ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1235 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 24681 - 24700 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24681 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ 216 ปรับปรุง 46 โรงเรียนบ้านแม่ข้าวต้มท่าสุด จังหวัดเชียงราย | ศธ | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ ๒๑๖ ปรับปรุง ๔๖ โรงเรียนบ้านแม่ข้าวต้มท่าสุด จังหวัดเชียงราย จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้ วงเงิน ๑๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๑๙,๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒,๖๕๕,๐๐๐ บาท ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๕,๐๔๕,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วนโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
24682 | ขออนุมัติปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณและขอขยายเวลาโครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์และรังสี (อาคารมาตรวิทยารังสีแห่งชาติ) | วท | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณโครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์และรังสี จากวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้ จำนวน ๔๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินใหม่ จำนวน ๕๓๙,๓๑๒,๐๐๐ บาท ในลักษณะของการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่จะดำเนินการต่อไป โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๗๕,๙๓๖,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๔๖๓,๓๗๖,๐๐๐ บาท สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามศักยภาพในการดำเนินงาน ความจำเป็นและความเหมาะสมในแต่ละปีต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เห็นควรให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งเจรจาต่อรองกับผู้รับจ้างให้เหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
24683 | ขออนุมัติโครงการและการกู้เงินสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | กค | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ภายในกรอบวงเงิน ๗๘,๒๙๔.๘๕ ล้านบาท สำหรับโครงการพัฒนาระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมทางศุลกากร รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของกรมศุลกากร ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ [เรื่อง ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การกำหนดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ตามมาตรา ๔ (๘) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘] พร้อมทั้งให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนโดยเคร่งครัดด้วย ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถเริ่มดำเนินกระบวนการจัดหาพัสดุได้ทันทีหลังจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการ แต่จะลงนามในสัญญาได้ เมื่อได้รับการจัดสรรวงเงินกู้จากสำนักงบประมาณแล้ว ๒. อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินตราต่างประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ในกรอบวงเงินไม่เกิน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และถ้าภาวะตลาดการเงินในประเทศเอื้ออำนวยและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงิน การคลัง และตลาดทุน ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เป็นเงินบาทแทนการกู้เงินตราต่างประเทศได้ ตามนัยมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และอนุมัติให้จัดสรรเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการตามข้อ ๑ ทั้งนี้ ในการกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เห็นควรพิจารณากู้เงินให้สอดคล้องกับแผนการเบิกจ่ายของโครงการโดยนำผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงมาพิจารณาประกอบด้วย รวมทั้งกำหนดกรอบระยะเวลาในการเบิกจ่ายงบประมาณ (เงินกู้) ตามขั้นตอนดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นมาตรการเร่งรัดให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐที่เป็นเจ้าของโครงการสามารถเริ่มดำเนินโครงการได้โดยเร็ว เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการเป็นไปตามกรอบระยะเวลา และวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ตามความเหมาะสม ๔. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการและการจัดหาเงินกู้ การจัดซื้อจัดจ้าง การโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ การจัดหาเงินกู้และการเบิกจ่ายเงินกู้ การติดตาม การประเมินผล และการรายงานผลการดำเนินงาน และการใช้เงินสำรองจ่ายและเงินเหลือจ่าย และให้ส่งร่างระเบียบดังกล่าวให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับภาพรวมของแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศ และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๕. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางการใช้ประโยชน์จากระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของหน่วยงานราชการให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด |
||||||||||||||||||||||||
24684 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2558 ครั้งที่ 2 | กค | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๗๔,๓๘๓.๕๕ ล้านบาท จากเดิม ๑,๓๕๑,๖๗๓.๘๐ ล้านบาท เป็น ๑,๔๒๖,๐๕๗.๓๕ ล้านบาท ๑.๒ การกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมและระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรี ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลด ๑๓,๙๙๘.๓๖ ล้านบาท จากเดิม ๑๕๕,๕๐๗.๓๑ ล้านบาท เป็น ๑๔๑,๕๐๘.๙๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีแผนการกู้ต่างประเทศมาเพื่อให้กู้ต่อของรัฐบาล สำหรับการกู้เงินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงการคลังในฐานะผู้ให้กู้จะต้องคำนึงถึงการจัดทำแผนการบริหารและแผนการชำระคืนหนี้ที่มีกรอบระยะเวลาการชำระคืนที่ชัดเจน เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อกรอบวงเงินกู้ในระยะยาว สำหรับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่มีความจำเป็น ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ในรูปแบบดังกล่าวให้เช่นเดียวกันด้วย นอกจากนี้ ในการจัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีควรยึดตามกรอบแนวทางแผนเงินกู้ ๓ ปี ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบวางแผนการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศ และเป็นแนวทางในการพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะขอใช้เงินกู้ตามแผนในแต่ละปีงบประมาณอย่างเคร่งครัด และควรกำชับให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องการก่อหนี้ใหม่หรือปรับโครงสร้างหนี้พิจารณาการกำหนดกรอบวงเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้การดำเนินการโครงการและแผนงานภาครัฐ และการวางแผนบริหารหนี้สาธารณะของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24685 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ฮาลาลสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี | อก | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ยกเลิกการก่อสร้างอาคารโรงงานมาตรฐานสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ฮาลาลสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี และให้ กนอ. คืนที่ดินเนื้อที่ประมาณ ๔๙-๑-๖ ไร่ ให้แก่บริษัท ฟาตอนี อินดัสทรีส์ จำกัด ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ฮาลาลสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เหมาะสมกับศักยภาพและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ต่อไป ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม และ ศอ.บต. รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เห็นควรเร่งดำเนินการปรับเปลี่ยนการพัฒนาพื้นที่เหมาะสมกับศักยภาพและความต้องการของประชาชน โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้ กนอ. ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อใช้จ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๕๖) ที่มีอยู่เดิม จำนวน ๖๔,๕๕๙,๗๐๐ บาท และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และภายหลังจากที่ กนอ. ได้คืนที่ดินให้กับบริษัท ฟาตอนี อินดัสทรีส์ จำกัด แล้ว ศอ.บต. จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาการชำระเงินค่าที่ดินของชาวบ้านให้เรียบร้อย และรัฐบาลควรพิจารณาหาพื้นที่ใหม่ในการส่งเสริมเป็นนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล นอกจากนี้ ให้ กนอ. ร่วมกับ ศอ.บต. ปรับปรุงโครงการส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ฮาลาลสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งจัดทำแผนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24686 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยและธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2556 | กค | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานกิจการประจำปี ๒๕๕๖ ของ ธพว. สินทรัพย์รวม ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ มีจำนวน ๘๘,๒๘๓.๗๑ ล้านบาท ลดลงจากปี ๒๕๕๕ จำนวน ๑๐,๕๙๙.๐๑ ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ ๑๐.๗๒ มีหนี้สินจำนวน ๘๔,๘๘๘.๔๗ ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี ๒๕๕๕ จำนวน ๑๑,๔๔๐.๙๙ ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ ๑๑.๘๘ รายได้ดอกเบี้ย ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๕,๔๙๘.๘๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๕ จำนวน ๒๑๑.๓๕ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๙๔ อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้นปี ๒๕๕๖ อยู่ที่ระดับร้อยละ ๖.๓๘ และในปี ๒๕๕๖ ธพว. ได้อนุมัติสินเชื่อจำนวน ๑๖,๓๙๙.๘๓ ล้านบาท โดยในปี ๒๕๕๕ มีการอนุมัติสินเชื่อจำนวน ๑๓,๗๐๙.๗๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน ๒,๖๙๐.๐๗ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๙.๖๒ ๒. รายงานกิจการประจำปี ๒๕๕๖ ของ บตท. สินทรัพย์รวม ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ มีจำนวน ๙,๐๙๒.๙๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๕ จำนวน ๓,๖๘๗.๑๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๘.๒๑ มีรายได้รวมจำนวน ๒๙๙.๔๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๕ จำนวน ๑๖๙.๔๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๓๐.๓๘ มีส่วนของเงินกองทุน ณ สิ้นปี ๒๕๕๖ จำนวน ๗๔๗.๖๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๕ จำนวน ๑๙.๓๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒.๖๖ ๓. รายงานกิจการประจำปี ๒๕๕๖ ของ ธสน. มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๗๕,๗๑๕.๙๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๕ ร้อยละ ๑.๖๐ มีกำไรสุทธิจำนวน ๑,๓๐๒.๕๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๒๐๒.๔๒ ล้านบาท จากปี ๒๕๕๕ คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๔๐ มีเงินกองทุนจำนวน ๑๕,๗๗๘.๑๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน ๗๑๔.๐๙ ล้านบาท จาก ณ สิ้นปี ๒๕๕๕ ในขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ๒,๑๔๕.๖๐ ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้นปี ๒๕๕๖ เท่ากับร้อยละ ๒๑.๔๕ เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี ๒๕๕๕ ที่มีอัตราส่วนดังกล่าวเท่ากับร้อยละ ๒๑.๐๙ วงเงินสินเชื่อและการค้ำประกัน ลดลงในปี ๒๕๕๖ รวม ๖,๙๙๙.๐๐ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๔.๑๓ จากปี ๒๕๕๕ และมีสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นปี ๒๕๕๖ จำนวน ๖๗,๕๒๗.๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๒๘ จากปี ๒๕๕๕ โดยมียอดคงค้างสินเชื่อขยายกำลังการผลิตระยะกลางและระยะยาวและยอดคงค้างสินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้นขยายตัวเพิ่มขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
24687 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 และ 2554 | ตผ | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๔ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการสรุปผลการปฏิบัติงานตรวจสอบของ สตง. การตรวจสอบบัญชีทุนสำรองเงินตราประจำปี การตรวจสอบรายงานการเงินแผ่นดิน การตรวจสอบการเงินทั่วไป การตรวจสอบงบการเงิน/รายงานการเงิน การตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง การตรวจสอบสืบสวน การตรวจสอบการดำเนินงาน การตรวจสอบลักษณอื่น และผลการดำเนินงานด้านวินัยทางงบประมาณและการคลัง ตามที่ สตง. เสนอ และให้ สตง. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรขยายผลการตรวจสอบงบการเงิน/รายงานการเงินให้ครอบคลุมหน่วยรับตรวจโดยเฉพาะส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ข้อมูลในรายงานการเงินรวมภาครัฐที่กระทรวงการคลังจัดทำมีความถูกต้อง น่าเชื่อถือมากขึ้น รวมทั้งในการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติประจำปี ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จและเสนอให้องค์กรที่เกี่ยวข้องพิจารณาได้ภายในปีงบประมาณถัดไป เพื่อนำผลการตรวจสอบไปปรับปรุงการปฏิบัติงานของส่วนราชการหน่วยรับตรวจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ไปพิจารณาด้วย ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏตามรายงานผลการปฏิบัติงานฯ ว่ามีข้อบกพร่องในเรื่องใดที่ผิดไปจากระเบียบ ข้อบังคับ และแบบแผนของทางราชการ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่มีข้อบกพร่องดังกล่าวจัดทำรายงานข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น ๆ ส่งให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยด่วน และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรวบรวมรายงานทั้งหมดเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงแนวทางการดำเนินการเสนอรายงานประจำปีของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐต่อคณะรัฐมนตรีทั้งระบบ ให้รวดเร็วยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับกรอบระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งในขั้นตอนของการตรวจสอบและจัดทำรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน และในขั้นตอนการเสนอรายงานประจำปีของหน่วยงานเจ้าของเรื่อง |
||||||||||||||||||||||||
24688 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และผลการดำเนินการตามข้อสังเกตที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกต ดังนี้
๑. การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีโดยคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยควรมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ชำระบัญชี หลักเกณฑ์ และวิธีการ ในการแต่งตั้งที่ชัดเจน เพื่อให้ได้บุคคลผู้มีความรู้ความสามารถที่จะมาเป็นผู้ชำระบัญชีให้กับบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ๒. การแก้ไขร่างพระราชบัญญัติในครั้งนี้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เป็นอยู่เท่านั้น แต่ในระยะยาวเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ คณะรัฐมนตรีควรที่จะมีการเสนอปรับปรุงแก้ไขใหม่ทั้งฉบับ ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้รักษาการตามร่างพระราชบัญญัติควรต้องมีการควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของกองทุนและการใช้จ่ายเงินของกองทุนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
24689 | ผลการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐโตโก | กต | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการหารือระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐโตโก ระหว่างวัน ๑๑-๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าการเยือนไทยครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับโตโกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และฝ่ายไทยได้เสนอให้รัฐบาลโตโกมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตโตโกแห่งใดแห่งหนึ่งมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ๒. ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมให้การค้าระหว่างกันขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และจะสนับสนุนให้ภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายศึกษาลู่ทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยฝ่ายโตโกเชิญชวนให้ไทยไปลงทุนในโตโก โดยเฉพาะในสาขาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งเสนอให้ภาคเอกชนไทยไปจดทะเบียนประกอบธุรกิจในเขตปลอดอากรของโตโก โดยจะได้รับการยกเว้นภาษีอากรเป็นเวลา ๘ ปี นับจากวันที่เริ่มประกอบการ ๓. ความร่วมมือทวิภาคี โดยฝ่ายไทยเสนอที่จะให้ความร่วมมือทางวิชาการแก่โตโกในสาขาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ และขอให้ฝ่ายโตโกแจ้งความประสงค์ให้ฝ่ายไทยพิจารณาต่อไป ๔. ความร่วมมือในเวทีพหุภาคี โดยฝ่ายไทยขอบคุณโตโกที่ให้การสนับสนุนไทยในเวทีระหว่างประเทศด้วยดีเสมอมา โดยเฉพาะการที่ฝ่ายโตโกให้คำมั่นที่จะสนับสนุนไทยในการสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ และขอรับการสนับสนุนจากโตโกในการสมัครรับเลือกตั้งซ้ำในตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมาธิการยาเสพติด วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๑๙ ของไทย ๕. ความมั่นคงทางทะเล โดยฝ่ายโตโกขอเชิญไทยเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำของสหภาพแอฟริกาว่าด้วยความมั่นคงทางทะเลและการพัฒนาในแอฟริกา ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ กรุงโลเม สาธารณรัฐโตโก ๖. การลงนามบันทึกความเข้าใจ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐโตโก ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐโตโก และ (๒) บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโตโกว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ และได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศโตโก |
||||||||||||||||||||||||
24690 | ร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
24691 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และ
๑. ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้เสนอพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันเฉพาะสำหรับการค้าบริการด้านการเงินภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๓. รับทราบบัญชีร่างพระราชบัญญัติที่จำเป็นต้องเร่งรัดการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔๐ ฉบับ ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาแก้ไขโครงสร้างและระบบสหกรณ์ รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและตรวจสอบสหกรณ์ เพื่อให้การดำเนินการของสหกรณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||
24692 | รายงานการสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติรายงานการสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ (๒) โครงสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้งในพื้นที่แล้งซ้ำซาก จำนวน ๓,๐๕๒ ตำบล (๓) โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง (๔) การฝึกอบรมทักษะฝีมือแรงงานชาวไทยภูเขา (๕) การส่งเสริมการปลูกกาแฟ และ (๖) การดำเนินโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ การช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน การสนับสนุนการแก้ปัญหาภัยแล้งตามนโยบายรัฐบาล การสนับสนุนการปลูกฝังค่านิยม ๑๒ ประการ การช่วยเหลือประชาชนซ่อมแซมบ้านพักอาศัยอันเนื่องมาจากวาตภัย การจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ ๒. ให้ฝ่ายต่าง ๆ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่มีการลงพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เพื่อดูแลประชาชนอยู่แล้ว ติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และพิจารณาแผนงาน/โครงการที่มีปัญหาในการดำเนินการ เช่น พิจารณาความเหมาะสมของขนาดโครงการที่อาจส่งผลต่อการไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมดำเนินโครงการ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จะต้องมีความรู้และความเข้าใจนโยบายและโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลเพื่อจะได้อธิบายและสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้ ๓. ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติใช้ประโยชน์จากกลุ่มมวลชนต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว โดยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลแก่กลุ่มมวลชน เพื่อให้กลุ่มมวลชนสามารถสื่อสารต่อไปยังประชาชนในระดับพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง
|
||||||||||||||||||||||||
24693 | การจัดกิจกรรมฟุตบอลหญิงมหากุศล | นร | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยได้ประสานมายังรัฐบาลว่า ในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๘ จะมีการจัดกิจกรรมฟุตบอลหญิงมหากุศล โดยมีพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์เสด็จเป็นองค์ประธาน ที่สนามกีฬากองทัพบก จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสนับสนุนสถานที่ จัดทีมนักกีฬาซึ่งประกอบด้วยผู้แทนคณะรัฐมนตรีและเหล่าทัพ และให้กรมประชาสัมพันธ์ทำการประชาสัมพันธ์กิจกรรมดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
24694 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 สายกรุงเทพมหานคร - แม่สาย (เขตแดน) ตอนทางเลี่ยงเมืองเชียงราย พ.ศ. .... | คค | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข สายกรุงเทพมหานคร-แม่สาย (เขตแดน) ตอนทางเลี่ยงเมืองเชียงราย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ สายกรุงเทพมหานคร-แม่สาย (เขตแดน) ตอนทางเลี่ยงเมืองเชียงราย ในท้องที่อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24695 | พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ 6 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันเฉพาะสำหรับการค้าบริการด้านการเงินภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้เสนอพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันเฉพาะสำหรับการค้าบริการด้านการเงินภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
24696 | การระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | กค | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ ๑ กฟผ. ตามรูปแบบโครงสร้างภายใต้เงื่อนไขหลักตามรายงานการศึกษาแนวทางการจัดตั้งกองทุนรวมฯ ของ กฟผ. ที่เสนอได้ ๑.๒ เห็นชอบให้ กฟผ. เข้าถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมฯ ของ กฟผ. ในจำนวนร้อยละ ๒๕ ของหน่วยลงทุนทั้งหมดได้ พร้อมทั้งอนุมัติงบประมาณลงทุนเพื่อใช้ในการเข้าถือหน่วยลงทุนดังกล่าวของ กฟผ. ได้ ๑.๓ เห็นชอบการอนุมัติยกเว้นให้การขายคืนหน่วยลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมดภายหลังจากหมดระยะเวลาห้ามขายหน่วยลงทุน (Lock-up Period) ของ กฟผ. โดยไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นส่วนที่ราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมอบหมายให้คณะกรรมการ กฟผ. เป็นผู้พิจารณาการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสมต่อไป ๑.๔ กรณีการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ของ กฟผ. ไม่ได้เข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา ๙๑/๒ แห่งประมวลรัษฎากร จึงไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้กับกองทุนรวมฯ ของ กฟผ. ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ของ กฟผ. โดยมีการจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุน ควรคำนึงถึงความเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้าด้วย และในการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ของ กฟผ. อาจส่งผลกระทบต่อรายได้นำส่งรัฐ และต้นทุนทางการเงินของหน่วยงาน ซึ่งอาจส่งผลผ่านไปยังอัตราค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชนได้ จึงควรพิจารณาผลกระทบของการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ในระยะยาวด้วย นอกจากนี้ ควรพิจารณาจัดทำแผนแม่บทการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ของ กฟผ. ในโครงการลงทุนของภาครัฐ (Master Plan) เพื่อให้การดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านการจัดหาแหล่งทุนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยกำหนดประเภทกิจการหรือโครงการที่มีความเหมาะสมในการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ของ กฟผ. ตลอดจนความพร้อมของหน่วยงาน รวมทั้งศึกษาสภาพแวดล้อมที่จะมีผลต่อการดำเนินงานของกองทุนรวมฯ ของ กฟผ. และศึกษาเปรียบเทียบผลประโยชน์สุทธิที่ได้รับจากการจัดหาแหล่งเงินทุนในระบบปกติกับการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ของ กฟผ. เพื่อสะท้อนความจำเป็นและประโยชน์ของกองทุนได้อย่างชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24697 | การดำเนินโครงการพัฒนาเมืองในส่วนที่ค้างอยู่ต่อไปให้แล้วเสร็จ ตามมติ คสช. | นร04 | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองในส่วนที่ค้างอยู่ต่อไปให้แล้วเสร็จ ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอุดหนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โครงการพัฒนาเมือง จำนวน ๖๗๔.๗๑ ล้านบาท ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติดำเนินโครงการพัฒนาเมืองที่ค้างอยู่ต่อไปจนแล้วเสร็จตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองเพื่อพิจารณาดำเนินการโครงการพัฒนาเมืองที่ค้างอยู่ จำนวน ๑,๐๒๖ โครงการ ต่อไปให้แล้วเสร็จ
|
||||||||||||||||||||||||
24698 | ผลการปฏิบัติงานและแนวทางดำเนินงาน (Road Map) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการปฏิบัติงานและแนวทางดำเนินงาน (Road Map) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ งานตามนโยบาย (๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘) ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วนในเรื่องของการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย [Illegal, Unreported, and Unregulated (IUU) Fishing] ตลาดเกษตรกร ภัยแล้ง การพัฒนาแหล่งน้ำ การป้องกันและปราบปรามการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงและออกกฎหมาย การปรับโครงสร้างส่งเสริมการเกษตรให้เป็นแปลงใหญ่ และการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ๑.๒ แผนงานตามนโยบาย (๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘-๓๑ มกราคม ๒๕๕๙) มีโครงการสำคัญ ได้แก่ (๑) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตข้าว (๒) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตปศุสัตว์ (๓) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตประมง (๔) โครงการแก้ไขหนี้สินเกษตรกร (๕) การปรับปรุงและออกกฎหมายเพิ่มเติม (๖) โครงการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร (๗) โครงการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยสหกรณ์ (๘) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร (๙) โครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจข้าวสถาบันเกษตรกร และ (๑๐)โครงการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ๑.๓ งานตามพระราชบัญญัติงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (๑ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ และต่อไป) มีงานสำคัญเร่งด่วน ได้แก่ (๑) การลดต้นทุนการผลิตด้วยการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ (๒) การเพิ่มผลผลิตด้วยการพัฒนาการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชรองรับประชาคมอาเซียน การผลิตกระจายพันธุ์ดี และการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อควบคุมและลดความสูญเสียของสินค้ากุ้งทะเลจากกลุ่มอาการตายด่วน (EMS) (๓) การเพิ่มรายได้ ด้วยการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน (๔) การจัดการองค์ความรู้ด้วยการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเกษตรแบบเบ็ดเสร็จ ๘๘๒ ศูนย์ และโครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง การดำเนินงานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และ (๕) การจัดการทรัพยากรด้วยการพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน การฟื้นฟูปรับปรุงคุณภาพดิน และการจัดที่ดินทำกินให้เกษตรกร ๑.๔ งาน/กิจการต่างประเทศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (๑ กันยายน ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) มีงานที่ทำแล้ว คือ (๑) ลงนาม MOU ๔ ฉบับ ได้แก่ MOU ความร่วมมือในกรอบอาเซียนกับแผนส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ MOU อาเซียน-จีน ด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดการตรวจสอบกักกันโรคและสุขอนามัยสำหรับผลิตภัณฑ์รังนกที่ส่งออกไปจีน และ MOU ความร่วมมือไทย-จีน ด้านทรัพยากรน้ำ และการชลประทาน (๒) ความตกลงขายสินค้าเปิดตลาดเนื้อสุกรและสินค้าประมงไปรัสเซีย (๓) การเจรจาความร่วมมือด้านเกษตรกับอินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา บรูไน จีน และไนจีเรีย (๔) การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการเกษตร (๕) การพบปะหารือกับเอกอัครราชทูตจากประเทศต่าง ๆ ๘ ประเทศ และงาน/กิจการต่างประเทศที่ต้องทำต่อไป คือ (๑) ลงนาม MOU ด้านการเกษตร ๓ ฉบับ ได้แก่ ไทย-บรูไน ไทย-บาห์เรน และไทย-แอฟริกาใต้ (๒) เจรจาความร่วมมือด้านเกษตรกับเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อิตาลี และ (๓) การประชุมระดับรัฐมนตรี AMAF FAO คณะอนุกรรมาธิการความร่วมมือด้านการเกษตร ไทย-รัสเซีย และการเข้าพบของเอกอัครราชทูตประเทศรัสเซีย ฮังการี และโมร็อกโก ๒. ในการเสนอโครงการตามแนวทางดำเนินงาน (Road Map) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องประเภทนโยบาย แผนงาน โครงการต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
24699 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสที่สหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ทูลเกล้าฯ ถวาย "รางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม" พ.ศ. .... | กค | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสที่สหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ทูลเกล้าฯ ถวาย “รางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม” พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงินราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสที่สหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ทูลเกล้าฯ ถวาย “รางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม” ในวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24700 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลาง (จำนวน 7 คน 1. นายวสันต์ บุญเกิด ฯลฯ) | กษ | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลางชุดใหม่ จำนวน ๗ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรง ตำแหน่งมาครบกำหนดสองปีตามวาระแล้วเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายวสันต์ บุญเกิด ๒. นายแววจักร กองพลพรหม ๓. นายวิทยา ประจันตะเสน ๔. นายจรัญ ภูขาว ๕. นายจรูญ พจน์สุนทร ๖. นายเอกจิต ไตรภาควาสิน ๗. นายชลิต ดำรงศักดิ์
|
.....