ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 218 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 4341 - 4360 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4341 | อุทยานธรณีโคราชได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบอุทยานธรณีโคราชได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
(UNESCO Global Geoparks) ซึ่งยูเนสโกได้มีการตรวจประเมินคุณค่าทางวิชาการด้านธรณีวิทยา
รวมทั้งตรวจประเมินภาคสนาม พบว่า อุทยานธรณีโคราชมีความสำคัญโดดเด่นระดับโลก
และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4342 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 9/2566 | นร.11 สศช | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติมพ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๖ โดยอนุมัติให้จังหวัด
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งปรับปรุงรายละเอียดของโครงการในระบบ
eMENSCR ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และอยู่ระหว่างดำเนินการให้เร่งรัดการดำเนินงานและต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
โดยในกรณีที่หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ พ.ศ. ๒๕๖๔ พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ
ให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินโครงการเร่งเสนอเรื่องขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนข้อ
๑๘ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯเพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ เร่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายตามข้อ ๒๒
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ พร้อมทั้งจัดทำรายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามหลักเกณฑ์
วิธีการ
และแนวทางในการประเมินผลผลิตและผลลัพธ์ของโครงการตามที่กระทรวงการคลังกำหนดต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และข้อ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
เพื่อส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายที่มีบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน ๓ เดือน
นับจากวันสิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖ และในกรณีที่หน่วยงานพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถดำเนินการ
แผนงาน/โครงการได้ตามเป้าหมาย ให้เร่งดำเนินการขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการตามขั้นตอนข้อ
๑๘ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4343 | การแต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ดำรงตำแหน่งผู้แทนถาวรประจำองค์การความร่วมมืออิสลาม และดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสำนักเลขาธิการคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ | กต. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด
ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ดำรงตำแหน่งผู้แทนถาวไทย (Permanent Representative : PR) ประจำองค์การความร่วมมืออิสลาม
(The Organisation of Islamic Cooperation : OIC) และดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสำนักเลขาธิการคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ
(Gulf Cooperation Council : GCC) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
และควรสื่อสารถึงผลลัพธ์และประโยชน์จากการดำเนินงานดังกล่าวให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4344 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... | นร.10 | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนร่างกฎ
ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๕
โดยตัดความ “ข้อ ๔.๑โรคทางกาย” และ “ข้อ ๔.๒ โรคจิต (Psychosis) หรือโรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood
Disorders) ที่ปรกฎอาการเด่นชัดรุนแรงหรือเรื้อรัง
และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่” ของร่างกฎ ก.พ. ออก ๒. อนุมัติร่างกฎ ก.พ.
ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดโรคที่เป็นลักษณะต้องห้ามมาตรา ๓๖ ข.
(๒) ของร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... ประกอบด้วย “(๑)
โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฎอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม (๒) โรคติดยาเสพติดให้โทษ
(๓) โรคพิษสุราเรื้อรัง (๔)
โรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคเรื้อรังที่ปรากฎอาการเด่นชัดหรือรุนแรงและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่”
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.
รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่เห็นว่าการไม่กำหนดให้โรคจิต
หรือโรคอารมณ์ผิดปกติที่ปรากฏอาการเด่นชัดรุนแรงหรือเรื้องรัง
และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่
เป็นลักษณะต้องห้ามในการเข้ารับราชการเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อบุคคลบางประเภทตามข้อเรียกร้องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แต่ให้ความในร่างข้อ ๔ (๔) “โรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคเรื้อรังที่ปรากฏอาการเด่นชัดหรือรุนแรงและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่”
ให้รวมถึงโรคทางกายและโรคจิต หรือโรคอารมณ์ผิดปกติ
ที่ปรากฏอาการเด่นชัดรุนแรงหรือเรื้อรัง
และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วย โดยจะใช้ผลการตรวจโรคบุคคลดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการแพทย์ของ
ก.พ. กำหนด
ซึ่งกรณีดังกล่าวจะทำให้บุคคลดังกล่าวมีลักษณะต้องห้ามในการเข้ารับราชการ
เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังที่ปรากฏอาการเด่นชัดหรือรุนแรง
และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานหน้าที่ ตาม (๔) ของข้อ ๔ ของร่างกฎ ก.พ.
ว่าด้วยโรค พ.ศ. .... ดังนั้น สำนักงาน ก.พ.
จึงควรสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามในการเข้ารับราชการตามเจตนารมณ์ของร่างกฎ
ก.พ. นี้ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4345 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความตกลง CPTPP ต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการเกษตร ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความตกลง CPTPP ต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการเกษตร
ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ ดังนี้ ๑) ด้านโยบาย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการดำเนินการ เช่น การเตรียมการเร่งรัดและสนับสนุนงานวิจัยพื้นฐาน
พัฒนา การผลิต และการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และเตรียมการจัดตั้งงบประมาณในปี ๒๕๖๗
เพื่อเร่งรัดการสร้างความเข้าใจบุคลากรและชาวนา
และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยได้มีการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มที่ประเทศไทยสามารถมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมมูลค่าเพิ่มที่เป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มประเทศ
CPTPP ๒) ด้านการเตรียมความพร้อมเพื่อการเจรจา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานภายในเพื่อจัดทำข้อสงวน
ข้อยืดหยุ่นและ/หรือระยะเวลาปรับตัวของไทยในการรับพันธกรณีความตกลง CPTPP ๓) ด้านการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบการผลิตและการค้าสินค้าเกษตร
ได้มีการเร่งรัดดำเนินการในหลายประเด็น เช่น จัดการระบบการผลิต
ส่งเสริมการจัดทำโซนนิ่งพืชปรับเปลี่ยนที่นาในภาคกลางเป็นพื้นที่ปลูกพืชอาหารสัตว์โดยเบื้องต้นใช้พันธุ์ข้าว
กข๘๕ และ กข๘๗ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า
๔) ด้านการปรับปรุงทางกฎหมาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการจัดทำร่างพระราชบัญญัติความหลากหลายทางชีวภาพ
พ.ศ.... เพื่อให้เกิดกลไกการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน
และ ๕) ด้านการลงทุนที่ภาครัฐควรเร่งรัดให้การสนับสนุน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำแผนเตรียมการเข้าสู่
CPTPP ในด้านการเพิ่มศักยภาพด้านวิจัยและพัฒนา
การสร้างธนาคารพันธุกรรม การผลิต การกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๕
และได้ดำเนินการจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นตามกรอบข้อเสนอ ข้อสงวน ข้อยืดหยุ่น ระยะเวลาปรับตัวของไทยในการรับพันธกรณี
CPTPP ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(ประเด็นด้านพันธุ์พืช)
รวมทั้งได้เผยแพร่เพื่อรับฟังความเห็นบนเว็บไซต์ของกรมวิชาการเกษตรแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4346 | ผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ | พน. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ
รอบ ๓ เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ๒๕๖๕ และเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ๒๕๖๕
และเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามมาตรการลดการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องตามแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่
๒๒ มีนาคม๒๕๖๕ (เรื่อง มาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ)
โดยกำหนดเป้าหมายให้หน่วยงานภาครัฐลดการใช้พลังงานลงร้อยละ ๒๐
พร้อมทั้งให้รายงานผลการดำเนินงานฯ ในเว็บไซต์ www.e-reportenergy.go.th เป็นประจำทุกเดือน แล้วให้กระทรวงพลังงาน
โดยสำนักงานนโยบายและพลังงานทำหน้าที่กำกับดูแลและรวบรวมข้อมูลการใช้พลังง่านของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมเสนอนายกรัฐมนตรี
โดยปรับรอบการรายงานผลการดำเนินงานฯ จากเดิม รายงานเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นรายไตรมาส
เป็นรายงานเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นประจำทุก ๖ เดือน (เดือนตุลาคม-มีนาคมและเดือนเมษายน-กันยายนของทุกปี)
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน
ก.พ.ร. โดยให้กระทรวงพลังงานเร่งประสานสำนักงบประมาณในการพิจารณาแนวทางที่จะสนับสนุนให้หน่วยงานต่าง
ๆ
สามารถจัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะช่วยให้เกิดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติต่อไป
และเร่งรัดให้ที่ทำการปกครองอำเภอ สถาบันอุดมศึกษา และรัฐวิสาหกิจ ที่มีผลการดำเนินการไม่ถึงร้อยละ
๕๐ ของหน่วยงานทั้งหมดในแต่ละกลุ่มรายงานผลให้ครบถ้วน
โดยประสานความร่วมมือกับกรมการปกครอง สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานทั้ง ๓ กลุ่มดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4347 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ศ.
๒๕๔๙ โดยกำหนดให้เด็กที่ใช้พืชกระท่อม กัญชา กัญชง
หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพืชกระท่อม กัญชา และกัญชงในลักษณะสารเสพติด
เป็นเด็กที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการกระทำผิด
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรมีการกำหนดให้ครอบคลุมว่า
การใช้ในรูปแบบใดจึงจะเป็นการใช้ในลักษณะสารเสพติด
เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4348 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่ - ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่ - ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2555) | มท. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่-ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่-ไร่เก่า
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
(สีเขียว) บางส่วน เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า (สีม่วง)
โดยให้มีระยะถอยร่นตามแนวขนานเขตทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ (ถนนเพชรเกษม) ๑๐๐ เมตร
รวมทั้งแก้ไขข้อกำหนดและบัญชีท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่-ไร่เก่า
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว)
บริเวณหมายเลข ๔.๒๖ ในโรงงานลำดับที่ ๖๔ (๑) (๑๒) (๑๓) ให้สามารถดำเนินการได้ในโรงงานจำพวกที่
๓ ตลอดจนปรับปรุงรายการประกอบแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่ได้จำแนกประเภทท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่-ไร่เก่า
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐในปัจจุบันที่สนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกษตร (Agritech) และเทคโนโลยีอาหาร (Food Tech) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4349 | กำหนดวันและเวลาประชุม และวันเริ่มสมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง | สผ. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่
๑ ครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖
ที่ประชุมมีมติกำหนดให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สัปดาห์ละ ๒ วัน คือ
ทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี และมีมติกำหนดเวลาประชุมสภาผู้แทนราษฎร
โดยให้เริ่มประชุมตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา เป็นต้นไป และกำหนดให้วันที่ ๑๒
ธันวาคม เป็นวันสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ ๒ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4350 | รายงานสถานะการดำเนินงานตามมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 และขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว | สกมช. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกไปอีก ๑ ปี
นับตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เพื่อให้การจัดทำกฎหมายลำดับรองมีประสิทธิภาพ
ถูกต้อง ครบถ้วน และสอดคล้องตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนด
และสอดคล้องกับระยะเวลาที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4351 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 10/2566 | นร.11 สศช | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
(คกง.) ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ โดย คกง.
มีมติเกี่ยวข้องกับการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๖ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒ จังหวัด รวม ๒ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๒๒.๘๘๕๐
ล้านบาท ได้แก่ ยกเลิกการดำเนินโครงการ จำนวน ๑ จังหวัด (จังหวัดน่าน) จำนวน ๑
โครงการ และขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ จำนวน ๑
จังหวัด (จังหวัดตรัง) จำนวน ๑ โครงการ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการ คกง. เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงมหาดไทยควรกำกับติดตามหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4352 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (Numbers 3 : N3) พ.ศ. .... ร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก (Lottery 6 : L6) และร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (Numbers 3 : N3) รวม 3 ฉบับ | กค. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก
(Numbers ๓ : N๓)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการจัดสรรเงินจากการจำหน่ายสลากฯ N๓ เพื่อเป็นเงินสมทบเงินรางวัลในงวดถัดไปแต่ไม่เกินหนึ่งงวด
และหากการออกรางวัลงวดถัดไปไม่มีผู้ถูกรางวัลอีกให้นำเงินสมทบรางวัลในงวดก่อนหน้านำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก
(Lottery ๖
: L๖) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากฯ
L๖ เช่น เป็นสลากฯ ประเภทไม่สมทบเงินรางวัล (งวดใดไม่มีผู้ถูกรางวัล
ให้นำเงินรางวัลส่งเป็นรายได้แผ่นดิน) ประกอบด้วยตัวเลข ๖ หลัก ตั้งแต่
๐๐๐๐๐๐-๙๙๙๙๙๙ (กำหนดหมายเลขไว้ล่วงหน้า)
และมีวิธีการจำหน่ายทั้งรูปแบบใบและรูปแบบดิจิทัล และร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (Numbers ๓ : N๓) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากฯ N๓
เช่น เป็นสลากฯ ประเภทสมทบเงินรางวัล (สมทบได้ไม่เกิน ๑ งวด
หากไม่มีผู้ถูกรางวัลอีกให้นำเงินสมทบเงินรางวัลในงวดก่อนหน้าส่งเป็นรายได้แผ่นดิน)
ประกอบด้วยตัวเลข ๓ หลักตั้งแต่ ๐๐๐-๙๙๙ (ไม่กำหนดหมายเลขไว้ในระบบล่วงหน้า
ผู้ซื้อสามารถเลือกตัวเลขได้ตามต้องการ) และมีวิธีการจำหน่ายเป็นแบบดิจิทัล
ทั้งนี้ สลากฯ L6 และสลากฯ N๓
จะมีการออกรางวัลทุกวันที่ ๑ และวันที่ ๑๖ ของเดือน หรือตามวันที่สำนักงานสลากฯ
กำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการจัดสรรเงินได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลักในแต่ละงวดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานไม่เกินร้อยละ
๑๗ นั้น
ควรมีการปรับลดอัตราการจัดสรรเพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับการจำหน่ายซึ่งเป็นรูปแบบดิจิทัลแล้ว
โดยอาจนำไปเพิ่มในส่วนของการจัดสรรเงินได้ที่ได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไปจัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการดำเนินการช่วยเหลืองานภาคประชาสังคมและชุมชนที่เข้มแข็งต่อไป
และควรระมัดระวังรูปแบบทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์
ซึ่งไม่ควรเป็นการสร้างแรงจูงใจในการซื้อสลากโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4353 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ยธ. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ในอัตราไม่เกิน ๑๓,๑๑๖ อัตรา โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไม่เกินร้อยละ
๒.๕ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๖๘,๒๐๘ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๙๒๐๕ อัตรา ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไม่เกินร้อยละ ๑.๕
ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๒๖๐,๗๑๙ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๙๑๑ อัตรา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนปรับลดการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประเภทเกื้อกูลให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเท่าที่จำเป็น
รวมทั้งให้พิจารณาคัดเลือกและจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการพิจารณาบำเหน็จความชอบดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรงก่อนเป็นลำดับแรก |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4354 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ
ทุกประเภทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
ซึ่งออกตามความในมาตรา ๕ และตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองการบินภายในเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก
ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เรื่อง
กำหนดเขตส่งเสริม : เมืองการบินภาคตะวันออก ลงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้เปิดทำการได้ ๒๔ ชั่วโมง เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมสันทนาการที่จำเป็นและเหมาะสมในพื้นที่ดังกล่าวให้มีศักยภาพสามารถรองรับนักธุรกิจ
ผู้เดินทาง นักท่องเที่ยว และผู้ใช้บริการสนามบิน ประกอบกับมาตรา ๑๗
แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. ๒๕๐๙
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖
ที่บัญญัติให้การกำหนดวันเวลาเปิดปิดสถานบริการให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการประเมินความคุ้มค่าในด้านมิติสังคมประกอบเพิ่มเติม
เช่น ความปลอดภัยในการขนส่ง ความปลอดภัยทางทรัพย์สิน มลพิษทางเสียงและขยะ เป็นต้น ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดบริการตลอด
๒๔ ชั่วโมง ของสถานบริการบางประเภท
และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมของสถานบริการในพื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออกอย่างเคร่งครัดเหมาะสมตามหลักสากล
และมีการควบคุมด้านกายภาพที่เป็นรูปธรรม
รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีตามมาตรฐานสากลของสนามบินระดับโลก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4355 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ พ.ศ. .... | นร.11 สศช | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
(Strategic Environmental Assessment : SEA) ตามประเภทของแผน เช่น คมนาคม พลังงาน และอุตสาหกรรม โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างสมดุล และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาประเทศตามประเภทของแผนที่กำหนด ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เห็นว่าการวางและจัดทำผังเมืองเป็นการดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติการผังเมือง
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีกระบวนการจัดการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนที่เกี่ยวข้อง
และมีขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการผังเมืองที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. .... อยู่แล้ว ดังนั้น การกำหนดให้การวางแผนและจัดทำผังเมืองต้องได้รับการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบฉบับนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาอุปสรรคและความล่าช้าในการขับเคลื่อนการวางผังเมือง
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาชุมชน เมือง จังหวัด รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมได้
ควรเพิ่มประเภทแผนที่ต้องจัดทำ SEA และควรระบุนิยามแต่ละประเภทของแผนที่เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ควรพิจารณาความสัมพันธ์ของแผนที่เชื่อมโยงกับประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพที่อาจส่งผลได้ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เห็นว่าการวางและจัดทำผังเมืองเป็นการดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติการผังเมือง
พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยมีกระบวนการจัดการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนที่เกี่ยวข้อง
และมีขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการผังเมืองที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. .... อยู่แล้ว ดังนั้น การกำหนดให้การวางแผนและจัดทำผังเมืองต้องได้รับการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ตามร่างระเบียบฉบับนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาอุปสรรคและความล่าช้าในการขับเคลื่อนการวางผังเมือง
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาชุมชน เมือง จังหวัด
รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมได้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด
ควรให้ความสำคัญในการกำหนดแนวทางการประเมินที่ชัดเจนครอบคลุมมิติด้านเศรษฐกิจ
สังคม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสอดคล้องกับบริบทภารกิจระดับโลก ระดับประเทศ และระดับพื้นที่
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดทำประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สำหรับโครงการหน่วยงานของรัฐที่ต้องดำเนินการจัดทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในส่วนที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพด้วย
เพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ
ของหน่วยงานของรัฐเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่เกิดความล่าช้า ๓. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน ที่เห็นว่าสำนักงบประมาณต้องมีการจัดงบประมาณเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่จะต้องดำเนินการ
SEA
สามารถดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4356 | การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดินและร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) โอนทรัพย์สินของโครงการ LNG Receiving Terminal (แห่งที่ 2) (LMPT2) บ้านหนองแฟบ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ให้แก่บริษัทร่วมทุนใหม่ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด | พน. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ
ตามประมวลกฎหมายที่ดินที่เกิดจากการก่อสร้าง การจัดตั้งบริษัทฯ
และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องจากการร่วมทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ในบริษัทอันเนื่องมาจากโครงการ LNG Receiving Terminal
(แห่งที่ ๒) บ้านหนองแฟบ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จากร้อยละ ๒
เหลือร้อยละ ๐.๐๑ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4357 | การตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้บุคคลใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | นร.09 | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการตรวจพิจารณาและข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา
(คณะพิเศษ)
เกี่ยวกับการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้บุคคลใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา ๙
และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ รวม ๔ ฉบับ
ได้แก่ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ
และบริการสาธารณสุขอื่นที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต พ.ศ. ....
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผู้มีสิทธิเบิกจ่ายเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของกรุงเทพมหานครใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และบริการสาธารณสุขอื่น
ที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต พ.ศ. ....
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พนักงานเมืองพัทยาใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ
และบริการสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต พ.ศ. ....
และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผู้ประกันตนใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และบริการสาธารณสุขอื่น ที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต
พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4358 | แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธวัชชัย จันทร์ไพศาลสิน) | นร 05 | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
ราย นายธวัชชัย จันทร์ไพศาลสิน ซึ่งได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4359 | แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | นร.05 | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เรื่อง
การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
สังกัดกระทรวงการคลัง จำนวน ๓ ราย ซึ่งได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๐
กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.
นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ ๒.
นายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์ ๓.
นางนัทีวรรณ สีมาเงิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4360 | รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2565 สรุป ณ สิ้นสุดไตรมาส 4 | นร.53 | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี ๒๕๖๕
สรุป ณ สิ้นสุดไตรมาส ๔ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
สถานการณ์ MSME ปี ๒๕๖๕ GDP
ของ MSME ปี ๒๕๖๕ มีมูลค่า ๑,๖๐๔,๔๘๗ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๒.๗ ด้านการส่งออก มีมูลค่า ๓๐,๕๐๘.๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๖.๐
ด้านการนำเข้า มีมูลค่า ๓๔,๘๕๗.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ลดลงร้อยละ ๑.๙ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ MSME
อยู่ที่ ๕๕.๗ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ ๕๓.๘
และสถานการณ์ด้านการจ้างงานของ MSME มีจำนวนสถานประกอบการ MSME ในระบบประกันสังคม ๔๑๕,๐๐๖ แห่ง และมีการจ้างงาน
รวม ๔,๐๗๔,๒๔๐ คน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๒๔
และ (๒) สถานการณ์ MSME เดือนมกราคม ๒๕๖๖ เช่น ด้านการส่งออก
มีมูลค่า ๒,๓๙๕.๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขยายตัวร้อยละ ๒๒.๑ ด้านการนำเข้า มีมูลค่า ๓,๑๙๖.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขยายตัวร้อยละ ๑๓.๖
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ MSME อยู่ที่ ๕๓.๙
โดยปรับตัวลดลงในเกือบทุกองค์ประกอบและลดลงในภูมิภาคและสถานการณ์ด้านการจ้างงานของ
MSME มีจำนวนสถานประกอบการ MSME
ระบบประกันสังคม ๔๑๑,๖๗๐ แห่ง และมีการจ้างงานรวม ๔,๕๔๒,๓๓๐ คน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕.๑๕ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|