ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 586 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 11701 - 11720 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11701 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางและขั้นตอนการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11702 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2562 | นร11 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อหารือ : แนวทางการดำเนินการเพื่อรองรับการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) ที่ประชุมฯ มีมติมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ โดยทูตพาณิชย์ หารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (United States Trade Representative : USTR) เพื่อขอให้สหรัฐอเมริกาพิจารณาทบทวนเรื่องการยกเลิกการให้สิทธิ GSP แก่ไทย โดยขอให้เจรจาให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วก่อนที่เรื่องดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓ ๑.๒ เรื่องเพื่อพิจารณา : โครงการรถไฟไทย-จีน (การกำหนดสกุลเงินที่ใช้ในสัญญางานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล) ที่ประชุมฯ มีมติให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเจรจาต่อรองกับฝ่ายจีนเพื่อกำหนดให้ใช้เงินบาทเป็นสกุลเงินที่ใช้สัญญา ๒.๓ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาความเหมาะสมและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกำหนดให้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ เป็นสกุลเงินที่ใช้ในการชำระค่างานสัญญา ๒.๓ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเตรียมการของฝ่ายไทยในกรณีที่ไม่สามารถเจรจาให้ได้ข้อยุติได้ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยในประเด็นที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11703 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวนุชนภา รื่นอบเชย) | อว | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวนุชนภา รื่นอบเชย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตั้งแต่วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11704 | การรับรองร่างปฏิญญากรุงเทพ : การตอบสนองอย่างมีประสิทธิผลต่อปัญหายาเสพติดในลุ่มแม่น้ำโขง และร่างแผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติด ฉบับที่ 11 | ยธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญากรุงเทพ : การตอบสนองอย่างมีประสิทธิผลต่อปัญหายาเสพติดในลุ่มแม่น้ำโขง เป็นเอกสารที่แสดงถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศภาคีสมาชิกที่จะระดมความพยายามในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาค และร่างแผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติด ฉบับที่ ๑๑ เป็นแผนการดำเนินงานเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งประเทศภาคีสมาชิกภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติด เห็นชอบร่วมกันเพื่อเป็นกรอบความร่วมมือในการจัดการกับความท้าทายจากการผลิต การลักลอบค้าและการใช้ยาเสพติดผิดกฎหมาย บนหลักการความเป็นหุ้นส่วนและแบ่งปันความรับผิดชอบร่วมกัน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ โดยไม่มีการลงนาม ในห้วงการประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ ในวันศุกร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างแผนปฏิบัติการฯ ข้อ III Objectives and Priorities for Cooperation in the GMS, B. Law enforcement cooperation, Outcome 1 ระบุคำว่า ‘joint cross-border operations’ ดังนั้น หากมีการปฏิบัติการร่วมของเจ้าหน้าที่ประเทศภาคีในเรื่องนี้ ก็จะต้องไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่เจ้าหน้าที่ของประเทศภาคีหนึ่งในการบังคับใช้กฎหมายของตนในอาณาเขตของประเทศภาคีอื่น ๆ หรือกระทำการใด ๆ ที่อาจกระทบต่อสิทธิและอธิปไตยของไทย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11705 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 | นร11 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ (กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) ระหว่างวันที่ ๒๖ ตุลาคม-๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีประเด็นการพัฒนาและข้อสั่งการ ได้แก่ การพัฒนาสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และบริการด้วยนวัตกรรมสู่มาตรฐานสากล การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ภาคตะวันตก และอารยธรรมทวารวดี และการพัฒนาและส่งเสริมการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนให้มีศักยภาพ ผลักดันเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11706 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง1 (กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี) | นร11 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ (กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) เมื่อวันอังคารที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีผลการประชุมในประเด็นสำคัญ ได้แก่ ด้านเกษตร ด้านการท่องเที่ยว ด้านการบริหารจัดการน้ำ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อเสนอเชิงนโยบาย ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11707 | การใช้ทุนทางวัฒนธรรมและพลัง "บวร" เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างคุณค่าทางสังคม : กรณีกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 | วธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการใช้ทุนทางวัฒนธรรมและพลัง “บวร” เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างคุณค่าทางสังคม : กรณีกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีการดำเนินงานวัฒนธรรมในพื้นที่ในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ที่สำคัญ ได้แก่ (๑) พัฒนาแหล่งประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญ (๒) พัฒนาสินค้าและส่งเสริมกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม โดยจัดกิจกรรมตลาดประชารัฐ ตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม (๓) ส่งเสริมสนับสนุนศิลปินและวิถีชีวิตชุมชน โดยสนับสนุนให้สมาคมเพลงพื้นบ้านภาคกลางเผยแพร่การแสดงเพลงพื้นบ้าน และอบรมถ่ายทอดเพลงพื้นบ้านภาคกลางให้แก่เด็ก เยาวชน และผู้สนใจ รวมถึงจัดให้มีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมตามปฏิทินการแสดงศิลปวัฒนธรรม และ (๔) ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ตามแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) โดยขับเคลื่อนชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขับเคลื่อนด้วยพลังบวร ให้เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมหลักธรรมทางศาสนา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประเพณีวิถีวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม และนำไปปรับใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจสังคม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11708 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง (นางวรวรรณ ชิตอรุณ และนายเอกภัทร วังสุวรรณ ) | อก | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางวรวรรณ ชิตอรุณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายเอกภัทร วังสุวรรณ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11709 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด | ยธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๓ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์วีริศ อัมระปาล ๒. นายธนพล คงเจี้ยง ๓. นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11710 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายไกรเสริม โตทับเที่ยง) | ดศ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายไกรเสริม โตทับเที่ยง เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11711 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุเทพ แก่งสันเทียะ และคณะ รวม 6 ราย) | ศธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๒. นายสุทิน แก้วพนา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายวีระ แข็งกสิการ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสุรินทร์ แก้วมณี ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค ๕ สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายยศพล เวณุโกศล ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงาน ศึกษาธิการภาค ๘ สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11712 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนผู้ที่ลาออก จำนวน ๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนนี้ให้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางฤชุกร สิริโยธิน กรรมการ ๒. พลโท กานต์ กลัมพสุต กรรมการ ๓. นายจรุูญเดช เจนจรัสสกุล กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11713 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (จำนวน 5 ราย 1. นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ฯลฯ) | อก | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ยกเว้นลำดับที่ ๓ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และลำดับที่ ๔ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ ดังนี้
๑. นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ประธานกรรมการ ๒. นายสรัญ รังคสิริ กรรมการ ๓. นายวิริยะ รามสมภพ กรรมการ ๔. นางสิรินทร์ แดงไชยวัฒน์ กรรมการ ๕. นายณกฤศพรรชธ์ ธนัตถ์อนนตชัย กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11714 | รายงานการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี : แนวทางการสร้างความเข้มแข็งของบวร เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง | วธ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการจัดทำแนวทางการสร้างความเข้มแข็งของ “บวร” เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้มีการประชุมหน่วยงานบูรณาการเพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือ รวมทั้งยังได้มีการดำเนินการทดลองปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดนำร่องที่ได้คัดเลือกจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางที่มีความหลากหลายของชุมชนในเขตเมือง เขตชนบท และปริมณฑล ประกอบด้วย จังหวัดปทุมธานี นครนายก นครปฐม และกาญจนบุรี ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการเรียนรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความเข้มแข็งของ “บวร” (บ้าน-ชุมชน/วัด-ศาสนสถาน-โรงเรียน-ส่วนราชการ) แก่ทุกภาคส่วนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากสถานที่ดังกล่าวในการเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน โดยอาจปรับเปลี่ยนแนวทางดังกล่าวให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบท/สถานการณ์ของสังคมในปัจจุบัน เช่น การนำเทคโนโลยีสารสนเทศหรือสื่อการเรียนรู้ด้านดิจิทัลมาปรับใช้ด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสำรวจความพร้อมของสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้องน้ำสาธารณะ ทางลาดคนพิการ/ผู้สูงอายุ และดำเนินการจัดหาหรือปรับปรุงให้มีความพร้อมเพื่อรองรับการขยายผลการขับเคลื่อนแนวทางการสร้างความเข้มแข็งของ “บวร” ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11715 | มาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” เพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศผ่าน g-Wallet ช่อง ๒ สำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ ๑๘ ปิบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน และมีบัตรประจำตัวประชาชน จำนวนไม่เกิน ๒ ล้านคน โดยจะกันสิทธิ์บางส่วนสำหรับผู้ที่มีอายุ ๖๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน และขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาแนวทางที่สามารถดึงดูดให้ประชาชนมาเข้าร่วมมาตรการดังกล่าวมากขึ้น ตลอดจนประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจในหลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์ในการเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว โดยมีการรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11716 | รณรงค์ใช้ผลิตภัณฑ์ OTOP ผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิโครงการหลวง และผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นของขวัญ ของที่ระลึกเทศกาลปีใหม่ 2563 | มท | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการรณรงค์ให้ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และประชาชนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิโครงการหลวง และผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นของขวัญ ของที่ระลึกเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11717 | การลงนามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชในการนำเข้ารำสกัดน้ำมันและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มจากประเทศไทยระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชในการนำเข้ารำสกัดน้ำมันและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มจากประเทศไทยระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ในช่วงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการด้านสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกรำสกัดน้ำมันและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มจากประเทศไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน เช่น การกำหนดศัตรูพืชที่ห้ามปรากฏในรำสกัดน้ำมันและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มที่จะส่งออก การรับรองสถานประกอบการ การตรวจสอบการควบคุมสุขอนามัยในกระบวนการที่เกี่ยวข้อง การออกใบรับรองสุขอนามัยพืช และการปฏิบัติต่อผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำคู่มือหรือข้อปฏิบัติในการดำเนินงานตามมาตรการการนำเข้ารำสกัดน้ำมันและกากเนื้อในเมล็ดปาล์มจากประเทศไทยระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเตรียมการและดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11718 | การประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 23 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา | นร11 | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ ๒๓ (Joint Ministerial Statement : JMS) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความยินดีและรับทราบความสำเร็จล่าสุดของแผนงานความร่วมมือ GMS ใน ๘ สาขา ได้แก่ สาขาคมนาคม สาขาการอำนวยความสะดวกทางการค้าและคมนาคมขนส่ง สาขาพลังงาน สาขาเกษตร สาขาสิ่งแวดล้อม สาขาท่องเที่ยว สาขาสุขภาพ และสาขาการพัฒนาเมืองและชายแดน รวมทั้งแสดงความยินดีกับผลการประชุมเวทีหารือเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑๐ (ECF-10) เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเนปยิดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และเห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์แผนงาน GMS สำหรับระยะเวลาการดำเนินการหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๒ (พ.ศ. ๒๕๖๕) ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS Minister) ในการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) ครั้งที่ ๒๓ (The 23rd GMS Ministerial Conference) ในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ๑.๓ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนได้ร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ ๒๓ ในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11719 | การปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านภาษีอากร เรื่องการแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ | กค | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ประเทศไทยมีหนังสือซึ่งลงนามโดยระดับรัฐมนตรี จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ หนังสือถึง Secretary-General ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Cooperation and Development : OECD) มีสาระสำคัญเป็นการขอให้ OECD ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาเชิญประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Multilateral Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters : MAC) ๑.๒ หนังสือถึงประธานกรอบความร่วมมือ Global Forum on Transparency and Exchange of Information for Tax Purposes (Global Forum) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในการให้คำมั่นว่าประเทศไทยจะแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติจาก AEOI Standard เป็นไปตามรูปแบบกลางที่ Global Forum ซึ่งระบุว่าประเทศไทยจะสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวได้ภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๖ กับรัฐคู่สัญญาที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดและมีการรักษาความลับของข้อมูลอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11720 | โครงการประกันรายได้และมาตรการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปี 2562/63 | พณ | 12/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๒/๖๓ ในวงเงิน ๙,๖๗๑,๕๘๒,๘๐๐ บาท โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๒/๖๓ ในวงเงินชดเชย ๖๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๖๒/๖๓ ในวงเงินชดเชย ๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน ทั้งเรื่องการลงทะเบียน จำนวนเกษตรกร ผลผลิตต่อไร่ รวมถึงมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขพื้นที่เป้าหมาย การใช้เงิน วิธีการจ่ายเงิน โดยให้คำนึงถึงข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดให้มีระบบการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการดำเนินการต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการประกันรายได้ที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป ๒. รับทราบมาตรการคู่ขนานเพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลัง ได้แก่ การบริหารจัดการการนำเข้าส่งออก การส่งเสริมการใช้มันสำปะหลังในประเทศเพิ่มขึ้น และการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๓. มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามมาตรการดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายมันสำปะหลัง มาตรการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง ตามลำดับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินมาตรการเพิ่มช่องทางจำหน่ายและใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เช่น การแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โรงงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังสามารถผลิตและจำหน่ายเอทานอลให้แก่อุตสาหกรรมอื่นได้นอกเหนือจากการใช้เป็นเชื้อเพลิง หรือเป็นผู้รับจ้างผลิตให้แก่องค์การสุรา เป็นต้น รวมทั้งการแก้ไขปัญหาและผลกระทบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังให้ครอบคลุมในทุกมิติ เช่น การควบคุมดูแลพื้นที่เพาะปลูกและป้องกันมิให้เกิดการบุกรุกที่ดินในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิเพื่อเพาะปลูกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น การทำสัญญาเช่าที่ดินของรัฐให้ชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาการอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินของรัฐ เป็นต้น โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ กรณีการดำเนินการแก้ไขปัญหาใด ๆ ที่ต้องนำเสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติพิจารณา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติโดยด่วนต่อไป ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....