ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 582 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 11621 - 11640 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11621 | การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 25 (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 15 (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 2 (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๕ (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๒ (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย รวมทั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบกรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ มีสาระสำคัญครอบคลุมหลักการภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไทยให้ความสำคัญ ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพแก่ไทยและประเทศกำลังพัฒนาภายใต้หลักการที่คำนึงถึงขีดความสามารถและสถานการณ์ของประเทศที่แตกต่างกัน เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน โดยจะมีการรับรองข้อตัดสินใจต่าง ๆ ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๕ (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีสสมัยที่ ๒ (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสรุปผลการประชุมและเผยแพร่ความรู้ภายหลังจากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ เสร็จสิ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบท่าทีเจรจาของไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11622 | การรับรองร่างปฏิญญาเอเชียแปซิฟิกว่าด้วยการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการเสริมพลังของสตรี : การทบทวนแผนปฏิบัติการปักกิ่ง+25 | พม | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาเอเชียแปซิฟิกว่าด้วยการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการเสริมพลังของสตรี : การทบทวนแผนปฏิบัติการปักกิ่ง+๒๕ มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศภาคีสมาชิกในเอเชียและแปซิฟิกเพื่อให้ตระหนักถึงความเท่าเทียมของสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของสตรีเพื่ออนาคตที่เท่าเทียมกันผ่านการดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาที่เท่าเทียมและครอบคลุม การแบ่งปันความเจริญรุ่งเรืองและงานที่มีคุณค่า การขจัดความยากจน การปกป้องคุ้มครองทางสังคมและบริการทางสังคมและสาธารณะ และการบูรณาการแนวคิดบทบาทความสัมพันธ์หญิงชายเข้ากับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยจะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุม Asia-Pacific Ministerial Conference on the Beijing+25 Review ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11623 | การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร04 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๔๒/๒๕๖๒ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยให้ยกเลิกข้อ ๑.๓.๔ แห่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๑๖๗/๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ซึ่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และภัยแล้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11624 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 และวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562) | นร | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และวันจันทร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11625 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดี) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 และวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562)] | นร | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และวันจันทร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดี) ต่อรัฐสภาบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ทั้งนี้ ก่อนส่งรัฐสภาบรรจุระเบียบวาระเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการปรับปรุงการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายให้เป็นไปตามรูปแบบที่กำหนดตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งจะมีผลใช้บังคับในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11626 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 4/2562 และเรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562) | ทส | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จากการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ ๒ พิษณุโลก-เชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น การประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ จำนวน ๓ โครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ ๓ สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดพังงา (ตะกั่วป่า) เป็นต้น และการประชุม กก.วล. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก : นิคมอุตสาหกรรม Smart Park เป็นต้น ๒. กก.วล มีมติรับทราบและเห็นชอบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ สถานการณ์มลพิษของไทย ปี ๒๕๖๑ การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ไฮบริด ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ ฉบับ การยกเลิกมติ กก.วล. ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และการยกเลิกวิธีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11627 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานบริหาร และพัฒนาองค์ความรู้ | สบร | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้แทนผู้ที่ลาออก และแต่งตั้งเพิ่มเติม รวม ๓ คน และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทนหรือผู้ซึ่งแต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ประธานกรรมการ ๒. นางฐะปาณีย์ อาจารวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายพิชัย สนแจ้ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11628 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ | สศส03 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวรรณชัย บุญบำรุง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11629 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล) | นร04 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11630 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน | กต | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Hong Kong Special Administrative Region of the People’s Republic of China on Strengthening Economic Relations) มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกงใน ๖ ด้าน ได้แก่ (๑) การจัดทำความตกลงการค้าเสรีและการปรับปรุงความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างไทยกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (๒) ความร่วมมือด้านการลงทุนและการโยกย้ายฐานการผลิต (๓) ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (๔) ความร่วมมือด้านการเงิน (๕) ความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีสมัยใหม่และวิสาหกิจเริ่มต้น (Start-up) และ (๖) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ กับผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11631 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 | กค | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติมาตรการ/โครงการ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๖๒ และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้ ๑.๑ โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๑.๑ เห็นชอบในหลักการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน ภายในกรอบวงเงิน ๑๔,๔๙๑.๔ ล้านบาท โดยให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติพิจารณาใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยพิจารณาจากโครงการที่ได้เคยมีมติอนุมัติไว้ ซึ่งได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และ/หรือโครงการที่มีผลการปฏิบัติงานล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจัดทำรายละเอียดให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๑.๒ เห็นชอบโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับวงเงินชดเชยดอกเบี้ย ภายในกรอบวงเงิน ๗๐๗.๗ ล้านบาท ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้สินเชื่อในแต่ละกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ รวมทั้งรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ความสำคัญในเรื่องของความพร้อมของโครงการ ความชัดเจนของกลุ่มเป้าหมาย การติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการที่ผ่านมา การสร้างความรับรู้ ความเข้าใจของทุกภาคส่วนต่อการดำเนินโครงการ เพื่อลดความเสี่ยงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น และความซ้ำซ้อนของการดำเนินการในแต่ละโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๑.๑.๓ รับทราบโครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาแนวทางการประเมินและบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดแรงจูงใจในการผิดนัดชำระหนี้และปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรมุ่งสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนอย่างแท้จริง โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ประชาชนในพื้นที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีเงินสะสมคงเหลือที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพของคนในชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนมาตรการลดภาระหนี้ผู้ประกอบการ SMEs ไปเพื่อพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาสนับสนุนให้สถาบันการเงินเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ระยะที่ลูกหนี้ยังอยู่ในวิสัยที่จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ที่แท้จริงของลูกหนี้แต่ละราย เพื่อเป็นกันชนรองรับแรงกดดันความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ และสามารถปรับตัวเพื่อฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างทันท่วงที ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๑.๓ รับทราบหลักการของมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งประกอบด้วย (๑) การอนุมัติของบประมาณเพิ่มเติมตามโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ และ (๒) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดของโครงการให้ชัดเจน เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าวควรมีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรที่เพิ่มขี้นจากประมาณการเดิม นั้น ควรได้มีการตรวจสอบในเรื่องการลงทะเบียน จำนวนเกษตรกร จำนวนครัวเรือน จำนวนผลผลิตต่อไร่ ให้ทันต่อสถานการณ์อย่างถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนมีการประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน และกำหนดนโยบายที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๑.๔ เห็นชอบมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรม รวมทั้งจัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขโครงการที่กระทรวงการคลังกำหนด และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรม และจัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วน ตามเงื่อนไขโครงการที่กระทรวงการคลังกำหนด และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป โดยให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และโอกาสในการลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) ของประชาชนทั่วไปที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเป็นสำคัญ การกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการในการป้องกันการซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ตลอดจนการรายงานและประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ ในภาพรวม โดยเห็นว่ารัฐบาลควรส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแรงจูงใจ (incentive structure) ในระบบเศรษฐกิจให้เหมาะสม เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจในระยะยาว และเตรียมพร้อมรับมือกับบริบทเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ โดยไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11632 | พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน (วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 และวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562) | นร | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งให้เสนอพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๘ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11633 | การเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ | นร05 | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เป็นเจ้าของแผนงาน/โครงการถือปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกำหนดให้ในขั้นการริเริ่มแผนงาน/โครงการ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเจ้าของแผนงาน/โครงการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า ตลอดจนตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการนั้น ๆ อย่างละเอียดรอบคอบ ให้ถูกต้อง ครบถ้วนในทุกมิติก่อน เช่น ความพร้อมทางกายภาพของที่ตั้งโครงการ สภาพภูมิศาสตร์ กรรมสิทธิ์ครอบครอง โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แบบรูปรายการที่เหมาะสม สำหรับในขั้นการดำเนินการ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดังกล่าวกำกับติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการในทุกขั้นตอนให้แล้วเสร็จ เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ หรือคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ อนุมัติ อนุญาตตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ หรือมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น ด้านความเหมาะสมของแผนงาน/โครงการ ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านงบประมาณและการลงทุน เร่งรัดการพิจารณาดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ เพื่อมิให้เกิดปัญหาอุปสรรค และความล่าช้าแก่แผนงาน/โครงการนั้น ๆ ๓. ให้สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (PMDU) ติดตามและเร่งรัดการดำเนินแผนงาน/โครงการสำคัญของรัฐบาล รวมทั้งเสนอแนะแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรค หรือผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานและขับเคลื่อนเรื่องสำคัญต่าง ๆ ดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11634 | การเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีโคราชสมัครเข้ารับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) โดยส่งใบสมัครในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๑.๒ มอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรงการท่องเที่ยงและกีฬา กระทรวงมหาดไทยเสนอ และกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณากำหนดแผนงานรองรับการบริหารจัดการพื้นที่ การดูแลบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อคงความเป็นอุทยานธรณีโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ในอนาคตหากมีดครงการพัฒนาพื้นที่อุทยานธรณีโคราช ซึ่งมีผลกระทบต่อโบราณสถาน ขอให้แจ้งไปยังกระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง และ (๒) ให้จังหวัดนครราชสีมาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11635 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม | อว | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น การร่วมวิจัยและพัฒนา การแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยในการเข้าร่วมการดำเนินโครงการร่วมกัน และการร่วมจัดประชุม ฝึกอบรม สัมมนา การจัดพิมพ์ และแสดงนิทรรศการของโครงการร่วม เป็นต้น โดยจะมีการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเป็นระยะ เพื่อขยายผลไปสู่ความร่วมมือในมิติอื่น ๆ ในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11636 | ร่างอนุสัญญาโลกว่าด้วยการรับรองคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา (Global Convention on the Recognition of Qualifications concerning Higher Education) | อว | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างอนุสัญญาโลกว่าด้วยการรับรองคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา (Global Convention on the Recognition of Qualifications concerning Higher Education) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระหว่างประเทศและระหว่างภูมิภาคด้วยการเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนและเคลื่อนย้ายนักศึกษาและบุคลากรทั่วโลกในการเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมในการรับรองคุณวุฒิการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพื่อนำไปใช้ในการศึกษาต่อหรือเพื่อการมีงานทำ รวมทั้งสนับสนุนโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่ทุกคน ซึ่งรวมถึงผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นด้วย ๑.๒ อนุมัติให้คณะผู้แทนไทยที่จะเข้าร่วมการประชุมเต็มคณะของการประชุมสมัยสามัญขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ครั้งที่ ๔๐ [40th Session of The United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization’s (UNESCO) General Conference] ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒-๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ให้ความเห็นชอบต่อร่างอนุสัญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างอนุสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11637 | ขอความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล ค.ศ. 1989 | คค | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล ค.ศ. ๑๙๘๙ โดยขอตั้งข้อสงวนตามข้อ ๓๐ (เอ) ในเรื่องขอบเขตการใช้บังคับให้อนุสัญญาฯ ไม่ใช้บังคับบริเวณน่านน้ำภายในของประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๕ (๑) ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยื่นตราสารการภาคยานุวัติ (Instrument of Accession) อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล ค.ศ. ๑๙๘๙ ต่อเลขาธิการองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ตามข้อ ๒๘ ของอนุสัญญาฯ ต่อไป หลังจากที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีตามข้อ ๑ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11638 | ขอสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ทหารผ่านศึก | กห | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอปรับเพิ่มสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้ที่ได้สิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าอยู่เดิม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น ๒๗,๓๐๗ ราย จากเดิม ครอบครัวละ ๔๕ หน่วยต่อเดือน เป็น ครอบครัวละ ๕๐ หน่วยต่อเดือน และให้กระทรวงกลาโหมกำกับดูแลองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในการดำเนินการดังกล่าวด้วยความรอบคอบ ถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. สำหรับการขอสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ ๒ หรือเหรียญราชการชายแดน หรือเหรียญอื่นที่เทียบเท่า ที่มีคุณสมบัติเป็นทหารผ่านศึก และได้รับบัตรประจำตัวทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ ๓ จำนวน ๑๐๒,๐๐๐ ราย นั้น ให้กระทรวงกลาโหม โดยองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกพิจารณาการจัดลำดับหรือกลุ่มผู้ถือบัตรตามฐานรายได้ที่ได้รับในการให้สิทธิพิเศษดังกล่าว เช่น กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี การพิจารณาแหล่งเงินขององค์การทหารผ่านศึกที่สามารถนำมาใช้จ่ายได้ และงบประมาณที่ได้รับอุดหนุนจากรัฐบาลในภาพรวม ความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันของหน่วยงาน เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณมากจนเกินไป ตามนัยมาตรา ๑๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11639 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีกรณีการชดเชยส่วนต่างจากการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | กค | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ ที่ต้องการให้รัฐบาลชดเชยส่วนต่างที่เกิดจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ปาล์มน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงกับรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า โดยไม่ส่งผลกระทบต่อภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน และเพื่อไม่ให้เป็นภาระสะสมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยให้กระทรวงพลังงานเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงกับรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้า กรอบวงเงิน ๒,๐๒๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท แทนการปรับลดเงินรายได้นำส่งเข้ารัฐ หรือการบันทึกบัญชีเป็นรายจ่ายเพื่อสังคม (PSA) โดยไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถส่งผ่านไปยังค่าไฟผันแปร (Ft) ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้เดิม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงพลังงานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามผลการดำเนินการตามมาตรการปรับสมดุลปาล์มในประเทศ เพื่อเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เพิ่มเติมในส่วนที่อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน) ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชดเชยส่วนต่างดังกล่าวให้กระทรวงพาณิชย์ กรอบวงเงิน ๕๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เบิกจ่ายงบประมาณให้กับ กฟผ. แล้ว จำนวน ๘๘,๐๘๙,๙๕๓.๔๕ บาท โดยแก้ไขเป็นให้กระทรวงพลังงานเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในส่วนที่เหลือ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณตรงตามภารกิจของหน่วยงานและสอดคล้องกับข้อเสนอของกระทรวงการคลังในครั้งนี้ ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะต้องคำนึงถึงความครอบคลุมงบประมาณ ศักยภาพ และความสามารถในการบริหารจัดการของ กฟผ. ด้วย เพื่อมิให้เป็นภาระต่อภาพรวมของงบประมาณภาครัฐ โดยการดำเนินการภายใต้มาตรการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายให้ถูกต้องครบถ้วน มีความโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด ไม่ซ้ำซ้อน โดยพิจารณาความเป็นธรรมในสังคม และความรับผิดชอบของหน่วยงานภาครัฐต่อประโยชน์ส่วนรวมที่จะเกิดขึ้น รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันพิจารณาและกำหนดปริมาณการเพาะปลูกปาล์มน้ำมันให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ในประเทศและปริมาณการส่งออก รวมทั้งควรสนับสนุนให้เกิดการใช้ปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นนอกจากการนำไปใช้ในการผลิตไบโอดีเซล โดยส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อนำปาล์มน้ำมันไปใช้ประโยชน์และเพิ่มมูลค่ามากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการปรับสมดุลปาล์มในประเทศในระยะต่อไป ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำประมาณการค่าใช้จ่าย แหล่งเงิน และประโยชนที่จะได้รับจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงความเหมาะสม สอดคล้องกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ) วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒) และวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ [เรื่อง สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ (แก้ไขเพิ่มเติม)] มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้ประเมินผลการดำเนินมาตรการในช่วงที่ผ่านมา โดยเปรียบเทียบความคุ้มค่าของภาระงบประมาณที่ภาครัฐจะต้องสูญเสียกับประโยชน์ที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มจะได้รับเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศเป็นไปด้วยความรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11640 | ขออนุมัติให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้กรมการขนส่งทางบกใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อดำเนินโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย | กษ | 19/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้กรมการขนส่งทางบกใช้ประโยชนที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อดำเนินโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยใช้ที่ดินถาวร ไม่มีกำหนดระยะเวลา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการฯ ไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวยังมีสถานะเป็นป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินของโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ ผลกระทบต่อต้นทุนที่ใช้ในการคำนวณความคุ้มค่าของโครงการฯ และผลวิเคราะห์ผลตอบแทนด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปแบบและแผนงานดำเนินโครงการฯ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และประธานกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เช่น ควรเร่งรัดการพิจารณาเกี่ยวกับค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดินและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปตามแผนงาน และเพื่อให้กรมการขนส่งทางบกสามารถจัดเตรียมแผนบริหารงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
.....