ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1910 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38181 - 38200 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38181 | ขออนุมัติกู้เงินในประเทศเพื่อชดเชยรายได้ค่าไฟฟ้าจากการดำเนินการตาม 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน | มท | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กู้เงินในประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 382.22 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระในการชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ย และค่า ธรรมเนียมในการกู้เงินเพื่อชดเชยรายได้ค่าไฟฟ้าจากการดำเนินการตาม 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคน ไทยทุกคน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติและคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีกระบวนการตรวจสอบ ข้อมูลการชดเชยรายได้ให้ถูกต้องตรงกัน และในการดำเนินการกู้เงินดังกล่าวให้ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการ บริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
38182 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบใช้งานทั่วไป | กห | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงกลาโหม โดยกองบัญชาการกองทัพไทย ดำเนินโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง แบบใช้งานทั่วไป จำนวน 2 ลำ ในวงเงิน 29,050,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 993,266,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 แผนงานเสริมสร้างระบบป้องกันประเทศ โครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบใช้งานทั่วไป (บส.197) จำนวน 200,000,000 บาท ซึ่งได้รับจัดสรรงบ ประมาณรายจ่ายแล้ว สำหรับงบประมาณส่วนที่เหลือ จำนวน 793,266,000 บาท นั้น สำนักงบประมาณได้เสนอตั้ง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 รองรับไว้แล้ว จำนวน 200,000,000 บาท และให้กองบัญชา การกองทัพไทยเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 อีก จำนวน 593,266,000 บาท เพื่อให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ เห็นว่า ในการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหมในระยะต่อไป ควรพิจารณาการเจรจาจัดซื้อโดยมีเงื่อนไข การชำระเงินระยะยาวเพื่อลดภาระด้านการคลังต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
38183 | โครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปี 2552 | รง | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการโครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพ แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปี 2552 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการมีอาชีพแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ และ กลุ่มแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2552 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ว่างงาน ผู้ประสบความเดือดร้อนด้านอาชีพจากวิกฤตเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ ในหมู่บ้าน/ชุมชน จำนวน 72,000 คน พื้นที่ดำเนินการ 75 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร กิจกรรมหลัก ได้แก่ การ จ้างงานเร่งด่วน การฝึกอาชีพและพัฒนาทักษะฝีมือ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้กระทรวงแรงงานเชื่อมโยง กิจกรรมด้านการฝึกอาชีพและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเข้ากับโครงการเพิ่มศักย ภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน (โครงการต้นกล้าอาชีพ) ตามความเห็นของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาด ไทยที่ให้มีการดำเนินโครงการ ฯ ครอบคลุมในทุกจังหวัดอย่างเหมาะสม รวมถึงกำหนดมาตรการตรวจสอบคุณสมบัติ ของผู้เข้าร่วมโครงการอย่างรอบคอบ และควรระดมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสิน ใจเพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องเหมาะสมกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
38184 | ร่างประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน | นร | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ที่สำนักงาน ก.พ. ได้ปรับปรุงแก้ไขตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2552 (เรื่อง ร่างประมวลจริยธรรมและจรรยาข้าราชการพลเรือนและยุทธ ศาสตร์การส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในภาครัฐ) แล้ว ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยร่างประมวลจริยธรรม ฯ ที่ ปรับปรุงแก้ไขแล้วมีประเด็นดังนี้ 1.1 ตัดหมวด 4 จรรยาข้าราชการพลเรือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ออกจากร่างประมวลจริยธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติที่กำหนดในมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ในหมวดว่าด้วยจรรยาข้าราชการเป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการเพื่อให้สอดคล้อง กับลักษณะของงานตามหลักวิชาการและจรรยาวิชาชีพ 1.2 ปรับปรุงเกี่ยวกับกรณีฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน กำหนดให้ดำเนินการตามหมวด 6 วินัยและการรักษาวินัยแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 1.3 แยกเรื่องวินัยออกจากร่างประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือนเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในการบังคับใช้ และปัญหาในการตีความ 2. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและ สำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการบูรณาการหน่วยงานหรือกลไกที่มีวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกันให้เป็นองค์รวม เพื่อผลักดัน ประมวลจริยธรรมไปสู่ผลสัมฤทธิ์ที่ต้องการได้ในทางปฏิบัติ รวมทั้งจัดทำและประกาศขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อ ให้ส่วนราชการต่างๆ พิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมในบัญชีรายชื่อมาทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการจริยธรรม ของแต่ละหน่วยงาน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับการจัดตั้งกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรม เห็นควรให้ใช้ประโยชน์ จากหน่วยงานการเจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่ความรับผิดชอบครอบคลุมภารกิจงานการบริหารงานบุคคลอยู่แล้วตามความ เห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. |
||||||||||||||||||||||||
38185 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ โครงการกองทุนที่ดินและโครงการบริการเครื่องจักรกลเพื่อปรับโครงสร้างการผลิต | กษ | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามมติคณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 ที่เห็นชอบมาตรการจำหน่ายหนี้เงินกู้ของเกษตรกรโครงการกองทุนที่ดินที่ดำเนินงานไม่ประสบผลสำเร็จ ออกจากบัญชีกองทุนที่ดิน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547 จำนวน 1,397 ราย ต้นเงิน 596,791,341 บาท ดอกเบี้ย 200,760,595.51 บาท รวมเป็นเงิน 797,551,936.15 บาท โดยไม่ขอเงินชดเชยจากรัฐบาล และเห็นชอบมาตร การจำหน่ายหนี้เงินกู้ ดอกเบี้ยค้างชำระเพื่อเกษตรกรรม ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 เป็นหนี้สูญ จำนวน 773 ราย ต้นเงิน 8,720,480.30 บาท ดอกเบี้ยและค่าปรับ 2,625,701.50 บาท รวมเป็นเงิน 11,346,181.80 บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรมีมาตรการควบคุมและ กำกับดูแลการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมโดยเฉพาะการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตร กรที่เข้าร่วมโครงการ ฯ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็น ควรเพิ่มศักยภาพในการปฏิรูปที่ดินให้เกษตรกรสามารถมีแหล่งทำกินและประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน โดยการ กำกับดูแลหน่วยงานในระดับพื้นที่ให้มีการดำเนินการตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด การพิจารณาให้ ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นในทุกกระบวนการ การป้องกันการสูญเสียที่ดินทำกินของเกษตรกร โดย ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรที่สำคัญ การพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ รวมทั้งการ เพิ่มขีดความสามารถขององค์กรเกษตรกร ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
38186 | การก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 39 - 43 | ศธ | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 39-43 (จังหวัดนราธิ
วาส ปัตตานี ยะลา สตูล และสงขลา) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนัก งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ 1. ให้ สพฐ. เปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 10 รายการ ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 39-43 ดังกล่าว จากเดิม เป็นอาคารเรียนแบบ 216 ล/ 49 (หลังคาทรงไทย) จำนวน 5 หลัง (แห่งละ 1 หลัง) และอาคารหอนอน 49 จำนวน 10 หลัง (แห่งละ 2 หลัง) รวมทั้งสิ้น 15 หลัง วงเงินรวม 256,138,080 บาท แต่เนื่องจากกรณีนี้ยังขาดรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่าย จึงขอให้ สพฐ. ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป 2. กรณีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการและเพิ่มวงเงินงบประมาณ รายการสิ่งก่อสร้างประกอบ ที่มีราคาต่อหน่วยต่ำกว่า 10 ล้านบาท (รายการสิ่งก่อสร้างปีเดียว เช่น บ้านพักครู ห้องน้ำ ห้องส้วม โรงเรือน เลี้ยงไก่ เป็นต้น) ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 39-41 ในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และสงขลา จากวงเงิน 23,350,000 บาท เป็นวงเงิน 48,575,500 บาท พร้อมเพิ่มค่าระวังป้องกันแหล่งงาน แห่งละ 4,500,000 บาท รวม 3 แห่ง เป็นเงิน 13,500,000 บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 62,075,500 บาท เนื่องจากแต่ละรายการมีวงเงินต่อ หน่วยต่ำกว่า 10 ล้านบาท และมิใช่เป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ อยู่ในอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการที่ จะสามารถดำเนินการได้ ตามนัยข้อ 24, 25 และ 26 ของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงเห็นควรให้ สพฐ. พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 ไปดำเนินการก่อนในชั้นแรก หากไม่เพียงพอให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผน การใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ไปดำเนินการ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 มีผลใช้บังคับแล้ว 3. กรณีให้กองทัพบกเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 39-41 ในลักษณะ "เบิก จ่ายแทนกัน" เพื่อทำให้การก่อสร้างอาคารต่าง ๆ แล้วเสร็จได้ตามวัตถุประสงค์นั้น ให้ สพฐ. ดำเนินการขอทำ ความตกลงกับกระทรวงการคลังตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
38187 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี 2552 งบกลาง สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองเพิ่มเติม | ตช | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 65,010,800 บาท เพื่อเป็นค่า ใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2551-11 เมษา ยน 2552 เพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
38188 | แนวทางการดำเนินงานตามโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางเพื่อเพิ่มมูลค่าแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำตามมติคณะรัฐมนตรี | นร | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการนโยบายยาง ธรรมชาติเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้องค์การสวนยางกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในวงเงิน 5,000 ล้าน บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 จากวงเงิน 8,000 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการสนับ สนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางเพื่อเพิ่มมูลค่าแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำตามมติคณะรัฐมนตรีไว้แล้วเพื่อใช้เป็นเงิน ทุนหมุนเวียน รวมทั้งดอกผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยการซื้อยางจากสถาบัน เกษตรกรที่ไม่สามารถแปรรูปหริออัดก้อนหรือขายยางไปต่างประเทศโดยใช้ราคานำตลาดเป็นคราว ๆ เพื่อให้ราคา ยางสูงขึ้นตามเป้าหมายของคณะกรรมการนโยบายธรรมชาติ และมีเป้าหมายในการเก็บสต็อก ประมาณ 120,000 ตัน และให้จำหน่ายไปต่างประเทศ โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน 1.2 เหมาจ่ายค่าบริหารในการดำเนินการตามข้อ 1.1 ให้องค์การสวนยางในอัตราร้อยละ 3 ของวงเงิน ที่ใช้ซื้อยางจริง โดยให้เบิกจ่ายจากงบกลางของงบประมาณรายจ่ายประจำปี รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น 2. สำหรับการกู้เงินเพื่อนำไปดำเนินการตามโครงการดังกล่าว ให้องค์การสวนยางประสานงานกับสำนัก งานบริหารหนี้สาธารณะเพื่อบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ส่วนค่าบริหารในการดำเนินการ ให้องค์การ สวนยางประสานในรายละเอียดกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
38189 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดชัยชนะสงคราม ตำบลเชียงเงิน อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดชัยชนะสงคราม ตำบล
เชียงเงิน อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดชัย ชนะสงคราม ตำบลเชียงเงิน อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 1949 เนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 44 7/10 ตารางวา ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 สายกรุงเทพมหานคร-แม่สาย (เขตแดน) ตอน บ้านหนองบัวใต้-บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 104 ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38190 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน ตำบลปงน้อย อำเภอดอยหลวง ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง และตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | คค | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่
ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน ตำบลปงน้อย อำเภอดดอยหลวง ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง และตำบล แม่ข้าวต้ม ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณ ที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน ตำบลปงน้อย อำเภอดอยหลวง ตำบลดงมหาวัน อำเภอ เวียงเชียงรุ้ง และตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1098 กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1209 และทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 1 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38191 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ และตำบลหาดพันไกร ตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | คค | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่
ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ และตำบลหาดพันไกร ตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มี สาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ และตำบลหาด พันไกร ตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เพื่อขยายทางหลวงชนบท ชพ. 1007 ตามที่กระทรวงคมนา คมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38192 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเครื่องหมาย การใช้เครื่องหมาย และการแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสำหรับสินค้าเกษตร พ.ศ. .... | กษ | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเครื่องหมาย การใช้เครื่องหมาย
และการแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสำหรับสินค้าเกษตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของ เครื่องหมาย การใช้เครื่องหมาย และการแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสำหรับสินค้าเกษตร ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38193 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน พ.ศ. .... | กษ | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอ
รับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตร และสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่าง กฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานต่อสำนักงานมาตรฐาน สินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานที่ระบุไว้ในแบบที่ประกาศกำหนด 2. กำหนดให้ในการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ประเมินขีดความสามารถ และวิธีการในการตรวจสอบรับรองของผู้ประกอบการ ตามมาตรา 34 ผู้รับใบอนุญาตประกอบการตรวจสอบ อาจส่งเจ้าหน้าที่ไปประเมินขีดความสามารถของผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานในต่างประเทศด้วยก็ได้ 3. กำหนดให้ใบอนุญาตให้เป็นไปตามแบบที่ มกอช. ประกาศกำหนด 4. กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตต้องรักษาไว้ซึ่งขีดความสามารถให้ตรวจสอบรับรอง และอ้างถึงเฉพาะ ขอบข่ายของมาตรฐานที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปรับปรุงสาระสำคัญ ตามมาตรา 34 ให้แจ้งเป็นหนังสือให้ มกอช. ทราบก่อนการดำเนินการดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
38194 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบและวิธีการให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะที่เข้ามาในราชอาณาจักรแจ้งและยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | สธ | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบและวิธีการให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุม
พาหนะที่เข้ามาในราชอาณาจักรแจ้งและยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำด่านควบคุมโรคติดต่อ ระหว่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแบบและวิธีการให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะที่ เข้ามาในราชอาณาจักรแจ้ง และยื่นเอกสารต่อเจ้าพน้กงานสาธารณสุขประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่าง ประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations 2005) เพื่อให้ การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38195 | แต่งตั้งคณะกรรมการที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับองค์การซีมีโอและยูเนสโก (จำนวน 8 คณะ) | ศธ | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับองค์การซีมีโอและยูเนสโก
รวม 8 คณะ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ 1. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอ) 2. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งประชาชาติ (ยูเนสโก) 3. คณะกรรมการฝ่ายการศึกษาของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และ วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) 4. คณะกรรมการฝ่ายวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และ วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) 5. คณะกรรมการฝ่ายวัฒนธรรมของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และ วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) 6. คณะกรรมการฝ่ายสังคมศาสตร์ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และ วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) 7. คณะกรรมการฝ่ายสื่อสารมวลชนของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) 8. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลก
|
||||||||||||||||||||||||
38196 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (จำนวน 7 คน 1. นายประเวศ วะสี ฯ) | สธ | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
ชุดใหม่ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบ 2 ปีตามวาระ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (25 สิงหาคม 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายประเวศ วะสี 2. นายวิจารณ์ พานิช 3. นาวสาววิจิตร ศรีสุพรรณ 4. นางจุรี วิจิตรวาทการ 5. นายมงคล ณ สงขลา 6. นายเทพ หิมะทองคำ 7. นายสมชัย สัจจพงษ์
|
||||||||||||||||||||||||
38197 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการปัญหาราคาผลไม้อย่างยั่งยืน | สสป | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การบริหารจัดการปัญหาราคาผลไม้อย่างยั่งยืน" และรับทราบตาม ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอ แนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ด้านปัจจัยการผลิตและต้นทุน 1.1 การจัดการที่ดิน โดยเร่งฟื้นฟู ปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมแก่การเพาะ ปลูก มีความรู้และระมัดระวังในการใช้ปุ๋ย การใช้สารเคมี และการปรับสภาพพื้นที่โดยใช้วิธีชีวอินทรีย์แบบ ผสมผสานเพื่อพัฒนาคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสม 1.2 การจัดการแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการเพาะปลูกของเกษตรกร รวมทั้งพัฒนาระบบ ชลประทานให้เหมาะสมกับพืชที่เพาะปลูก 1.3 นำเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่มาผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อประสิทธิภาพในการ ผลิตและคุณภาพผลผลิต 1.4 พัฒนาแหล่งทุนในภาคเกษตรกรรมเพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุนสะดวกขึ้น รวมทั้งพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขเงื่อนไขของสถาบันการเงิน และกองทุนอื่น ๆ เพื่อการเกษตรอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม 2. ด้านการตลาด 2.1 ส่งเสริม แนะนำ สาธิต การบริโภค และแปรรูปผลไม้ให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศหรือ ต่างภูมิภาคให้กว้างขวางมากขึ้น 2.2 ขยายตลาดต่างประเทศสู่ประเทศผู้บริโภคใหม่ ๆ 2.3 พัฒนาการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและโอกาสให้เกษตรกรในการ ซื้อขายสินค้าเกษตรผลไม้ล่วงหน้าได้ (รวมทั้งดูแลความเป็นธรรมการเกษตรแบบสัญญาจ้างปลูก จ้างผลิต และ ประกันราคาซื้อที่เหมาะสม 3. ด้านนโยบาย 3.1 กำหนดทิศทางยุทธศาสตร์และแผนงานเพื่อคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรใน การผลิตและการตลาด ส่งเสริมสินค้าเกษตรให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุด รวมทั้งกำหนดพื้นที่ปลูก (Zoning) ที่ เหมาะสมสามารถควบคุมปริมาณและคุณภาพผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.2 ส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อจัดทำแผนงานการเกษตร และรักษาผลประโยชน์ร่วม กันของเกษตรกรในรูปแบบสภาเกษตรกรโดยองค์กรเกษตรกร สหกรณ์มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน การป้องกัน และแก้ไขปัญหา กำหนดมาตรการดำเนินการในภาคเกษตรกรรม 3.3 ส่งเสริม สนับสนุน และกำหนดทิศทางการผลิตไม้ผลสายพันธุ์ดี มีเอกลักษณ์ผลไม้ไทยตาม ที่ตลาดและผู้บริโภคนิยมและมีความต้องการสูงให้กว้างขวางยิ่งขึ้น 3.4 มีมาตรการป้องกันคุ้มครองการทุ่มตลาดและการกีดกันผลไม้
|
||||||||||||||||||||||||
38198 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจสัตว์น้ำจืดของประเทศ" | สสป | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "แนวทางการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจสัตว์น้ำจืดของประเทศ" และรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความ เห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุป ได้ดังนี้ 1. ด้านนโยบาย 1.1 รัฐควรมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งให้องค์กร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ การสร้างเครือข่ายองค์กร ความร่วมมือที่มีเอกภาพในการต่อยอดการพัฒนาผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดรายเดิม รายใหม่ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดต้นทุนการผลิตรวม ตลอดจนให้สินค้ามีคุณภาพและปริมาณเป็นไปตามความต้องการของตลาด 1.2 ปรับปรุงฐานข้อมูลผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ผู้ทำการประมง แหล่งน้ำสาธารณะ เพื่อปรับปรุงโครง สร้างระบบการผลิต การวางแผนและการบริหารจัดการที่ดี จัดทำฐานข้อมูลชนิดและปริมาณสัตว์น้ำที่มีการนำเข้า -ส่งออก รวมทั้งเพื่อใช้วิเคราะห์และจัดทำยุทธศาสตร์เฉพาะด้าน 1.3 จัดหาข้อมูลความต้องการของตลาดในแต่ละฤดูกาล ข้อกำหนดด้านคุณภาพสินค้า วิธีการและ เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตเพื่อการวางแผนการเพาะเลี้ยงของเกษตรกร แก้ปัญหาสินค้าล้น ตลาด และราคาตกต่ำในบางฤดูกาล 1.4 ปรับปรุงราคากลางพันธุ์สัตว์น้ำจืดให้สอดคล้องกับต้นทุนรวมในสถานการณ์ปัจจุบัน 1.5 พัฒนาและสนับสนุนคุณภาพการผลิต จัดทำเครือข่ายธุรกิจ หรือองค์ความร่วมมือตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ (Cluster) ระหว่างผู้ผลิต ผู้แปรรูป ผู้ส่งออก เพื่อให้การตรวจสอบและกำกับดูแลเป็นไปตามเกณฑ์ มาตรฐานและมาตรฐานของประเทศคู่ค้า พัฒนาระบบการออก Health Certificate ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ 2. ด้านการผลิต 2.1 จัดทำยุทธศาสตร์ และเป้าหมายที่ชัดเจนในการกำหนดชนิดพันธุ์ รูปแบบการเลี้ยง เพื่อการ บริโภคภายในและการส่งออกเพื่อการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ การผลิตสัตว์น้ำจืดของไทย 2.2 ส่งเสริม สนับสนุน และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตอาหารสัตว์น้ำคุณภาพดี ราคาถูก และ รวมตัวเป็นกลุ่มสหกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การพึ่งพาตนเองและลดต้นทุนการผลิตรวม 2.3 กำหนดพื้นที่ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในแหล่งน้ำสาธารณะอย่างชัดเจน เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเลี้ยงปลาในกระชัง และในอ่างเก็บน้ำที่ใช้น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค 3. ด้านการตลาด 3.1 ให้มีตลาดกลางซื้อขายสินค้าสัตว์น้ำจืดนำร่องที่ถูกสุขลักษณะเป็นระบบ มีเครื่องมืออุปกรณ์ ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือของทุกฝ่าย 3.2 ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้ส่งออก ผู้ผลิตและผู้เกี่ยวข้องทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อแก้ปัญหาการผลิต ปริมาณ คุณภาพ และเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 3.3 กำหนดมาตรการควบคุมการนำเข้าสัตว์น้ำจืดจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อน บ้าน
|
||||||||||||||||||||||||
38199 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำท่าจีน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน | สสป | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำท่าจีน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน" และรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอความ เห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอและของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. จัดทำแผนการพัฒนาจังหวัดในแม่น้ำท่าจีน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนให้สอดคล้องกับศักย ภาพของพื้นที่ และกำหนดให้เป็นพื้นที่สำคัญที่จะเป็นครัว และปอดของภาคกลาง และเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงนิ เวศน์ 2. ศึกษาและทดลองการปรับปรุงกลุ่มจังหวัดบูรณาการใหม่ตามลุ่มน้ำหลักโดยจัดให้จังหวัดในลุ่มน้ำ ท่าจีนเป็นกลุ่มจังหวัดบูรณาการนำร่อง ประกอบด้วยจังหวัดชัยนาท สุพรรณบุรี นครปฐม และสมุทรสาครเพื่อ ให้กลุ่มจังหวัดสามารถประสานการพัฒนา และจัดระบบการบริหารจัดการลุ่มน้ำท่าจีนร่วมกันอย่างมีประสิทธิ ภาพ มีการพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ วิถีวัฒนธรรมของท้องถิ่น และรักษาระบบนิเวศน์แม่น้ำท่า จีน 3. ให้กรมชลประทาน และจังหวัดนครปฐมสร้างกระบวนการวางแผน โดยการมีส่วนร่วมของประชา ชนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากประตูระบายน้ำอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เกิดสภาพน้ำเน่าเสีย และการเกิดปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากการขวางกั้นของประตูระบายน้ำ 4. เร่งรัดจัดทำผังเมืองโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างเร่งด่วนในจังหวัดลุ่มน้ำท่าจีน 5. จัดให้มีแผนงานและมาตรการคุ้มครองพื้นที่ชุ่มน้ำแม่น้ำท่าจีน ตามกรอบมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วย พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
38200 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเขตพื้นที่ต้นน้ำ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดชัยภูมิ | สสป | 25/08/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเขตพื้นที่ต้นน้ำ จังหวัดนครราช สีมา และจังหวัดชัยภูมิ" และรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอความเห็น ผลการ พิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความ เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. รัฐต้องแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และปัญหาน้ำไหลบ่าท่วมในเขตพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยจัดทำโครงการแก้มลิงทางทิศตะวันตกของจังหวัด เร่งแก้ไขผลกระทบจาก โครงการวางท่อน้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำลำแซะ รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในระดับหมู่ บ้านที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก และเร่งจัดหาน้ำเพื่อเพิ่มให้แก่สองลุ่มน้ำที่มีปริมาณน้ำท่าไม่เพียงพอกับความต้อง การใช้น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำลำตะคอง และลุ่มน้ำลำเชียงไกร 2. รัฐต้องดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ โดยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ขนาดใหญ่ที่ผ่านการ ศึกษาและให้ประโยชน์คุ้มค่า เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทาน ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในหลายเขตพื้นที่ ของจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดอื่น รวมทั้งจัดทำแผนหลักในการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการ กระจายน้ำของแหล่งน้ำในลุ่มน้ำหลักและลุ่มน้ำย่อย 3. รัฐต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการลุ่มน้ำ คณะกรรมการ จังหวัด คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานลุ่มน้ำสาขา โดยคำนึงถึงพื้นที่ลุ่มน้ำ จำนวนประชากร และการแก้ไข ปัญหาความยากจนเพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างบูรณาการ มีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ และเพื่อจัดทำ แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของจังหวัดและของลุ่มน้ำ 4. รัฐต้องฟื้นฟูพัฒนาแหล่งน้ำและวางโครงข่ายน้ำ เพื่อป้องกันปัญหาภัยจากน้ำ เพิ่มน้ำต้นทุนและ เพิ่มพื้นที่ชลประทานให้ได้มากกว่าปัจจุบัน 5. รัฐต้องเร่งดำเนินการให้ความรู้และแนวคิดในการจัดการทรัพยากรน้ำ ดิน ป่าไม้ การก่อสร้าง แหล่งน้ำ ฝายชะลอน้ำ ฝายน้ำล้น หลักการทำการเกษตร การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าและประหยัด 6. รัฐต้องเร่งผลักดันกฎหมายทรัพยากรน้ำ โดยปรับปรุงโครงสร้างและกลไกในการบริหารจัดการ ลุ่มน้ำให้มีเอกภาพ มีขีดความสามารถในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยจากน้ำในทุกมิติให้ได้อย่างเป็นระบบทั้ง ระยะสั้นและระยะยาว และสนับสนุนให้มีกองทุนทรัพยากรน้ำเพื่อสนับสนุนการจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณา การและยั่งยืน
|
.....