ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 22 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 421 - 440 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 421 | การกำหนดตำแหน่งรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มขึ้น จำนวน 1 ตำแหน่ง | นร.12 | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติกำหนดตำแหน่งรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มขึ้น
จำนวน ๑ ตำแหน่ง ตามมติที่ประชุมร่วมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๕ เพื่อรับผิดชอบการบริหารและกำกับดูแลงานในภารกิจที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งเป็นภารกิจที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายตามยุทธศาสตร์
นโยบายและแผนระดับชาติ และภารกิจที่ต้องเร่งดำเนินการตามกฎหมาย ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่ควรกำหนดให้ตำแหน่งดังกล่าวรับผิดชอบกลุ่มภารกิจที่ชัดเจน
ตามเงื่อนไขที่ประชุมร่วมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
กำหนดโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 422 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ) | พณ. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 423 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการ Community - based Poverty Reduction for Lancang - Mekong Cooperation Countries ภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2565 | มท. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการ
Community-based Poverty Reduction for
Lancang-Mekong Cooperation Countries ภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และเห็นชอบให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
กับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการกองทุนฯ และกำหนดหลักการเบื้องต้น
การยืนยันเงินงบประมาณและโครงการ หน่วยงานดำเนินโครงการ
การจัดสรรและบริหารงบประมาณ การบริหารจัดการโครงการ การกำกับดูแลและการตรวจสอบ
การยอมรับโครงการและการประเมินผล การทบทวนและการแก้ไขเพิ่มเติม การประยุกต์ใช้
และระยะเวลา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
รวมทั้งจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องและเปิดเผยต่อสาธารณชน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 424 | การให้ความเห็นชอบและรับรองเอกสารแนวคิดเรื่องยุทธศาสตร์อาเซียนเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน | พณ. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างเอกสารแนวคิดเรื่องยุทธศาสตร์อาเซียนเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน (Concept Note on ASEAN Strategy for Carbon Neutrality) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์อาเซียนเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบร่างเอกสารดังกล่าวในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
รวมทั้งให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าวต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรสร้างความเข้าใจและบูรณาการการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 425 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน (นายกิตติพงศ์ บุญยิ่ง) | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายกิตติพงศ์ บุญยิ่ง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารความเสี่ยงหรือการประกันภัย)
ในคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชนให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง
การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ
ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 426 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | พน. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๓๐๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้กรมธุรกิจพลังงาน
โดยให้กรมบัญชีกลางเป็นผู้อนุมัติและดำเนินการแทนกรมธุรกิจพลังงาน
ผ่านวิธีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกัน
และให้กระทรวงพลังงานดำเนินมาตรการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการใช้สิทธิให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
รวมถึงเร่งรัดการลงทะเบียนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้รัฐสามารถจัดสวัสดิการให้ความช่วยเหลือประชาชนแบบมุ่งเป้า
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 427 | การแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ | นร. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
ปัจจุบันการฉ้อโกงและหลอกลวงประชาชนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ทั้งในรูปแบบของการเงินนอกระบบ
(เช่น แชร์ลูกโซ่ การเล่นแชร์ และการขายตรง) การพนันออนไลน์
รวมทั้งการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยคนร้ายมักปรับรูปแบบและวิธีการฉ้อโกงและหลอกลวงให้เหยื่อหลงเชื่อโดยมิรู้เท่าทัน
ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับกระทรวงยุติธรรม
(กรมสอบสวนคดีพิเศษ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งขอความร่วมมือธนาคารแห่งประเทศไทยเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
และให้เร่งรัดติดตามการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย
ทั้งนี้ให้กระทรวงดิจิทัลและสังคมรวบรวมผลการดำเนินการและรายงานต่อนายกรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 428 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2560 พ.ศ. .... (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) | สผ. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๙/๒๕๖๐ เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ ๓
เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ พ.ศ. .... โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎร
เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักการของร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการ และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการพิจารณาความเหมาะสมขององค์ประกอบและการเร่งรัดการให้ได้มาซึ่งคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษา
การพิจารณากำหนดกลไกการกระจายอำนาจการบริหารจัดการการศึกษาไปยังเขตพื้นที่การศึกษาให้สมบูรณ์และครบถ้วน
การกำหนดกลไกและมาตรการในการกำกับและติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเขตพื้นที่การศึกษา
การศึกษาความจำเป็นถึงการมีอยู่ของศึกษาธิการภาค
และการพิจารณาทบทวนอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 429 | การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP 27) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๗ (COP 27)
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เห็นชอบต่อกรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการแลกเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๖ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ
เมืองชาร์ม เอล เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ โดยกรอบท่าทีเจรจาของไทยฯ มีประเด็นการเจรจาที่สำคัญ
ได้แก่ การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด
ผลกระทบจากการใช้มาตรการในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน แนวทางและกลไกความร่วมมือตามข้อ ๖ ของความตกลงปารีส
การปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาคเกษตร การเงิน เทคโนโลยี
การเสริมสร้างศักยภาพ ความโปร่งใส และความร่วมมือแบบ South-South
Cooperation เห็นชอบต่อยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ
ฉบับปรับปรุง [Thailand’s Long Term Low Greenhouse Gas Emission
Development Strategy : LT-LEDS (Revised Version)] และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ
ต่อสำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชติว่าด้วยการแลกเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ
และเห็นชอบต่อการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ ๒ (2nd
Updated NDC) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดส่งการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด
ฉบับปรังปรุง ครั้งที่ ๒ ต่อสำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการแลกเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ
ฉบับปรับปรุง และการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ ๒
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และพิธีสารเกียวโต ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรแล้ว
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่จะได้รับ ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ควรพิจารณาร่วมกันหาแนวทางในการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจจากการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 430 | ข้อเสนอเพื่อกำหนดมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดที่เป็นรูปธรรม | ยธ. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการกำหนดมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดที่เป็นรูปธรรม
ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบมาตรการสำคัญ ๔
ประเด็นหลักที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดอย่างจริงจัง
รวมทั้งควรกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินการในแต่ละประเด็น ได้แก่ ๑)
มาตรการเกี่ยวกับอาวุธปืน ๒) มาตรการด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
๓) มาตรการด้านการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และ ๔)
มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
โดยให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาปรับปรุงหน่วยงานรับผิดชอบหลักในมาตรการ
๔.๒ ด้วย และให้กระทรวงยุติธรรม หน่วยงานรับผิดชอบหลัก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่/บูรณาการการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนโดยเร็วต่อไป
โดยให้ผู้บังคับบัญชาในแต่ละชั้นกำกับดูแลการปฏิบัติงานของพนักงาน/เจ้าหน้าที่ให้ถูกต้อง
เหมาะสม โดยไม่สร้างความเดือดร้อนและความไม่สะดวกแก่ประชาชนเกินความจำเป็น ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินการในภาพรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๙๐
วัน ๒.
ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดตามข้อ ๑
ในส่วนของพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู
ซึ่งมีการระบาดของยาเสพติดสูงและได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
นั้น ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงยุติธรรม
กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้บรรลุผลเป็นที่ประจักษ์โดยด่วน
เพื่อให้จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นต้นแบบของ “พื้นที่สีขาว”
ที่มีความยั่งยืนและขยายผลไปยังพื้นที่อื่นต่อไป ทั้งนี้
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีทุก ๓๐
วัน ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 431 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2560 พ.ศ. .... (สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา) | สว. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๙/๒๕๖๐ เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ ๓
เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ พ.ศ. .... โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎร
เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักการของร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการ และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการพิจารณาความเหมาะสมขององค์ประกอบและการเร่งรัดการให้ได้มาซึ่งคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษา
การพิจารณากำหนดกลไกการกระจายอำนาจการบริหารจัดการการศึกษาไปยังเขตพื้นที่การศึกษาให้สมบูรณ์และครบถ้วน
การกำหนดกลไกและมาตรการในการกำกับและติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเขตพื้นที่การศึกษา
การศึกษาความจำเป็นถึงการมีอยู่ของศึกษาธิการภาค
และการพิจารณาทบทวนอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 432 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนพัฒนาวิสาหกิจและกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนพัฒนาวิสาหกิจ
ตามร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาวิสาหกิจ พ.ศ. ....
มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน
และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับวิสาหกิจที่มีศักยภาพ
โดยมุ่งเน้นการให้กู้ยืมและให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายและเป็นนิติบุคคลที่ไม่ใช่คนต่างด้าวให้มีประสิทธิภาพและขีดความสามารถเพิ่มขึ้น
และกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ตามร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย ฉบับที่ ..
พ.ศ. .... มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน ส่งเสริม ศึกษา วิจัย และพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เป็นไปตามนโยบายของประเทศในด้านเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมทั้งรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อผลประโยชน์ของชาวไร่อ้อย
โรงงาน และผู้บริโภค เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์และความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลกด้วยงบประมาณจากภาครัฐ
และกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และกลุ่มเป้าหมายในการให้เงินทุนสนับสนุนให้ชัดเจน
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 433 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน | นร. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้แก่ประชาชน โดยแผนงาน/โครงการดังกล่าวต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อส่วนรวมได้ทันช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างแท้จริงไม่ขัดต่อกฎหมายและประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย เช่น โครงการคนละครึ่ง
โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐนำแผนงาน/โครงการดังกล่าว เสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ภายในวันที่
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้องในภาพรวมก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 434 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายดนัย เจียรกูล และนายมนู ศุกลสกุล) | สธ. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายดนัย
เจียรกูล ผู้อำนวยการสำนักงาน [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (แพทย์) ระดับสูง] สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๑๐ จังหวัดอุบลราชธานี กรมควบคุมโรค
ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๕ ๒. นายมนู
ศุกลสกุล สาธารณสุขนิเทศก์
(นายแพทย์เชี่ยวชาญ) สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์
(นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 435 | รายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 | ทส. | 11/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งไม่อาจดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๒
ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลบังคับใช้ (ครบกำหนดวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔)
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒
ให้เป็นไปตามข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 436 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช) | พน. | 11/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน
ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบสี่ปี เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๕ ต่อไปอีก ๑ ปี
(ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๖
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 437 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดผู้นำการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 6 | กต. | 11/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 438 | ขออนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ (ครั้งที่ 3) | กษ. | 11/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายหัวนา
จังหวัดศรีสะเกษ (ครั้งที่ ๓) ที่มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินและค่าขนย้าย
(ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ) ตามผลการตรวจสอบของคณะทำงานแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาระดับอำเภอ
ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบและลงนามรับรองจากคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาระดับจังหวัดศรีสะเกษแล้ว
จำนวน ๔๓๓ แปลง เนื้อที่ ๗๖๕-๓-๓๕.๑๐ ไร่ วงเงินจำนวน ๕๒,๓๔๐,๙๑๘.๗๕ บาท ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาเสนอ
และให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรให้กรมชลประทานปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากโครงการที่หมดความจำเป็นแล้วหรือคาดว่าดำเนินการได้ไม่ทันในปีงบประมาณและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
กรมชลประทานควรเร่งรัดแก้ไขปัญหาและจ่ายค่าทดแทนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมายให้ถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 439 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 11/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 440 | รายงานผลการดำเนินการ กรณี ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อผลักดันกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์ ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 11/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการ กรณี
ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อผลักดันกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ
และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้จัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ ดังนี้
ด้านกฎหมาย
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นควรให้มีการแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์ในประมวลกฎหมายอาญา
โดยให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักนำร่างบทบัญญัติดังกล่าวเสนอต่อคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายและการบังคับใช้
ภายใต้คณะกรรมการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานสนับสนุนทางด้านข้อมูลและพัฒนาระบบส่งต่อข้อมูล
โดยกำหนดแนวทางในการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในการติดตามและการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ
ซึ่งแบ่งได้ ๒ ระดับ ได้แก่ ระดับนโยบาย
โดยรัฐจะจัดระบบการบริหารทรัพยากรบุคลากรในหน่วยงานและขยายความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
และระดับปฏิบัติการโดยจัดรูปแบบการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน พัฒนาบุคลากรและเครื่องมือเพื่อส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ
และปรับองค์ความรู้ความเข้าใจในกระบวนการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ด้านสังคม
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้และเผยแพร่ความรู้
เพื่อนำไปกำหนดนโยบายหรือมาตรการในการปราบปรามคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กเยาวชนที่ได้รับผลกระทบ
เช่น แผนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติระยะที่ ๑ (ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ) โครงการ
“โรงเรียนยุติธรรมอุปถัมภ์” การพัฒนา ซอฟแวร์
E-learning จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ รวมทั้งมีการจัดตั้งสภาเด็กและเยาวชน
และศูนย์ Fake News เพื่อตรวจสอบความเท็จจริงของข่าว
และด้านการสื่อสารและการสร้างการมีส่วนร่วม
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการจัดกิจกรรมโครงการต่าง ๆ
เพื่อประชาสัมพันธ์การใช้สื่อสร้างสรรค์และรู้เท่าทันสร้างความตระหนักรู้
โดยมีเนื้อหาที่นำมาให้ความรู้ เช่น กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ความรู้เกี่ยวกับกรณีเด็กหรือเยาวชนกระทำผิด
รวมทั้งมีการปิดกั้นช่องทางที่ไม่เหมาะสม
เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันภัยคุกคามออนไลน์ที่มีต่อเด็กและเยาวชน
และในส่วนของข้อเสนอแนะให้มีวันการใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยแห่งชาติ (National
Safer Internet Day) นั้น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจะนำประเด็นดังกล่าวไปหารือต่อไป
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
