ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 201 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2565 | กค. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ซึ่งประกอบด้วย ๒ ส่วน ได้แก่
๑) รายงานสถานะหนี้สาธารณะและรายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่ทำในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว
และ ๒) รายงานการประเมินผลโครงการพัฒนาและโครงการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
กระทรวงการคลังโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้ติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการพัฒนาและโครงการของรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการแล้วเสร็จ
ตามหลักเกณฑ์การประเมินผลโครงการในด้านความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ ประสิทธิภาพ
ประสิทธิผล ผลกระทบ และความยั่งยืนของโครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 202 | สรุปผลการประชุมสหประชาชาติด้านมหาสมุทร ค.ศ. 2022 (2022 United Nations Ocean Conference) | ทส. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสหประชาชาติด้านมหาสมุทร
ค.ศ. ๒๐๒๒ (2022
United Nations Ocean Conference) ระหว่างวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ ณ
กรุงลิสบอน สาธารณรัฐโปรตุเกส
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมฯ
โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
รัฐภาคีสมาชิกได้มีมติให้ความเห็นชอบปฏิญญาทางการเมืองเพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร
ทะเลและทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน
โดยเรียกร้องให้รัฐสมาชิกร่วมเร่งรัดดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อบรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมายที่ ๑๔ โดยการให้ความรู้ในการจัดการมหาสมุทรแบบบูรณาการ ฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้อยู่ในระดับที่ผลิตได้
(๒)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมเต็มคณะ
โดยเน้นย้ำความสำคัญในการเร่งดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมายที่ ๑๔ แสดงความมุ่งมั่นของไทยในการใช้แนวทางของโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green
Economy (BCG) เพื่อเร่งขับเคลื่อนการจัดการปัญหาหลักด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และ (๓) ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมประชุมฯ
เช่น การแสดงท่าทีและจุดยืนของไทยที่ชัดเจนต่อที่ประชุม
การเจรจาเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 203 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 204 | ขอความเห็นชอบในหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 | มท. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ
กรณีฉุกเฉิน กรณีอุทกภัย จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๕ จำนวน ๑,๐๔๖,๔๖๐
ครัวเรือน วงเงิน ๖,๒๕๘,๕๔๐,๐๐๐ บาท ตามข้อมูลครัวเรือนผู้ประสบภัยเบื้องต้น
ซึ่งเป็นจำนวนครัวเรือนจากการสำรวจเบื้องต้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัด ๖๖
จังหวัด ที่อยู่ในพื้นที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยเบื้องต้นหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน
ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป
รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๔/๑๒๑๓ ลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๒๕/๖๗๗๖
ลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 205 | การจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 6 จังหวัด | ศธ. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดให้กรุงเทพมหานคร
จังหวัดจันทบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสงขลา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหัวดอุบลราชธานี
เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามที่คณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุนและผลประโยชน์
เสถียรภาพ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับการจัดสรรงบประมาณให้กับนวัตกรรมการศึกษา
ควรเร่งรัดการดำเนินการที่จะช่วยลดปัญหาอุปสรรคในการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาร่วมกัน
อาทิ
การออกกฎระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่สถานศึกษานำร่องถึงอำนาจตามพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๒
และการกำหนดบทบาทในการขับเคลื่อนของผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาให้มีความชัดเจนมากขึ้น
สำหรับการขอรับจัดสรรงบประมาณให้นำผลประเมินผลการดำเนินงานในช่วง ๓ ปี ตามมาตรา ๔๐
มาประกอบการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
โดยคำนึงถึงศักยภาพและความพร้อมของสถานศึกษาแต่ละพื้นที่ ความคุ้มค่า ความซ้ำซ้อน ความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน
รวมถึงการสร้างความรับรู้และความเข้าใจในทุกมิติถึงประโยชน์ที่ทุกภาคส่วนจะได้รับเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 206 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ด้านระบบราง | คค. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน
โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ด้านระบบราง (Memorandum of
Cooperation between the Ministry of Transport of the Kingdom of Thailand and
the Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism of Japan in the
field of Railways) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย
โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความเข้าใจร่วมกันด้านนโยบาย
กฎหมายและระเบียบ
การพัฒนาและเตรียมการจัดตั้งสถาบันด้านระบบรางในราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่น
การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเทคโนโลยีเฉพาะด้านที่มีความสนใจร่วมกัน
และสนับสนุนการเสริมสร้างขีดความสามารถ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้กรมการขนส่งทางรางร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง
(องค์การมหาชน)
พิจารณาแนวทางการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเทคโนโลยีเฉพาะด้านภายใต้ร่างบันทึกความร่วมมือฯ
เพื่อช่วยสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาระบบขนส่งทางรางให้เป็นโครงข่ายหลักในการเดินทางและขนส่งของประเทศ
และการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องได้อย่างเป็นรูปธรรม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 207 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะและกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์) | กค. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะและกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์)
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์
โดยจัดเก็บในอัตราครึ่งหนึ่งของอัตราตามประมวลรัษฎากรในการจัดเก็บปีแรกแล้วจัดเก็บในอัตราตามประมวลรัษฎากรในการจัดเก็บปีต่อ
ๆ ไป
และคงการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่ผู้ขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์บางกลุ่ม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินผลกระทบของมาตรการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
และสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 208 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2565) | ปสส. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่๒๘
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันอังคารที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๙
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 209 | รายงานผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีการดำเนินคดีล่าช้าอันเกี่ยวเนื่องกับการอายัดตัว | สม. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมติรับทราบรายผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรม
กรณีการดำเนินคดีล่าช้าอันเกี่ยวเนื่องกับการอายัดตัว
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า
กระทรวงยุติธรรมโดยสำนักงานกิจการยุติธรรมได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเร่งรัดบันทึกข้อมูลในระบบฐานข้อมูล
ศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม
โดยได้เชื่อมโยงข้อมูลการอายัดตัวผู้ต้องขังและข้อมูลผู้ต้องขัง การฝึกอาชีพ
และการศึกษาอบรมนอกเรือนจำของนักโทษเด็ดขาดโดยคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน
นอกจากนี้ประเด็นการแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบ และสำนักงานศาลยุติธรรม
จะได้นำไปพิจารณาและประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 210 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ 2566 (แผนปฏิบัติการประจำปี 2566) | พณ. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ปีงบประมาณ ๒๕๖๖ มีโครงการรวมทั้งหมด ๒๓๑ โครงการ วงเงินรวม ๗๑๑.๙๓๙ ล้านบาท
แบ่งเป็น (๑) การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งออก จำนวน ๒๓๐ โครงการ วงเงิน ๖๙๑.๙๓๙
ล้านบาท ประกอบด้วย ด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ
ด้านการเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด ด้านการเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์ และ (๒)
งบงานตามนโยบายและมาตรการเร่งด่วน จำนวน ๑ โครงการ วงเงิน ๒๐ ล้านบาท
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 211 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570) | วธ. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ไปดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดย (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ
มีสาระสำคัญเพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการส่งเสริมคุณธรรม/การทำความดีที่เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย
เพื่อให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาครัฐ พัฒนาระบบ และการเสริมสร้างขีดความสามารถของกลไกเพื่อการขับเคลื่อนและส่งเสริมคุณธรรม
และเพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของคนและองค์กรเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรม
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงาน ก.พ.ร.
และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน
ก.พ. และข้อเสนอแนะของกระทรวงสาธารณสุข เช่น ควรเพิ่มเติมในเรื่องของนวัตกรรม
ในแนวทางการพัฒนาที่ ๓ ด้วย
เพื่อให้ครอบคลุมการส่งเสริมให้การวิจัยและนวัตกรรมเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณธรรมให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
โดยปรับเป็น “ส่งเสริมงานวิชาการ งานวิจัยและนวัตกรรม และพัฒนา...” ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับจังหวัดในการดำเนินการจัดทำแผนจังหวัดและแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด
เพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรมในพื้นที่ ตามนโยบาย หลักเกณฑ์
และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ให้ทุกหน่วยงานจัดกิจกรรมจิตอาสาส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวมอย่างต่อเนื่อง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 212 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าบริการตรวจสอบหรือรับรองสำหรับผู้ตรวจสอบเอกชน พ.ศ. .... | อก. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าบริการตรวจสอบหรือรับรองสำหรับผู้ตรวจสอบเอกชน พ.ศ.
.... ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าตรวจสอบหรือรับรองให้ผู้ตรวจสอบเอกชนที่ดำเนินการตรวจสอบหรือรับรองโรงงานหรือเครื่องจักร
หรือดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 213 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุรโชค ต่างวิวัฒน์ และนายภูวเดช สุระโคตร) | สธ. | 29/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน
๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายสุรโชค ต่างวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 214 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565) | ปสส. | 22/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ ความตกลงกรุงเฮก ว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระหว่างประเทศ
ภายใต้กรรมสารเจนีวา ค.ศ. ๑๙๙๙
ร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๔
ครั้งที่ ๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 215 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 22/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ
ซึ่งสำนักงบประมาณได้จัดทำขึ้นร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) (ร่าง)
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐) (ฉบับปรับปรุง)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) (ร่าง)
นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และนโยบายรัฐบาล
โดยมุ่งให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกกับประเด็นการพัฒนาที่ต้องเร่งดำเนินการ
ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับประเด็นการพัฒนาตามแผนย่อยของร่างแผนแม่บทฯ
(ฉบับปรับปรุง) ประเด็นความมั่นคงภายใต้ร่างแผนความมั่นคงแห่งชาติฯ
และนโยบายรัฐบาล ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 216 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ในรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | รง. | 22/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงแรงงานถอนร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ในรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. .... ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรตามที่เสนอได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 217 | ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ ..... และร่างพระราชบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา รวม 4 ฉบับ | อว. | 22/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา
รวม ๔ ฉบับ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ให้สอดคล้องกับผลการประชุมหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๖๕ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติ รวม ๔
ฉบับ ดังกล่าวเป็นร่างพระราชบัญญัติที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖
การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมปรับปรุงแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ให้สอดคล้องกับผลการพิจารณาทบทวนของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกล่าว
แล้วส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 218 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG และการขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG | อว. | 22/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 219 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2565 และแนวโน้มปี 2565-2566 | นร.11 สศช | 22/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๕
และแนวโน้มปี ๒๕๖๕-๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๕ ขยายตัวร้อยละ ๔.๕ (%YoY) เร่งขึ้นจากร้อยละ ๒.๓ และร้อยละ
๒.๕ ในไตรมาสแรกและไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๖๕ ตามลำดับ และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๕ ขยายตัวร้อยละ ๑.๒ จากไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๖๕
(%QoQ)_SA) รวม ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๖๕ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ
๓.๑ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๒
เร่งขึ้นจากร้อยละ ๑.๕ ในปี ๒๕๖๔ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๖.๓
และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๓.๖ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๖ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐-๔.๐
โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจาก (๑) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว (๒)
การขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ (๓)
การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ และ (๔)
การขยายตัวในเกณฑ์ดีของภาคเกษตร ทั้งนี้ คาดว่าการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนจะขยายร้อยละ
๓.๐ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐขยายตัวร้อยละ ๒.๖ และร้อยละ ๒.๔
ตามลำดับ และมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ ๑.๐
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๕ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ
๑.๑ ของ GDP
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 220 | การขอความเห็นชอบให้ไทยร่วมรับรองข้อมติเรื่อง “Investing in the Core Structure of IOM” ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน และการยืนยันข้อสั่งการของคณะรัฐมนตรีเรื่องการจ่ายค่าบำรุงสมาชิกองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน | กต. | 22/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ประเทศไทยร่วมให้ความเห็นชอบต่อข้อมติเรื่อง “Investing in the Core Structure of IOM” ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนข้อมติฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงการต่างประเทศจำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานกรอบความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานดังกล่าวให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
สำหรับค่าบำรุงสมาชิก IOM ที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นเป็นขันบันไดภายหลังข้อมติฯ
ได้รับการรับรองในที่ประชุมคณะมนตรี IOM สมัยที่ ๑๑๓
ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยหากยังสามารถปรับวงเงินงบประมาณค่าบำรุงสมาชิกองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่แต่ละประเทศจะต้องจ่ายได้
เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศเจรจาต่อรองค่าบำรุงสมาชิกดังกล่าวที่จะต้องจ่ายในแต่ละปี
เพื่อให้ประเทศไทยสามารถใช้เงินงบประมาณที่มีอย่างจำกัดมาฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทยต่อไป
โดยให้กระทรวงมหาดไทยทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามอัตราที่ได้รับแจ้งจาก IOM
เป็นรายปีเช่นเดียวกับแนวปฏิบัติที่ผ่านมา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
