ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 581 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 11601 - 11620 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11601 | ร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ....) | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation Agreement : CMIM) ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ....) รวมทั้งหนังสือแนบท้ายรวม ๔ ฉบับ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการดำเนินการของกลไก CMIM ตามนัยบทบัญญัติของความตกลงฉบับปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องมีการทบทวนทุก ๆ ๕ ปี โดยในครั้งนี้เป็นการปรับปรุงแนวปฏิบัติของ CMIM กรณีที่เป็นความช่วยเหลือทางการเงินร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของ IMF เช่น การปรับปรุงระยะเวลาการเบิกจ่ายและการชำระคืนเงินช่วยเหลือ จากเดิมที่เบิกจ่ายและรับเงินคืนเต็มจำนวนเมื่อถึงกำหนดไถ่ถอน (Maturity) เพียงครั้งเดียวภายใน ๑ ปี เป็นให้เบิกจ่ายและรับเงินคืนเป็นงวด ๆ และขยายจำนวนครั้งในการต่ออายุความช่วยเหลือ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาดุลการชำระเงินและการขาดสภาพคล่องของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในระยะสั้นและต้องการรับความช่วยเหลือจากกลไกดังกล่าวจะได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและทันการณ์ นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงถ้อยคำที่มีความคลุมเครือในทางปฏิบัติให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ๑.๒ อนุมัติการลงนามในความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง และมอบหมายให้ ๑.๒.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ลงนามในความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๑.๒.๒ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทนลงนามในหนังสือยืนยันการสมทบเงิน (Schedule 3-Commitment Letter) ในวงเงิน ๙.๑๐๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒.๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนลงนามในหนังสือรับทราบการขอรับความช่วยเหลือ (Schedule 5-Letter of Acknowledgement) และหนังสือยืนยันการปฏิบัติตามเงื่อนไขของความตกลง (Schedule 6-Letter of Undertaking) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๑.๒.๔ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือผู้แทนลงนามในหนังสือให้ความเห็นทางกฎหมาย (Schedule 7-Legal Opinion) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลง CMIM รวมทั้งหนังสือแนบท้าย ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11602 | ร่างกฎกระทรวงการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | พม | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11603 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... | พณ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอำนาจของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11604 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2563 โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 จังหวัดนครสวรรค์ 2 (ระยะที่ 1) และเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 | พม | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จังหวัดนครสวรรค์ ๒ (ระยะที่ ๑) เป็นจำนวน ๕๘,๐๘๖,๑๐๐ บาท ตามนัยระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๗(๓) โดยวงเงินค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ให้ กคช. ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับค่างานก่อสร้างดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ การเพิ่มวงเงินรายการดังกล่าวอยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง ๆ เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. สำหรับการขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๗๙,๐๔๘,๗๕๐ บาท ของโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จำนวน ๑๔ โครงการ นั้น เนื่องจาก กคช. สามารถดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ตามวัตถุประสงค์ได้โดยดำเนินการทำสัญญาจ้างแล้ว จำนวน ๑๒ โครงการ คงเหลือที่ยังไม่ได้ทำการทำสัญญาจ้าง จำนวน ๒ โครงการ คือ (๑) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (โรจนะ) ระยะที่ ๑ และ (๒) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) จึงเห็นควรดำเนินการภายในกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ และเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด โดยพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ที่จะได้รับเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเกิดความคุ้มค่าและประหยัด ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11605 | ขออนุมัติยกเว้นการจำกัดความสูงในการก่อสร้างอาคารหอพักแพทย์ประจำบ้านของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และการก่อสร้างอาคารหอพักนักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาล (ชาย) ของกรมแพทย์ทหารบก (วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก) | กห | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติยกเว้นเป็นกรณีพิเศษในการก่อสร้างอาคารหอพักแพทย์ประจำบ้าน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และอาคารหอพักนักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาล (ชาย) กรมแพทย์ทหารบก (วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก) ที่มีความสูงและพื้นที่ก่อสร้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบอาคารหอพักแพทย์ประจำบ้าน หากเป็นอาคารอยู่อาศัยรวมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร จะเข้าข่ายโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซี่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลำดับที่ ๓๑ อาคารอยู่อาศัยรวมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ที่มีจำนวนห้องชุดหรือห้องพักตั้งแต่ ๘๐ ห้องขึ้นไป หรือมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ ๔,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป โดยให้เสนอรายงานในขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนี้ ควรจัดให้มีพื้นที่สีเขียวในสัดส่วนที่เหมาะสม และคำนึงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นกับชุมชนใกล้เคียง ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11606 | แผนที่นำทางด้านนวัตกรรมของอาเซียน ปี 2562 - 2568 | อว | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนที่นำทางด้านนวัตกรรมของอาเซียน ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘ (ASEAN Innovation Roadmap : AIR) เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยนวัตกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งประเด็นที่ไทยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๒ โดยแผนที่นำทางฯ จะทำหน้าที่เป็นแผนที่นำทางเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ด้วยการเสริมสร้างการพัฒนาระบบนิเวศที่มีนวัตกรรมเป็นองค์ประกอบ รวมทั้งการนำความรู้และนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาบูรณาการเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งนำไปสู่การต่อยอดงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และสังคม ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการอาเซียนได้กำหนดให้นำเสนอแผนที่นำทางฯ ต่อคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้การรับรองแผนที่นำทางฯ ร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนที่นำทางฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการจัดทำแผนการพัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศให้สอดคล้องกับแผนที่นำทางด้านนวัตกรรมของอาเซียน ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘ ที่คำนึงถึงความทันสมัย เป็นสากล และรักษาจุดแข็งของประเทศ เพื่อใช้เป็นแนวทางการพัฒนาด้านนวัตกรรมของประเทศในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11607 | แนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer Management Guideline) | นร10 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer Management Guideline) โดยเป็นการกำหนดโครงสร้าง รูปแบบความสัมพันธ์ บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ รวมทั้งคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐในแต่ละระดับ ตลอดจนกำหนดให้มีทีมสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ และแนวทางการอบรมผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ และทีมสนับสนุนฯ เพื่อเพิ่มทูนทักษะด้านดิจิทัล ตามข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ. ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการไปพิจารณาร่วมกันให้ได้ข้อยุติในประเด็นต่าง ๆ เช่น คุณสมบัติของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐแต่ละระดับ และทีมสนับสนุนฯ ความซ้ำซ้อนขององค์ประกอบและหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างคณะกรรมการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐกับคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล การจัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงานและไม่ซ้ำซ้อนกับหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง และการจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการสนับสนุนกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเพิ่มเติมให้กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนั้น จะทำให้เป็นภาระงบประมาณด้านบุคลากรภาครัฐ จึงเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. กำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์การเสนอขออนุมัติกรอบอัตรากำลังให้ได้ข้อยุติอย่างชัดเจน และเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. เร่งจัดทำคู่มือประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๑ (เรื่อง การแต่งตั้งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงประจำกระทรวง ทบวง กรม และการจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศของกระทรวง) ในส่วนของการแต่งตั้งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงประจำกระทรวง ทบวง กรม ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๔. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (เรื่อง โครงการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง จากเดิม “ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ชื่อเดิมกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง” เป็น “ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโครงการอบรมหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับผิดชอบรับรองกรอบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ มีการติดตาม ประเมินผล และให้คำแนะนำการปรับปรุงและแนวทางการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมกับบริบทและกลุ่มเป้าหมายการพัฒนา รวมทั้งสร้างชุมชนเครือข่ายผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยให้นำทักษะด้านดิจิทัลของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนกำหนดมาใช้เป็นกรอบในการออกแบบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐด้วย โดยในระหว่างที่กรอบหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐและผู้ช่วยผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐยังไม่ได้รับการรับรอง ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดการฝึกอบรมหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงภาครัฐไปพลางก่อน ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11608 | โครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ | ศธ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา (อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย) โดยปรับให้โรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในพื้นที่ของแต่ละอำเภอ อำเภอละ ๑ แห่ง เป็นโรงเรียนประจำพักนอน จำนวน ๖๕ หลัง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ยากจน นักเรียนที่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีผู้อุปการะ และนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เข้ารับบริการทางการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงอันจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและยกระดับคุณภาพการศึกษาในพื้นที่เป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาในพื้นที่ต่อไป โดยมีกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ จำนวน ๓,๔๑๖.๕๔ บาท ได้แก่ หมวดงบดำเนินงาน งบลงทุน และงบอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ ให้ สพฐ. ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยให้จัดทำรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงบประมาณให้เหมาะสม สอดคล้องกับจำนวนนักเรียนที่มีอยู่จริง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น กระทรวงศึกษาธิการควรพิจารณาทบทวนแผนการลงทุนตามความเหมาะสมจำเป็นโดยอาจใช้แนวทางเลือกอื่นบนฐานการใช้ทรัพยากรร่วมกันในพื้นที่กับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์หรือโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ หรือใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานผลต่อนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทราบเป็นระยะ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11609 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 | มท | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนให้เกิดความคล่องตัวและมีความเหมาะสมสำหรับการปฏิบัติงาน ตลอดจนมีรูปแบบตามหลักนิยมและแบบธรรมเนียมการแต่งเครื่องแบบเข้าร่วมงานพิธีการเช่นเดียวกับหน่วยงานอื่น ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11610 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... | นร53 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับจำนวนการจ้างงานและรายได้ที่ใช้ในการกำหนดลักษณะและขนาดของวิสาหกิจ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดขนาดกิจการว่าเข้าข่ายเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11611 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ การจดทะเบียน การออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การออกใบแทน หนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การยกเลิกทรัพย์อิงสิทธิ และการเพิกถอนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ การออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การจดทะเบียนนิติกรรม หรือการดำเนินการอื่น ๆ เกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ การจดทะเบียน การออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การออกใบแทนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การยกเลิกทรัพย์อิงสิทธิ และการเพิกถอนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับผู้ขอในการยื่นคำขอจดทะเบียนก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ ออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิจดทะเบียน ออกใบแทนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ เพิกถอนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ หรือยกเลิกทรัพย์อิงสิทธิ ทั้งยังเป็นการกำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการพิจารณาดำเนินการตามคำขอของผู้ขอในกรณีดังกล่าว ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ การออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การจดทะเบียนนิติกรรม หรือการดำเนินการอื่น ๆ เกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ การออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ การจดทะเบียนนิติกรรม หรือการดำเนินการอื่น ๆ เกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับสาธารณชนเกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ และชี้แจงหลักเกณฑ์ วิธีการดำเนินการ ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย ตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11612 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 รวม 3 ฉบับ | นร09 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๓ ฉบับ ที่ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการมอบอำนาจในการพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครองของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการมอบอำนาจในการพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครองของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครอง ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งใช้มาตรการบังคับทางปกครองและการแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับทางปกครอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งใช้มาตรการบังคับทางปกครอง และการแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับทางปกครอง สำหรับคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงิน ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจกำหนดค่าปรับบังคับการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจกำหนดค่าปรับบังคับการและจำนวนค่าปรับบังคับการที่เจ้าหน้าที่มีอำนาจกำหนดเพื่อใช้เป็นมาตรการบังคับแก่ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้กระทำหรือละเว้นกระทำ ๒. รับทราบรายงานเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการร่างกฎกระทรวง รวม ๕ ฉบับ ไม่ทันเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11613 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2562 และข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน | มท | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๖๒ (รวม ๗ วัน) ซึ่งผลการดำเนินการพบว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในภาพรวมมีจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวน ๓,๓๓๘ ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ จำนวน ๓,๔๔๒ ราย และมีผู้เสียชีวิต จำนวน ๓๘๖ ราย โดยสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ดื่มแล้วขับ รองลงมา คือ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และประเภทรถที่ทำให้เสียชีวิตสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ (ส่วนบุคคล) ในการนี้ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนมีข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนนในประเด็นเร่งด่วน ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการปรับปรุงแก้ไข และบังคับใช้กฎหมาย (๒) ด้านการบริหารจัดการ และ (๓) ด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนและยานพาหนะ และให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ เช่น ทุกส่วนราชการควรร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ด้านความปลอดภัยทางถนนและปลูกฝังวินัยจราจรผ่านเครื่องมือและสื่อต่าง ๆ รวมทั้งกวดขันในเรื่องวินัยจราจรอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11614 | ผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 และการดำเนินงานเพื่อผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๓ ระหว่างวันที่ ๓๐ มิถุนายน-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน โดยที่ประชุมฯ มีมติรับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทย คือ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด บรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) รวมทั้งมีมติให้ส่งกลับเอกสาร (Referral) กรณีการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก โดยให้ไทยดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงแนวขอบเขตการนำเสนอแหล่งมรดกทางธรรมชาติที่อาจกระทบเส้นเขตแดนระหว่างไทยและเมียนมา และการแก้ไขข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนกลับกลุ่มชาติพันธุ์และชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของพื้นที่ดังกล่าว ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการผลักดันการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และการจัดทำเอกสารวิชาการ (Nomination Dossier) แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดโลก ได้แก่ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้ แล้วแต่กรณี รวมถึงจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ เช่น ควรเชิญผู้แทนประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกลงพื้นที่เพื่อให้เห็นความจริงใจในการแก้ปัญหา ควรเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว และควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการดูแลรักษาพื้นที่มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11615 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนตุลาคม 2562 | นร11 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ความก้าวหน้าแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11616 | การแต่งตั้งข้าราชการ (นายชนินทร์ ขาวจันทร์) | นร13 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชนินทร์ ขาวจันทร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11617 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวลดา พันธ์สุขุมธนา) | อว | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวลดา พันธ์สุขุมธนา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยและพัฒนา (นักวิทยาศาสตร์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11618 | การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ตช | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ๑.๑ ให้การสนับสนุนและร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม จำนวน ๗ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑.๑ ร่างแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ ๑๓ ๑.๑.๒ ร่างแผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการเพิ่มขึ้นของพวกนิยมความรุนแรงและแนวคิดหัวรุนแรง พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๘ ๑.๑.๓ ร่างแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ ๑๐ กับประเทศคู่เจรจา จำนวน ๓ ประเทศ (สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) ๑.๑.๔ ร่างแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ ๗ กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๑.๕ ร่างแผนปฏิบัติการอาเซียน-จีน ว่าด้วยความร่วมมือประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ๑.๑.๖ ร่างแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ ๕ กับญี่ปุ่น ๑.๑.๗ ร่างแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ ๑ กับสาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง [13th ASEAN Ministerial Meeting on Transnational Crime (AMMTC) and its related meetings] ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม จำนวน ๗ ฉบับดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม จำนวน ๗ ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาชื่อภาษาไทยของ “Work Plan of the ASEAN Plan of Action (PoA) to Prevent and Counter the Rise of Radicalisation and Violent Extremism 2019-2025” จากเดิมมาเป็น “แผนงานเพื่อรองรับแผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยการป้องกันและการต่อต้านการขยายตัวของการบ่มเพาะแนวคิดหัวรุนแรงและแนวคิดสุดโต่งที่นิยมความรุนแรง ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11619 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวพิมพ์เพ็ญ ลัดพลี) | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวพิมพ์เพ็ญ ลัดพลี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11620 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมทบทวนอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ 4 | กต | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสาร จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างแผนปฏิบัติการออสโล (Draft Oslo Action Plan) มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำคำมั่นของรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ในการอนุวัติพันธกรณีอนุสัญญาฯ อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยแผนปฏิบัติการ จำนวน ๔๙ ข้อ และตัวชี้วัดเพื่อประเมินความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว ครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น การทำลายและเก็บรักษาทุ่นระเบิดสังหารบุคคลคงคลัง การลดความเสี่ยงจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและการให้ความรู้ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นต้น และ (๒) ร่างแถลงการณ์ออสโล ค.ศ. ๒๐๑๙ เรื่อง โลกที่ปราศจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Draft Oslo Declaration on a Mine-Free World ค.ศ. ๒๐๑๙) มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของรัฐภาคีในการร่วมกันรักษาไว้ซึ่งพลวัตในการส่งเสริมและผลักดันการมีผลบังคับใช้ของอนุสัญญาฯ และส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้การดำเนินการตามอนุสัญญาฯ มีประสิทธิภาพ ครบถ้วน และบรรลุเป้าหมายของอนุสัญญาฯ โดยเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมทบทวนอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการฯ และร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
.....