ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 21 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 401 - 420 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 401 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 55 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย
(Asian Development Bank : ADB) ครั้งที่ ๕๕ และการประชุมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๗-๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ณ สำนักงานใหญ่ ADB กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะ
และผู้แทนกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุมฯ โดยในที่ประชุมฯ
ได้มีการมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการรับมือและแก้ไขปัญหาที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
(COVID-19)
และผู้ว่าการของประเทศสมาชิกได้แลกเปลี่ยนความเห็นและแนวนโยบายการดำเนินงานของ ADB
ภายใต้แนวคิด “Positioning Climate Resilient Green Economy
for the Post COVID-19 World” ซึ่งได้เรียกร้องให้ ADB ให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวจากผลกระทบของ
COVID-19 ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และภาวะเงินเฟ้อ รวมทั้งเสนอให้
ADB สนับสนุนประเทศสมาชิกในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสหภาพภูมิอากาศ
และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 402 | การจัดทำร่างสัญญา IUCN Advisory Mission to the World Heritage property : Kaeng Krachan Forest Complex (THAILAND) | ทส. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำร่างสัญญา
IUCN Advisory Mission to the World Heritage
property : Kaeng Krachan Forest Complex (THAILAND) โดยให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุพืช หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญา IUCN
Advisory Mission to the World Heritage property : Kaeng Krachan Forest Complex
(THAILAND) ร่วมกับผู้ประสานงานศูนย์มรดกโลกองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ
(IUCN) โดยร่างสัญญาฯ จัดทำขึ้นระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ IUCN มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบเขตงานตามภารกิจการให้คำปรึกษาในการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก
โดยผู้เชี่ยวชาญ IUCN กลุ่มป่าแก่งกระจาน (ประเทศไทย)
ประกอบด้วย การประเมินสภาพการอนุรักษ์พื้นที่มรดกโลก
การจัดให้มีการหารือกับเจ้าหน้าที่ของประเทศไทยทั้งในระดับชาติ อำเภอ และระดับท้องถิ่น
รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ และผู้มีส่วนได้เสีย
การจัดทำรายงานข้อเสนอแนะหลังจากเสร็จสิ้นการลงพื้นที่ภาคสนาม
ตลอดจนการระบุค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของผู้เชี่ยวชาญ IUCN ที่ประเทศไทยต้องรับผิดชอบ
โดยมีแนวทางการสนับสนุนให้รัฐภาคีเพิ่มกระบวนการปรึกษาและหารือร่วมกันกับ IUCN
ในการเตรียมพร้อมสำหรับการทบทวนสภาพทั่วไปของการอนุรักษ์
รวมถึงการมาปฏิบัติภารกิจของผู้เชี่ยวชาญ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด
เช่น ค่าใช้จ่ายสำหรับการมาปฏิบัติภารกิจในประเทศไทยของผู้เชี่ยวชาญจาก IUCN
ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้อง
และควรเตรียมการเพื่อรองรับการปฏิบัติภารกิจของผู้เชี่ยวชาญจาก IUCN ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาอย่างครบถ้วนเพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งประสานและติดตามการดำเนินภารกิจให้คำปรึกษาในการเตรียมการทบทวนสถานภาพทั่วไปในการอนุรักษ์ของแหล่งมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานของผู้เชี่ยวชาญจาก
IUCN อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวแก่คณะกรรมการมรดกโลกได้ทันภายในระยะที่กำหนดไว้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 403 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.01 | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ในไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และแนวทางในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค เพื่อประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความร่วมมือในการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน
และการบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์ต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ ผ่านช่องทางการร้องทุกข์หมายเลขสายด่วน
๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น ๑๖,๗๔๒ เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๑๓,๙๘๑
เรื่อง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนมากที่สุด
(๑,๒๕๕ เรื่อง) สำหรับเรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนยื่นเรื่องมากที่สุด
คือ เสียงรบกวน/สั่นสะเทือน (๑,๓๓๖ เรื่อง) และปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์
เช่น ปัญหาเดือดร้อนรำคาญจากเสียงดังรบกวน
แก้ไขยากเนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานและกฎหมายหลายฉบับ
และขาดหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการแก้ไขให้เกิดผลในภาพรวมอย่างเป็นรูปธรรม
และปัญหาผู้รับบริการไม่ได้รับการชี้แจงหรือรายงานผ่านการดำเนินการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะเวลาอันสมควร
และ ๒) ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน เช่น
ขอให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพหลักกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา
และขอให้หน่วยงานกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จในการแก้ไขปัญหาและปฏิบัติตามกระบวนการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน/ร้องทุกข์ให้เป็นตามมาตรฐานระยะเวลาการให้บริการอย่างเคร่งครัด
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 404 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 17/2565 | นร.11 สศช | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๕
เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕
ที่มีมติเกี่ยวกับการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ อาทิ (๑) โครงการเพิ่มศักยภาพการรักษาผู้ป่วยโคโรนา COVID-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ขยายระยะเวลาโครงการ
จากเดิมสิ้นสุดเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ (๒)
โครงการภายใต้โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ของกระทรวงมหาดไทย ให้จังหวัดราชบุรีเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ จำนวน ๓
โครงการ และยกเลิกการดำเนินโครงการ จำนวน ๑ โครงการ
และให้จังหวัดเชียงใหม่ยกเลิกการดำเนินโครงการ จำนวน ๒ โครงการ
รวมถึงให้จังหวัดเชียงใหม่ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑๐
พฤษภาคม ๒๕๖๕ (ที่ให้จังหวัดเสนอขอยกเลิกการดำเนินโครงการที่ไม่สามารถลงนามและผูกพันสัญญาได้ภายในเดือนพฤษภาคม
๒๕๖๕) เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงนามผูกพันสัญญาเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการ
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 405 | (ร่าง) ปฏิญญาจาการ์ตาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากอวกาศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | อว. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง) ปฏิญญาจาการ์ตาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ในการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากอวกาศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ร่วมรับรองร่างปฏิญญาจาการ์ตาฯ โดย (ร่าง) ปฏิญญาจาการ์ตาฯ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในกระบวนการพัฒนาวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากอวกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับรองแผนปฏิบัติการฯ
และยอมรับบทบาทของเทคโนโลยีอวกาศและการประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการช่วยสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน
ส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกและสมาชิกสมทบขยายความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงการประยุกต์ใช้ประโยชน์ต่าง ๆ
เพื่อเร่งการนำแผนปฏิบัติการฯ ไปปฏิบัติให้เกิดผล ในระยะที่ ๒
โดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยที่สำคัญเฉพาะด้านอย่างเหมาะสม ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง)
ปฏิญญาจาการ์ตาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากอวกาศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ทั้งนี้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้จัดทำแนวทางการถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการ
และทางเทคนิครวมถึงการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และภาคประชาชน เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดการลงทุนพัฒนา และประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศทั้งทางเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 406 | รายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร.01 | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย
เพื่อสรุปข้อมูลการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยให้ทั่วถึงทุกพื้นที่โดยด่วน
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เร่งสำรวจข้อมูลความเดือดร้อนเสียหายของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยในทุกมิติให้ถูกต้อง
ครบถ้วน ตรงตามข้อเท็จจริง และพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์
และเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ
โดยให้เทียบเคียงกับแนวทางการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ได้เคยดำเนินการไปแล้วในปี
พ.ศ. ๒๕๕๔ แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 407 | การดำเนินการตามหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง | พน. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมติเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจของบริษัท
อีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด จากภารกิจหลักที่ได้รับอนุมัติในคราวจัดตั้งบริษัทตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เพื่อให้บริษัท อีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด
สามารถขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจ
ภายใต้หลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ (๑) Maintenance Service Center : การให้บริการบำรุงรักษาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง (๒) Parts Manufacturing การผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และ (๓) Operation Services : การให้บริการรับเดินเครื่องโรงไฟฟ้าซึ่งบริษัท
Mitsubishi Heavy Industries, Ltd. หรือบริษัท Mitsubishi Power, Ltd. หรือบริษัท Mitsubishi Corporation ได้รับสิทธิในงานดังกล่าว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน
(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสากิจ
(หนังสือคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๗๒๓/๑๘๓๐ ลงวันที่ ๑๒
เมษายน ๒๕๖๕) เช่น ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๕
ไปพิจารณาดำเนินการกำกับดูแล EDS ให้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ให้มีแผนการลงทุนและแผนการดำเนินงานอันสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
จัดทำแผนความเสี่ยงในกรณีที่มีผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้
เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินในอนาคต ควรกำกับและติดตามการประกอบกิจการของบริษัทในเครือดังกล่าวให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 408 | การให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | สปน. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
รวมทั้งภาคเอกชนได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าวอย่างต่อเนื่องนั้น
เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวในส่วนของภาครัฐทั้งที่ได้ดำเนินการไปแล้วและที่จะต้องดำเนินการต่อไป
มีความถูกต้อง เหมาะสม ตรงเป้าหมาย ไม่เกิดปัญหาตกหล่นหรือซ้ำซ้อน และสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
รวมทั้งสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนในภาพรวมด้วย คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการ ระเบียบ หลักเกณฑ์
อัตราการจ่าย และงบประมาณค่าใช้จ่ายของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทั้งหมดที่ได้ดำเนินการไปแล้วและที่จะดำเนินการต่อไปให้ครบถ้วน
แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็วภายใน ๑ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 409 | การขออนุมัติดำเนินงานก่อสร้างโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา ตำบลเกาะกลาง-ตำบลเกาะลันตาน้อย อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ของกรมทางหลวงชนบท | คค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการก่อสร้างโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา
ตำบลเกาะกลาง-ตำบลเกาะลันตาน้อย อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ภายในกรอบวงเงิน ๑,๘๔๙.๕
ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง จำนวน ๑,๘๐๐ ล้านบาท ในอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้เงินงบประมาณ
๗๐:๓๐ และค่าควบคุมงาน ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๔๙.๕
ล้านบาท ในอัตราร้อยละ ๒.๗๕ ของวงเงินค่าก่อสร้าง
โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีและแหล่งเงินกู้ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
โดยให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมสำหรับวงเงินงบประมาณขอให้กรมทางหลวงชนบทเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยในส่วนของแหล่งเงินกู้ให้ใช้เงินกู้ต่างประเทศตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบท) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ
เพื่อจัดทำแนวทางการบรรเทาผลกระทบให้สอดคล้องกับมาตรฐานทางสิ่งแวดล้อมและสังคม (Environmental
and Social Standard : ESS)
ของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมาย
และระเบียบที่เกี่ยวข้อง อาทิ การขออนุมัติรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
การขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี การห้ามใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน
และการขออนุญาตเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการขอความเห็นชอบการขอใช้ที่ดินของส่วนราชการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้สามารถก่อสร้างโครงการฯ ได้ตามแผนการดำเนินงานต่อไป กรมทางหลวงชนบท
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พิจารณากำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในการใช้ทางร่วมกันของยานพาหนะต่าง ๆ อาทิ
การติดตั้งป้ายกำหนดความเร็วในบริเวณเขตชุมชนและจุดเสี่ยงในการสัญจร
เพื่อรองรับปริมาณการสัญจรทางถนนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 410 | การกำหนดหน่วยงานของรัฐตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 | นร. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
เป็นหน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ ทำหน้าที่ในการติดตาม เร่งรัด ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามมาตรา ๒๐
วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕
และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๖๐ วันว่าหน่วยงานของรัฐใดยังมิได้ดำเนินการตามมาตรา
๒๐ วรรคหนึ่ง พร้อมทั้งประกาศให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป
รวมทั้งแจงให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยทราบถึงหน้าที่ที่หน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
และระยะเวลาที่จะต้องดำเนินการ โดยให้แจ้งเตือนทุก ๑๕ วันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 411 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ปี 2565 ของกระทรวงการคลัง | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย
ปี ๒๕๖๕ ของกระทรวงการคลัง จำนวน ๖ หน่วยงาน รวม ๑๔ มาตรการ ประกอบด้วย กรมสรรพากร
จำนวน ๕ มาตรการ กรมศุลกากร จำนวน ๒ มาตรการ กรมสรรพสามิต จำนวน ๑ มาตรการ กรมบัญชีกลาง
จำนวน ๒ มาตรการ กรมธนารักษ์ จำนวน ๒ มาตรการ และการยาสูบแห่งประเทศไทย จำนวน ๒
มาตรการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 412 | การดำเนินการตามคำมั่นที่ให้กับสหภาพยุโรปในการเข้าเป็นภาคีในความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนรายงานข้อมูลรายประเทศ | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 413 | ขอความเห็นชอบร่างข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยอาศัยระบบนิเวศในบริบทความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาในลุ่มน้ำโขง | ทส. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยอาศัยระบบนิเวศในบริบทความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาในลุ่มน้ำโขง
และอนุมัติให้อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำเป็นผู้มีอำนาจลงนามในร่างข้อตกลงฯ โดยร่างข้อตกลงฯ
จัดทำขึ้นระหว่างกรมทรัพยากรน้ำ และโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการดำเนินโครงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยอาศัยระบบนิเวศตามที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนเพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(Adaptation Fund : AF) โดยมีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้แต่ละฝ่ายต้องปฏิบัติ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ แลสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น
ควรรายงานความก้าวหน้าและผลสัมฤทธิ์ของโครงการดังกล่าวแก่คณะกรรมการลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติที่ดี
(Best Practices) และนำไปสู่การขยายผลในลุ่มน้ำอื่น ๆ ต่อไป
และการใช้อนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาท โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นราย ๆ ไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 414 | การแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องของประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ
พร้อมพัฒน์) รายงานว่า ปัจจุบันประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต เรื่อง
อายุข้อมูลในการประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิต
และการส่งข้อมูลของสมาชิก ลงวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗
ได้กำหนดให้สมาชิกซึ่งเป็นสถาบันการเงินทั้งที่เป็นธนาคารพาณิชย์และไม่เป็นธนาคารพาณิชย์
หรือเป็นผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อ
ส่งข้อมูลของลูกค้าของตนให้แก่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
ซึ่งในกรณีที่มีการผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อ ให้สมาชิกส่งข้อมูลของลูกค้าต่อไป
เป็นระยะเวลา ๕ ปี โดยให้เริ่มนับระยะเวลา ๕
ปีในวันถัดจากวันที่ลูกค้าของสมาชิกผิดนัดชำระหนี้ครบ ๙๐ วัน
ซึ่งแม้ต่อมาลูกค้าจะชำระหนี้ดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าวก็ยังไม่ถูกลบออกจนกว่าจะถึงกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้เก็บข้อมูลดังกล่าวไว้
จึงส่งผลให้ลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้
และอาจส่งผลใหบุคคลเหล่านี้ต้องกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินทุนนอกระบบต่อไป
ซึ่งกระทรวงการคลังจะได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณามาตรการหรือพิจารณาการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องของประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินดังกล่าว
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายสันติ พร้อมพัฒน์) รายงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 415 | การยกเว้นการแสดงหลักฐานใบรับรองแพทย์ว่าเป็นผู้ไม่มีโรคต้องห้าม และการแสดงตัวตนเพื่อขอรับใบอนุญาตทำงานอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง สำหรับผู้ขอและผู้ถือ long-term resident visa (LTR Visa) [ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย (ฉบับที่ ..)] | รง. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบเรื่อง
การยกเว้นการแสดงใบรับรองแพทย์และการต้องมารับใบอนุญาตทำงานที่นายทะเบียนออกให้ด้วยตนเอง
สำหรับคนต่างด้าวที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ
ประเภทผู้พำนักระยะยาว (long-term resident visa : LTR Visa) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐให้กับคนต่างด้าวที่ประสงค์เข้ามาลงทุนหรืออยู่อาศัยในประเทศไทย
อันเป็นการตอบสนองต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทยของรัฐบาล
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย
(ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยกเว้นการแสดงใบรับรองแพทย์
และการต้องมารับใบอนุญาตทำงานที่นายทะเบียนออกให้ด้วยตนเอง
สำหรับคนต่างด้าวที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ
ประเภทผู้พำนักระยะยาว (LTR Visa) ที่ต้องการขออนุญาตทำงานในราชอาณาจักร
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 416 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ปี 2565 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย
ปี ๒๕๖๕ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมจำนวน ๒๑ มาตรการ เช่น มาตรการพักชำระหนี้
มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ
มาตรการสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ มาตรการขยายเวลาชำระหนี้ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ มาตรการสินไหมเร่งด่วน สำหรับกรมธรรม์ประกันภัย
มาตรการสินเชื่อ SMEs Re-Start มาตรการเพิ่มวงเงินกู้ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ บสย. เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 417 | ร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 29 และร่างแถลงการณ์ประธานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 29 | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๙ (Joint Ministerial Statement of the 29th
APEC Finance Ministers’ Meeting) และร่างแถลงการณ์ประธานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๙ (Chair’s Statement of the 29th APEC Finance
Ministers’ Meeting) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
หรือออกประกาศร่างแถลงการณ์ประธานฯ โดยร่างแถลงการณ์ทั้ง ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปคในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงินการคลังระหว่างกัน
เพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของภูมิภาคเอเปคอย่างครอบคลุมและยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการเงินการคลังที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 418 | การขออนุมัติดำเนินงานก่อสร้างโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา - อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ของกรมทางหลวงชนบท | คค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการก่อสร้างโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา
อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา-อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ภายในกรอบวงเงินทั้งสิ้น
๔,๘๒๙.๒๕
ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง จำนวน ๔,๗๐๐ ล้านบาท ในอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้
: ต่อเงินงบประมาณเป็น ๗๐ : ๓๐
และค่าควบคุมงาน ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑๒๙.๒๕ ล้านบาท ในอัตราร้อยละ ๒.๗๕ ของวงเงินค่าก่อสร้าง
โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี และแหล่งเงินกู้ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
หากกรมทางหลวงชนบทจะเริ่มดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
จะต้องเร่งรัดดำเนินการศึกษาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้แล้วเสร็จเพื่อรองรับการดำเนินโครงการก่อสร้างดังกล่าว ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในส่วนของแหล่งเงินกู้ให้ใช้เงินกู้ต่างประเทศตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบท)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานของรัฐจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติในมาตรา ๒๗ ให้ครบถ้วน
ให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ในการประชุมดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย
ให้กรมทางหลวงชนบทและองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาพิจารณาตรวจสอบและปรับปรุงจุดเสี่ยงบนถนนเชื่อมต่อ
(พท. ๔๐๐๔ และถนนท้องถิ่น) โดยพาะในบริเวณชุมชน ให้มีความเหมาะสมตามหลักวิศวกรรม
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนนและประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากกรณีมีโครงการฯ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมประสานการดำเนินโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา-อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำในทะเลสาบสงขลาโดยเฉพาะโลมาอิรวดี ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณากำหนดแนวทางที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการอนุรักษ์
คุ้มครอง และขยายพันธุ์โลมาอิรวดี
รวมถึงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในบริเวณทะเลสาบสงขลาให้เหมาะสมและยั่งยืนต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 419 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า ๑)
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการเตรียมการรองรับการบังคับใช้กฎหมายโดยการออกประกาศที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการนำส่งข้อมูล
การเปิดเผยข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล รวมถึงการประมวลผลข้อมูลเครดิต
การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อต้องปฏิบัติ
และการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อ ๒)
ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานในกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล
[peer to peer lending platform : P2P (การกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลกับบุคคลผ่านช่องทางออนไลน์)] ได้มีข้อกำหนดในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่า ผู้ประกอบธุรกิจระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล
จะต้องยื่นขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนเพื่อป้องกันการทุจริต และ ๓)
กรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลสหกรณ์ได้สนับสนุนส่งเสริมสหกรณ์ออมทรัพย์
และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเข้าเป็นสมาชิกบริษัทข้อมูลเครดิต เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 420 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .... ) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย) | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. .... ) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้ที่นักแสดงสาธารณะที่เป็นนักแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศซึ่งดำเนินการสร้างโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและได้รับอนุญาตการสร้างตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ครบกำหนดเวลา ๕ ปี
นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้นักแสดงสาธารณะที่เป็นนักแสดงภาพยนตร์
ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับอันเนื่องมาจากการแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศ
ซึ่งดำเนินการสร้างโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและได้รับอนุญาตการสร้างตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์
ทั้งนี้
สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่กำหนดเวลา
๕ ปี นับแต่วันที่กฎกกระทรวงมีผลใช้บังคับ และให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๑๘๐ วันนับแต่วันที่กฎกระทรวงประกาศในราชกิจจานุเบกษา
และมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย
เพื่อให้การดำเนินมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เพื่อให้การดำเนินมาตรการบรรลุเป้าหมาย
รวมทั้งสำรวจข้อมูลจำนวนและเงินลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย
และจำนวนและเงินได้ของนักแสดงชาวต่างชาติที่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการนี้เป็นรายปีจนสิ้นสุดมาตรการและนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่กระทรวงการคลังทุกสิ้นปีเพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็น และประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโนโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
