ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 86 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 1701 - 1720 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1701 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนมิถุนายน 2547 | พณ | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
ประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือนมิถุนายน 2547 (7-11 มิถุนายน 2547) เปรียบเทียบกับสัปดาห์ที่ 1 ของเดือน มิถุนายน 2547 (1-4 มิถุนายน 2547) สรุปได้ดังนี้ ภาวะราคาสินค้าในเขตกรุงเทพมหานคร หมวดผัก สดและผลไม้ ราคาผักหลายชนิดทรงตัวหลังจากที่ปรับสูงขึ้นในสัปดาห์ก่อน ยกเว้นผักบุ้งจีนที่ราคาลดลง จาก 12-18 บาท/กก. เป็น 6-10 บาท/กก. และผักชีราคาลดลงจาก 10-18 บาท/ขีด เป็น 9-11 บาท /ขีด ราคาผลไม้หลายชนิดทรงตัว หลังจากลดลงเมื่อสัปดาห์ก่อน มีเพียงมะนาวที่ราคายังคงลดลงอย่าง ต่อเนื่องจาก 1.50-2.50 บาท/ผล เป็น 1-2 บาท/ผล ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหาร ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ปิโตรเลียม สินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาสูงขึ้น ได้แก่ น้ำมันเบนซิน ซึ่งเป็นการปรับตามราคาตลาด โลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์เหล็ก ส่วนใหญ่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ยกเว้นเหล็กรูปพรรณที่ลด ลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน จากเดิมราคา 1,140-1,260 บาท/ท่อน เป็น 1,124-1,170 บาท/ท่อน สำหรับสถานการณ์สินค้าในภูมิภาค ส่วนใหญ่ราคายังคงทรงตัว ยกเว้นปุ๋ยเคมี ได้ปรับตัวสูงขึ้นในบาง จังหวัดตามราคาโรงงานที่ปรับสูงขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2547 ในส่วนของการตรวจสอบพฤติกรรมการ จำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และพระ ราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,967 ราย โดยในเขตกรุงเทพมหานคร พบผู้ กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า 9 ราย และปริมาณสินค้าไม่ถูกต้อง 1 ราย ภูมิภาค พบผู้กระทำผิด ไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า 14 ราย และปริมาณสินค้าไม่ถูกต้อง 1 ราย |
|||||||||||||||||||||
1702 | รายงานผลการประชุมสัมมนาการพัฒนาแนวทางการบูรณาการด้านสุขภาพกับหลักศาสนาอิสลาม | สธ | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานสรุปผลการประชุมสัมมนาการพัฒนา
แนวทางการบูรณาการด้านสุขภาพกับหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและสำนักจุฬาราชมนตรีได้ ร่วมกันจัดขึ้น ณ ห้องประชุมโรงเรียนตำรวจภูธร 9 จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2547 โดยผลการ ประชุม ได้มีการกำหนดแนวทางการดูแลสุขภาพที่สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม เพื่อให้เกิดสุขภาวะที่ดี ทั้ง ร่างกาย จิตใจ และปัญญา และตั้งคณะกรรมการพัฒนาการสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ เพื่อจัดทำแผนบูรณาการการสร้างสุขภาพให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ และตั้งคณะทำงาน ฯ เพื่อกำหนด แนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนบูรณาการดังกล่าว โดยการจัดอบรมกลุ่มแม่บ้าน ผู้นำศาสนา เรื่องการสร้าง สุขภาพในมิติต่าง ๆ ในการนี้ กระทรวงสาธารณสุขเป็นแกนในการดำเนินการให้ชุมชนเข้มแข็งร่วมกับผู้ว่าราช การจังหวัดและฝ่ายปกครองดำเนินการขยายงาน To Be No.1 การส่งเสริมการออกกำลังกาย โดยเฉพาะส่ง เสริมการเล่นกีฬาฟุตซอล และจัดทำโครงการให้กลุ่มผู้นำศาสนาไปศึกษาดูงานเรื่องการวางแผนครอบครัวใน ประเทศมุสลิมที่ประสบความสำเร็จด้านการวางแผนครอบครัว และส่งเสริมให้มีการเลี้ยงลูกอย่างเหมาะสมถูก ต้อง เพื่อให้เด็กมีความฉลาดทางปัญญาและอารมณ์ ตลอดจนเปิดโอกาสให้นักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้เข้าเรียนพยาบาลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสนับสนุนให้ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนได้เข้า ศึกษาแพทย์และพยาบาลให้มากที่สุด รวมถึงสนับสนุนการสร้างอาชีพ โดยส่งเสริมการพัฒนาสมุนไพรต่าง ๆ ในพื้นที่ซึ่งสามารถนำมาผลิตเป็นยาได้ |
|||||||||||||||||||||
1703 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดสัตว์ปีก | กษ | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการจัดสรรงบประมาณเพิ่ม
เติมเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดสัตว์ปีก จำนวน 2,824 ล้านบาท และ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือและชดเชยให้กับเกษตรกรดังกล่าวโดยเร็ว และให้ กำกับ ติดตาม ตรวจสอบการจ่ายเงินให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามข้อเท็จจริงด้วย โดยเบิกจ่าย ดังนี้ เงินจำนวน 500,000,000 บาท เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับเงินส่วนที่เหลือ จำนวน 2,324,000,000 บาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานขอยืมจากเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร หากยังไม่เพียงพอก็ให้ขอยืมจากเงินกองทุนช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณดำเนินการตั้งงบ ประมาณชดใช้เงินยืมให้แก่กองทุนดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสม ในการนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่ม เติมว่า การให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรดังกล่าว เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่ เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งปัญหาโรคระบาดดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงควรพิจารณา กำหนดมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาไว้ให้พร้อมเป็นการล่วงหน้า กับให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาร่วมกับ กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถึงความเหมาะสมและจำเป็นในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการ ส่งออก (premium) ผลิตภัณฑ์ไก่ต้มสุก เพื่อชดเชยภาระของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกร รวมทั้ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ต้มสุก ให้มากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาและความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคระบาด
|
|||||||||||||||||||||
1704 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือนมิถุนายน 2547 | พณ | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคประจำ
สัปดาห์ที่ 1 เดือนมิถุนายน 2547 โดยในเขตกรุงเทพมหานคร ผักสดหลายชนิดยังมีราคาสูงขึ้น แต่เริ่มชะลอตัว ลงจากเดิม เนื่องจากผลผลิตได้รับความเสียหายจากภาวะฝนตก ผลไม้หลายชนิดราคาลดลง เนื่องจากเป็นช่วง ฤดูกาลที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก สุกรชำแหละ และไก่สด ราคาลดลงเนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่ม ขึ้นมาก และภาวะการจำหน่ายชะลอตัว ส่วนผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปัจจัยการเกษตร เม็ดพลาสติก และปุ๋ยเคมี มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุน วัตถุดิบเพิ่มขึ้น ในส่วนของเหล็กและผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่ราคาทรงตัว ยกเว้นเหล็กเส้น และตะปู ที่มีราคาลดลง อันเป็นผลจากราคาวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มอาหารและ เครื่องดื่มบางชนิดมีราคาเคลื่อนไหวขึ้น-ลงเล็กน้อยตามภาวะการแข่งขัน และการส่งเสริมการขายของห้างสรรพ สินค้า สำหรับสถานการณ์สินค้าในภูมิภาค ส่วนใหญ่ราคาทรงตัว ยกเว้นอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นในบางจังหวัด ตามราคาโรงงานที่ปรับสูงขึ้น และจากการตรวจสอบพฤติกรรมการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการตามพระ ราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2542 ในเขต กรุงเทพมหานคร พบผู้กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า 18 ราย มาตรวัดน้ำมันไม่ได้มาตรฐาน 1 ราย ภูมิ ภาค พบผู้กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า 13 ราย เครื่องชั่งไม่ได้มาตรฐาน 1 ราย สำหรับการดำเนิน การดูแลผู้บริโภค ได้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้สถานีบริการน้ำมันละเว้นการกระทำที่มีลักษณะเป็นการกัก ตุนหรือปฏิเสธการจำหน่ายโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร รวมทั้งได้ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันให้เข้มงวดกำกับดูแล สถานีบริการน้ำมันที่อยู่ในความดูแลไม่ให้กักตุนน้ำมันเชื้อเพลิงหรือปฏิเสธการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และให้ ร้านอาหารธงฟ้าที่อยู่ในความส่งเสริมของกรมการค้าภายในทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และภูมิภาค จำหน่ายใน ราคาเท่าเดิม เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคและช่วยดึงราคาจำหน่ายในร้านอาหารทั่วไปไม่ให้ปรับสูงขึ้น |
|||||||||||||||||||||
1705 | สรุปภาวะราคาสินค้า | พณ | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าประจำสัปดาห์ที่
3 เดือนพฤษภาคม 2547 ดังนี้ ความเคลื่อนไหวราคาสินค้าในเขตกรุงเทพมหานคร หมวดอาหารสดและผล ไม้ ราคาเนื้อสุกรชำแหละ และเงาะ มีราคาลดลง หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง ยางรถยนต์ มีราคาสูงขึ้น หมวดวัสดุ ก่อสร้าง สังกะสี มีราคาสูงขึ้น ส่วนเหล็กเส้น, เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ราคาลดลง และหมวดปัจจัยการ เกษตร ปุ๋ยเคมี มีราคาสูงขึ้น สำหรับความเคลื่อนไหวราคาสินค้าในภูมิภาค ส่วนใหญ่ราคาทรงตัว ยกเว้น หมวดปัจจัยการเกษตร ได้แก่ อาหารสัตว์ ที่มีราคาสูงขึ้น ด้านการตรวจสอบพฤติกรรมการจำหน่ายสินค้า ของผู้ประกอบการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติมาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2542 จำนวนทั้งสิ้น 23,190 ราย แยกเป็นกรุงเทพมหานคร จำนวน 993 รายการ พบผู้ กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า 2 ราย ภูมิภาค จำนวน 22,197 ราย พบผู้กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดง ราคาสินค้า 6 ราย มาตรวัดน้ำมันไม่ได้มาตรฐาน 1 ราย และน้ำหนักบรรจุหีบห่อไม่ถูกต้อง 4 ราย สำหรับ การช่วยบรรเทาค่าครองชีพได้จัดจัดหน่ายเนื้อสุกร-เนื้อไก่ ไข่ไก่และกุ้ง...ธงฟ้า ที่ตลาด อ.ต.ก. และที่ชุมชน ตลอดจนบริเวณหน้าสถานที่ทำการ อาทิเช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวง พาณิชย์ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพแก่ผู้บริโภค รวมทั้งจัดงาน Thai Fruit Paradise ระหว่างวันที่ 14-31 พฤษภาคม 2547 ณ สนามบินดอนเมือง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและเป็นการเพิ่มศักยภาพการจำหน่ายผล ไม้ในตลาดต่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||
1706 | สรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค | พณ | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค
สัปดาห์ที่ 4 เดือนพฤษภาคม 2547 โดยหมวดอาหารสด ราคาสูงขึ้น ได้แก่ อาหารสำเร็จรูป ราคาลดลง ได้แก่ สุกรชำแหละ ไก่สด หมวดผักและผลไม้ ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผักชี ผักกาดขาวปลี ราคาลดลง ได้แก่ ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง มะนาว เงาะ ลิ้นจี่ หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหาร ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติก ราคาลด ลง ได้แก่ เหล็กเส้น และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ส่วนการตรวจสอบพฤติกรรมการจำหน่ายสินค้าของผู้ ประกอบการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติมาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2542 จำนวนทั้งสิ้น 15,283 ราย แยกเป็น กรุงเทพมหานคร จำนวน 1,485 ราย ภูมิภาค 13,798 ราย พบผู้กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคา 28 ราย มาตรวัดน้ำมันไม่ได้มาตรฐาน 1 ราย และ น้ำหนักบรรจุหีบห่อไม่ถูกต้อง 4 ราย สำหรับการช่วยบรรเทาค่าครองชีพได้จัดโครงการมุมธงฟ้า-ราคา ประหยัด ในห้างสรรพสินค้าทั้งในกรุงเทพ ฯ และภูมิภาค และโครงการมุมธงฟ้า-ราคาประหยัดเคลื่อน ที่โดยนำสินค้าจำหน่ายเคลื่อนที่ตามชุมชนหนาแน่น ในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ ได้ขอ ความร่วมมือห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพมหานคร และภูมิภาค จำหน่ายอาหารใน Food Center ในราคา เท่าเดิม และให้พาณิชย์จังหวัดและสำนักงานการค้าภายในจังหวัดจัดหาผักสดในจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิต เชื่อมโยงมาจำหน่ายในส่วนกลาง |
|||||||||||||||||||||
1707 | รายงานผลการตรวจราชการ | มท | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการตรวจราชการในพื้นที่จังหวัด
มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และขอนแก่น ระหว่างวันที่ 5 และ 6 มิถุนายน 2547 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย ซึ่งในการตรวจราชการดังกล่าวได้มีการประชุมเน้นย้ำนโยบายสำคัญของรัฐบาล และกระทรวง มหาดไทย ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่ บ้าน และผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ในเรื่องโครงการหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล การแก้ไขปัญหา สังคมและยากจนเชิงบูรณาการ ระบบบริหารราชการจังหวัดแบบบูรณาการ การแก้ไขปัญหายาเสพติด การ แก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพล และการประหยัดพลังงาน รวมทั้งตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญ ของรัฐบาล และรับทราบปัญหาความต้องการของประชาชน อาทิ การเยี่ยมชมผลการดำเนินงานหมู่บ้าน ชุมชนเข้มแข็งเศรษฐกิจพอเพียง เครือข่ายกลุ่มอาชีพเพาะเห็ด ขนมจีน สมุนไพร ปุ๋ยชีวภาพ และการทอผ้า ซึ่งเป็นตัวอย่างของกิจการที่สอดคล้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกันเป็นวงจรกล่าวคือ การผลิตสินค้าประเภทหนึ่ง โดยนำผลของการผลิตผลิตภัณฑ์อีกประเภทหนึ่งมาใช้เป็นวัตถุดิบ และการตรวจสภาพพื้นที่ตำบลหนองกุง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งราษฎรได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากภาวะน้ำท่วมในแต่ละปี โดยถึงฤดู น้ำหลากน้ำจะท่วมเส้นทางคมนาคมเข้าบ้านบึงกลางเป็นระยะเวลาประมาณ 3 - 4 เดือนของทุกปี เป็น ผลให้ราษฎร 120 ครัวเรือนเดือดร้อน แนวทางในการแก้ไขปัญหา ควรจัดทำโครงการก่อสร้างสะพานและ ถนน ใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทเศษ ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
1708 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ปี 2547 (ไม่ยืนยันมติ) | นร | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ที่ปรึกษาด้านการวางแผนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ์) ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (นาง อัจนา ไวความดี) และผู้อำนวยการสำนักวางแผนเศรษฐกิจมหภาค (นายปรเมธี วิมลศิริ) สรุปภาวะเศรษฐ กิจไทยไตรมาสแรก ปี พ.ศ. 2547 |
|||||||||||||||||||||
1709 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้แก่เกษตรกรรายย่อย พ.ศ. 2547 | ทก | 01/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการสำรวจ
ความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้แก่เกษตรกรรายย่อย พ.ศ. 2547 ของสำนัก งานสถิติแห่งชาติ ซึ่งมีผลการสำรวจ ดังนี้ (1) ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้แก่เกษตร กรรายย่อย ร้อยละ 65.2 ระบุว่า มีเงินออมจากการเข้าร่วมโครงการ ฯ ร้อยละ 34.8 ระบุว่า ไม่มีเงินออม โดยผู้มี เงินออมร้อยละ 31.0 ระบุว่า มีเงินพอเพียงในการใช้ลงทุนประกอบอาชีพหรือปรับปรุง/พัฒนาฟื้นฟูอาชีพ (2) การชำระหนี้คืนแก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หลังจากสิ้นสุดโครงการ ฯ ร้อยละ 83.7 ระบุว่า สามารถชำระหนี้คืนได้ ร้อยละ 16.3 ระบุว่า ไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ เนื่องจากผลผลิตเสียหาย มีหนี้สินแหล่งอื่นที่ต้องชำระ ราคาผลผลิตตกต่ำ ไม่ประสบผลสำเร็จในการฟื้นฟูอาชีพ ตลอดจนใช้ในการรักษา พยาบาล เป็นต้น (3) การเข้าร่วมการฟื้นฟูอาชีพ ร้อยละ 51.6 ระบุว่า ไม่เข้าร่วมการฟื้นฟูอาชีพ และร้อยละ 48.4 ระบุว่า เข้าร่วมการฟื้นฟูอาชีพ โดยผู้ที่เข้าร่วมการฟื้นฟูอาชีพ ร้อยละ 61.8 ระบุว่า ช่วยให้ครัวเรือนมีการ ฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพได้ในระดับปานกลาง (4) ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะความมั่นคงในการประกอบอาชีพและ รายได้เมื่อเทียบกับก่อนเข้าร่วมโครงการ ฯ โดยร้อยละ 66.5 ระบุว่า ช่วยให้ครัวเรือนสามารถฟื้นตัวและมีภาวะ ความมั่นคงขึ้นในการประกอบอาชีพ และร้อยละ 61.7 ระบุว่า ทำให้ครัวเรือนมีรายได้เพิ่ม/ดีขึ้น (5) การบรรเทา ภาระหนี้สินของเกษตรกรหลังโครงการสิ้นสุดลง ร้อยละ 86.6 เห็นว่า ได้ผลในระดับปานกลางถึงมาก ร้อยละ 9.0 เห็นว่า ได้ผลน้อยถึงไม่ได้ผล (6) การช่วยเหลือเกษตรกรให้มีเวลาพักฟื้นหรือพัฒนา/ปรับปรุงประสิทธิภาพ การผลิตหลังโครงการสิ้นสุดลง ร้อยละ 76.0 เห็นว่า ได้ผลในระดับปานกลางถึงมาก ร้อยละ 16.3 เห็นว่า ได้ผล น้อยถึงไม่ได้ผล (7) การช่วยเหลือเกษตรกรให้ฟื้นตัวในการประกอบอาชีพ/ชีวิตความเป็นอยู่หลังโครงการสิ้นสุด ลง ร้อยละ 82.7 เห็นว่า ได้ผลในระดับปานกลางถึงมาก ร้อยละ 12.6 เห็นว่า ได้ผลน้อยถึงไม่ได้ผล (8) ความ สำเร็จของโครงการ ฯ ร้อยละ 86.8 ระบุว่า โครงการ ฯ ประสบผลสำเร็จในระดับปานกลางถึงมาก ร้อยละ 2.1 ระบุว่า โครงการ ฯ ไม่ประสบความสำเร็จ และ (9) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการ ฯ ร้อยละ 38.9 ได้ให้ความคิด เห็นว่า ควรขยายเวลาการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ หาแหล่งเงินกู้ที่ดอกเบี้ยต่ำ สร้างงานให้ผู้ว่างงานและส่ง เสริมอาชีพจัดหาแหล่งน้ำในการทำการเกษตร และประกันราคาผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
1710 | การประชุมรัฐมนตรีพลังงาน ASEAN, ASEAN+3 และ APEC | พน | 01/06/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอประเด็นประกอบการประชุมระดับรัฐมนตรี
และเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านพลังงาน ASEAN, ASEAN+3 และ APEC ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7 - 10 มิถุนายน 2547 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยกระทรวงพลังงานจะเสนอกลยุทธ์การจัดหาพลังงานทางเลือกของภูมิภาคใน ภาวะน้ำมันแพง หรือ Bioenergy Revolution Strategy for ASIA โดยการแปลงดินให้เป็นเชื้อเพลิง ด้วยการนำ ผลผลิตทางการเกษตรมาใช้ในการผลิตพลังงานทดแทน เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในช่วงน้ำมันราคาแพงปัจจุบัน และการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการจัดหาพลังงานทางเลือก หรือ Sub-Sector Committee on Bioenergy ภายใต้ ASEAN Energy Minister (AMEM) แยกออกจากคณะ ทำงานด้านพลังงานทดแทน หรือ Sub-Sector Committee on Renewable ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทำหน้าที่ใน การกำกับดูแลและประสานความร่วมมือด้านการจัดหาพลังงานทางเลือก |
|||||||||||||||||||||
1711 | กระทู้ถามที่ 1196 ร. เรื่อง การแก้ไขปัญหาภัยแล้งในเขตอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช | สผ | 25/05/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1196 ร. เรื่อง
การแก้ไขปัญหาภัยแล้งในเขตอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ของนายประกอบ รัตนพันธ์ สมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุป ได้ว่า รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายและแผนงานเพื่อป้องกันและแก้ไขภัยแล้งในพื้นที่อำเภอ ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการและเตรียมแผนการช่วยเหลือดังนี้ สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ได้จัดทำแผนปฏิบัติงานประจำปี พ.ศ. 2546 รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝน หลวงภาคใต้ตอนล่างที่จังหวัดสงขลา เพื่อให้บริการทำฝนหลวงแก่พื้นที่ที่ประสบภาวะความแห้งแล้ง และเพิ่ม ปริมาณน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำรับน้ำต่าง ๆ บริเวณภาคใต้ตอนล่างเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำด้านการเกษตร และด้านการอุปโภคบริโภค ส่วนกรมชลประทาน ได้เตรียมการในส่วนของเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำเพื่อช่วย เหลือน้ำในการอุปโภคบริโภค และการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้ความช่วยเหลือในเรื่องของรถบรรทุกน้ำ และเครื่องสูบน้ำชนิดเคลื่อนย้ายได้ และกรมพัฒนาที่ดิน ได้จัดทำโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดย กำหนดกรอบการพัฒนาออกเป็น 2 ส่วน ในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2546-2550) คือ ด้านการสร้างกระบวน การเรียนรู้ขององค์กรชุมชนและด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ สำหรับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการ อ่างเก็บน้ำคลองลำดัง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช กรมชลประทาน รอผลการออกแบบรายละเอียด จากบริษัทที่ปรึกษา หากแล้วเสร็จจะพิจารณาจัดทำแผนและงบประมาณก่อสร้าง |
|||||||||||||||||||||
1712 | สรุปภาวะราคาสินค้า | พณ | 25/05/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาสินค้า ประจำสัปดาห์ที่ 2
เดือนพฤษภาคม 2547 เปรียบเทียบกับสัปดาห์ที่ 1 เดือนพฤษภาคม 2547 โดยความเคลื่อนไหวราคาสินค้า ในกรุงเทพมหานคร สินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผักบุ้ง ผักชี ที่เคลื่อนไหวตามภาวะตลาด เม็ดพลาสติกที่ได้รับ ผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น และอาหารสัตว์ ซึ่งต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น สินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ ผลไม้ ที่ออกสู่ตลาดมาก และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เนื่องจากเหล็กแผ่นรีดร้อนที่เป็นวัตถุดิบมีราคาลดลง ส่วน ความเคลื่อนไหวราคาสินค้าในภูมิภาค สินค้าส่วนใหญ่ราคาทรงตัว ยกเว้นอาหารสัตว์ที่ราคาขายปลีกเฉลี่ยใน บางจังหวัดมีการปรับสูงขึ้น สำหรับผลการตรวจสอบผู้ประกอบการ กรุงเทพมหานคร จำนวน 748 รายการ พบผู้กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า 3 ราย และน้ำหนักบรรจุหีบห่อไม่ถูกต้อง 2 ราย ภูมิภาค จำนวน 13,751 ราย พบผู้กระทำผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า 20 ราย เครื่องชั่งไม่เที่ยงตรง 2 ราย และน้ำหนัก บรรจุหีบห่อไม่ถูกต้อง 1 ราย ทั้งนี้ ได้มีการดำเนินคดีโดยการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายว่าด้วยราคา สินค้าและบริการ และกฎหมายมาตราชั่งตวงวัด |
|||||||||||||||||||||
1713 | ความคืบหน้าในการหาเชื้อเพลิงทางเลือกในภาวะน้ำมันแพง | พน | 18/05/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานความคืบหน้าการหาเชื้อเพลิงทางเลือกใน
ภาวะน้ำมันแพง ดังนี้ การพัฒนาและส่งเสริมก๊าซโซฮอล์ (Gasohol) กระทรวงพลังงานร่วมกับส่วนราชการและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการผลิต และจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ ส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ โครงการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการส่งเสริม การใช้ก๊าซธรรมชาติในยานยนต์ (NGV) โดยมอบหมายให้ ปตท. ดำเนินการปรับปรุงรถเก่าและรถใหม่ โดย เฉพาะรถยนต์สาธารณะและรถยนต์ที่มีการใช้เชื้อเพลิงต่อวันในปริมาณมากให้มาใช้ NGV มากขึ้น รวมถึงการ ขยายสถานีบริการ NGV อย่างทั่วถึง และได้ประสานงานกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเพิ่ม แรงจูงใจให้ผู้ผลิตและประกอบรถยนต์และอุปกรณ์ใช้ก๊าซ NGV ด้านการส่งเสริมการลงทุน และการให้สิทธิ ประโยชน์ทางภาษีนำเข้าอุปกรณ์ ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือเงินทุนในการติดตั้งอุปกรณ์การใช้ก๊าซ NGV และการซื้อรถยนต์ที่ใช้ก๊าซ NGV การพัฒนาและส่งเสริมไบโอดีเซล (Biodiesel) กระทรวงพลังงานได้จัดตั้ง คณะกรรมการเพื่อกำหนดเป้าหมายการใช้ไบโอดีเซล ร้อยละ 3 ของการใช้น้ำมันดีเซลในปี พ.ศ. 2554 หรือ ประมาณวันละ 2.4 ล้านลิตร และกำหนดแผนการผลิตวัตถุดิบให้เพียงพอกับการนำมาผลิตไบโอดีเซล และ กำหนด Road Map การพัฒนาและส่งเสริมไบโอดีเซล แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 บังคับใช้เฉพาะพื้นที่เป้า หมายภายในปี พ.ศ. 2549-2553 และระยะที่ 2 บังคับใช้ทั่วประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยได้ดำเนินโครง การนำร่อง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสาธิตการผลิตและการใช้ไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์รับจ้าง สองแถวในจังหวัดเชียงใหม่ ระยะเวลาดำเนินโครงการ 8 เดือน กำหนดเปิดตัวโครงการที่จังหวัดเชียงใหม่และ กรุงเทพมหานครในเดือนมิถุนายน 2547 และแผนขยายการนำระบบการผลิตไบโอดีเซล (Biodiesel plant) ระดับชุมชนสาธิตในพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านวัตถุดิบ และความร่วมมือจากองค์กรท้องถิ่นในภาคใต้ และภาค ตะวันออก และไบโอดีเซลผสมก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นการทำวิจัยเพื่อศึกษาทางเทคนิคเศรษฐกิจและผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมของการใช้ก๊าซธรรมชาติร่วมกับไบโอดีเซลในเครื่องยนต์ดีเซล |
|||||||||||||||||||||
1714 | รายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า | อก | 11/05/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กและ
เหล็กกล้า โดยสถานการณ์ราคาเหล็กโดยรวมในตลาดโลกเดือนพฤษภาคม 2547 ราคาเหล็กทรงแบน ณ วัน ที่ 5 พฤษภาคม 2547 ราคาสแลปและเหล็กแผ่นรีดร้อน ณ ท่าเรือ CIS อยู่ที่ 458 และ 485 เหรียญสหรัฐต่อ ตัน fob คิดเป็น 20.35 และ 22.21 บาทต่อกิโลกรัม ณ ท่าเรือกรุงเทพ ส่วนราคาบิลเลตอยู่ที่ 370 เหรียญ สหรัฐต่อตัน fob ณ ท่าเรือ CIS หรือ 16.86 บาทต่อกิโลกรัม ณ ท่าเรือกรุงเทพ ส่วนราคาเหล็กเส้น ณ ท่า เรือกรุงเทพอยู่ที่ตันละ 21.22 บาท สำหรับผลการดำเนินงานของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาภาวะขาดแคลน เหล็กเส้นก่อสร้าง ในเดือนมีนาคมและเมษายน คณะกรรมการ ฯ ได้มีการกำหนดราคาขายเหล็กเส้น ณ หน้า โรงงาน และจัดสรรปริมาณในแต่ละเดือนให้แก่สมาชิกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย เพื่อเป็นการบรรเทา ความเดือดร้อน ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าวของกระทรวงอุตสาหกรรมส่งผลให้ราคาเหล็กในตลาดของไทย ลดลง โดยในขณะนี้ราคาเหล็กเส้นหน้าโรงงานอยู่ที่ 19,000 บาทต่อตัน ต่ำกว่าราคาเหล็กเส้นในตลาดโลก ซึ่งอยู่ที่ 20,400 บาทต่อตัน (c&f) |
|||||||||||||||||||||
1715 | กระทู้ถามที่ 446 เรื่องกองทุนวายุภักษ์ | สผ | 04/05/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 446 เรื่อง กองทุนวายุ
ภักษ์ของนายอำนวย คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า การจัดตั้งกองทุนรวมวายุ ภักษ์ หนึ่ง มีวัตถุประสงค์หลักประการหนึ่ง คือ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนทั่วไปในการลงทุนในรูปของ หน่วยลงทุนที่มีการคุ้มครองทั้งเงินต้นและอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน กองทุนจึงเป็นทาง เลือกที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มที่มีเงินออมที่ต้องการได้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ และไม่ ชอบความเสี่ยง และยังได้กำหนดจำนวนจองซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 หน่วย หรือ 10,000 บาท ซึ่งเป็นการเปิด โอกาสให้ผู้มีเงินน้อยก็สามารถจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนได้ นอกจากนี้ ยังมีข้อดีคือ ในช่วงที่อัตราดอก เบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ เช่น ในภาวะปัจจุบัน นักลงทุนจะได้รับอัตราผลตอบแทนสูงกว่า อัตราดอกเบี้ยเงิน ฝาก แต่หากในอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีการปรับตัวสูงขึ้น การปรับตัวสูงขึ้นดังกล่าวจะเป็นการสะท้อน ถึงการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ นั่นหมายถึงผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่จดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทยดีขึ้น ทำให้กองทุนได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นทั้งในรูปเงินปันผลและกำไรจากการขาย หลักทรัพย์ส่งผลให้กองทุนสามารถจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนสูงขึ้นตามไปด้วย สำหรับกรณีที่ กระทรวงการคลังออกพันธบัตรรัฐบาล ขายให้สถาบันการเงินให้ดอกเบี้ยถึงร้อยละ 4.80 นั้น เป็นการออก พันธบัตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณของพันธบัตรรุ่นเดิมที่มีอยู่ คือ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับ โครงสร้างหนี้ที่ออกในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ครั้งที่ 1 อายุ 9 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.8 ต่อปี วงเงิน 23,440 ล้านบาท โดยมีอายุคงเหลือ 6.4 ปี ณ วันที่เริ่มประมูล ซึ่งได้เริ่มประมูลเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2546 ถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 รวม 5 สัปดาห์ โดยประมูลสัปดาห์ละ 1,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นจำนวน 5,000 ล้านบาท และในการประมูล ผู้มีสิทธิประมูลจะเป็นประเภทสถาบันการเงินต่าง ๆ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ฯลฯ ตามประกาศกระทรวงการคลัง จะ ใช้วิธีการประมูล โดยผู้ที่เสนออัตราผลตอบแทนต่ำสุดเรียงลำดับจนครบวงเงินที่ประกาศในแต่ละสัปดาห์ โดยพันธบัตรรุ่นดังกล่าวมีอัตราดอกเบี้ยหน้าพันธบัตร (Coupon) กำหนดไว้ที่ร้อยละ 4.80 ต่อปี ดังนั้น ผู้ที่ ได้รับการจัดสรรพันธบัตรจากการประมูลจะต้องจ่ายส่วนเกินมูลค่าพันธบัตร (Premium) ให้กับรัฐบาล ซึ่ง เปรียบเสมือนผู้ที่ได้รับจัดสรรพันธบัตร จ่ายดอกเบี้ยในส่วนที่สูงกว่าอัตราตลาดคืนให้กับรัฐบาล ณ วันรับ จ่ายเงินจากการซื้อขายพันธบัตรดังกล่าวซึ่งเป็นกลไกปกติของการประมูลพันธบัตร โดยส่วนเกินมูลค่าพันธ บัตรที่ได้รับ ณ วันซื้อขายพันธบัตรดังกล่าว จะสูงกว่าวงเงินดอกเบี้ยพันธบัตรที่จะต้องจ่ายตลอดอายุพันธ บัตรที่เหลืออยู่ ทั้งนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับผลตอบ แทนของกองทุนได้ เนื่องจากการกำหนดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะพิจารณากำหนดจากอัตรา ผลตอบแทนอ้างอิงที่มีอยู่ (Benchmark Yield Curve) ส่วนผลตอบแทนของกองทุนนั้น จะขึ้นอยู่กับผลการ ประกอบการของกองทุนในอนาคตในแต่ละปี |
|||||||||||||||||||||
1716 | การให้สัตยาบันข้อแก้ไขธรรมนูญขององค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก | ทก | 04/05/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอข้อแก้ไขธรรมนูญ
ขององค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APT) โดยวัตถุประสงค์ของการแก้ไขธรรมนูญขององค์การ ฯ เพื่อให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมด้านโทรคมนาคม และวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเป็นการเพิ่มพูนการพัฒนาบริการโทรคมนาคมและ โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศทั่วภูมิภาค โดยเฉพาะมุ่งเน้นการขยายไปยังพื้นที่ที่พัฒนาน้อย และยังเป็นการส่ง เสริมให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพื่อพัฒนาส่งเสริมกิจกรรมโทรคมนาคมในประเทศสมาชิก และ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเกี่ยวกับการให้สัตยาบันข้อแก้ไขธรรมนูญขององค์การโทรคมนาคมแห่ง เอเชียและแปซิฟิกต่อผู้เก็บรักษากรรมสารขององค์การ ฯ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1717 | รายงานการติดตามสถานการณ์ภัยธรรมชาติ (ด้านการเกษตร) ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2547 ช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 26 เมษายน 2547 | กษ | 27/04/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานการติดตามสถานการณ์ภัย
ธรรมชาติ (ด้านการเกษตร) ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2547 ช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์-26 เมษายน 2547 ของศูนย์ เฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ (ด้านการเกษตร) ในการติดตามสภาวะอากาศ การแจ้งเตือน ภัย การรายงานสถานการณ์ และการให้ความช่วยเหลือ โดยการติดตามสภาวะอากาศและการแจ้งเตือน ได้ แจ้งเตือนภัยธรรมชาติในช่วงฤดูแล้งจำนวน 19 ครั้ง โดยมีคำเตือนเกี่ยวกับพายุลมแรง มวลอากาศเย็น คลื่น ลมแรง พายุฝนและลมกระโชกแรง พายุฤดูร้อน และลูกเห็บ ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดความเสียหายด้านการ เกษตร ส่วนการกำหนดพื้นที่ปลูกพืชฤดูแล้งให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำ ยังมีเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังในบาง จังหวัด และแนวโน้มยังคงมีการปลูกข้าวนาปรังเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบกับพื้นที่เป้าหมายและการใช้น้ำที่ เพิ่มขึ้น กรมชลประทานได้แจ้งข่าวขอให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปรัง เพราะจะส่งผลให้มีการใช้น้ำเพิ่ม มากขึ้น ซึ่งกรมชลประทานจะไม่สามารถจัดสรรน้ำให้ได้อย่างเพียงพอ สำหรับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันจาก การสำรวจสภาพน้ำท่าในแม่น้ำต่าง ๆ ทั่วประเทศ อยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ยกเว้นแม่น้ำป่าสัก แม่น้ำชี แม่น้ำบางปะกง และแม่น้ำปัตตานี สภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทั่วประเทศเฉลี่ยประมาณร้อยละ 57 ของความจุเก็บกัก หรือ 38,608 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งน้อยกว่าปี พ.ศ. 2546 ยกเว้นอ่างเก็บน้ำแม่กวง อ่างเก็บน้ำกิ่วลม อ่างเก็บน้ำทับเสลา และอ่างเก็บน้ำน้ำอูน มีปริมาตร น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุเก็บกักแต่ก็สามารถบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอสำหรับพื้นที่ชลประทาน ในฤดูแล้งนี้ได้ หากมีการใช้น้ำอย่างประหยัด นอกจากนี้ ยังมีผลการช่วยเหลือเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุก น้ำ ผลการปฏิบัติการฝนหลวง การเฝ้าระวังและเตือนศัตรูพืชระบาด และสรุปพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติใน ช่วงฤดูแล้ง |
|||||||||||||||||||||
1718 | รายงานผลการส่งเสริมการลงทุนและการสำรวจความคิดเห็นของ UNCTAD | อก | 27/04/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการ
ลงทุน รายงานผลการส่งเสริมการลงทุนและการสำรวจความคิดเห็นของ UNCTAD สรุปได้ว่า จากกรณีที่คณะ กรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มีนโยบายสนับสนุนการลงทุนที่สอดคล้องกับนโยบาย Dual Track ของรัฐบาล ที่สนับสนุนการลงทุนทางตรงในประเทศ (Domestic Direct Investment : DDI) และการลงทุนทางตรงจาก ต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) และได้กำหนดเป้าหมายการส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจนใน ด้านอุตสาหกรรมเป้าหมาย และภูมิภาคเป้าหมาย รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนของคนไทยโดยมุ่งเน้นการสร้าง ผู้ประกอบการใหม่ (New Entrepreneur) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีศักยภาพหรือใช้ ฐานความรู้สูงในลักษณะของ Smart Enterprise และวิสาหกิจชุมชน ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้มีเป้าหมาย หลักในการส่งเสริมการลงทุน ดังนี้ มูลค่าการลงทุนของคำขอรับการส่งเสริม ในปี พ.ศ. 2547 ไม่น้อยกว่า 270,000 ล้านบาท โดยกำหนดเป้าหมายท้าทายที่ระดับไม่น้อยกว่า 290,000 ล้านบาท และตั้งเป้าขยับ อันดับของไทย จากประเทศที่ดึงดูดการลงทุนในเอเชีย อันดับที่ 11 ในปี พ.ศ. 2545 เป็นอันดับที่ 1 ใน 5 ภายในปี พ.ศ. 2549 นั้น ปรากฏว่า การขอรับการส่งเสริมการลงทุนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่า คำขอรับการส่งเสริมในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ในระดับประมาณ 93,800 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 270,000 บาท โดยอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ อุตสาห กรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 32,400 ล้านบาท ด้านการขอรับการส่ง เสริมในกิจการเกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาทักษะ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (STI) เพื่อช่วยยกระดับขีด ความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมในประเทศมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท รวมทั้ง สิ้น 11 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกิจการผลิตเวชภัณฑ์หรืออุปกรณ์การแพทย์ กิจการ R&D และ กิจการบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ด้านการขอรับการส่งเสริมของวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมของไทย (SMEs) ซึ่งเป็นบริษัทไทย มีจำนวน 57 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมกว่า 4,000 ล้าน บาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกิจการผลิต/ถนอมอาหาร/สิ่งปรุงแต่งโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีเงิน ลงทุนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนภาวะการลงทุนจากต่างประเทศ ประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่มี การลงทุนในไทยสูงสุด คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 44 โดยนักลงทุนญี่ปุ่นนิยมลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วน ยานพาหนะ กิจการผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่ใช้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และกิจการผลิตภัณฑ์ พลาสติกหรือเคลือบด้วยพลาสติกมากที่สุด คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท สำหรับผล การสำรวจความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนชั้นนำทั่วโลก ของ UNCTAD ได้จัด อันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความน่าลงทุนเป็นลำดับที่ 4 ของโลกหรือลำดับที่ 3 ของเอเชียซึ่งสอด คล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่มุ่งจะยกระดับการดึงดูดการ ลงทุนของไทยจากลำดับที่ 11 มาเป็น 5 ลำดับแรกของเอเชียภายในปี พ.ศ. 2549 |
|||||||||||||||||||||
1719 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาภาวะขาดแคลนเหล็กเส้นก่อสร้าง | อก | 27/04/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานการดำเนินการแก้ไขปัญหาภาวะ
ขาดแคลนเหล็กเส้นก่อสร้าง สรุปผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ดังนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ประชุม หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2547 โดยที่ ประชุมได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาภาวะขาดแคลนเหล็กเส้นก่อสร้างตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มผู้ผลิตเหล็กเส้นก่อสร้าง สมาคมอุตสาหกรรม ก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานราชการที่ เกี่ยวข้อง เป็นกรรมการ ฯ โดยมีอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นประธาน โดยคณะกรรมการ ฯ ได้มีการ ประชุมรวม 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม 2547 ที่ประชุมได้มีมติให้กลุ่มผู้ผลิตเหล็กเส้น ก่อสร้างจัดสรรปริมาณเหล็กเส้นก่อสร้าง ในเดือนมีนาคม 2547 ให้สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้าง ฯ จำนวน 17,000 ตัน เป็นระยะเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป และกำหนดราคาเหล็กเส้นก่อสร้างใน เดือนมีนาคม 2547 ที่ 19,000 บาทต่อตัน เป็นเหล็กชนิด SD 40 ขนาด 16-28 มม. (ราคาเงินสดหน้า โรงงาน ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และครั้งที่ 2 เมื่อวันอังคารที่ 23 มีนาคม 2547 ที่ประชุมได้มีมติให้กลุ่มผู้ ผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างจัดสรรปริมาณเหล็กเส้นก่อสร้างในเดือนเมษายน 2547 ให้สมาคมอุตสาหกรรมก่อ สร้าง ฯ จำนวน 17,000 ตัน และกำหนดราคาเหล็กเส้นก่อสร้างในเดือนเมษายน 2547 ที่ 20,500 บาท ต่อตัน เป็นเหล็กชนิด SD 40 ขนาด 16-28 มม. (ราคาเงินสดหน้าโรงงาน ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่วนการ กำหนดราคาเหล็กเส้นก่อสร้างในเดือนพฤษภาคม 2547 คณะกรรมการ ฯ จะมีการประชุมหารือกันในวัน พฤหัสบดีที่ 22 เมษายน 2547
|
|||||||||||||||||||||
1720 | กระทู้ถามที่ 1195 ร. เรื่อง การแก้ไขปัญหาภัยแล้งในฤดูแล้งและน้ำท่วมในฤดูฝน ในเขตอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช | สผ | 20/04/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1195 ร.
เรื่อง การแก้ไขปัญหาภัยแล้งในฤดูแล้งและน้ำท่วมในฤดูฝนในเขตอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ของ นายประกอบ รัตนพันธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช และให้ประกาศในราชกิจจานุ เบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า รัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายและ แผนงานเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและปัญหาน้ำท่วมในเขตอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยการแก้ไข ปัญหาภัยแล้ง ได้ให้สำนักฝนหลวงและการบินเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานประจำปี พ.ศ. 2546 เพื่อให้ บริการทำฝนหลวงแก่พื้นที่แห้งแล้งและเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่ลุ่มรับน้ำต่าง ๆ บริเวณภาคใต้ตอนล่าง (ตาม ภาวะความแห้งแล้ง และจังหวัดที่ร้องเรียนขอให้ฝนหลวงช่วยเหลือ) ในช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - เดือนเมษายน 2546 โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ตอนล่างขึ้นที่สนามบินกองบิน 56 จังหวัด สงขลา ระหว่างวันที่ 18 กุมภาพันธ์ - 20 เมษายน 2546 เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบภาวะความแห้งแล้ง บริเวณจังหวัดสงขลาพัทลุง นครศรีธรรมราช ตรัง และจังหวัดใกล้เคียงจนเสร็จสิ้นภารกิจ และในช่วงเดือน มิถุนายน 2546 ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ตอนล่างขึ้นอีกครั้งที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อปฏิบัติการฝน หลวงช่วยเหลือบริเวณจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ส่วนการแก้ปัญหาน้ำ ท่วมในเขตอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน มีแผน การศึกษาความเหมาะสมของลุ่มน้ำคลองท่าเลา ลุ่มน้ำคลองท่าโหลน และลุ่มน้ำคลองเปิก ในการพิจารณา การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาแล้ว โดยการให้ราษฎรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาใน เขตอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการศึกษาโครงการเบื้องต้น เพื่อกำหนด งานสำรวจด้านวิศวกรรม เช่น สำรวจภูมิประเทศ สำรวจด้านอุทกวิทยา สำรวจด้านธรณีและปฐพีวิทยา เมื่อ แล้วเสร็จจะนำผลการศึกษาโครงการเบื้องต้นไปเร่งศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียด และจัดเข้า แผนงานก่อสร้างต่อไป |
.....