ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 138 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2741 - 2760 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2741 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยกำหนดให้เด็กที่ใช้พืชกระท่อม กัญชา
กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหรือสารสกัดจากพืชกระท่อม กัญชา กัญชง
เพื่อนันทนาการเป็นพฤติกรรมเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
ตามร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2742 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินให้สอดคล้องกับหลักการสิทธิในที่ดินและสิทธิชุมชน | สคทช | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินให้สอดคล้องกับหลักการสิทธิในที่ดินและสิทธิชุมชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ ดังนี้ (๑) การยกระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนให้สอดคล้องกับสิทธิชุมชน
หน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการที่สอดคล้องกับแนวทางของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
โดยได้มีแนวทางปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นในรูปแบบกลไกของคณะกรรมการหรือคณะทำงาน
มีการจัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับราษฎร และยังให้สิทธิกับประชาชนที่จะขอคัดค้านการรังวัดเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงได้อีกด้วย
(๒)
การจัดที่ดินให้ชุมชนและกระจายอำนาจการจัดการที่ดินตามหลักสิทธิชุมชนในการกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่น
หน่วยงานที่เป็นเจ้าของพื้นที่ต้องพิจารณาการมอบอำนาจด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาภายหลัง
รวมทั้งต้องคำนึงถึงภาระที่จะเกิดขึ้นกับหน่วยงานท้องถิ่นด้วย (๓)
การแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับที่ดิน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ
(One Map) และการพิสูจน์สิทธิในที่ดินโดยใช้หลักฐานเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าราษฎรได้ครอบครองที่ดินมาก่อนการประกาศเป็นที่ดินของรัฐครั้งแรก
และก่อนการบังคับทางปกครองจะแจ้งให้มีการโต้แย้งและแสดงสิทธิในที่ดิน
หากมีผู้แสดงสิทธิจะชะลอการดำเนินคดีอาญาและการบังคับทางปกครอง ทั้งนี้ ระหว่างการดำเนินคดีต้องมีการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๘ ด้วย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2743 | การแจ้งผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน | ตผ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแจ้งผลการตรวจสอบรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๕ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยมีผลการตรวจสอบ ดังนี้ (๑)
ผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแสดงความเห็นอย่างไม่มีเงื่อนไข
(ไม่พบข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอย่างมีสาระสำคัญ) ซึ่งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบแล้วเมื่อวันที่
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ และ (๒) ผลการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและการจัดการทรัพย์สิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ ๑) การประเมินผลการใช้จ่ายเงิน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีการจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ไม่สอดคล้องกับคำของบประมาณ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีการปรับแผนปฏิบัติงานฯ
หลายครั้ง ส่งผลให้ข้อมูลเกิดความคลาดเคลื่อน โดยสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ให้ข้อเสนอแนะว่าผู้บริหารควรควบคุมและกำกับดูแลการจัดทำคำของบประมาณในปีถัดไปให้มีประสิทธิภาพ
๒) การประเมินผลการจัดการทรัพย์สิน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีการจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างไม่สอดคล้องกับแผนการใช้จ่ายเงิน
เนื่องจากมีการประกาศปรับแผนการจัดซื้อจัดจ้างซ้ำ ๑ รายการ โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ให้ข้อเสนอแนะ
เช่น ผู้บริหารควรควบคุมเละกำกับดูแลให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง
และ ๓) การประเมินผลการบริหารโครงการ มีโครงการที่ขออนุมัติงบประมาณไม่สอดคล้องกัน
และมีการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจากที่เคยขออนุมัติไว้แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการขออนุมัติงบประมาณ
โดยที่ไม่มีความพร้อมในการดำเนินการ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ให้ข้อเสนอแนะว่าในปีงบประมาณถัดไปสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินควรดำเนินการด้วยความรอบคอบและดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผน
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2744 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 2 ฉบับ | รง. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑
ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจในเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดให้ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจมีวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรีและการกำหนดเพิ่มจำนวนวันลาเพื่อคลอดบุตร ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าร่างประกาศดังกล่าวเป็นการดำเนินการใด ๆ ของรัฐที่มีผลผูกพันทรัพย์สินหรือก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ ควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการหรือประโยชน์อื่นใดของพนักงานรัฐวิสาหกิจในภาพรวม ควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม ตลอดจนสถานะการเงินและผลการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งกำหนดมาตรฐานเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงแนวทางดังกล่าว เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2745 | ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ | ปสส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า
นายชัยธวัช ตุลาธน สมาชิกสภาผู้แหนราษฎร พรรคก้าวไกล กับคณะ รวม ๙๙ คน
ได้เข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี
โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๕๐ นั้น
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปแถลงหรือชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่
๓-วันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๗ จึงได้ลงมติ ๑.
มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี)
รับไปประสานประธานสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปแถลงหรือขี้แจงตามญัตติดังกล่าว
ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2746 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบ
หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ
ให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2747 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การนำการจัดอันดับมหาวิทยาลัยมาพัฒนาการศึกษาและมหาวิทยาลัยไทย ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | อว. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การนำการจัดอันดับมหาวิทยาลัยมาพัฒนาการศึกษาและมหาวิทยาลัยไทย ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา โดยสรุปผลการพิจารณาว่า
เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว โดยกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ดำเนินโครงการ Reinvention University เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัย
และได้มีการประยุกต์ใช้แนวคิดการประเมินในรูปแบบ U-Multirank
เพื่อกำหนดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ตามกฎกระทรวงการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๔ มีการกำหนดตัวชี้วัดการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกไว้ในแผน ด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ และได้ยกร่างแผนการดำเนินงานการสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือของสถาบันอุดมศึกษาไทยกับเครือข่ายนานาชาติ
รวมทั้งได้ออกประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา เรื่อง แนวทางการดำเนินงานคลังหน่วยกิตในระดับอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๕ และประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการเทียบโอนหน่วยกิตและผลการศึกษาในระดับอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้ที่ไม่มีสถานภาพเป็นนักศึกษาสามารถนำผลการเรียนและผลลัพธ์การเรียนรู้จากวิชาและหลักสูตรต่าง
ๆ หรือนำประสบการณ์ทำงานมาเทียบโอนและสะสมหน่วยกิตไว้ที่คลังหน่วยกิตแห่งชาติ
แล้วสามารถนำมาขอรับปริญญาบัตร จากสถาบันอุดมศึกษาของไทยได้ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2748 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา | อว. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
แนวทางการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการศาสนา
คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วสรุปผลการพิจารณาว่าการจัดตั้งสถาบันภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน
(องค์การมหาชน) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูล ค้นคว้า เผยแพร่
ส่งเสริมและสนับสนุนเกี่ยวกับภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน รวมทั้งทำหน้าที่บูรณาการขับเคลื่อนงานกับภาคส่วนต่าง
ๆ เพื่อวางกรอบนโยบายเกี่ยวกับภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ซึ่งปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่มีภารกิจดังกล่าว
เช่น กระทรวงวัฒนธรรม (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย)
สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยภาษาและนวัตกรรมเอเชีย
มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันภาษาไทยสิรินธรจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนั้น
เพื่อไม่ให้เกิดความทับซ้อนของภารกิจ
จึงเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นในการจัดตั้งสถาบันภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดินเป็นองค์การมหาชน
อย่างไรก็ตาม ควรจัดตั้งสถาบันฯ ให้เป็นหนึ่งในสถาบันภายใต้วิทยสถานด้านสังคมศาสตร์
มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย (Thailand Academy of Social Sciences, Humanities and Art :
TASSHA) หรือ “ธัชชา” ร่วมกับสถาบันที่มีอยู่แล้ว ได้แก่
สถาบันสุวรรณภูมิศึกษา สถาบันโลกคดีศึกษา สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง
สถาบันพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมแห่งชาติ และสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น เนื่องจากบทบาทและพันธกิจของธัชชาเป็นไปในลักษณะเดียวกับบทบาทของสถาบันฯ
เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในระยะยาวอันเนื่องมาจากการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจากการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงาน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2749 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567)] | ปสส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๕
มีนาคม ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่. ..)
พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2750 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอการสร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิตรองรับสังคมสูงวัย ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สธ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
ข้อเสนอการสร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิตรองรับสังคมสูงวัย
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ
และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วสรุปผลการพิจารณาว่ากระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสถานชีวาภิบาล
รองรับผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิงติดบ้านติดเตียง
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบประคับประคอง
เป็นการดูแลต่อเนื่องตั้งแต่ระยะแรกจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
รวมถึงการดูแลผู้ป่วยแบบ Hospital at Home/Home Ward
ด้วยการดูแลอย่างเป็นระบบ อีกทั้งมี caregiver care manager ทีมสหวิชาชีพ จิตอาสาในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
และมีการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรที่ไม่ใช่บุคลากรด้านสุขภาพที่ทำงานเกี่ยวกับการดูแลแบบประคับประคองในสถานรับดูแลต่าง
ๆ อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้อภิบาลผู้สูงอายุ
ผู้ให้คำแนะนำปรึกษา อาสาสมัคร เพื่อให้ระบบการดูแลแบบประคับประคอง
มีบุคลากรที่มีศักยภาพ มีความรู้ ความสามารถ และขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2751 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567) | ปสส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่. ..) พ.ศ. .... และญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี
โดยไม่มีการลงมติ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๓๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๗
มีนาคม ๒๕๖๗ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๓๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)
วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)
วันศุกร์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2752 | การผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2567 | รง. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
เดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗
ในช่วงระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการดำเนินการ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา
ซึ่งเข้ามาเพื่อทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงานหรือได้รับอนุญาตทำงานในเรือประมงและมีหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง
หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สามารถเดินทางออกนอกราชอาณาจักรกลับประเทศต้นทางเพื่อไปร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๗ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2753 | การนำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ในส่วนที่เกี่ยวกับวินัยและโทษผิดวินัยมาใช้บังคับกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ โดยอนุโลม | มท. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรมการปกครองในฐานะองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของกำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
นำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.๒๕๕๑
ในส่วนที่เกี่ยวกับวินัยและโทษผิดวินัยมาใช้บังคับกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
แพทย์ประจำตำบล และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโดยอนุโลม นับแต่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ
โดยไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินการทางวินัยที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
ให้นำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕
มาใช้บังคับก่อนคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรคำนึงถึงลักษณะของการกระทำผิดและผลกระทบที่จะเกิดแก่ราชการในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษกำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ เนื่องจากเกษียณหรือพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว และกรณีมีมติชี้มูลความผิดข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ซึ่งออกจากราชการแล้ว
ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2754 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ด้านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น | พณ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ด้านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และบริษัทไชน่า
ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านโอกาสทางการค้าและการลงทุนในประเทศไทยและจีนรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์หรือการขยายธุรกิจของบริษัทไชน่า
ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น ในประเทศไทย การส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าไทยในสถานีบริการน้ำมันบริษัทไชน่า
ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น การสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจต่าง ๆ เช่น
การสัมมนาการประชุม การจับคู่ธุรกิจ งานแสดงสินค้า การจัดคณะผู้แทนการค้า ฯลฯ
รวมทั้งแสวงหา ส่งเสริม และพัฒนาโอกาสในการสร้างความร่วมมือระหว่างกัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด
(หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนที่สุด ที่ อส ๐๐๐๖/๔๓๒๖ ลงวันที่ ๒๒ มีนาคม
๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเร่งให้ข้อมูล/ความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบ
หลักเกณฑ์เงื่อนไข ขั้นตอนที่เกี่ยวกับการส่งออก และการจดทะเบียน เครื่องหมายการค้า/สิทธิบัตรซึ่งรวมถึงการบังคับใช้สิทธิและความคุ้มครอง
ตลอดจนให้คำปรึกษาแนะนำและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้าร่วมโครงการฯ
ให้สามารถจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า/สิทธิบัตรในประเทศจีน ก่อนการเข้าไปทำการตลาด
เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะถูกละเมิดสิทธิ และควรดำเนินการติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจากการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ
ดังกล่าวเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2755 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | กต. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกลไกความร่วมมือทวิภาคีที่เป็นรูปธรรมเพื่อกระชับความสัมพันธ์
ขยายความร่วมมือ และส่งเสริมความเข้าใจร่วมกัน
ตลอดจนทบทวนและแลกเปลี่ยนมุมมองในมิติความสัมพันธ์ทวิภาคี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มกราคม ๒๕๖๗
ที่ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะทำความตกลงระหว่างประเทศทุกประเภทดำเนินการให้ถูกต้อง ชัดเจน
และปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และในกรณีที่ต้องมีการปรับแก้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อผลประโยชน์ของไทย
เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ตามความเหมาะสม
โดยให้รวบรวมผลการปรับแก้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
กับผลการปรับแก้เอกสารผลลัพธ์ความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น ๆ
พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2756 | ขออนุมัติงบประมาณอุดหนุนค่าอาหารกลางวันของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา | ศธ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการอนุมัติงบประมาณอุดหนุนค่าอาหารกลางวันของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๑-๓ ของโรงเรียนขยายโอกาส
สำหรับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกรุงเทพมหานคร
ระยะเวลา ๒๐๐ วัน/ปีการศึกษา ให้มีผลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
โดยใช้อัตราตามขนาดของโรงเรียนเช่นเดียวกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน
๒๕๖๕ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยในกรณีที่เป็นโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอน
ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓
ขอให้คำนวณจำนวนนักเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอนของทั้งโรงเรียนเพื่อกำหนดเป็นขนาดของโรงเรียน
ในการประมาณการค่าอาหารกลางวันดังกล่าว ทั้งนี้
ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงการนำเงินนอกงบประมาณมาสมทบ
ตลอดจนมีการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณที่มีอยู่อย่างเพียงพอและเกิดประโยชน์สูงสุด
ให้สอดคล้องกับขนาดของโรงเรียนและจำนวนนักเรียนอย่างเหมาะสมและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกมิติในการสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว
รวมถึงการกำหนดมาตรการ กลไกและกระบวนการติดตามประเมินผลให้มีความชัดเจน
โปร่งใสและตรวจสอบได้ เกิดผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงสาธารณสุขและกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ที่เห็นควรให้ความสำคัญและกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ในอนาคตอาจมีการพิจารณาปรับเพิ่มงบประมาณอุดหนุนค่าอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนให้มีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ
เพื่อให้เด็กนักเรียนได้รับประทานอาหารกลางวันที่มีความหลากหลาย เหมาะสม
และมีคุณค่าครบถ้วนตามหลักโภชนาการ รวมถึงลดความกังวลของผู้ปกครองที่มีรายได้น้อยให้ได้มีโอกาสที่เท่าเทียมในระบบการศึกษา
และเด็กนักเรียนได้รับการพัฒนาศักยภาพตามช่วงวัยอย่างเหมาะสมต่อไป ควรพิจารณาแนวทางในการส่งเสริมให้เกิดการระดมทรัพยากรและความร่วมมือจากภาคส่วนอื่น
ๆ
โดยเฉพาะการนำรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมมาสนับสนุนและสมทบการดำเนินการ
ผ่านการหารือและปรับปรุงข้อกฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณของภาครัฐ ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบติดตามประเมินผลลัพธ์การดำเนินการที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าทางภาวะโภชนาการของนักเรียนเพื่อประโยชน์ต่อการวิเคราะห์และจัดสรรเงินอุดหนุนในระยะต่อไป
ควรให้หน่วยงานต้นสังกัดของโรงเรียนขยายโอกาส
ติดตามการจัดอาหารกลางวันที่มีคุณภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการให้เพียงพอตาม “มาตรฐานอาหารกลางวันโรงเรียนไทย”
และควรทำการประเมินภาวะโภชนาการที่ถูกต้องให้กับนักเรียนขยายโอกาส
เพื่อที่จะนำผลการประเมินงานดังกล่าวไปปรับปรุงพัฒนาในโอกาสต่อไป และติดตามพัฒนาการทางร่างกายและการเรียนรู้ของนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
เพื่อเป็นมาตรการป้องกันภาวะทุพโภชนาการและความเสี่ยงอื่น ๆ
รวมทั้งป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2757 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณสำหรับจ้างเหมาบริการนักการภารโรง | ศธ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการจ้างนักการภารโรงให้ครบทุกโรงเรียนในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ และให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน)
จัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจ ความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป สำหรับการดำเนินงานในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ และปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน)
พิจารณาทางเลือกอื่นที่เป็นเทคโนโลยีทันสมัย เช่น
ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาใช้ในการรักษาความปลอดภัยของโรงเรียน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมด้านทรัพยากรและงบประมาณที่สามารถนำครุภัณฑ์และเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในการดูแลความปลอดภัยของอาคารสถานที่และทรัพย์สินของโรงเรียนได้
ทั้งนี้ ให้นำผลการติดตามและประเมินผลการจ้างนักการภารโรงในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
มาประกอบการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า
และเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการในการกำหนดทางเลือกดังกล่าวด้วย
และให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เช่น ควรจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจความจำเป็นและเหมาะสม
รวมถึงกำหนดมาตรการและแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ควรพิจารณาแนวทางอื่น ๆ
ควบคู่กันไป โดยเฉพาะในกลุ่มโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมด้านทรัพยากรและงบประมาณ
ซึ่งสามารถนำครุภัณฑ์และ/หรือเทคโนโลยี เช่น กล้องวงจรปิด
มาช่วยดูแลความปลอดภัยของอาคาร สถานที่ และทรัพย์สินของโรงเรียน ซึ่งจะช่วยลดค่าเสียโอกาสต่อการใช้งบประมาณของภาครัฐในระยะยาว
การใช้อัตรากำลังควรพิจารณาความเหมาะสมให้สอดคล้องกับปริมาณงานโดยนำข้อมูลในส่วนของจำนวนนักเรียน
ขนาดโรงเรียน แผนการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก และข้อมูลอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบ รวมทั้งควรพิจารณาปรับปรุงรูปแบบและวิธีการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกำลังคนสำหรับรองรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2758 | ขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยนในการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม 10th Meeting of the Advisory Committee | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
10th Meeting of the Advisory Committee โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full powers) ให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความรับผิดชอบของประเทศเจ้าภาพและสำนักงานเลขาธิการ
CMS เช่น (๑) สำนักงานเลขาธิการ CMS จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดประชุม
(๒) ไทยในฐานะเจ้าภาพ จะอำนวยความสะดวกในการดำเนินการขอรับการตรวจลงตรา (visa)
สำหรับผู้เข้าร่วมประชุม และให้ความคุ้มครองและรับผิดชอบด้านเอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้เข้าร่วมประชุมตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสหประชาชาติ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนในการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
10th Meeting of the Advisory Committee ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าหากมีค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้น
ให้พิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรก
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2759 | ขอความเห็นชอบแผนความต้องการอัตรากำลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2572 | อว. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแผนความต้องการอัตรากำลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์
ศูนย์พัทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๒ จำนวน ๖๖๒ อัตรา
งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒๓๗,๙๘๖,๔๐๐ บาท ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน
ก.พ.ร. รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การขอกรอบอัตรากำลังเพิ่มใหม่ควรดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักการและแนวทางการบริหารจัดการอัตรากำลังที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ
(พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) การจ้างบุคลากรในสายสนับสนุนควรพิจารณาตามความจำเป็นและความเหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจ
โดยใช้รายได้ของมหาวิทยาลัยมาสมทบเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับงบประมาณรองรับแผนอัตรากำลังดังกล่าวให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยพิจารณาดำเนินการเท่าที่จำเป็นตามภารกิจหลักอย่างประหยัดและคุ้มค่า
และคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
โดยใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นลำดับแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2760 | การเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ | นร. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่กำลังจะมาถึง
คาดว่าจะมีประชาชนใช้เส้นทางคมนาคมและบริการรถขนส่งสาธารณะเดินทางไป-กลับจากภูมิลำเนาหรือเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง
ๆ ทั่วประเทศมากกว่าปกติเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ
แก่ประชาชนให้สามารถเดินทางได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย
รวมตลอดถึงการจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนเพื่อมิให้เกิดความแออัด
และการบริหารจัดการการจราจรและการใช้สายทางต่าง ๆ ให้เกิดความเรียบร้อย เหมาะสม
เพื่อมิให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางสายหลักต่าง ๆ
ที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้และอยู่ในระหว่างการก่อสร้างทำให้ไม่สามารถใช้ผิวทางจราจรได้อย่างเต็มศักยภาพ
เช่น ถนนพระราม ๒
|