ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | รายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกระทรวงแรงงาน ครั้งที่ 2 | รง | 13/02/2555 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ [เรื่อง แผนงาน/โครงการและงบประมาณในการช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านสังคม)] ประกอบด้วย การดำเนินการให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการ และลูกจ้างทั้งที่ถูกเลิกจ้างและไม่ถูกเลิกจ้าง รวมทั้งแรงงานต่างด้าว สรุปได้ ดังนี้
๑. การให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการ ได้ดำเนินการให้การช่วยเหลือตามโครงการต่าง ๆ ได้แก่ ๑.๑ โครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้าง โดยให้นายจ้างทำข้อตกลงกับกระทรวงแรงงาน (กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) ว่าจะไม่เลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากสาเหตุการประสบอุทกภัย ซึ่งรัฐบาลจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างในอัตราเดือนละ ๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน เป็นเวลา ๓ เดือน และนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มให้แก่ลูกจ้างเมื่อรวมกันแล้วลูกจ้างต้องได้รับเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ ของค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับก่อนเกิดอุทกภัย มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการ จำนวน ๑,๔๕๐ แห่ง ลูกจ้าง จำนวน ๒๗๔,๓๗๙ คน ปัจจุบันได้พิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณให้สถานประกอบการ จำนวน ๒๗๗ แห่ง ลูกจ้างได้รับการช่วยเหลือ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ คน ๑.๒ โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน โดยการยืมตัวลูกจ้างจากสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัยไปทำงานที่สถานประกอบการใกล้เคียงที่ไม่ประสบอุทกภัย มีสถานประกอบการร่วมโครงการ ๖๙๔ แห่ง ตำแหน่งงานรองรับ จำนวน ๗๙,๑๓๑ อัตรา มีลูกจ้างเข้าทำงานตามโครงการ จำนวน ๑๓,๒๕๑ คน ในสถานประกอบการ ๑๑๐ แห่ง ๑.๓ โครงการประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย โดยสำนักงานประกันสังคมนำเงินกองทุนประกันสังคมไปฝากกับสถาบันการเงิน จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้สถานประกอบการกู้เงินไปซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหายจากอุทกภัย รายละไม่เกิน ๑ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ต่อปี คงที่ ๓ ปี มีธนาคารเข้าร่วมโครงการ ๔ ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารนครหลวงไทย และได้มีการอนุมัติสินเชื่อให้สถานประกอบการแล้ว จำนวน ๑๔ ราย เป็นเงิน ๑๔ ล้านบาท ๑.๔ โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน โดยสำนักงานประกันสังคมนำเงินกองทุนประกันสังคมไปฝากสถาบันการเงิน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้สถานประกอบการกู้เงินเพื่อนำไปเสริมสภาพคล่อง เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และเพื่อรักษาและส่งเสริมการจ้างงาน โดยสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ มาแล้ว ไม่น้อยกว่า ๓ เดือน และต้องรักษาจำนวนผู้ประกันตนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของจำนวนผู้ประกันตน ณ วันที่ได้รับสินเชื่อตลอดอายุโครงการ ๓ ปี โดยให้สถานประกอบการยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ ๓ ต่อปี คงที่ ๓ ปี (กรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน) และอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๕ คงที่ ๓ ปี (กรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน) มีธนาคารพาณิชย์เสนอเข้าร่วมโครงการ ๔ ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ และธนาคารเกียรตินาคิน ซึ่งจะต้องจัดทำข้อตกลงต่อไป ๑.๕ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการพัฒนาฝีมือแรงงานจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานให้เหลือร้อยละ ๐.๑ มีระยะเวลา ๑ ปี จากเดิมที่กำหนดให้ผู้เข้ารับการฝึกกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑ และสถานประกอบการกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ๑.๖ การขยายหรือเลื่อนระยะเวลาการส่งเงินสมทบตามกฎหมายประกันสังคม ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการประกันสังคมอยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในเรื่องการขยายหรือเลื่อนระยะเวลาการส่งเงินสมทบของนายจ้างไม่เป็นเหตุให้คิดเงินเพิ่มตามกฎหมายประกันสังคม ๑.๗ การลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมให้แก่นายจ้างและลูกจ้างในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยช่วงที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ ลดอัตราเงินสมทบเหลือร้อยละ ๓ และช่วงที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ลดอัตราเงินสมทบเหลือร้อยละ ๔ และได้ออกเป็นกฎกระทรวง เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๕ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๒. การให้ความช่วยเหลือลูกจ้าง ๒.๑ กรณีลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง ได้ดำเนินการให้การช่วยเหลือตามโครงการต่าง ๆ อาทิ การช่วยเหลือลูกจ้างผู้ประกันตนที่ว่างงานให้ได้รับเงินช่วยเหลือร้อยละ ๕๐ ของค่าจ้างเป็นเวลา ๖ เดือน (ไม่เกิน ๗,๕๐๐ บาท/เดือน/คน) มีผู้ประกันตนที่ว่างงานเนื่องจากสถานประกอบการประสบอุทกภัยไปขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน จำนวน ๑๕,๒๖๑ ราย การจัดหาตำแหน่งงานว่างเพื่อจัดหางานให้กับแรงงานที่ประสบอุทกภัย ปัจจุบันมีตำแหน่งงานว่าง จำนวน ๑๖๕,๑๙๑ อัตรา และการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพ โดยจ้างงานผู้ถูกเลิกจ้างในพื้นที่ประสบอุทกภัยทำงานซ่อมแซมสาธารณประโยชน์ ได้ค่าตอบแทนคนละ ๑๕๐ บาทต่อวัน ระยะเวลา ๒๐ วัน ขณะนี้สามารถช่วยเหลือผู้ถูกเลิกจ้าง ว่างงานและขาดรายได้ จำนวน ๑๑,๘๙๑ คน เป็นต้น ๒.๒ กรณีลูกจ้างที่ยังไม่ถูกเลิกจ้าง ได้ดำเนินการให้การช่วยเหลือตามโครงการต่าง ๆ อาทิ การฝึกยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้มีทักษะที่สูงขึ้นตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ โดยลูกจ้างจะได้รับค่าอาหารระหว่างการฝึกรายละ ๑๒๐ บาทต่อวัน จำนวน ๑๐ วัน ขณะนี้ได้รับจัดสรรเงินประจำงวดจากสำนักงบประมาณและจัดสรรลงพื้นที่แล้ว วงเงิน ๓๒.๘ ล้านบาท เป้าหมายการดำเนินการ ๔๐๐ รุ่น รุ่นละ ๒๐ คน รวม ๘,๐๐๐ คน การให้ลูกจ้างที่บ้านเรือนของตนเองหรือพ่อแม่เสียหายจากอุทกภัยกู้เงินไปซ่อมแซมบ้านรายละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕ ต่อปี คงที่ ๒ ปี ปัจจุบันมีผู้ประกันตนมาขอหนังสือรับรองจากสำนักงานประกันสังคม จำนวน ๔,๖๕๕ ราย อนุมัติสินเชื่อให้ผู้ประกันตน จำนวน ๖๑๔ ราย เป็นเงิน ๒๘.๒๐๕ ล้านบาท และการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการญี่ปุ่นในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยจัดส่งลูกจ้างไปฝึกงานในต่างประเทศซึ่งเป็นบริษัทแม่ มีบริษัทยื่นขออนุญาตพาลูกจ้างคนไทยไปทำงานเป็นการชั่วคราวที่ประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ จำนวน ๙๙ บริษัท ลูกจ้าง ๕,๗๓๔ คน เดินทางไปแล้ว จำนวน ๘๖ บริษัท ลูกจ้าง ๕,๑๙๒ คน เป็นต้น ๒.๓ กรณีลูกจ้างที่เป็นแรงงานต่างด้าว ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวผู้ประสบอุทกภัยโดยจัดที่พักพร้อมอุปกรณ์และอาหาร มีแรงงานต่างด้าวเข้าพักพิงอยู่ในศูนย์ช่วยเหลือ จำนวน ๒,๐๑๔ คน
|
.....