ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1412 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 28221 - 28240 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28221 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดกำแพงเพชร ครั้งที่ 1 (กระทรวงมหาดไทย) (นายวิทยา ผิวผ่อง และนายวันชัย สุทิน) | มท | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย ครั้งที่ ๑ ซึ่งดำรงตำแหน่งจะครบ ๔ ปี ในวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๖ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๗ ๒. นายวันชัย สุทิน ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ต่อไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ เนื่องจากครบเกษียณอายุราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28222 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) (จำนวน 3 ราย 1. นางสาวอัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ฯ) | วท | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวอัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสุทธิเวช ต.แสงจันทร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุพรรณ แสงทอง ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28223 | ผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 2/2556 | นร11 | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา และเห็นชอบตามมติที่ประชุมฯ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติที่ประชุมฯ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การส่งเสริมการค้าและการลงทุน จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑.๑ ขอรับการสนับสนุนโครงการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบ้านป่าไร่ จังหวัดสระแก้ว โดยให้มีการศึกษาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยพิจารณาข้อเสนอการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบ้านป่าไร่ จังหวัดสระแก้ว เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาดังกล่าวด้วย ๑.๑.๒ ขอรับการสนับสนุนโครงการ Eco Industrial Town จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดปราจีนบุรี โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารูปแบบการจัดทำเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในพื้นที่อุตสาหกรรมเดิม (จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด) โดยให้คำนึงถึงการจำกัดการพิจารณาอนุญาตตั้งโรงงานในพื้นที่อย่างเข้มงวด สำหรับพื้นที่อุตสาหกรรมใหม่ (จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดปราจีนบุรี) ให้พิจารณาจัดทำแผนการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๑.๓ ขอให้เร่งรัดโครงการย้ายตลาดสะพานปลากรุงเทพ (ยานนาวา) ไปตั้งที่ปากน้ำสมุทรปราการ ภายในปี ๒๕๕๖ โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) เป็นที่ปรึกษาทำการศึกษาความเหมาะสมความจำเป็น และความเป็นไปได้ในการพัฒนาสะพานปลาในภาพรวมทั้งหมด รวมถึงการย้ายหรือพัฒนาสะพานปลากรุงเทพ และพิจารณาใช้ประโยชน์จากสะพานปลาจังหวัดสมุทรปราการทั้งระบบเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๑.๔ ขอรับการสนับสนุนโครงการจัดตั้งสถาบันมะม่วงแห่งประเทศไทย โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราร่วมกับสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดฉะเชิงเทรา สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา สำนักงานสหกรณ์จังหวัดฉะเชิงเทรา และมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา รับไปศึกษาโครงการจัดตั้งสถาบันมะม่วงแห่งประเทศไทย ๑.๒ การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จำนวน ๕ เรื่อง โดยให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาดำเนินการ ได้แก่ ๑.๒.๑ ขอให้เร่งรัดโครงการพัฒนาโครงข่ายทางถนนเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยการขยายช่องจราจร และขอการสนับสนุนการปรับปรุงและก่อสร้างเส้นทาง เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๘ โดยรับข้อเสนอการพัฒนาปรับปรุงโครงข่ายทางถนนในพื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา รวม ๗ เส้นทางให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๘ ไปจัดลำดับความสำคัญของโครงการและขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งประสานกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเส้นทางถนนสายรองซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวทั้งภายในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถบรรเทาปัญหาการจราจรในพื้นที่ รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางแก่ประชาชนและการขนส่งสินค้า ๑.๒.๒ ขอให้เร่งรัดโครงการขยายเส้นทาง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๑๙ "หนองชะอม จังหวัดปราจีนบุรี-พนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา" จาก ๒ ช่องจราจร เป็น ๔ ช่องจราจร โดยรับข้อเสนอการเร่งรัดโครงการขยายเส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๑๙ “หนองชะอม จังหวัดปราจีนบุรี-พนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา” จาก ๒ ช่องจราจร เป็น ๔ ช่องจราจร ไปพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการ และขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒.๓ ขอรับการสนับสนุนการศึกษาการแก้ไขปัญหาการจราจรสู่จังหวัดนครนายก และภาคตะวันออก โดยรับข้อเสนอการก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๕ “รังสิต-นครนายก” ไปประกอบการศึกษาความเหมาะสมและขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีตามขั้นตอน โดยให้ความสำคัญกับการพิจารณาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ผลกระทบต่อประชาชน และทัศนียภาพในพื้นที่ รวมทั้งการคาดการณ์ปริมาณจราจรในอนาคตในกรณีที่มีการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะเต็มรูปแบบในพื้นที่ ๑.๒.๔ ขอรับการสนับสนุนโครงการศึกษาแนวทางการขยายเส้นทางไปยังด่านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว โดยรับข้อเสนอของภาคเอกชนไปประกอบการพิจารณาศึกษาความเหมาะสมของการสนับสนุนโครงการศึกษาแนวทางการขยายเส้นทางไปยังด่านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาจุดผ่านแดนบริเวณบ้านหนองเอี่ยน ๑.๒.๕ ขอรับการสนับสนุนโครงการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าโมโนเรลจากสถานีรถไฟฟ้าบางปู-แอร์พอร์ตลิงค์ สุวรรณภูมิ โดยเร่งประสานกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้ผลการศึกษาความเหมาะสมของการสนับสนุนของโครงการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าโมโนเรล จากสถานีรถไฟฟ้าบางปู-แอร์พอร์ตลิงค์ สุวรรณภูมิ มีความสอดคล้องกับแนวทางพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๑.๓ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวน ๑ เรื่อง คือ ขอให้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน (ปากน้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ) โดยให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน (ปากน้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ) รวมทั้งดำเนินการศึกษาการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกทั้งระบบ และเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๔ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการสุขภาพ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ ๑.๔.๑ ขอรับการสนับสนุนโครงการพัฒนาพื้นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว "ขุนด่านแลนด์" (ถนน-สะพาน-ภูมิทัศน์) จังหวัดนครนายก โดยให้จังหวัดนครนายกร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมรูปแบบการพัฒนาพื้นที่และการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก โดยศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบของโครงการด้านเศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อม จัดทำแผนการบริหารจัดการโครงการและหน่วยงานรับผิดชอบให้ชัดเจน รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของแผนงานและโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ๑.๔.๒ ขอให้เร่งรัดการพัฒนาพื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาแผนพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชนและท้องถิ่น และบูรณาการแผนงาน/โครงการ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาพื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ๑.๔.๓ ขอให้แยกช่องทางการผ่านด่านชายแดนของนักท่องเที่ยวออกจากด่านการค้า โดยให้กระทรวงคมนาคมรับข้อเสนอของภาคเอกชนไปศึกษาในรายละเอียดการแยกช่องทางการผ่านด่านชายแดนของนักท่องเที่ยวที่ด่านคลองลึก โดยให้คำนึงถึงการจัดระเบียบในด่านคลองลึกทั้งในส่วนของการค้าและการท่องเที่ยวให้เป็นระบบ รวมทั้งให้นำแนวทางการพัฒนายกระดับจุดผ่านแดนบ้านหนองเอี่ยนประกอบการพิจารณาด้วย ๑.๔.๔ ขอให้พัฒนาเส้นทางช่องบะระแนะ หรือช่องตากิ่ว ซึ่งอยู่ติดชายแดนกัมพูชา โดยให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือกับฝ่ายกัมพูชา ภายใต้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ในการพิจารณายกระดับจุดผ่อนปรนทางการค้าที่มีอยู่ในจังหวัดสระแก้ว ๒ แห่ง เพื่อให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรเพิ่ม คือ บ้านเขาดิน-กิโลเมตรที่ ๑๓ ของพระตะบอง หรือจุดหนองปรือ-พนมมาลัย จังหวัดบันเตียเมียนเจย ๑.๕ เรื่องอื่นๆ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ ๑.๕.๑ การอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต โดยให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวโดยเร็ว ๑.๕.๒ กฎหมาย Foreign Account Tax Compliance Act (FATCA) โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๑.๕.๓ การเร่งรัดการออกกฎหมายเพื่อรับรองผู้ประกอบการเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ๒. ในส่วนของการเร่งรัดการออกกฎหมายรับรองผู้ประกอบการเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ให้คณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวีรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยให้เชิญรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) เข้าร่วมการพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
28224 | ข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง รวม 5 จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่ 30 - 31 มีนาคม 2556 | นร11 | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง (จังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นครนายก สระแก้ว และปราจีนบุรี) รวม ๕ จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่ ๓๐-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน ๑๗ โครงการ วงเงินรวม ๕๒๒.๘๕ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำรายละเอียดทำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ๑.๒ ในกรณีโครงการใดที่หน่วยงานท้องถิ่นต้องรับผิดชอบการบริหารจัดการและดูแลบำรุงรักษาภายหลังจากก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ ให้จังหวัดประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน ก่อนขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๓ เห็นชอบในหลักการของกรอบข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง รวม ๕ จังหวัด จำนวน ๒๐๓ โครงการ วงเงินรวม ๙๑,๗๑๔.๗๘ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานรับผิดชอบรับไปพิจารณาศึกษาความเหมาะสมและจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี เพื่อให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีตามลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการตามขั้นตอน ๑.๔ สำหรับโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวน ๖๘ โครงการ วงเงิน ๗๒๔,๒๒๙,๕๘๐.๐๐ บาท ของจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์และบริหารทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำตะวันออก ๙ จังหวัด นั้น เห็นควรให้นำเสนอคณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย เพื่อพิจารณาต่อไป ๒. ในส่วนของแผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันทีนั้น ให้รวมโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่บริเวณเขื่อนขุนด่านปราการชลให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครนายก ในวงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท ไว้ด้วย และให้จังหวัดนครนายกดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในภาพรวมอย่างเป็นระบบ โดยบูรณาการข้อเสนอของภาคเอกชนไว้ในรายงานการศึกษาดังกล่าว และนำเสนอโครงการเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28225 | แนวทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ | นร07 | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแนวทางการศึกษาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ที่มีศักยภาพ ตามมติที่ประชุมหารือเรื่องแนวทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้เร่งรัดพิจารณาแนวทางการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อดำเนินโครงการศึกษาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยควรเป็นบริษัทที่ปรึกษาซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติเป็นผู้ทำการศึกษาวิจัยโอกาสศักยภาพและความเหมาะสมในการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่เป้าหมายหลัก ภายในกรอบงบประมาณต่อกลุ่มพื้นที่กลุ่มพื้นที่ละ ๑๐ ล้านบาท ระยะเวลาการศึกษาไม่เกิน ๖ เดือน ๑.๒ สาระสำคัญของการศึกษาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในเบื้องต้นให้ประกอบด้วย ๔ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) ศักยภาพและโอกาสในการพัฒนาของพื้นที่เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตามขอบเขตและระดับของการเป็นพื้นที่พิเศษที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่เป้าหมาย (๒) เครื่องมือในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง (๓) กลไกการบริหารจัดการของรัฐ และแนวทางการปรับปรุงกระบวนการให้บริการภาครัฐ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมกับการพัฒนาศักยภาพของแต่ละพื้นที่ และ (๔) โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค สาธารณูปการที่จำเป็น และเป็นปัจจัยต่อความสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่ ทั้งนี้ โดยระบุให้การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฯ ครอบคลุมถึงกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน การสำรวจความต้องการของประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมทั้งการประมาณการอุปสงค์ของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ๑.๓ กรอบการศึกษาด้านพื้นที่ในโครงการศึกษาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในเบื้องต้นกำหนดให้เป็นการศึกษาใน ๕ กลุ่มพื้นที่หลัก ได้แก่ (๑) ภาคเหนือ ประกอบด้วยพื้นที่ชายแดนอำเภอแม่สาย เชียงแสน และเชียงของ จังหวัดเชียงราย (๒) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วยพื้นที่ชายแดนจังหวัดมุกดาหาร นครพนม และหนองคาย (๓) ภาคตะวันออก ประกอบด้วย พื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว (๔) ภาคตะวันตก ประกอบด้วยพื้นที่ชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี และอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และ (๕) ภาคใต้ ประกอบด้วยพื้นที่ชายแดนอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และพื้นที่ชายแดนจังหวัดนราธิวาส ๒. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ภายในวงเงิน ๕๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษา ทำการศึกษาวิจัยความเหมาะสมในการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28226 | การดำเนินการโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ | นร07 | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๑ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ใช้จ่ายจากเงินงบกลางสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ จังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี ภูเก็ต กาญจนบุรี ชลบุรี และสุรินทร์ รวม ๖ ครั้ง จำนวน ๒๒๔ โครงการ วงเงิน ๕,๖๕๓.๕๙๐๐ ล้านบาท สำนักงบประมาณอนุมัติจัดสรรเสร็จสิ้นแล้ว รวม ๒๒๓ โครงการ วงเงิน ๕,๓๖๓.๐๑๗๘ ล้านบาท ๑.๒ หน่วยงานยกเลิกไม่ขอรับการจัดสรร ๑ โครงการ วงเงิน ๑๕.๐๐๐๐ ล้านบาท ได้แก่ โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำพร้อมระบบกระจายน้ำสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการขยายผลโครงการหลวงแม่สลอง (เชียงราย) ซึ่งได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยาฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท) แล้ว จึงไม่ขอรับจัดสรรฯ ๒. การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒.๑ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานีและอุตรดิตถ์ จำนวน ๖๐ โครงการ โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบกลางสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๕๙ โครงการ วงเงิน ๑,๑๓๕.๐๔๗๓ ล้านบาท และผูกพันงบประมาณปี ๒๕๕๗ จำนวน ๓๖.๐๐๐๐ ล้านบาท ๒.๒ หน่วยงานขอรับการจัดสรรแล้ว จำนวน ๔๒ โครงการ วงเงิน ๘๘๖.๒๓๙๔ ล้านบาท สำนักงบประมาณอนุมัติจัดสรรให้แล้วทั้ง ๔๒ โครงการ วงเงิน ๘๘๒.๗๔๓๗ ล้านบาท สำหรับโครงการเร่งด่วน ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี คงเหลืออีก ๑ โครงการ ที่หน่วยงานยังไม่ขอรับการจัดสรร ได้แก่ โครงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมบริเวณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเขตพื้นที่หลัก (Core Zone) และเขตพื้นที่กันชน (Buffer Zone) เพื่อนำเสนอพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชสู่มรดกโลก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วงเงิน ๓๕.๐๐๐๐ ล้านบาท จึงเห็นควรให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเร่งรัดหน่วยงานให้ขอรับจัดสรรให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๖ ๒.๓ โครงการที่ได้รับอนุมัติงบกลางแต่ยังไม่ขอรับการจัดสรรทั้งสิ้น จำนวน ๑๗ โครงการ วงเงิน ๒๔๗.๐๔๐๐ ล้านบาท อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดประกอบการขอรับการจัดสรร คาดว่าจะขอรับการจัดสรรได้ภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
28227 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างกลุ่มอาคารที่พักอาจารย์และบุคลากร วิทยาเขตปัตตานี ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | ศธ | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างกลุ่มอาคารที่พักอาจารย์และบุคลากร วิทยาเขตปัตตานี อีกจำนวน ๓๒,๔๗๐,๘๐๐ บาท เพื่อดำเนินการภายในวงเงินไม่เกิน ๒๕๖,๘๗๐,๘๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๔๙,๐๘๖,๗๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๕๖,๔๑๓,๓๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๒ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๗ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28228 | ปัญหาอาชญากรรม (ในรอบเดือนกุมภาพันธ์ 2556) | ตช | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลปัญหาอาชญากรรม ในรอบเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม ๑.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓๓๘ คดี ๑.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ คดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๑,๗๗๔ คดี ๑.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓,๖๖๔ คดี ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม ๒.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ จับกุมได้ ๑๙๖ คดี คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๙๙ ของการรับแจ้ง (๓๓๘ คดี) ๒.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ จับกุมได้ ๘๖๓ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๖๕ ของการรับแจ้ง (๑,๗๗๔ คดี) ๒.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ จับกุมได้ ๑,๔๕๐ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๕๗ ของการรับแจ้ง (๓,๖๖๔ คดี) ๓. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากยิ่งขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายเข้ามาประทุษร้ายต่อทรัพย์ของตนเองได้ง่าย รวมทั้งการให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของคนร้าย และกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวมหรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ให้พิจารณาจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ ๔. สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับเร่งรัดมาตรการด้านสายตรวจให้มีความถี่เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดแรงจูงใจในการกระทำผิดตามห้วงเวลาที่เกิดเหตุมากของแต่ละพื้นที่ ให้แต่ละหน่วยพิจารณาระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงเวลาที่เหมาะสม เป็นประจำทุกเดือน เดือนละไม่น้อยกว่า ๕ วัน เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดตามหมายจับคดีค้างเก่าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการระดมกวาดล้างยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||||||||
28229 | ขออนุมัติให้ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ที่ดำรงตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษได้รับค่าตอบแทนแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง | พว | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ที่ดำรงตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ สังกัดราชการบริหารส่วนกลาง ประเภทบริหารระดับสูง มีสิทธิได้รับรถประจำตำแหน่งหรือเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ จำนวน ๒ ราย คือ นายมนตรี โสตางกูร และนายพิพัฒน์ ประทุมทัย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่สำนักพระราชวังเสนอ สำหรับงบประมาณที่จะต้องใช้เป็นค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งให้สำนักพระราชวังเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบดำเนินงาน ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ทั้งนี้ อัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28230 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันศุกร์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันจันทร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. ให้มีการถ่ายทอดการประชุมร่วมกันของรัฐสภาทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ จนกว่าการพิจารณาเรื่องดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28231 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดกำแพงเพชร | นร04 | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า การจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในครั้งต่อไปกำหนดจะจัดขึ้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ในระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) เป็นเจ้าภาพหลัก และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะดำเนินการเกี่ยวกับการกลั่นกรองโครงการและกิจกรรมการลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดอื่นในกลุ่มจังหวัดที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28232 | การขอนำเงินต้นของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มาใช้ในการดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ | พณ | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอนำเงินต้นของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จำนวน ๔๐๐ ล้านบาท มาใช้เพื่อดำเนินการ ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการกลางและขนาดย่อม (SMEs Pro-active) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องระยะเวลา ๓ ปี (๒๕๕๖-๒๕๕๘) วงเงิน ๓๐๐ ล้านบาท โดยถัวจ่ายเพื่อจ่ายเพื่อดำเนินโครงการเป็นระยะเวลา ๓ ปี และโครงการสำคัญเร่งด่วนที่จำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดสรรไว้สำหรับดำเนินโครงการของภาครัฐและภาคเอกชน วงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ปีละ ๕๐ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงพาณิชย์บูรณาการแนวทางการดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม และการค้าระหว่างประเทศร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แผนงาน/โครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้มีความเชื่อมโยงและดำเนินไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงเจ้าของเรื่องพิจารณาให้การดำเนินโครงการมีความสอดคล้องกับการขยายผลการเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี และกำหนดกลุ่มประเทศเป้าหมายที่เป็นตลาดใหม่และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เพื่อก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประเทศไทย ควรพิจารณาบูรณาการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน รวมทั้งเห็นควรจัดทำรายละเอียดของกิจกรรม กลุ่มเป้าหมาย และหลักเกณฑ์ในส่วนของโครงการสำคัญเร่งด่วนที่จำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ วงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท ให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว และพิจารณาหาแนวทางในการบริหารจัดการเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้มีดอกผลจากเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแต่ละปี ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
28233 | การขยายเวลาความตกลงโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาด้านการศึกษา (วิทยาลัยกำปงเชอเตียล) และโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาด้านสาธารณสุข (การควบคุมโรคมาลาเรียและโรคอื่น ๆ ที่มียุงเป็นพาหะ) | กต | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงโครงการและแก้ไขพิธีสารว่าด้วยการขยายความร่วมมือโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาด้านการศึกษา (วิทยาลัยกำปงเชอเตียล) มีสาระสำคัญเป็นการขยายความร่วมมือในการจัดตั้งและพัฒนาวิทยาลัยกำปงเชอเตียล ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และยกเว้นภาษีหรืออากรทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับวัสดุและอุปกรณ์ของไทยที่นำเข้าไปในราชอาณาจักรกัมพูชาสำหรับกิจกรรมภายใต้ความตกลงโครงการฯ ๑.๒ เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขบันทึกความเข้าใจและแก้ไขหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการขยายความร่วมมือโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาด้านสาธารณสุข (การควบคุมโรคมาลาเรียและโรคอื่น ๆ ที่มียุงเป็นพาหะ) มีสาระสำคัญเป็นการขยายความร่วมมือในการควบคุมโรคมาลาเรียและโรคอื่น ๆ ที่มียุงเป็นพาหะ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ๑.๓ อนุมัติให้พลเอก วาภิรมย์ มนัสรังษี รองสมุหราชองครักษ์ เป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ ฝ่ายไทยทั้งสองฉบับ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ที่เห็นว่า ร่างพิธีสารทั้งสองฉบับเป็นหนังสือสัญญาที่มีผลผูกพันราชอาณาจักรไทย หากผู้ลงนามหนังสือสัญญามิใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ลงนามต้องได้รับมอบอำนาจโดยหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ซึ่งออกให้โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินโครงการในช่วงที่ขยายเวลาตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้กรมราชองครักษ์ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี รายการเงินอุดหนุนการให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือทางด้านวิชาการและเศรษฐกิจแก่ต่างประเทศ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการดำเนินงาน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
28234 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการศึกษาทวิภาคีไทย - เยอรมันสู่ความเป็นเลิศระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | ศธ | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการศึกษาทวิภาคีไทย-เยอรมันสู่ความเป็นเลิศระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Memorandum of Understanding on German-Thai Dual Excellence Education between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand and the Federal Foreign Office of the Federal Republic of Germany) มีสาระสำคัญเพื่อใช้เป็นกรอบความร่วมมือในการพัฒนาการอาชีวศึกษาของไทย โดยใช้ระบบการศึกษาทวิภาคีของเยอรมนี (dual education) เข้ามาช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้แก่ระบบการอาชีวศึกษาที่มีอยู่ของไทย ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงศึกษาธิการหารือกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. เห็นชอบการแก้ไขข้อความของบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับภาษาไทย จากเดิม “...ทั้งนี้ กรอบความร่วมมือทั้งสองฉบับ มีผลบังคับตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน” เป็น “...ทั้งนี้ กรอบความร่วมมือทั้งสองฉบับมีผลเท่าเทียมกัน” เพื่อให้ถูกต้องและสอดคล้องกับฉบับภาษาอังกฤษ ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) เสนอเพิ่มเติม ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเน้นการพัฒนาคณาจารย์ กระบวนการเรียนการสอนในลักษณะ Green job และคัดเลือกสถาบันการอาชีวศึกษาอย่างน้อยภาคละ ๑ แห่ง ที่มีศักยภาพและความพร้อมของคณาจารย์และความร่วมมือจากสถานประกอบการมาดำเนินการนำร่องการจัดการศึกษาทวิภาคีไทย-เยอรมัน และบรรจุเป็นสารัตถะในบันทึกความเข้าใจฯ ร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
28235 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ พ.ศ. .... | สธ | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28236 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศและกองทุนอียิปต์เพื่อความร่วมมือทางวิชาการกับแอฟริกา | กต | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศและกองทุนอียิปต์เพื่อความร่วมมือทางวิชาการกับแอฟริกา [Memorandum of Understanding between Thailand International Development Cooperation Agency (TICA) and the Egyptian Fund for Technical Cooperation with Africa (EFTCA)] มีสาระสำคัญเพื่อเป็นกรอบแนวทางการดำเนินความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยกับอียิปต์ในลักษณะการแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูล เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศในแอฟริกา และเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตามที่ทั้งสองฝ่ายจะเห็นชอบร่วมกัน โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ จะมีผลตั้งแต่วันที่ลงนามเป็นระยะเวลา ๓ ปี และจะต่ออายุโดยอัตโนมัติเป็นเวลาอีก ๓ ปี จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขอยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าเป็นเวลา ๖ เดือน ๑.๒ อนุมัติให้ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ร่วมกับผู้บริหารกองทุนอียิปต์เพื่อความร่วมมือทางวิชาการกับแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศอียิปต์ ทั้งนี้ โดยให้ลงนามในเอกสารย่อยที่จะเป็นกิจกรรมร่วมกันภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ ให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงการต่างประเทศ รายการเงินอุดหนุนการให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือทางด้านวิชาการและเศรษฐกิจแก่ต่างประเทศ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
28237 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดลังกา ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดลังกา ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดลังกา ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ให้แก่กรมชลประทาน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
28238 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ พ.ศ. .... และร่างระเบียบกรมราชองครักษ์ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กห | 31/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. อนุมัติในหลักการร่างระเบียบกรมราชองครักษ์ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ดำเนินการประกาศใช้บังคับต่อไป เมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
28239 | ผลการเยือนประเทศนิวซีแลนด์และปาปัวนิวกินี | นร04 | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอผลการเยือนประเทศนิวซีแลนด์ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๔ มีนาคม ๒๕๕๖ และรัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยมีผลการเยือนสรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศนิวซีแลนด์ นายกรัฐมนตรีพร้อมทั้งคณะผู้แทนภาคเอกชนในสาขาธุรกิจต่าง ๆ ได้เข้าเยี่ยมชมกิจการด้านเทคโนโลยีการเกษตรของนิวซีแลนด์ ซึ่งพบว่าประเทศนิวซีแลนด์มีเทคโนโลยีในด้านนี้ที่มีความก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีในการเก็บรักษาผลผลิตทางการเกษตรหลังการเก็บเกี่ยวให้คงคุณภาพอยู่ได้อย่างยาวนาน และสามารถผลักดันให้ผลไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศ เช่น กีวี เป็นผลไม้ส่งออกที่สำคัญและแพร่หลายไปทั่วโลก นอกจากนี้ ได้เข้าเยี่ยมชมกิจการฟาร์มโคนมของบริษัท Fonterra ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ และเป็นรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก รวมทั้งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบจากผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดให้แก่ประเทศไทย และพบว่าบริษัทมีการเลี้ยงโคนมที่ให้ปริมาณน้ำนมต่อตัวสูงกว่าของประเทศไทยมาก เนื่องจากเลี้ยงด้วยหญ้าที่ดีมีสารอาหารสูงและอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำแนวทางดังกล่าวของประเทศนิวซีแลนด์มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการกับพืชผลทางการเกษตรและการเลี้ยงโคนมของไทยให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการผลิตผลทางการเกษตรชนิดต่าง ๆ ที่กำลังจะออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ๒. รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมคารวะผู้สำเร็จราชการปาปัวนิวกินีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และได้หารือกับนายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ซึ่งผลการหารือทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะร่วมผลักดันความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค ทั้งด้านการค้า การลงทุน การเกษตร การประมง การก่อสร้าง การพลังงาน การสาธารณสุข และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ไทยได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนให้ปาปัวนิวกินีนำเข้าข้าวจากไทยให้มากขึ้น จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหารือและประสานงานในรายละเอียดกับปาปัวนิวกินีเกี่ยวกับรูปแบบและวิธีการที่เหมาะสมเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28240 | ขออนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และขออนุมัติผ่อนผันกรณีกำหนดราคากลางเกินกว่าวงเงินค่าก่อสร้างที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ พร้อมกับขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อนลงนามในสัญญา รายการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการวิศวกรรมเกษตรและเทคโนโลยี 1 หลัง | ศธ | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการ จาก อาคารปฏิบัติการวิศวกรรมเกษตรและเทคโนโลยี จำนวน ๑ หลัง เป็น ชุดอาคารปฏิบัติการวิศวกรรมเกษตรและเทคโนโลยี จำนวน ๑ ชุด และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จาก ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยรายละเอียดในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นสมควรอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้อนุมัติไว้ พร้อมทั้งขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างชุดอาคารปฏิบัติการวิศวกรรมเกษตรและเทคโนโลยี ๑ ชุด จำนวน ๙๕,๘๘๘,๘๘๘ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๙๖๐ วัน จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙
|
.....