ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 584 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 11661 - 11680 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11661 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ | อว | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปิยะมิตร ศรีธรา เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ แทนตำแหน่งที่ว่าง และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11662 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2562 และแนวโน้มปี 2562 - 2563 | นร11 | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๒ และแนวโน้มปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๒ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวร้อยละ ๒.๔ ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๓ ในไตรมาสก่อนหน้า (%YOY) และเมื่อปรับผลของฤดูการออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวจากไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๒ ร้อยละ ๐.๑ (%QoQ_SA) รวม ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๖๒ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๕ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๒ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๖ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าจะลดลงร้อยละ ๒.๐ การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๔.๓ และร้อยละ ๒.๗ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๘ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๖.๒ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจ ปี ๒๕๖๓ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๗-๓.๗ โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญ ประกอบด้วย (๑) แนวโน้มการขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจของอุปสงค์ภายในประเทศทั้งในด้านการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนภาครัฐและเอกชน (๒) การปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ ของการส่งออกภายใต้แนวโน้มการปรับตัวดีขี้นอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจโลก และการปรับตัวของภาคการส่งออกต่อมาตรการกีดกันทางการค้าที่จะมีความชัดเจนมากขึ้น (๓) การดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ และ (๔) การปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11663 | การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำ ร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 | นร09 | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ ๑.๑.๑ ร่างอนุบัญญัติ จำนวน ๕ ฉบับ ได้แก่ ร่างแนวทางการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย ร่างแนวทางการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ร่างกฎกระทรวงกำหนดรอบระยะเวลาการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดกฎหมายตามมาตรา ๒๙ (๖) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการไม่เผยแพร่ข้อมูลในระบบกลาง พ.ศ. .... และให้ดำเนินการประกาศในราชกิจจานุเบิกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป ๑.๑.๒ ร่างคำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย จำนวน ๔ ฉบับ เพื่อให้หน่วยงานถือปฏิบัติ ได้แก่ ร่างคำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย เรื่อง การรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องประกอบการจัดทำร่างกฎหมาย ร่างคำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย เรื่อง การใช้ระบบอนุญาตในกฎหมาย ร่างคำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย เรื่อง การใช้ระบบคณะกรรมการในกฎหมาย และร่างคำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย เรื่อง การนำโทษอาญามาใช้ในกฎหมาย ๑.๑.๓ มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการ (๑) โดยที่มาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่ากฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติว่า เมื่อแนวทางเกี่ยวกับการประเมินผลสัมฤทธิ์ตามหมวด ๕ การประเมินผลสัมฤทธิ์ มีผลใช้บังคับแล้ว ให้พระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นอันยกเลิก ดังนั้น หากกฎกระทรวงกำหนดกฎหมายตามมาตรา ๒๙ (๖) กฎกระทรวงกำหนดรอบระยะเวลาการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายและแนวทางการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย มีผลใช้บังคับ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงอาจแจ้งเวียนเพื่อให้หน่วยงานของรัฐทราบถึงการสิ้นผลของพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และภารกิจหน้าที่ในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายที่จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์ในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายที่จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๒ แทนการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายตามพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๘ และ (๒) ในกรณีแนวทางการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายมีผลใช้บังคับ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอาจพิจารณาแก้ไขระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจสอบความจำเป็นในการตรากฎหมายและการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย เพื่อไม่ให้หน่วยงานของรัฐต้องดำเนินการในเรื่องดังกล่าวซ้ำซ้อนกัน ๑.๑.๔ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๑.๑.๕ ให้หน่วยงานดำเนินการขับเคลื่อนงานในส่วนที่ต้องรับผิดชอบตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๒ และจัดการฝึกอบรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่ในสังกัด โดยหน่วยงานของรัฐอาจขอรับการสนับสนุนวิทยากรจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑.๒ รับทราบ ๑.๒.๑ การดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างความรับรู้ ความเข้าใจ เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒.๒ การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำร่างหลักเกณฑ์การจัดทำคำอธิบายสรุปสาระสำคัญของกฎหมาย และร่างหลักเกณฑ์การจัดทำและเผยแพร่ข้อมูลในระบบกลางเพื่อให้ประโยชน์ในการให้ประชาชนเข้าถึงกฎหมายได้อย่างทั่วถึง ๑.๒.๓ การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำระบบกลาง (ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายเชื่อมโยงที่จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ รวมทั้งการเข้าถึงบทบัญญัติของกฎหมายของประชาชน) เพื่อรองรับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒.๔ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐเกิดข้อสงสัยหรือความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ อาจหารือมายังคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ ๒. ให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เป็นต้นไป โดยในส่วนของการจัดทำหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติ (Checklist) ให้ใช้รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ แทนการจัดทำคำชี้แจงตามหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติท้ายระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11664 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 3 | ทส | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๓ รวมทั้งสิ้น ๒๕ คน ประกอบด้วย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยฯ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการอนุสัญญามินามาตะฯ ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงพลังงาน ผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ เห็นชอบต่อท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทสมัยที่ ๓ จะสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายของอนุสัญญามินามาตะฯ ในการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสู่บรรยากาศและการปล่อยสู่ดินหรือน้ำของปรอทและสารประกอบปรอทจากกิจกรรมของมนุษย์ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ และความต้องการจำเพาะของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศและภูมิภาคด้านการจัดการสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างท่าทีฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11665 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1 | กต | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาแม่น้ำโขง-แม่น้ำฮัน ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑ ในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลีในการขับเคลื่อนกรอบความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การทบทวนความร่วมมือและติดตามผลลัพธ์ของการดำเนินการตามปฏิญญาแม่น้ำฮัน การเน้นย้ำทิศทางความร่วมมือในอนาคตและปรับสาขาความร่วมมือให้สอดคล้องกับนโยบายมุ่งใต้ใหม่ (New Southern Policy) และการย้ำเจตนารมณ์ที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนความร่วมมือที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองจากการแบ่งปันประสบการณ์ และการสร้างสันติภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นต้น ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมในการรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11666 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก | สกพอ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือและพัฒนาความสัมพันธ์ด้านอุตสาหกรรมและธุรกิจระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น การส่งเสริมการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ระหว่างกัน และการส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เป็นต้น โดยมีกำหนดการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในโอกาสการพบหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ ๓ ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ของฝ่ายไทย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11667 | ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 26 | นร14 | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๖ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินงานและความร่วมมือของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ภายใต้พันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๓๘ ในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ แผนปฏิบัติการประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ยุทธศาสตร์การจัดการภัยแล้ง พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๘ การดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติ เรื่อง การแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลง โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง รวมทั้งประเด็นอื่น ๆ ตามที่ประเทศสมาชิกเห็นชอบให้มีการหารือร่วมกัน (หากมี) ๑.๒ เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยหารือกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงตามประเด็นในกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๖ เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานและความร่วมมือเป็นไปตามพันธกรณีของความตกลงฯ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับประเด็นที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11668 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ครั้งที่ 10 และร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนบวกสามด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ครั้งที่ 6 | พม | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ครั้งที่ ๑๐ และร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนบวกสามด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ครั้งที่ ๖ เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ครั้งที่ ๑๐ [10th ASEAN Ministerial Meeting on Social Welfare and Development (10th AMMSWD)] and Its Relating Meeting) และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๗-๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ นครหลวงเวียงจันทร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะส่งเสริมความร่วมมือเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๘ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDG) ชื่นชมบทบาทของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ในการดำเนินความร่วมมือในประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสามในประเด็นด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ยืนยันความมุ่งมั่นในการใช้ประโยชน์จากหุ้นส่วนความร่วมมือในการผลักดันสิทธิเด็กและเพิ่มขีดความสามารถของผู้สูงอายุในอาเซียน ตลอดจนแสดงความยินดีต่อลาวสำหรับการจัดประชุมดังกล่าว ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุม 10th AMMSWD และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11669 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562) | นร04 | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11670 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 (กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา) | สผ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเงินประจำปีพร้อมกับรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. ในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรประสานการดำเนินการกับหน่วยงานในสังกัดเพื่อให้เสนอรายงานการเงินประจำปี ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน พร้อมกับรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามนัยมาตรา ๗๒ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11671 | พิธีสารแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน ฉบับที่ 4 (Fourth Protocol to Amend the ASEAN Comprehensive Investment Agreement) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562)] | นร | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งให้เสนอพิธีสารแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน ฉบับที่ ๔ (Fourth Protocol to Amend the ASEAN Comprehensive Investment Agreement) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11672 | ร่างพระราชบัญญัติยุบเลิกบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยุ่อาศัย พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562)] | นร05 | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติยุบเลิกบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11673 | การแต่งตั้งประธานคณะกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ | อว | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ รวม ๖ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายรอยล จิตรดอน ประธานกรรมการ ๒. นายวิชัย อัศรัสกร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายธาดา เตียประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายชิดชนก เหลือสินทรัพย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นางสาวสิริวรรณ พงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11674 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางวิกุล วิสาลเสสถ์ และนายสมพงษ์ ชัยโอภานนท์) (นายสมพงษ์ ชัยโอภานนท์) | สธ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกุล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางวิกุล วิสาลเสสถ์ ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านทัตสาธารณสุข) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๒ ๒. นายสมพงษ์ ชัยโอภานนท์ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านโภชนาการ) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11675 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 (กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาและเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน) | สผ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วไม่แสดงคิดเห็นต่อรายงานการเงินของเงินทุนหมุนเวียนฯ เนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอ และไม่สามารถใช้วิธีการตรวจสอบอื่นได้ ซึ่งการไม่แสดงความเห็นของผู้สอบบัญชีแสดงให้เห็นว่า ผู้สอบบัญชีไม่สามารถหาหลักฐานการตรวจสอบบัญชีได้อย่างเพียงพอ และข้อมูลดังกล่าวนั้นมีสาระสำคัญต่องบการเงินเป็นอย่างมาก ส่งผลให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไม่สามารถสรุปได้ว่าจำเป็นต้องปรับปรุงบัญชีและระบุจำนวนเงินที่จะต้องนำมาปรับปรุงรายการเหล่านี้หรือไม่ เพียงใด ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้เงินทุนหมุนเวียนฯ ไปดำเนินการตรวจสอบการปรับปรุงรายการตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจพบโดยเร่งด่วน และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการบริหารทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สินและกรมบัญชีกลางทราบเป็นรายเดือน ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรประสานการดำเนินการกับหน่วยงานในสังกัดเพื่อให้เสนอรายงานการเงินประจำปี ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน พร้อมกับรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามนัยมาตรา ๗๒ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11676 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดวิธีปฏิบัติของเจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมงหรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ พ.ศ. .... | กษ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดวิธีปฏิบัติของเจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมงหรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้เจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมงหรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำถือปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพ การตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวังการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11677 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางอุษามาศ ร่วมใจ) | กค | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอุษามาศ ร่วมใจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11678 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... | สธ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ หน้าที่และอำนาจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11679 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสอบสวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสอบสวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบทั่วไป พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
11680 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... | วธ | 19/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า คณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลกองทุนเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งครอบคลุมหลักการของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ จึงเห็นควรเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว หากยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวแล้วจะมีผลทำให้สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรมไม่มีหน้าที่และอำนาจตามร่างข้อ ๒ (๙) และร่างข้อ ๑๑ (๙) ที่ซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์อีกต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....