะของความเป็นผู้ประกอบการ ในการนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลังเอเปคได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับการ พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (2) การพัฒนาตลาดพันธบัตรในภูมิภาค (Regional Bond Market Development) ที่ประชุม ฯ ได้หารือถึงแนวทางในการสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคที่ส่งเสริมระบบการเงินที่ มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพ และได้ตกลงที่จะดำเนินการร่วมกันเพื่อพัฒนาตลาดพันธบัตรให้เป็นแหล่งระดม เงินทุนระยะยาวที่มีประสิทธิภาพทั้งในระดับเขตเศรษฐกิจและระดับภูมิภาค รวมทั้งรับทราบความคืบหน้ามาตร การริเริ่มของเอเปคที่จะสนับสนุนการพัฒนาตลาดการแปลงสินทรัพย์ เป็นหลักทรัพย์และตลาดค้ำประกันพันธ บัตร (APEC Policy Initiative on Development of Securitization and Credit Guarantee Markets) เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพของตลาดพันธบัตรและความน่าเชื่อถือของพันธบัตรและสนับสนุนการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ใหม่ ๆ (New Financial Products) ซึ่งรวมถึงตราสารหนี้ในสกุลเงินท้องถิ่นระยะยาว ตราสารอนุพันธ์ และหลัก ทรัพย์ที่มีสินทรัพย์หนุนหลัง และ (3) ผลกระทบของการจัดตั้งเขตการค้าเสรีที่มีต่อระบบเศรษฐกิจด้านการ เงินและการคลัง (Fiscal and Financial Aspects of Regional Trade Arrangements) ที่ประชุม ฯ รับทราบ ความคืบหน้าของการสนับสนุนการค้าและการลงทุนที่เสรีและเปิดกว้างมากขึ้น โดยผ่านข้อตกลงทางการค้าภูมิ ภาค(Regional Trade Arrangements : RTA) ระหว่างสมาชิกเอเปคและผ่านระบบการค้าพหุภาคีที่เกิดขึ้นในช่วง ระยะเวลา 2 - 3 ปีที่ผ่านมา โดยให้การสนับสนุนการประสานความร่วมมือกันในการจัดทำข้อตกลงการค้าภูมิ ภาคที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโบกอร์และลดต้นทุน ซึ่งเกิดจากข้อตกลงทางการค้าที่หลากหลาย ทั้งนี้ ที่ประชุม ฯ ได้เห็นชอบที่จะร่วมมือกันในการสร้างความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันของระบบอัตรา ศุลกากรกฎหมายว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า และพิธีการศุลกากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความบิดเบือน และในระหว่างการประชุม ฯ ครั้งนี้ ได้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังเอเปค (Ministerial Retreat) ซึ่งมีการหารือเรื่อง การป้องกันธุรกรรมทางการเงินของผู้ก่อการร้าย และ การพัฒนาตลาดพันธบัตรในภูมิภาค นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปคได้หารือร่วมกับกลุ่ม นักการเงินการธนาคาร สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค และผู้แทนจากสภาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิ ภาคเอเชียแปซิฟิก เกี่ยวกับแนวทางในการสร้างความแข็งแกร่งของระบบการเงิน และการสนับสนุนความร่วม มือทางการเงินในภูมิภาค และการจัดประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 11 ที่เมืองซานดิ อาโก ชิลี ในระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2547 |
||||||||||||
1762 | โครงการจัดใหัมีรถยนต์ประจำตำแหน่งของข้าราชการอัยการ (เพิ่มเติม) | ยธ | 16/09/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่
มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอโครงการจัดให้มีรถยนต์ประจำตำแหน่งของข้าราชการอัยการ (เพิ่มเติม) โดยให้รองอธิบดีอัยการฝ่าย รองอธิบดีอัยการเขต และอัยการจังหวัด มีรถยนต์ประจำตำแหน่ง และให้สำนักงาน อัยการสูงสุดเจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการ จัดหารถยนต์ประจำตำแหน่งดังกล่าว หากมีประกาศใช้หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติสำหรับข้าราชการผู้มีสิทธิ ใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งตามประเด็นอภิปรายเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการเช่ารถ ยนต์มาใช้ในราชการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2546 ที่มอบให้กระทรวงการคลังไปศึกษา ร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะ ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง และคาดว่า จะสามารถกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ เรื่องดังกล่าวได้แล้วเสร็จประมาณปี พ.ศ. 2547 ดังนั้น การที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีโครงการจัดหารถยนต์ ประจำตำแหน่งใน 3 ระยะ (ปี พ.ศ. 2547-2549) โดยการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่งในระยะที่ 2 และ 3 ควร ให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการตามแนวทางที่ได้กำหนดขึ้นใหม่ด้วย และให้ถือปฏิบัติไปตามนั้นได้ ด้วย นอกจากนี้ คกก.7 มีมติเห็นชอบข้อเสนอของคณะกรรมการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราช การ ฯ ที่เห็นควรกำหนดเป็นหลักการว่า ในอนาคตหากภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีผลทำให้ราคามาตร ฐานรถยนต์สูงขึ้นกว่าปัจจุบัน และได้มีการอนุมัติให้ข้าราชการฝ่ายตุลาการเปลี่ยนแปลงราคามาตรฐานรถยนต์ ได้ ก็ควรอนุมัติให้ข้าราชการอัยการด้วย นั้น โดยที่ตำแหน่งข้าราชการอัยการและตำแหน่งข้าราชการตุลาการ เป็นตำแหน่งที่เทียบเคียงกันมาตลอด จึงเห็นควรกำหนดให้มีสิทธิในลักษณะเดียวกัน และให้ส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||
1763 | การตรวจพิจารณาร่างกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา | นร | 16/09/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง การตรวจพิจารณาร่างกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีนโยบายที่จะปฏิรูปกฎหมาย โดยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ ที่ล้าสมัยให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในปัจจุบัน และยืดหยุ่นต่อ สถานการณ์ในอนาคต โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปยกร่างกฎหมาย หรือตรวจพิจารณาร่าง กฎหมายที่ส่วนราชการเสนอ รวมทั้งส่งประเด็นข้อกฎหมายไปเพื่อให้เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา ของคณะรัฐมนตรีเป็นจำนวนมากเป็นภาระหนักสำหรับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประกอบกับนโยบาย สำคัญของรัฐบาล ตลอดจนการพัฒนาระบบราชการและรัฐวิสาหกิจจำเป็นต้องใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการ ขับเคลื่อน โดยต้องดำเนินการเป็นการเร่งด่วน ในขณะที่อัตรากำลังของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่ พอเพียง จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณาดูแลแก้ไขปัญหาดังกล่าว หาก จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนในลักษณะใดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป |
||||||||||||
1764 | กระทู้ถามที่ 445 ร. เรื่อง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เกิดจากกรณีสหรัฐอเมริกาถูกก่อวินาศกรรม และการโอนทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำผิดกฎหมายฟอกเงินไปต่างประเทศ | สผ | 09/09/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 445 ร. เรื่อง
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เกิดจากกรณีสหรัฐอเมริกาถูกก่อวินาศกรรม และการโอนทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำผิด กฎหมายฟอกเงินไปต่างประเทศ ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า จากภาวะสงครามระหว่างสหรัฐ ฯ กับขบวนการ ก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติด้านเศรษฐกิจทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ออกมาตรการดำเนินการเพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเพื่อเตรียม การป้องกันและแก้ไขปัญหาไปพร้อม ๆ กัน โดยมีมาตรการใน 7 ด้าน คือ ด้านพลังงาน ด้านการหาเงินตราต่าง ประเทศ ด้านการท่องเที่ยว ด้านการเงินการคลัง ด้านกิจกรรมการผลิตการลงทุนและการจ้างงาน ด้านราคาสิน ค้าเกษตร และด้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ส่วนการอำนวยความสะดวกในการนำเงินและทรัพย์สินของคนไทยกลับ ประเทศหรือการที่คนต่างชาติจะนำเงิน ทรัพย์สินเข้ามาในประเทศไทย รัฐบาลโดยธนาคารแห่งประเทศไทยมีกฎ หมายบังคับใช้อยู่เดิม คือ กฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งอำนวยความสะดวกอยู่แล้ว สำหรับการ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้จัดตั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแห่งชาติขึ้นมาเป็นการ เฉพาะเมื่อปี พ.ศ. 2542 ภายใต้พระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยสำนัก งาน ฯ จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดฟอกเงินได้ แม้บุคคลนั้นจะกระทำนอกราชอาณาจักร ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะ เป็นคนไทยหรือคนต่างด้าวก็ตาม นอกจากนี้ ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาผลกระทบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการนำ เงินหรือทรัพย์สินที่กระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่โอนไปต่างประเทศแล้วให้กลับมาประเทศไทย จะได้ดำเนิน การเพื่อประสานงานทั้งในส่วนขององค์กรระหว่างประเทศในกรอบขององค์กรสหประชาชาติในรูปแบบทวิภาคีเพื่อ กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางความร่วมมือในประเด็นการส่งคืนทรัพย์สินที่ถูกริบหรือยึด เพื่อส่งคืนประเทศที่ร้อง ขอตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาให้มีความชัดเจน โดยการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นจะ ต้องมีการพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 และพระราช บัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ให้สามารถรองรับหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าว |
||||||||||||
1765 | กระทู้ถามที่ 1163 ร. เรื่อง การป้องกันและมาตรการแก้ไขโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ไข้หวัดมรณะ) ที่ระบาดในทวีปยุโรปและเอเชีย | สผ | 02/09/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1163 ร. เรื่อง การ
ป้องกันและมาตรการแก้ไขโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ไข้หวัดมรณะ) ที่ระบาดในทวีปยุโรปและเอเชีย ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดย สาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อโดยการไอ จาม รดกันในระยะใกล้ชิด การสัมผัสกับเชื้อจากเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย ที่ติดอยู่กับวัตถุเครื่องใช้ แล้วนำมา สัมผัสกับบริเวณจมูกและหน้า เป็นต้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ ระบาดของโรคซาร์สโดยเพิ่มความเข้มข้นของการเฝ้าระวัง เร่งรัดการค้นหา การรายงาน และการแยกรักษาผู้ ป่วยให้เร็วที่สุด ฯลฯ รวมทั้งได้จัดตั้งกลไกการจัดการในภาวะฉุกเฉินทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทั้งนี้ นับ ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2546 มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ทั่วประเทศ รวม 299 ราย พบผู้ป่วยที่เข้าได้กับนิยามว่า น่าจะเป็นโรคซาร์ส (Probable case) จำนวน 9 ราย เสียชีวิต 2 ราย และสงสัยเป็นโรคซาร์ส (Suspect case) จำนวน 31 ราย โดยผู้ป่วยที่น่าจะเป็นโรคซาร์ส เป็นชาวต่างชาติ 3 ราย และชาวไทย 6 ราย โรคซาร์สเริ่มระบาดที่มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดใหม่อยู่ในกลุ่ม โคโรนาไวรัส (Coronavirus) โดยแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสตัวใหม่นี้อาจ เกิดจากการกลายพันธุ์ของเชื้อ ซึ่งล่าสุดผลการศึกษาที่กวางตุ้งพบเชื้อโคโรนาไวรัสตัวใหม่ในสัตว์บางชนิด เช่น ชะมด และเชื่อว่าอาจเป็นแหล่งที่มาของการแพร่ระบาดในครั้งนี้ นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและ โรงพยาบาลทุกแห่งทั้งภาครัฐและเอกชนได้เร่งรัดการเฝ้าระวังโรค และได้จัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญขึ้น จัดทำแนว ปฏิบัติแก่สถานพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ รวมทั้งจัดระบบการรองรับผู้ป่วยโรคซาร์ส โดยจัดเตรียมโรงพยา บาลให้มีความพร้อม สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคซาร์ส ได้แก่ ผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่เกิดโรคระบาด และสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หากมีอาการไข้สูง ไอ ภายในเวลา 10 วัน หลังจากออกจากพื้นที่ระบาด ต้องระมัด ระวังไม่คลุกคลีกับคนอื่น และสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น แล้วรีบไปโรงพยาบาล พร้อมแจ้งให้แพทย์ทราบประวัติการเดินทางด้วย ส่วนยาต้านไวรัสที่มีอยู่ในขณะนี้ไม่ให้ผลการรักษาที่ดีและมี ราคาแพงมาก แต่ผู้ป่วยโรคซาร์สส่วนใหญ่มักมีอาการป่วยไม่รุนแรงเมื่อได้รับการรักษาตามอาการจะมีอาการ ทุเลาและหายป่วยภายใน 10 วัน สำหรับสถานที่ที่ทำการรักษาไข้หวัดมรณะ ได้แก่ โรงพยาบาลศูนย์ โรง พยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชน ทั้งนี้ ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จัดระบบการรองรับผู้ป่วย รวมทั้งจัดระบบการส่งต่อผู้ป่วยจากสถานบริการปฐมภูมิและโรงพยาบาลขนาดเล็ก อย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||
1766 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน จีน เกาหลี และญี่ปุ่น สมัยพิเศษด้านการท่องเที่ยว | กก | 02/09/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน
จีน เกาหลี และญี่ปุ่น สมัยพิเศษด้านการท่องเที่ยว ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2546 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้าร่วมการประชุม สำหรับวัตถุประสงค์ของ การประชุมในครั้งนี้ เพื่อรวบรวมแนวทางในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคหลังจากได้รับผลกระทบ จากโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อ มวลชนระดับโลกได้รับรู้ว่า การท่องเที่ยวในเอเชียกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก โดยที่ประชุมได้ออกปฏิญญาปักกิ่ง (Beijing Declaration) ที่มีสาระสำคัญในการเห็นพ้องร่วมกันว่า การท่องเที่ยวมี ความสำคัญต่อเศรษฐกิจ เป็นอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม รวมทั้งเป็นเครื่องมือใน การส่งเสริมและเสริมสร้างความเข้าใจอันดี นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นพ้องให้มีการประสานความร่วมมือและแลก เปลี่ยนข่าวสารโดยใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมือภายใต้ ASEAN+3 Communication Team for Tourism โดยการ ให้ประเทศสมาชิก ASEAN+3 ดำเนินการส่งเสริมกิจกรรมร่วมกันเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว ลดอุปสรรคต่าง ๆ โ ดย เฉพาะเรื่องวีซ่าเพื่อให้เป็นไปตามความตกลงด้านการท่องเที่ยวที่มุ่งเพิ่มพูนการท่องเที่ยวทั้งภายใน ASEAN+3 และ ระหว่างภูมิภาค ตลอดจนใช้มาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกให้นักท่องเที่ยวมีความระมัดระวังและ เอาใจใส่เรื่องสุขภาพ และในโอกาสเดียวกันนี้ที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement)ประนามเหตุการณ์ ระเบิดที่โรงแรม J.W.Marriott กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 และเรียกร้องนานาชาติ ให้หลีกเลี่ยง (โดยไม่เลือกประติบัติ) ในการแนะนำประชาชนของตนให้ระงับการเดินทาง ทั้งนี้ ให้ยึดมั่นในพันธ กรณีที่จะเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว และในระหว่างการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่อง เที่ยวและกีฬาได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวของสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อกระชับ ความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว โดยได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวของสาธารณรัฐเกาหลี มาเยือนประเทศไทย พร้อมทั้งเชิญชวนจัดแพ็คเก็จทัวร์เพื่อจัดกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพื่อเสริมสร้างให้ ประเทศไทยเป็น Capital of Asia ด้วย |
||||||||||||
1767 | กระทู้ถามที่ 385 เรื่อง การรักษาพยาบาลตามโครงการบัตรทอง | สผ | 26/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารสุขเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 385 เรื่อง การรักษา
พยาบาลตามโครงการบัตรทอง ของนายนิพนธ์ คนขยัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคาย และมอบ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบ สรุปได้ว่า โครงการบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค ผู้มีสิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง 30 บาท) ถ้าเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือได้รับอุบัติเหตุสามารถยื่นบัตรทองเข้ารับบริการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลที่เข้า ร่วมโครงการ ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุหรือที่เกิดภาวะเจ็บป่วยนั้นได้ทุกแห่ง และจะต้องรีบแจ้งให้โรงพยาบาลคู่ สัญญาทราบทันทีเพื่อรับผิดชอบดูแลภายหลังการรักษาที่พ้น 72 ชั่วโมงแล้ว ส่วนค่ารักษาในช่วง 72 ชั่วโมง สถานพยาบาลที่รับผู้ป่วยไว้จะเบิกค่าใช้จ่ายได้จากสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ของผู้ ป่วยรายนั้น ในกรณีเจ็บป่วยทั่วไปสามารถใช้บริการได้ที่หน่วยบริการประจำครอบครัวที่ระบุอยู่ในบัตรกรณีมี ความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่อื่นทั่วประเทศ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายทะเบียนบ้าน สามารถ แจ้งขอเปลี่ยนหน่วยบริการประจำครอบครัวได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปีงบประมาณ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการวาง แนวทางให้ประชาชนผู้มีสิทธิสามารถเลือกสถานพยาบาลประจำตัวที่ใกล้บ้าน หรือใกล้สถานที่ทำงานได้ด้วย ความสมัครใจ |
||||||||||||
1768 | กระทู้ถามที่ 1042 ร. เรื่อง ภาวะโลกร้อนที่มีผลกระทบต่อการเกษตรกรรมและปศุสัตว์ | สผ | 26/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1042 ร.
เรื่อง ภาวะโลกร้อนที่มีผลกระทบต่อการเกษตรกรรมและปศุสัตว์ ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุป ได้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ศึกษาภาวะโลกร้อนมีผลกระทบต่อการเกษตรทั้งทางบวกและทางลบ โดยผลกระทบในทางลบทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งนาน โรคแมลงศัตรูพืชมี การพัฒนาการเร็วขึ้นซึ่งถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นมาก อาจมีผลให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และก่อให้เกิดน้ำท่วมทำลายพืชผล ส่วนผลกระทบในทางบวก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นช่วยสนับสนุน กระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช ความร้อนที่สูงขึ้นทำให้พืชสุกแก่เร็วขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของการศึกษา และ ประเมินผลกระทบต่อเกษตรกรรมและปศุสัตว์ อันเนื่องภาวะโลกร้อนที่อาจจะสูงมากขึ้นในปีพ.ศ. 2546 ใน ด้านเกษตรกรรม ไม่มีการศึกษาและประเมินผลกระทบ ฯ ดังกล่าว เนื่องจากภายใต้สภาพความแห้งแล้ง พืชที่ปลูกส่วนใหญ่จะตายก่อนให้ผลผลิต ซึ่งภัยแล้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมักจะรุนแรงและมีความเสียหาย ต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งพืชที่ปลูก การฟื้นฟูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและการช่วยเหลือเกษตรกรโดยรัฐทำ ได้ยาก ลงทุนสูง นอกจากจะมีระบบชลประทานที่สามารถพึ่งพาได้และการป้องกันล่วงหน้าก่อนเกิดภัยแล้ง ส่วนด้านการปศุสัตว์ ยังไม่ได้มีการศึกษาและประเมินผลกระทบ ฯ เนื่องจากภาวะสงครามเป็นภาวะที่เหนือ ความคาดหมาย และในส่วนของการศึกษาในโครงการ ฯ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นแค่ผลการศึกษาเบื้องต้นยังมีความจำเป็นต้องทำการศึกษาต่อเนื่องอีกมาก |
||||||||||||
1769 | กระทู้ถามที่ 1044 ร. เรื่อง การเตรียมมาตรการรองรับการอพยพแรงงานไทยกลับประเทศกรณีเกิดภาวะสงคราม | สผ | 26/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1044 ร. เรื่อง การเตรียม
มาตรการรองรับการอพยพแรงงานไทยกลับประเทศกรณีเกิดภาวะสงคราม ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุป ได้ว่า รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานได้เตรียมมาตรการและแผนปฏิบัติการในการอพยพเคลื่อนย้ายคนงานไทยใน ตะวันออกกลางไปสู่สถานที่ปลอดภัยหรือนำกลับประเทศไทย ซึ่งได้มีการจัดเตรียมแผนไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2545 โดยคำนึงถึงผู้ใช้แรงงานไทย สามารถทำงานได้อย่างปกติ รวมทั้งมีความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สิน ทั้งนี้ หากมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจะมีการเคลื่อนย้ายไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย หรือประเทศข้างเคียง หาก สถานการณ์รุนแรงถึงขั้นประเทศนั้น ๆ ถูกโจมตี ได้จัดเตรียมแผนอพยพกลับประเทศไทยไว้แล้ว นอกจากนี้ ได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยซึ่งได้รับผลกระทบจากสงคราม ฯ รวมทั้งได้สั่งการให้สำนักงาน แรงงานในภูมิภาคตะวันออกกลางรายงานสถานการณ์ทุก 2 ชั่วโมง และได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตะวันออก กลาง เพื่อรับทราบ หารือ ซักซ้อม และตรวจสอบติดตามแผนปฏิบัติการช่วยเหลือและอพยพแรงงานไทย และ ได้อำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับของคนงานไทย ตลอดจนติดตามให้ความช่วยเหลือคนงานที่เดินทาง กลับประเทศไทยแล้ว ทั้งในด้านการหางานทำในประเทศ และการประกอบอาชีพใหม่ ตามความประสงค์ของแต่ ละบุคคล |
||||||||||||
1770 | กระทู้ถามที่ 1088 ร. เรื่อง ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ต่อภาวะกำพร้าของเด็กไทย | สผ | 19/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1088 ร.
เรื่องผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ต่อภาวะกำพร้าของเด็กไทย ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุป ได้ว่า รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการสำรวจตัวเลขเด็กกำพร้าที่ผู้ปกครองเสียชีวิตจากโรคเอดส์ทั่ว ประเทศ พบว่า ในระยะที่ผ่านมาถึงปี พ.ศ. 2544 มีเด็กกำพร้าจากโรคเอดส์ จำนวน 289,000 คน และใน ปีพ.ศ. 2545 มีเด็กกำพร้าที่ผู้ปกครองเสียชีวิตจากโรคเอดส์ จำนวน 34,372 คน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ ประสานความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษา เพื่อจัดทำกรอบและแนวทางใน การสำรวจข้อมูลเด็กกำพร้า ฯ ดังกล่าว สำหรับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรม พัฒนาสังคมและสวัสดิการได้ให้การสงเคราะห์แก่เด็กกำพร้า ฯ โดยการรับเด็กเข้าอุปการะในสถานสงเคราะห์ ให้การสงเคราะห์เด็กในครอบครัวที่มีญาติพี่น้องรับอุปการะเป็นเงินหรือสิ่งของ จัดหาครอบครัวอุปการะ ครอบ ครัวทดแทน หรือครอบครัวบุญธรรม สนับสนุนทรัพยากรและงบประมาณแก่องค์กรภาคเอกชนที่รับเด็กไปดูแล อุปการะ และส่งเสริม สนับสนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่น และชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบ จากโรคเอดส์ ส่วนการสำรวจตัวเลขเด็กเร่ร่อนที่เป็นเด็กกำพร้าเนื่องจากผู้ปกครองเสียชีวิตจากโรคเอดส์ นั้น ยัง ไม่มีการดำเนินการสำรวจตัวเลขดังกล่าว แต่ได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ ดำเนินการให้ความ ช่วยเหลือเด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้าให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าของประเทศตามมาตรการต่าง ๆ ทั้งในด้าน การแก้ไข การป้องกัน และมาตรการกฎหมาย นอกจากนี้ รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายในการ ดูแลเด็กกำพร้า ฯ โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดประชุมเกี่ยวกับการช่วยเหลือและ แก้ไขปัญหาเด็กกำพร้า ฯ ทั่วประเทศ ซึ่งที่ประชุมได้เสนอให้กระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ รับเป็นเจ้าภาพหลัก ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากเอดส์ และให้สถาบันครอบครัวได้เข้ามามีบทบาท ด้วย พร้อมกันนี้ได้ยกร่างแนวทางการแก้ไขผลกระทบทางสังคมจากปัญหาเอดส์ สำหรับเป็นแนวทางการดำเนิน งานในอนาคตโดยจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงให้มีความเหมาะสมต่อไป |
||||||||||||
1771 | รายงานสถานการณ์ไฟฟ้าดับในประเทศสหรัฐอเมริกา และมาตรการป้องกันของประเทศไทย | พน | 19/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานสถานการณ์ไฟฟ้าดับในประเทศสหรัฐอเมริกา
และมาตรการป้องกันของประเทศไทย สรุปได้ว่า จากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2546 เวลา 16.00 น. หรือประมาณเวลา 03.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม 2546 ของประเทศไทย ซึ่ง มีสาเหตุเกิดจากฟ้าผ่าลงที่โรงไฟฟ้าใกล้น้ำตกไนแองการาในรัฐนิวยอร์ก ส่งผลให้ไฟฟ้าในประเทศสหรัฐอเมริกา ดับครอบคลุมพื้นที่กว่า 9,300 ตารางไมล์ และจากเหตุการณ์ดังกล่าวในส่วนของประเทศไทยได้มีมาตรการป้อง กัน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้มีการจัดทำแผนป้องกันไฟฟ้าดับ (Blackout Prevention Plan) และแผนการนำระบบกลับคืนสู่สภาวะปกติ (Blackout Restoration Plan) ตัวอย่างเช่น หากเกิดเหตุการณ์ ไฟฟ้าดับทั่วประเทศ จะทำการแยกจ่ายกระแสไฟฟ้าออกเป็นส่วน ๆ ในทุกภาคของประเทศ โดยเริ่มจ่ายไฟฟ้า ด้วยโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ได้ภายใน 30 นาที และต่อด้วยโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซซึ่งสามารถ Start up ได้เร็ว จากนั้นจะ ขนานระบบเพื่อเชื่อมโยงแต่ละพื้นที่เข้าเป็นระบบเดียวกันโดยสถานีจ่ายไฟของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฯ ทั่วประเทศ กว่า 200 แห่ง จะมีความพร้อมในการจ่ายไฟได้ภายใน 4 ชั่วโมง ซึ่งจะทำการจ่ายไฟได้มากกว่าร้อยละ 50 ของ ประเทศ และหลังจากนั้นจะทยอยนำโรงไฟฟ้าพลังความร้อนเข้าจ่ายไฟ ซึ่งจะสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ทั้งหมดภาย ใน 8 ชั่วโมง |
||||||||||||
1772 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2546 | ทส | 13/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2546 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2546 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้ว รวม 9 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องสืบเนื่องเพื่อพิจารณา 1 เรื่อง ได้แก่ การเตรียมความพร้อมการดำเนินงานด้าน ความหลากหลายทางชีวภาพ เรื่องเพื่อพิจารณา 3 เรื่อง ได้แก่ การกำหนดมาตรฐานคุณภาพดิน ผลการประชุม คณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 22 และการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม โลก สมัยที่ 4 และการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาผู้มีสิทธิขอรับใบอนุญาตทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเรื่องเพื่อทราบ 5 เรื่อง ได้แก่ การจัดการภาวะฉุกเฉินจากอุบัติภัยสารเคมีเชิงบูรณาการ รายงานสรุป ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์ ปรมาณูวิจัย ตำบลทรายมูล อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก การสนับสนุนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ จากเตาเผาศพ รายงานความก้าวหน้าการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการดำเนินงาน ตามกลไกการพัฒนาที่สะอาดภายใต้พิธีสารเกียวโต
|
||||||||||||
1773 | แผนเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูเพาะปลูกปี 2546 - 2547 | กษ | 13/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแผนเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดู
เพาะปลูกปี 2546-2547 เพื่อเป็นการเตรียมรับสถานการณ์ การเฝ้าระวัง การแจ้งเตือนภัย การให้ความช่วย เหลือพื้นที่การเกษตรและเกษตรกรในระยะฉุกเฉิน การช่วยเหลือระหว่างเกิดภัย และการดำเนินการช่วยเหลือเมื่อ ภัยยุติ โดยได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติขึ้น ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อ เป็นศูนย์กลางติดตามสถานการณ์และการรายงานในช่วงฤดูเพาะปลูกปี 2546-2547 โดยศูนย์ดังกล่าวจะจัดทำ ข้อมูลและติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับปริมาณน้ำในลุ่มน้ำต่าง ๆ ข้อมูลการไหลของน้ำ พื้นที่เสี่ยงภัย ฐานปฏิบัติ การฝนหลวง การสำรองปัจจัยการผลิตและการเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ทำการแจ้งเตือนภัยและประสานการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดภาวะวิกฤต เพื่อให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน โดยติดต่อ ได้ทั้งทางโทรศัพท์/โทรสาร 0-2281-9959, 0-2281-9401, 0-2629-9660 หรือที่ E-mail : disas moac@ hotmail.com และ bc [email protected] |
||||||||||||
1774 | การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2546 | มท | 13/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอเรื่อง การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหา
อุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2546 โดยในส่วนของการดำเนินการก่อนเกิดภัย ได้แก่ การเตรียมความพร้อม ในการป้องกันและบรรเทาภัยจากอุทกภัย จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและวาต ภัย ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานการเตรียมการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผลิตเครื่อง วัดน้ำฝน สำหรับสภาวะฝนตกหนักในระยะที่ผ่านมาในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2546 ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของ พายุโซนร้อนโคนี (KONI) และพายุไต้ฝุ่นอิมบุโด (IMBUDO) ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายในจังหวัดน่าน เชียงราย ตาก และพะเยา นั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับจังหวัดและอำเภอ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว โดยใช้จ่ายจากงบฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย เงินทดรองราชการ ฯ ที่อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอท้องที่ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการ เฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2546 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประมวล รุจนเสรี) เป็นประธานกรรมการอำนวยการ และอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่ออำนวยการประสานแผนและการปฏิบัติ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคราชการ ประชาชน และอาสาสมัครในการป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ฯ ดังกล่าวจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2546 และจะมี การประชุมคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติเพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานของทุกส่วนราชการ มูล นิธิ องค์กรเอกชน ให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อเสนอเพิ่มเติมของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ขอเพิ่มอธิบดีกรมทรัพยากรธรณีและอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นกรรมการในศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ฯ ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||
1775 | กระทู้ถามที่ 341 ร. เรื่อง แผนการดำเนินงานส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม | สผ | 05/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 341 ร. เรื่อง
แผนการดำเนินงานส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม ของนายนพดล อินนา สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานวิเคราะห์ และทบทวนโครงการอนุรักษ์พลังงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งจากการวิเคราะห์และทบทวน โครงการดังกล่าวพบว่า ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจะมีปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ หลายประการ แต่โครงการก็ยังมีความจำเป็น และคุ้มค่าที่จะต้องดำเนินการต่อไป เนื่องจากปัจจุบันนอกจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงมากแล้ว ราคาพลังงานก็สูง ขึ้นมาก อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนของสถานการณ์น้ำมันโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในหลาย ๆ ด้าน หากได้มีการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม ลดขั้นตอนการดำเนินงานให้กระชับ รวดเร็ว และ สร้างสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ให้เหมาะสมและจูงใจต่อการดำเนินงานของโรงงานและอาคารควบคุม โครงการ ฯ จะ สามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และคุ้มค่ากับงบประมาณที่ได้จัดสรรไว้แล้ว ทั้งนี้ กรมพัฒนาพลังงาน ฯ ได้ปรับแผนการดำเนินงานของโครงการ ฯ ช่วงปี 2545-2547 เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติจริง มากขึ้น (2) จากการดำเนินโครงการอนุรักษ์พลังงาน ฯ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้เป็นจำนวนมาก เพื่อการ ศึกษาวิธีการประหยัดพลังงานให้กับทุกโรงงานและอาคารควบคุม การที่โรงงานและอาคารควบคุมจะสามารถทำ การปรับปรุงเพื่อการประหยัดพลังงานได้อย่างแท้จริงและสัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรมได้ จะต้องได้รับการสนับสนุนทั้ง ทางด้านกลยุทธ์และการจัดสรรงบประมาณที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานได้กำหนดไว้จากคณะ กรรมการกองทุน ฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ด้วย |
||||||||||||
1776 | การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ | รง | 05/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอเรื่อง การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ สรุปได้ว่า
คณะกรรมการค่าจ้างได้พิจารณาข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดสมุทรสาครที่เสนอ ขอให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด โดยได้นำข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 รวมทั้งความเห็นของผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาประกอบการพิจารณา โดยเห็นว่า การ ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หรือเป็นเหตุ ให้ราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นจนมีผลกระทบต่อภาวะค่าครองชีพของประชาชนทั่วไป จึงได้มีมติให้ปรับ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดสมุทรสาคร เป็นอัตราวันละ 169 บาท และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2546 |
||||||||||||
1777 | สถานการณ์การท่องเที่ยว | กก | 05/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานสถานการณ์การ
ท่องเที่ยวในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2546 มี จำนวนประมาณ 3,500,000 คน ซึ่งลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะสง คราม และโรค SARS แต่ปัจจุบันภาวะดังกล่าวหมดไปแล้ว โดยสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศได้กลับเข้าสู่ ภาวะปกติ โดยสังเกตได้จากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกที่สนามบินดอนเมืองเริ่มมีจำนวนมากขึ้นเฉพาะ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 589,000 คน นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงพาณิชย์ (นายวัฒนา เมืองสุข) รายงานเพิ่มเติมว่า เนื่องจากสถานการณ์โรค SARS หมดไปแล้ว กรมการ ประกันภัยจึงได้ประสานงานกับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย ประกัน สุขภาพสำหรับการติดเชื้อโรค SARS สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2546 เป็นต้นไป แต่ขณะนี้ยังมิได้มีการชำระเบี้ยประกันภัยตามระยะเวลาที่คุ้มครองคือ ตั้งแต่ 19 พฤษภาคม-1 สิงหาคม 2546 โดยมีนักท่องเที่ยวที่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย จำนวนประมาณ 1.2 ล้านคนเศษ เบี้ย ประกันภัยคนละ 0.30 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) จะได้ ชำระให้กับบริษัท ทิพยประกันภัย ฯ ต่อไป |
||||||||||||
1778 | แผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปครูและบุคลากรทางการศึกษา (พ.ศ. 2545 - 2549) | ศธ | 05/08/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4) ที่มี
มติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการรับเรื่อง แผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปครูและบุคลากรทางการศึกษา (พ.ศ. 2545 -พ.ศ. 2549) ไปทบทวน โดยรับความเห็นของ คกก.4 และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการ พิจารณาดำเนินการ แล้วนำเสนอให้ คกก.4 พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยความเห็นของ คกก.4 มีดังนี้ จากวิสัยทัศน์ และวัตถุประสงค์ของแผนยุทธศาสตร์ ฯ เห็นว่า มุ่งจุดเน้นไปที่ความเป็นวิชาชีพชั้นสูงมากกว่าความเป็นแผนยุทธ ศาสตร์การปฏิรูปครู ฯ เพื่อรองรับการปฏิรูปการศึกษาที่ต้องการให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความพร้อม ในการจัดกระบวนการเรียนการสอนใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ คือ มุ่งที่จะพัฒนานักเรียนให้ คิดเป็น วิเคราะห์เป็น เรียนรู้จากการปฏิบัติและประสบการณ์ มีพุทธศึกษาที่ดี มีคุณธรรม และมีสุขภาวะที่ดี รวมทั้งให้มีการบูรณาการแผนยุทธศาสตร์ ฯ กับแผนงาน โครงการอื่น ๆ ทั้งที่เป็นของกระทรวงศึกษาธิการเอง และหน่วยงานที่มีการจัดการศึกษาอื่น ๆ ในส่วนของระยะเวลาดำเนินการ ควรปรับระยะเวลาดำเนินการตาม ข้อเท็จจริงที่จะดำเนินการได้จริง นอกจากนี้ ในการผลิตครูรุ่นใหม่ และการพัฒนาครูที่มีอยู่ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น ควรดำเนินการโดยรอบคอบ และมีการบูรณาการจัดทำแผนโครงการในภาพรวม ดังนั้น เมื่อกระทรวงศึกษาธิ การเสนอขอรับแผนยุทธศาสตร์ ฯ คืนไป ควรนำไปทบทวนโดยอาจจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ แล้วปรับปรุงให้สามารถแสดงให้เห็นภาพชัดเจนว่า การปฏิรูปครูและบุคลากรทางการ ศึกษาที่จะดำเนินการจะพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างไร โดยให้นำ ข้อเสนอยุทธศาสตร์การปฏิรูปการผลิตและพัฒนาครู ซึ่งจัดทำโดยคณะทำงานด้านการผลิตและพัฒนาครูใน คณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษาที่ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติแล้ว ไป ประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ ให้พิจารณาในส่วนของการส่งเสริมจรรยาบรรณของครู และหากมีการปรับปรุง บัญชีเงินเดือนเพื่อส่งเสริมวิชาชีพครูแล้ว ก็ควรจะพิจารณาโทษอย่างจริงจัง หากมีกรณีกระทำความผิดด้วย |
||||||||||||
1779 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2545 | ทส | 29/07/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและ
แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2545 สรุปได้ดังนี้ สำนัก งานนโยบายและแผนทรัพยากร ฯ ได้ดำเนินการยกร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2545 ภาย ใต้การกำกับของคณะอนุกรรมการจัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยได้มีการประชุมเพื่อพิจารณา ร่างรายงานดังกล่าว รวมทั้งจัดประชุมสัมมนาเพื่อนำเสนอร่างรายงาน ฯ และรับฟังความคิดเห็นจากส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนองค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน สื่อมวลชน และผู้ทรงคุณวุฒิ และได้ประมวล ข้อคิดเห็นเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขร่างรายงาน ฯ ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในการนี้ คณะอนุกรรมการ ฯ ได้จัดทำ รายงาน ฯ แล้วเสร็จ และได้นำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2546 โดยสาระสำคัญของรายงาน ฯ ประกอบด้วย บทที่ 1 สถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญในรอบปี พ.ศ. 2545 บทที่ 2 สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 บทที่ 3 การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บทที่ 4 ทรัพยากรธรรมชาติ บทที่ 5 สิ่งแวดล้อมมนุษย์ บท ที่ 6 ภาวะมลพิษ และบทที่ 7 การดำเนินงานที่สำคัญของรัฐบาลเพื่อการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวด ล้อมในรอบปี ทั้งนี้ คณะกรรมการ ฯ ได้พิจารณาร่างรายงาน ฯ และมีมติเห็นชอบกับร่างรายงาน ฯ โดยมอบหมาย ให้กรรมการ ฯ พิจารณารายละเอียดของข้อมูลที่จะปรับแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ และส่งประเด็นให้ฝ่าย เลขานุการ ฯ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี |
||||||||||||
1780 | IFPI กล่าวหาประเทศไทยเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ | พณ | 22/07/2546 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานเรื่อง สมาพันธ์อุตสาหกรรมสิ่งบันทึกเสียง
ระหว่างประเทศ (IFPI) ซึ่งเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมเพลงต่างประเทศ ได้จัดทำรายงานการละเมิดลิขสิทธิ์ ในปี พ.ศ. 2546 ออกเผยแพร่ โดยได้กล่าวหาประเทศไทยว่าเป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่มีการละเมิดลิข สิทธิ์มากที่สุดในโลก และจัดให้เป็นประเทศเป้าหมายที่ต้องแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน ซึ่งตามรายงานได้กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์สูงมากเกินกว่า 25% มีจำนวนโรงงานผลิตซีดีมากถึง 53 โรงงาน ซึ่งมีกำลังการผลิตมากเกินความจำเป็น และยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเพื่อใช้ในการควบคุมการละเมิด ลิขสิทธิ์ผลิตภัณฑ์ซีดี นั้น ตามข้อเท็จจริง กระทรวงพาณิชย์เห็นว่า การกล่าวหาของ IFPI ต่อประเทศไทย นั้น เป็นการกล่าวอ้างโดยใช้ข้อมูลเดิมที่ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วจนไม่สามารถอ้างอิงเป็นข้อเท็จจริงได้ และนอก จากจะไม่ได้อาศัยหลักวิชาการที่ถูกต้องแล้ว ตัวแทนของ IFPI ก็มิได้ให้ความสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมอย่าง จริงจังในการตรวจสอบ ปราบปรามและสำรวจสภาวะการณ์ที่เป็นจริงของตลาดสินค้าลิขสิทธิ์ จึงกล่าวได้ว่า IFPI ได้ประเมินสถานการณ์ โดยเชื่อตามรายงานของตัวแทนในประเทศไทยที่มีข้อจำกัดทั้งในด้านกำลังคน และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และจัดทำรายงานตามความรู้สึกส่วนตัวที่ปราศจากจรรยาบรรณและ ความรับผิดชอบ ทั้งนี้ ในส่วนของนโยบายการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ถือปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยมีเป้าหมายเพื่อ ให้การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซีดีมีระบบที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรม แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการ ละเมิดลิขสิทธิ์เป็นความผิดอันยอมความกันได้ตามกฎหมายความสำเร็จในการปราบปราม จึงขึ้นอยู่กับหน้า ที่รับผิดชอบของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะต้องเป็นผู้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์และนำชี้การกระทำละเมิด หากเจ้า ของลิขสิทธิ์ละเลยเพิกเฉยหน้าที่รับผิดชอบดังกล่าวพนักงานเจ้าหน้าที่ภาครัฐก็มิอาจดำเนินการจับกุมและดำ เนินคดีกับผู้กระทำผิดได้ จึงต้องสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ชัดเจนต่อไป |