ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1240 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 24781 - 24800 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24781 | รายงานผลการดำเนินงานประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน - 2 กันยายน 2557) ของกระทรวงแรงงาน | รง | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มิถุนายน-๒ กันยายน ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการภายใต้มาตรการต่าง ๆ เพื่อให้มีการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานอย่างเป็นระบบ ได้แก่ การจัดระเบียบบริษัทจัดหางาน สาย/นายหน้า การจัดระเบียบแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว การลดค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว การจัดระเบียบเรือประมงและแรงงานภาคประมง การตรวจป้องปรามเพื่อลดความเสี่ยงการค้ามนุษย์ การเพิ่มความพยายามในการระบุเหยื่อค้ามนุษย์ด้านแรงงาน การยกระดับการคุ้มครองแรงงาน การส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายการคุ้มครองแรงงาน การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และการอบรม/ประชุม/สัมมนา ๒. การดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการภายใต้คณะอนุกรรมการศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ด้านแรงงาน สาธารณสุข และความมั่นคง ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS) ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ แนวทางการจัดระบบแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในลักษณะไป-กลับ แนวทางการฝึกอบรมฝีมือแรงงานไทยบริเวณชายแดนและแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และการดำเนินงานสนับสนุนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
24782 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ 3 เดือน (ตุลาคม - ธันวาคม 2557) | พณ | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ ๓ เดือน (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗)
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และการเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ๒. ประเด็นเรื่องที่เป็นประเด็น/โครงการสำคัญเร่งด่วน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาราคาข้าวและการระบายข้าว การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่กำลังออกตามฤดูกาล และการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๓. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและค่าครองชีพ และการสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
|
|||||||||||||||||||||
24783 | ร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามของผู้บริหารและพนักงานรัฐวิสาหกิจให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายโดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจตามร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้มีความสอดคล้องกับแนวทางและหลักการการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของข้าราชการพลเรือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||
24784 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (จำนวน 5 คน 1. นายดาวิน นารูลา ฯลฯ) | ยธ | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายดาวิน นารูลา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ๒. นางเพทาย ปทุมจันทรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ ๓. พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ๔. นางสาวศุภมาศ พยัฆวิเชียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายไพฑูรย์ สว่างกมล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
24785 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ) | ทส | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24786 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รักษาราชการแทน ในลำดับที่ ๑ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รักษาราชการแทน ในลำดับที่ ๒
|
|||||||||||||||||||||
24787 | การจัดทำเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 | กค | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์ท่านให้แผ่ไพศาลทั้งในประเทศและนานาประเทศ ตลอดจนน้อมนำจิตใจของปวงชนชาวไทยให้แสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24788 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2558 | กค | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางในการปฏิรูปทุนหมุนเวียนในกรณีที่จะต้องดำเนินการปรับปรุง พัฒนา ยุบรวม หรือยุบเลิกกองทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้จัดทำกรอบในการจัดทำ “แผนปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงาน ระยะเวลา ๓ ปี” ของกองทุนหมุนเวียนที่อยู่ในข่าย “ปรับปรุง/พัฒนา” และจัดทำ “แผนทบทวนและฟื้นฟูประสิทธิภาพการดำเนินงาน ระยะเวลา ๑ ปี” ของทุนหมุนเวียนที่อยู่ในข่าย “ไม่ผ่าน” โดยเทียบเคียงกับการจัดทำแผนฟื้นฟูของรัฐวิสาหกิจ ๒. จัดประชุมหัวหน้าหน่วยงานเจ้าของทุนหมุนเวียน จำนวน ๓๐ ทุน เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการนำเงินของทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนเกินความจำเป็นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน โดยมีขั้นตอนและวิธีการ คือ ๒.๑ หน่วยงานเจ้าของทุนหมุนเวียนจัดทำแผนปฏิบัติการฯ จำแนกตามลักษณะของกรณีเป็นเงินฝากที่กระทรวงการคลัง หรือเงินฝากประเภทออมทรัพย์ในธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ให้นำส่งเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ และกรณีเป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ประเภทประจำ หรือลงทุนในตราสารทางการเงิน ให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายใน ๕ วันทำการ นับจากวันที่ครบกำหนดของเงินฝากประจำหรือวันครบกำหนดไถ่ถอนตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ ให้นำส่งจนครบวงเงินที่ต้องนำส่งตามมติคณะรัฐมนตรีของแต่ละทุนหมุนเวียน ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๒.๒ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการให้องค์การของรัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรเข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีหนังสือสั่งการไปยังหัวหน้าหน่วยงานเจ้าของทุนหมุนเวียนให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ๒.๓ หน่วยงานเจ้าของทุนหมุนเวียนจัดส่งรายงานผลการนำเงินสภาพคล่องส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามแบบที่กรมบัญชีกลางกำหนด ๓. สรุปผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ณ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ มีทุนหมุนเวียนที่นำส่งตามแผนปฏิบัติการฯ จำนวน ๒๙ ทุน โดยมีประเด็นรอความชัดเจนในข้อกฎหมาย ๑ ทุน ได้แก่ กองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า ยอดเงินเรียกนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน รวม ๒๘,๑๐๗.๑๗ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
24789 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กขย.) รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล (กขร.) และรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้พิจารณารายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการทุกคณะแล้ว เห็นควรที่จะได้มีการติดตามงานที่มีความสำคัญ ได้แก่ การช่วยเหลือเกษตรกร การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา การเร่งรัดกระบวนการยุติธรรม การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว และการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า ๒. ให้คณะกรรมการและผู้ประสานงานเพื่อเชื่อมโยงการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๕ คณะ ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กขย.) (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน) (๒) คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) (นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน) คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เป็นประธาน) คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และผู้ประสานงานบูรณาการการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล (ระดับกระทรวง) (ปขก.) จัดทำแผนการดำเนินงานของแต่ละคณะส่งให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อบูรณาการแล้วเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทาง เป้าหมาย และวัตถุประสงค์เดียวกันตามนัยข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ด้านการบริหารราชการและอื่น ๆ
|
|||||||||||||||||||||
24790 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | กค | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยภาพรวมงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๑,๔๓๐,๐๖๒ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ จำนวน ๑๐๔,๗๔๘ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ และผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้ แล้วให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดนำผลการดำเนินการในเรื่องนี้ไปใช้ประกอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่ระดับอธิบดีขึ้นไป ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ)
|
|||||||||||||||||||||
24791 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก)] | สว | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งนางจินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร กับคณะ เป็นผู้เสนอ (ความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก)] ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสภาทนายความ เห็นด้วยในหลักการและมีข้อสังเกตบางประการ สำหรับกระทรวงยุติธรรมชี้แจงว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาในความผิดเกี่ยวกับเพศที่มีเด็กเป็นองค์ประกอบความผิด และแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามการกระทำชำเรา โดยมีหลักการทำนองเดียวกันกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ๑.๒ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นด้วยกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติฯ และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับบทนิยามคำว่า “สื่อลามกอนาจารเด็ก” ขอบเขตของ “สื่อลามกอนาจารเด็ก” การกำหนดองค์ประกอบความผิดตามร่างมาตรา ๒๘๗/๑ ในส่วนที่ว่า “โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน" และประเด็นเรื่องอายุของเด็กที่จะได้รับความคุ้มครองจากการกำหนดความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เป็นต้น ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นางจินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในกำหนดเวลา พร้อมแจ้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
24792 | การจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา | รง | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา หลังวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ดำเนินการกับแรงงานต่างด้าว จำนวน ๔ กลุ่ม ๑.๑.๑ กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ผ่านการตรวจสัญชาติแล้ว ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและอนุญาตทำงาน จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ เนื่องจากแรงงานกลุ่มนี้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด โดยอนุญาตให้ทำงานต่อได้อีกไม่เกิน ๒ ปี หลังสิ้นสุดการอนุญาต ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ แล้ว เมื่อครบกำหนดแรงงานกลุ่มนี้ต้องเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และสามารถกลับเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (ตาม MOU) ได้ในโอกาสต่อไป ๑.๑.๒ กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ถือใบอนุญาตทำงานที่ออกให้ ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ที่ยังไม่ได้เข้ารับการตรวจสัญชาติ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ให้มารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่ ภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ และขอรับใบอนุญาตทำงาน ซึ่งแรงงานต่างด้าวดังกล่าวจะได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา ๑ ปี และได้รับอนุญาตให้ทำงานได้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสัญชาติให้แล้วเสร็จ เมื่อผ่านการตรวจสัญชาติแล้วจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และอนุญาตทำงานต่อไปอีก ๒ ปี ๑.๑.๓ กลุ่มที่ไม่มารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่ และขออนุญาตทำงาน ภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ให้ดำเนินการตรวจสอบ ติดตาม จับกุม และผลักดันส่งกลับตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ๑.๑.๔ กลุ่มผู้ติดตาม ให้ผู้ติดตามมารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่พร้อมกับแรงงานต่างด้าว ภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ผู้ติดตามที่มารายงานตัวจะมีสิทธิอยู่ในราชอาณาจักรเช่นเดียวกับแรงงานต่างด้าวตามข้อ ๑.๑.๑ หรือ ๑.๑.๒ แล้วแต่กรณี สำหรับผู้ติดตามที่ไม่มารายงานตัวจะต้องถูกดำเนินการผลักดันพร้อมแรงงานต่างด้าวตามข้อ ๑.๑.๓ ๑.๒ การแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงทะเล ๑.๒.๑ การแก้ไขปัญหาระยะสั้นโดยการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเล ให้ดำเนินการผ่อนผันแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ (จดทะเบียนปีละ ๒ ครั้ง) และให้นายจ้างยื่นแบบแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว และให้นำแรงงานต่างด้าวไปทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพ ประกันสุขภาพ และขออนุญาตทำงาน ๒๕๕๘ ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ในพื้นที่จังหวัดชายทะเล ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๒.๒ การแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยการนำเข้าแรงงานประมงต่างด้าวถูกกฎหมายตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๗ ขั้นตอน ได้แก่ (๑) การลงทะเบียนแรงงาน นายจ้าง และรวบรวมความต้องการแรงงานประมง (๒) การรับสมัครแรงงานไทยและการอนุมัตินำเข้าแรงงานต่างด้าว (๓) การคัดเลือกบริษัทจัดหางานที่ถูกกฎหมายกรณีนำเข้าแรงงานต่างด้าว (๔) การนำเข้าแรงงานต่างด้าว สมาคมการประมงแห่งประเทศไทยในฐานะตัวแทนสมาชิก หรือนายจ้างประมง ประสานการดำเนินงานกับบริษัทจัดหางาน (๕) การดูแลแรงงานประมงก่อนลงเรือ โดยการปฐมนิเทศ ชี้แจงข้อปฏิบัติให้แรงงานทราบ (๖) การควบคุมตรวจติดตามเรือประมงและแรงงานบนเรือ และ (๗) การลงโทษหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการได้ตามความเหมาะสม สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการดำเนินการ ๑.๓ การปรับปรุงบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และรัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชา ให้กระทรวงแรงงานขอความเห็นชอบคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะการปรับระยะเวลาการกลับเข้าทำงานใหม่ของแรงงานต่างด้าวหลังทำงานครบกำหนด ๔ ปี จากเดิมกำหนดไว้ ๓ ปี ลดลงเหลือ ๓๐ วัน เพื่อความต่อเนื่องของการทำงานและสอดคล้องกับระยะเวลาการเตรียมการจัดทำเอกสารเพื่อกลับเข้ามาทำงานใหม่ รวมทั้งแรงงานได้กลับไปเพื่อพักผ่อนอยู่กับครอบครัวหลังจากเข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพและออกใบรับรองแพทย์ ให้ดำเนินการโดยหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และให้มีมาตรการบังคับในการซื้อบัตรสุขภาพแรงงานต่างด้าวควบคู่ไปกับการตรวจสัญชาติ เพื่อการออกใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และใบอนุญาตทำงานตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งกำหนดหน่วยประสานข้อมูลบุคคลที่ถูกต้อง รวดเร็ว เพื่อใช้ในการดำเนินงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขกำหนดรายละเอียดการพัฒนาระบบและดำเนินงานด้านการตรวจสุขภาพและการประกันสุขภาพคนต่างด้าวทั้งระบบ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานพิจารณากำหนดมาตรการในการจัดระบบแรงงานต่างด้าวที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนให้ครบถ้วนและเป็นระบบ โดยให้ครอบคลุมถึงแรงงานสัญชาติเวียดนาม บังกลาเทศ เนปาล และชาวไทยภูเขา เป็นต้น เพื่อให้การจัดระบบแรงงานต่างด้าวมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว ทั้งนี้ ให้ประสานงานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อรายงานความก้าวหน้าในเรื่องนี้สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำรายงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้ต่างประเทศทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||
24793 | การปรับปรุงการปฏิบัติราชการและหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ของสำนักงบประมาณ | นร07 | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงการปฏิบัติราชการและหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. การปรับปรุงการดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๑ ให้หัวหน้าส่วนราชการ/ผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินรายการค่าที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกันได้ รวมถึงให้แก้ไขข้อความที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องได้ โดยไม่ต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ๑.๒ ให้ส่วนราชการเร่งรัดจัดสรรงบประมาณไปยังหน่วยงานภูมิภาคภายใน ๓ วันทำการ ๑.๓ ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น/ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจอนุมัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการได้ โดยอยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดิม และไม่เป็นการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของรายการ สำหรับกรณีเปลี่ยนวัตถุประสงค์ให้ดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณฯ ๑.๔ กำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการฯ/ผู้ว่าราชการจังหวัด โอนงบประมาณไปสมทบรายการค่าครุภัณฑ์/ที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างที่มีผลการจัดซื้อจัดจ้างเกินกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับ ได้อีกไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับจัดสรร ๒. การปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินการตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒.๑ กำหนดให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาควบคู่ไปกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการ ๒.๒ ให้ส่วนราชการฯ สามารถเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ซึ่งกระทบต่อวัตถุประสงค์ของรายการภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกันได้โดยไม่ต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ๓. ให้ส่วนราชการฯ ขอทำความตกลงแบบรูปรายการมาตรฐานสิ่งก่อสร้างที่กำหนดขึ้นเฉพาะหน่วยงาน กับสำนักงบประมาณให้เป็นปัจจุบัน ๔. การเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณที่กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี ให้ส่วนราชการฯ ดำเนินการตามแนวทางข้อ ๑ และข้อ ๒ โดยอนุโลม ๕. การเร่งรัดขั้นตอนการดำเนินการของสำนักงบประมาณ ประกอบด้วย การพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ การพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง การพิจารณาความเหมาะสมของราคารายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ การพิจารณาอนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ จัดสรรงบประมาณตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
24794 | การเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ | นร | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการถือปฏิบัติเกี่ยวกับการเดินทางไปศึกษาดูงาน การจัดประชุม อบรม สัมมนาในต่างประเทศ ดังนี้
๑. ให้หัวหน้าส่วนราชการ (กระทรวง/กรม) หรือเทียบเท่า ผู้บริหารของส่วนราชการทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น กรรมการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ นิติบุคคลที่รัฐถือหุ้น งดเว้นการเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ยกเว้นกรณีเข้าร่วมประชุม อบรม สัมมนาตามพันธกรณี ข้อตกลงระหว่างประเทศหรือหลักสูตรการศึกษาที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยหากมีความจำเป็นให้ขออนุมัติต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นรายกรณี และให้รวบรวมเสนอคณะรัฐมนตรีทราบเป็นรายเดือน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติปฏิบัติในแนวทางเดียวกันด้วย ๒. หากหน่วยงานเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาดูงาน อบรม หรือสัมมนา ให้ปรับเปลี่ยนเป็นการศึกษาดูงานภายในประเทศแทน โดยเฉพาะการศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการตามแนวพระราชดำริต่าง ๆ หรือให้พิจารณาเชิญวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาบรรยาย ซึ่งจะได้ประโยชน์และเป็นการประหยัดงบประมาณยิ่งขึ้น ๓. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดให้ข้าราชการเดินทางด้วยเครื่องบินในชั้นโดยสาร ดังนี้ ๓.๑ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (อธิบดีหรือเทียบเท่าผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ตรวจราชการ เอกอัครราชทูต รองปลัดกระทรวง) ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ ให้เดินทางภายในประเทศในชั้นประหยัดและเดินทางต่างประเทศในชั้นธุรกิจ ๓.๒ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้น ประเภทอำนวยการ ระดับสูง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ให้เดินทางทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในชั้นประหยัด ทั้งนี้ ในระหว่างที่กระทรวงการคลังดำเนินการปรับปรุงระเบียบฯ ให้ข้าราชการถือปฏิบัติตามแนวทางข้างต้นตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||
24795 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่รัฐบาล (คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) ได้มีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO-Car) นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle-EV Car) ต่อไปด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เช่น ผลผลิตทางการเกษตร ๑.๓ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายกระชับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มประเทศกัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม (CLMV) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนไปสู่ประชาคมอาเซียนด้วยกันนั้น ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดทำ Website เพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบถึงความสำคัญและการดำเนินการต่าง ๆ ของรัฐบาลในเรื่องนี้ รวมทั้งเป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างกัน โดยอาจเชื่อมโยง Website ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกลุ่มประเทศ CLMV และให้ทุกหน่วยงานที่มีแผนดำเนินการต่าง ๆ ร่วมกับประเทศในกลุ่ม CLMV ตรวจสอบว่ามีความร่วมมือใด ๆ ตามแผนที่จะต้องจัดทำเป็นบันทึกความเข้าใจหรือไม่ แล้วให้ดำเนินการจัดทำเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดเป้าหมายการพัฒนานักเรียน โดยนักเรียนที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จะต้องอ่านออกเขียนได้ และนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจะต้องมีวิชาเลือกเป็นวิชาชีพเสริม เพื่อเป็นทางเลือกให้นักเรียนมีโอกาสได้รับรู้ถึงความถนัดของตนเอง โดยให้เริ่มดำเนินการได้ภายใน ๖ เดือน รวมทั้งในการกำหนดหลักสูตรการสอนทุกระดับจะต้องมีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศและการพัฒนาในพื้นที่ เช่น การกำหนดหลักสูตรอาชีวะด้านเทคโนโลยีการขนส่ง เพื่อรองรับการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดบริเวณเส้นทางที่เป็นจุดตัดทางรถไฟ ด้วยการติดตั้งเครื่องกั้น ป้ายหยุด ป้ายเตือน เนินชะลอความเร็ว ไฟสัญญาณเตือนต่าง ๆ เป็นต้น ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ทั้งนี้ หากมีงบประมาณไม่เพียงพอให้ประสานสำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามความเร่งด่วนและจำเป็นต่อไปด้วย รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟลอดผ่านถนนตามแยกต่าง ๆ ที่มีการจราจรคับคั่ง เช่น บริเวณสี่แยกยมราช เป็นต้น ๒.๓ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการดูแลและเยียวยาเหยื่อจากการค้ามนุษย์หรือจากการใช้แรงงานประมงโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งให้มุ่งเน้นการดูแลและเยียวยาเหยื่อจากการค้ามนุษย์ด้วย ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลความเหมาะสมของสถานที่ใช้ควบคุมผู้ต้องขังสตรี สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน หรือสถานที่ควบคุมผู้ต้องหาที่เป็นเด็กและเยาวชน สตรี โดยจัดสวัสดิการที่เหมาะสมกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวไว้โดยเฉพาะ และควรสอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำของสหประชาชาติเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ตามที่คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติได้มีมติว่า การดำเนินโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส มีการปฏิบัติกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ จึงให้หน่วยงานตระหนักและให้ความสำคัญกับแนวทางข้างต้น หากพบว่ามีการละเว้นการปฏิบัติ ผู้ที่เกี่ยวข้องจะถูกดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายจนถึงที่สุด ๔.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) สอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) นั้น ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้การสนับสนุนการดำเนินการข้างต้นด้วย ๔.๓ ในการแต่งตั้งประธานกรรมการบริหาร รวมถึงผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้สำหรับรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ และตามที่บัญญัติในกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งพิจารณาระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง ซึ่งควรมีระยะเวลามากกว่า ๑ ปี เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ๔.๔ ให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operation) โดยจัดทำข้อมูลในภารกิจสำคัญของหน่วยงานที่แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินการที่เป็นการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประชาชน หรือทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และแผนการดำเนินการในระยะต่อไป และส่งให้กรมประชาสัมพันธ์และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สำนักโฆษก) ใช้ในการสื่อสารกับประชาชนเพื่อสร้างการรับรู้อย่างกว้างขวาง รวมทั้งให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) และกรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการเร่งสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน เช่น การเปรียบเทียบค่าจ้างแรงงานในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับต้นทุนแรงงานที่แตกต่างกัน สาเหตุของการส่งออกที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา แนวทางการพัฒนาคนโดยมุ่งสร้างเยาวชนที่รักการอ่านและสามารถวิเคราะห์ได้ การส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แนวทางการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ๔.๕ ให้ทุกหน่วยงานส่งเรื่องที่เป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลดำเนินการ เช่น โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา การส่งเสริมการใช้จักรยานในการสัญจร การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย การพัฒนาคูคลอง การแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเพื่อบูรณาการแนวทางการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี และให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกรุงเทพมหานครพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา เช่น การขยายเส้นทางจักรยานริมน้ำ การขยายเส้นทางสัญจรทางน้ำ โดยให้เชื่อมกับเส้นทางบนบก เช่น การสัญจรโดยเรือเล็ก เรือพาย ระหว่างสองฝั่งของเมืองหรือระหว่างเส้นทางที่มีปัญหาการจราจรติดขัดมาก และให้ดำเนินการจัดระเบียบการค้าขายริมทางเท้า โดยอาจจะจัดการค้าขายทางน้ำเพิ่มขึ้น รวมทั้งการดูแลความสะอาดของพื้นที่ทางบกและทางน้ำด้วย ๔.๖ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำแนวลำคลองและทางระบายน้ำ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการจัดหาที่อยู่ใหม่ให้แก่ประชาชนกลุ่มดังกล่าว ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๔.๗ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) ร่วมกันพิจารณาประเมินผลการกระจายอำนาจทางการบริหารให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านมาว่าทำให้การบริหารราชการแผ่นดินของประเทศมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างไร มีกรณีใดที่ประสบปัญหาและควรปรับปรุงแก้ไข และเสนอแนวทางการปรับปรุงต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
24796 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทยจะต้องพิจารณาให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งในภาคประมง การค้าประเวณีเด็ก แรงงานบังคับ และแรงงานต่างด้าวด้วย ประกอบกับกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นบทบัญญัติกฎหมายสำคัญที่เป็นกลไกการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเป็นข้อเรียกร้องให้ประเทศไทยต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ตามรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report : TIP Report) จึงเห็นควรให้นำข้อสังเกตตามรายงานดังกล่าวไปพิจารณาในชั้นกรรมาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทยมีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นที่ยอมรับกับนานาประเทศ ไปดำเนินการประสานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และ ๒.๑ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๒ ให้เสนอพิธีสาร ๒ ว่าด้วยสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ห้า แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒.๓ เห็นชอบรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
24797 | การชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ | นร | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้ประสานสภาปฏิรูปแห่งชาติเกี่ยวกับหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ นั้น ขอชี้แจงให้คณะรัฐมนตรีทราบว่าในการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ ประธานหรือรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติที่ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติมอบหมาย จะเป็นผู้ลงนามถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวง และการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ ควรเป็นรัฐมนตรีหรือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
24798 | รายงานผลการจัดงานตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพและการพัฒนาตลาดกล้วยไม้ | กษ | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการจัดงานตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพและการพัฒนาตลาดกล้วยไม้ ณ ริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เพื่อเป็นช่องทางการจำหน่ายกล้วยไม้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไม้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการจำหน่ายและการส่งออกที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา รองรับช่วงเวลาที่กล้วยไม้ตัดดอกให้ผลผลิตสูง และส่งเสริมให้ผู้ผลิต ผู้ค้าและประชาชนทั่วไปได้เลือกซื้อกล้วยไม้ รวมทั้งรับทราบความก้าวหน้าในการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกล้วยไม้ไทย โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การจัดแสดงนวัตกรรมกล้วยไม้ไทย การจำหน่ายกล้วยไม้และไม้ประดับ กิจกรรมส่งเสริมการขาย/การตลาด และกิจกรรมวิชาการ มีร้านจำหน่ายกล้วยไม้ ไม้ดอก/ไม้ประดับ และปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวข้อง จากจังหวัดต่าง ๆ เช่น จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี กรุงเทพมหานคร เข้าร่วม จำนวน ๔๐ ร้าน รวม ๗๐ บูท มียอดจำหน่ายตลอดงาน รวมทั้งสิ้น ๑๐,๕๑๙,๖๐๑ บาท เฉลี่ยวันละ ๒๕๐,๔๖๗ บาท ทั้งนี้ ในระยะต่อไปได้มีแนวทางการพัฒนาตลาดกล้วยไม้โดยจะมีการจัดตลาดนัดกล้วยไม้ถาวร ณ ตลาดองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร การจัดตั้งอาคารตลาดกล้วยไม้ขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร การพัฒนาคุณภาพกล้วยไม้เพื่อการส่งออก และการส่งเสริมการตลาดและภาพลักษณ์กล้วยไม้ไทย
|
|||||||||||||||||||||
24799 | รายงานสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ 10 จังหวัด ภาคเหนือ | ทส | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือเกิดขึ้นจาก ๒ สาเหตุ คือ การเผาทำลายป่าในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดและอ้อยของเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือ และหมอกควันที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยขณะนี้มีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัยและปัญหาหมอกควันอย่างใกล้ชิด ๖ จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว รวมทั้งขอความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการป้องกัน ติดตาม และแก้ไขสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ดังกล่าวให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมทั้งการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ ให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลกระทบของไฟป่าและหมอกควันที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อปรับทัศนคติของประชาชนในพื้นที่ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตรโดยไม่ให้มีการเผาทำลายป่า รวมทั้งให้หามาตรการลงโทษผู้เป็นต้นเหตุให้เกิดไฟป่าด้วย
|
|||||||||||||||||||||
24800 | การประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 2/2558 | นร05 | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า การประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ มีกำหนดในวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ สโมสรกองทัพบก
|
.....