ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 626 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12501 - 12520 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12501 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เรื่อง การต่อต้านการก่อการร้ายที่ 2462 (ค.ศ. 2019) | กต | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบและรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) เรื่อง การต่อต้านการก่อการร้ายที่ ๒๔๖๒ (ค.ศ. ๒๐๑๙) ที่ได้รับการรับรองเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นข้อมติ UNSC ฉบับที่ ๒๕ เพื่อตอบสนองต่อการก่อการร้ายที่เปลี่ยนแปลงไปและเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคง เช่น การใช้อินเทอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือเผยแพร่แนวคิดก่อการร้าย หาสมาชิก ระดมทุน และวางแผนการก่อการร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยข้อมติฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ประเทศไทยในฐานะรัฐสมาชิกจะต้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องภายใต้ขอบเขตของกฎหมายภายในของประเทศไทยและพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้ายในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การกำหนดความผิดทางอาญาที่รุนแรงสำหรับการดำเนินคดีและลงโทษที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม การเรียกร้องให้รัฐสมาชิกพิจารณาเปิดเผยบัญชีการอายัดทรัพย์สินระดับชาติหรือระดับภูมิภาคต่อสาธารณะ การผลักดันให้รัฐสมาชิกมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการดำเนินการและปรับปรุงบัญชีมาตรการลงโทษกลุ่ม ISIL (Da’esh) และกลุ่ม Al-Qaida ให้ทันสมัย และการผลักดันให้รัฐสมาชิกจัดตั้งหรือยกระดับกรอบการทำงานระดับชาติที่อนุญาตให้หน่วยงานระดับชาติที่เกี่ยวข้องสามารถรวบรวมหรือแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้าย เป็นต้น ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุด ถือปฏิบัติและแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง หรือข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12502 | ขออนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ เพื่อดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดงานโยธาโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อการเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย ระยะที่ 2 (ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย) | คค | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดงานโยธาโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อการเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย ระยะที่ ๒ (ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) ระยะเวลาดำเนินการ ๑๙ เดือน ในวงเงิน ๗๕๑,๖๒๔,๘๐๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๒ จำนวน ๑๑๒,๗๔๓,๗๐๐ บาท ให้ รฟท. โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะงบลงทุน ส่วนที่เหลือ จำนวน ๖๓๘,๘๘๑,๑๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป การดำเนินการรายการดังกล่าว ให้ รฟท. ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุม และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นเพื่อให้สาธารณชนรับทราบอย่างทั่วถึง และเพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลดำเนินโครงการด้วยความโปร่งใส เหมาะสม และคุ้มค่า นอกจากนี้ ควรเร่งพิจารณากำหนดขนาดและจำนวนทางรถไฟบนสะพานรถไฟแห่งใหม่ (ไทย-ลาว) รวมทั้งช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อการเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย ระยะที่ ๒ (ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) กับโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ซึ่งปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการดังกล่าว เพื่อให้การลงทุนพัฒนาระบบรถไฟของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12503 | ขอความเห็นชอบการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 รวม 4 ฉบับ | คค | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๔ ฉบับ ระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ผู้ประกอบการเอกชนที่ได้รับสิทธิในการดำเนินโครงการคลังสินค้า โครงการอุปกรณ์บริการภาคพื้นและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการซ่อมบำรุง และโครงการครัวการบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้แก่ บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด (WRS-PG CARGO Co., Ltd. : WFSPG) บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด (Worldwide Flight Services Bangkok Air Ground Handling Co., Ltd. : BFS) บริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด (Bangkok Air Catering Co., Ltd : BAC) และบริษัท แอลเอสจี สกายเซฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด [LSG Sky Chefs (Thailand) Ltd. : LSG] มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศอันนำไปสู่การปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ช่วงระหว่างเดือนเมษายน-ธันวาคม ๒๕๕๓ (ระยะเวลา ๙ เดือน) ตามมติคณะกรรมการ ทอท. ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ (เพิ่มเติม) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม โดย ทอท. รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดกลไกการบริหารสัญญาที่มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะกำกับให้มูลค่าของกรอบวงเงินความช่วยเหลือตามมาตรการต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้กรอบมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และควรตรวจสอบมูลค่าความช่วยเหลือที่จำเป็นโดยรอบคอบและเหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของ ทอท. และดำเนินการตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีให้ครบถ้วนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ในกรณีที่กระทรวงคมนาคม โดย ทอท. เห็นควรให้มีการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนอื่นที่อาจกระทบต่อรายได้ของ ทอท. ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของชาติ ให้กระทรวงคมนาคม โดย ทอท. นำเสนอแนวทาง/มาตรการเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12504 | ขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน ๑,๗๗๕.๖๕๓ ล้านบาท และของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน ๓,๒๓๘.๖๘๒ ล้านบาท ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ทั้งนี้ ให้ ขสมก. และ รฟท. รายงานให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ทราบในโอกาสแรกด้วย เพื่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะได้จัดเก็บข้อมูลยอดคงค้างให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการดำเนินการดังกล่าวต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และภาระการเงินการคลังที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ รวมทั้งเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดด้วย และให้ ขสมก. และ รฟท. ดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการ และการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ตลอดจนการลงทุนโครงการต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการลงทุนและสามารถสร้างรายได้ที่จะช่วยบรรเทาปัญหาฐานะทางการเงินขององค์กรได้อีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. เร่งจัดทำต้นทุนมาตรฐานเพื่อใช้ในการกำกับดูแลอัตราค่าโดยสารและคุณภาพการให้บริการให้แล้วเสร็จโดยด่วน เพื่อนำข้อมูลต้นทุนมาตรฐานดังกล่าวมาใช้ประกอบการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง ขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย) ต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ จัดทำคู่มือในการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะให้กับกระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะในปีต่อ ๆ ไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12505 | สรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรี เรื่อง Oceans Meeting 2019 | คค | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของการประชุมมหาสมุทร (Oceans Meeting 2019) ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงลิสบอน สาธารณรัฐโปรตุเกส ซึ่งที่ประชุมฯ ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางและข้อริเริ่มที่เป็นรูปธรรมเพื่อเร่งรัดให้การกำกับดูแลมหาสมุทรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งกระทรวงคมนาคมได้มีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ท่าทีของไทยในการประชุมรัฐภาคีแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ ๒๕ (The 25th session of the Conference of the Parties to the UNFCCC : COP 25) ณ กรุงซานติอาโก สาธารณรัฐชิลี ซึ่งจะเป็นเวทีผลักดันกติกาและข้อตกลงที่เข้มข้นในประเด็นผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ โดยประเทศไทยควรแสดงท่าทีในการประชุมอย่างเหมาะสมและต้องประเมินผลกระทบของกติกาโลกโดยคำนึงถึงความพร้อมของประเทศเป็นสำคัญ (๒) การประเมินผลเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ ๑๔ (Sustainable Development Goal : SDG 14) ในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของมาตรการต่าง ๆ ระดับความตระหนักรู้ของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ผลงานและความก้าวหน้าทางวิชาการหรือนวัตกรรม ระดับของการบูรณาการข้อมูลข่าวสาร รวมถึงความพร้อมในการสนับสนุนทางการเงินและวิชาการ และ (๓) ประเทศไทยควรมีกลไกและกรอบการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ทางทะเลในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (Exclusive Economic Zone : EEZ) เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมเจ้าท่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และการประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (Marine Protected Area : MPA) โดย MPA เป็นมาตรการที่ประเทศต่าง ๆ นำมาใช้อย่างแพร่หลายในการจัดการสภาพแวดล้อมทางทะเลในเชิงพื้นที่ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงคมนาคม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12506 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน้อย จากกิโลเมตรที่ ๑๒๗.๒๐๐ ประตูระบายน้ำผักไห่ ในท้องที่ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงกิโลเมตรที่ ๑๔๔.๑๘๐ ในท้องที่ตำบลเสนา อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา จากกิโลเมตรที่ ๗๙.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโกรกพระ และตำบลยางตาล อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ถึงกิโลเมตรที่ ๙๘.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12507 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสุวรีย์ ใจหาญ) | พม | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสุวรีย์ ใจหาญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการพัฒนาสังคม (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12508 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและวงเงิน กรณีการต่อสัญญาเช่าอาคารบ้านพักผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานการค้าและเศษฐกิจไทย ณ เมืองไทเป | กต | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ รายการค่าเช่าอาคารบ้านพักผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ณ เมืองไทเป วงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๒๐,๙๘๘,๐๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่นกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑,๗๔๙,๐๐๐ บาท เห็นควรให้ใช้จ่ายจากโครงการภารกิจทีมประเทศไทยเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ งบดำเนินงาน รายการค่าเช่าอาคารสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ ๑๙ แห่ง ซึ่งได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม สอดคล้องกับค่าเช่าที่จะต้องจ่ายจริงต่อไป โดยค่าเช่าอาคารที่ขออนุมัติครั้งนี้วงเงินงบประมาณผูกพันข้ามปีส่วนที่เพิ่มขึ้นอยู่ในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง ๆ เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. การเช่าอาคารดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ รวมถึงการใช้จ่ายเงินสำหรับการดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12509 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (นายเสนีย์ ชีพทองคำ) | นร07 | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเสนีย์ ชีพทองคำ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12510 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสราวุธ ชีวะประเสริฐ) | นร | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสราวุธ ชีวะประเสริฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์น้ำ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12511 | ขออนุมัติการจ่ายเงินทดแทนการประกันชีวิตย้อนหลังแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บทุพพลภาพถึงขั้นปลดออกจากราชการ เพิ่มเติม | นร01 | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจ่ายเงินทดแทนการประกันชีวิตย้อนหลังให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บทุพพลภาพถึงขั้นปลดออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ เพิ่มเติม จำนวน ๗๙ ราย รายละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็นจำนวนเงิน ๓๙,๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการประสานงานกับสำนักงบประมาณในการจ่ายเงินทดแทนการประกันชีวิตดังกล่าวต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วนของเอกสาร หลักฐานต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนและสร้างความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ รวมถึงตรวจสอบผู้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการประกันชีวิตเพิ่มเติม จำนวน ๗๙ ราย กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บทุพพลภาพถึงขั้นปลดออกจากราชการตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ จำนวน ๑,๒๒๘ ราย ที่ได้เงินทดแทนการประกันชีวิตย้อนหลังไปก่อนหน้านี้เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12512 | สรุปผลการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 4 | ทส | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๔ (The fourth session of the United Nations Environment Assembly : UNEA 4) ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยมีนายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงไนโรบี และผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ซึ่งในที่ประชุมฯ ประเทศสมาชิกได้ร่วมกันรับรองข้อมติ (Resolutions) และข้อตัดสินใจ (Decisions) เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับประเทศสมาชิก รวมถึงได้ร่วมกันรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ซึ่งเป็นแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยใช้นวัตกรรมการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคให้ยั่งยืน รวมทั้งการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการลดมลพิษ และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควร (๑) มีการจัดการประชุมชี้แจงเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามข้อมติของการประชุมฯ และมีระบบติดตามผลการดำเนินงาน รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อให้การดำเนินงานมีความสอดประสานและบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ (๒) ในข้อมติ L.3 Promoting sustainable practices and innovative solutions for Curbing Food Loss and Waste เกี่ยวกับการวางแนวทางหรือมาตรการแก้ไขปัญหาและการพัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับข้อมตินี้ ควรพิจารณาการกำหนดให้การรวบรวมข้อมูลเชิงวิชาการในประเทศที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่ส่งผลต่อการสูญเสียอาหารและขยะที่เกิดจากอาหาร ตลอดจนการส่งเสริมให้มีการวิจัยเพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนขึ้นเป็นประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่ง เพื่อให้การวางแนวทางต่าง ๆ เหมาะสมกับบริบทของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12513 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ) | กษ | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน้อย จากกิโลเมตรที่ ๑๒๗.๒๐๐ ประตูระบายน้ำผักไห่ ในท้องที่ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงกิโลเมตรที่ ๑๔๔.๑๘๐ ในท้องที่ตำบลเสนา อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา จากกิโลเมตรที่ ๗๙.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโกรกพระ และตำบลยางตาล อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ถึงกิโลเมตรที่ ๙๘.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12514 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 4 ฉบับ | กษ | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มี่สาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแรง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12515 | การขายที่ดินและอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต (หลังเดิม) ณ กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ | กค | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขายที่ดินและอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต (หลังเดิม) ณ กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ขนาดพื้นที่ใช้สอย ๒๖๐ ตารางเมตร พร้อมที่ดิน ๒ แปลง ขนาด ๑,๓๖๕ ตารางเมตร โดยกำหนดราคาขายขั้นต่ำ ๑,๔๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ในกรณีที่ไม่สามารถหาผู้ซื้อได้ในราคาที่กำหนดไว้ ก็ให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงการต่างประเทศในการดำเนินการขายที่ดินและอาคารในราคาที่ต่ำกว่าที่กำหนดได้ไม่เกินร้อยละ ๑๐ และนำเงินที่ได้รับจัดส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรคำนึงถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินตามนัยมาตรา ๔๔ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12516 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ปี ๒๕๖๒ จำนวน ๕๒ รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า และ ๖ บริการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีหากมีการกำหนดราคาซื้อหรือราคาจำหน่ายสินค้าควบคุม จำนวน ๕ รายการ ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเชื้อเพลิง รถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่ง รถยนต์บรรทุก ขอให้คำนึงถึงผลกระทบจากการที่กรมสรรพสามิตมีปรับเปลี่ยนโครงสร้างและอัตราภาษีอยู่เป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12517 | ขออนุมัติในหลักการให้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินพร้อมอาคารที่ทำการคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก | พณ | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกเปลี่ยนแปลงสถานที่ในการจัดซื้อที่ทำการ จากเดิม อาคารเลขที่ 3 chemin des Colombieres, Versoix เป็น อาคารเลขที่ ๗๙-๘๑ Route De Valavran, 1293 Bellevue สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวให้จัดทำประมาณการรายละเอียดของรายการค่าใช้จ่ายให้ถูกต้องครบถ้วน พร้อมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ไม่เกินกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยพิจารณาถึงความประหยัด คุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม ผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่ที่จะจัดซื้อใหม่ให้กระทรวงพาณิชย์เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการขอยกเว้นการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดซื้อใหม่และเปลี่ยนแปลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณเดิมตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้วนั้น การดำเนินการดังกล่าวต้องคำนึงถึงมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่สอดคล้องกับงบประมาณเป็นกรณี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12518 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงด้านการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัยระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | คค | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงด้านการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัยระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย โดยร่างความตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัยระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตลอดจนการบริการด้านการค้นหาและช่วยเหลือทางการบินและการอำนวยความสะดวกในการค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุอากาศยานโดยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องช่วยเหลือซี่งกันและกันตามข้อกำหนดในการบริหารด้านการค้นหาและช่วยชีวิตในเขตการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัย (SRRs) โดยความตกลงฯ จะมีผลบังคับใช้ ณ วันที่มีการลงนามของรัฐทั้งสองฝ่าย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย และให้กระทรวงคมนาคม โดยสำนักงานคณะกรรมการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมความพร้อมและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการล่วงหน้าโดยเฉพาะการกำหนดค่าใช้จ่ายด้านการค้นหาและช่วยชีวิตซึ่งจะต้องได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมลงจอดค่าบริการภาคพื้น และค่าบริการจราจรทางอากาศ เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจเมื่อเกิดเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12519 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยการบริหาร การบำรุงรักษา และการใช้สะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2 | คค | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยการบริหาร การบำรุงรักษา และการใช้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพื้นฐานทางกฎหมายที่จำเป็นเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ ความร่วมมือทางกฎหมาย การใช้ การบริหาร และการบำรุงรักษาสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ บนพื้นฐานความร่วมมือและความเคารพในเอกราชอธิปไตย และความเสมอภาคระหว่างกัน โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมาธิการบริหารและบำรุงรักษาสะพาน (ฝ่ายไทย) ตามนัยข้อ ๔ ของร่างความตกลงฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณาเปิดจุดผ่านแดนถาวรบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ และแนวทางการใช้ประโยชน์สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ ๑ ให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดในพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12520 | การรับโอนข้าราชการทหารมาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ (พลเอก ชัยวัฒน์ โฆสิตาภา) | นร | 02/07/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน พลเอก ชัยวัฒน์ โฆสิตาภา ข้าราชการทหาร ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหม มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
.....