คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชบัญญัติระบบบริการการ
แพทย์และสาธารณสุขฉุกเฉิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยระบบบริการการแพทย์และสาธารณ
สุขฉุกเฉิน  เพื่อเป็นกรอบในการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้ได้มาตรฐานอย่างทั่วถึง  และมีประสิทธิ
ภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายในการลดอัตราการเสียชีวิต  บาดเจ็บ   ทุพพลภาพ   จากการเจ็บป่วยฉุกเฉินของ
ประชาชนไทย และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่
เกี่ยวข้องและความเห็นของคณะรัฐมนตรีในประเด็นการจัดตั้งสถาบันนเรนทร  ฯ  ซึ่งเห็นควรให้เป็นหน่วยงานใน
กำกับของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้มีความคล่องตัวและประสิทธิภาพ  สำหรับหมวด 5 การ
จัดตั้งกองทุนด้านการแพทย์และสาธารณสุขฉุกเฉิน  ตามร่างมาตรา 40-42   มีผลกระทบต่อหน่วยงานอื่น  เช่น
กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ การกำหนดในลักษณะที่ให้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์
การได้มาซึ่งเงินกองทุนจากแหล่งต่าง  ๆ  อาจมีผลต่อวินัยและหลักการด้านการเงินการคลัง  จึงให้กระทรวงการ
คลัง กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปร่วมพิจารณากับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป แล้ว
ส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อ
ไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายจักรกฤษณ์
ภูมิสวัสดิ์  ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์  (นายแพทย์ 10 วช.)  สำนักงานปลัดกระทรวง  กระทรวง
สาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนิน
การของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ เรื่อง ปัญหาขนมเด็กกับสุขภาพเด็ก ในประเด็นการควบคุมคุณภาพขนมเด็ก  และฉลากโภชนาการ
การจำกัดการขายขนมเด็กในโรงเรียนและสถานศึกษา  การดูแลการโฆษณาขนมเด็ก  รวมทั้งการส่งเสริมขนมเด็กที่มี
คุณค่าทางโภชนาการ  และให้กระทรวงสาธารณสุข  กระทรวงศึกษาธิการ  สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  และ
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปโดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิด
ชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงานในเรื่องนี้เพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และ
เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแผน 4 ปี รองรับการดำเนินงานตามพระราช
บัญญัติสุขภาพแห่งชาติ (ปี  2551-2554) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนากรอบแนวทางนโยบายและยุทธศาสตร์ด้าน
สุขภาพอย่างมีส่วนร่วม ติดตามประเมินผลระบบสุขภาพแห่งชาติและผลกระทบด้านสุขภาพจากนโยบายสาธารณะ
รวมทั้งยกระดับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในกระบวนการนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพ  โดยมีวงเงินงบ
ประมาณดำเนินการ จำนวน  893.90  ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป แก่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับ
ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานควร
เพิ่มประเด็นการสนับสนุนและเสริมสร้างความรู้แก่ชุมชน ครอบครัว และบุคคล  ให้มีการเฝ้าระวังและเสริมสร้างสุข
ภาพของตนเอง  และกำหนดภารกิจการดำเนินงานของภาคีทั้งในระดับชาติ  ระดับพื้นที่  ระดับชุมชน  ระดับครอบ
ครัว และปัจเจกบุคคลให้มีความชัดเจน  ไปพิจารณาด้วย  และให้กระทรวงสาธารณสุขประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูล
ข่าวสารเรื่องนี้ให้ประชาชนได้ทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงกันด้วย

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอเรื่อง การขยายระยะเวลา
ในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา  9  และมาตรา  10  แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
พ.ศ. 2545 ออกไปอีก 1 ปี คือ ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2550

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอรายงานการดำเนินงานของสถาบันวิจัย
ระบบสาธารณสุข (สวรส.) ประจำปี พ.ศ. 2549 ประกอบด้วยข้อมูลทั่วไปของ สวรส. เกี่ยวกับแผนกลยุทธของ
สวรส.  และข้อมูลพื้นฐาน  ผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานและผลการปฏิบัติงานภายใต้แผนปฏิบัติงานประจำปี
การสร้างองค์ความรู้และพัฒนาการจัดการงานวิจัย  การพัฒนาศักยภาพงานวิจัยในระดับพื้นที่  และการมีส่วน
ร่วมในงานวิจัยระดับนานาชาติ  การเชื่อมโยงความรู้สู่การปฏิบัติ  และรายงานทางการเงิน สวรส.  ณ วันที่ 30
กันยายน 2549 และ 2548

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหน้าที่ผู้รับ
อนุญาตผลิต  ขาย  นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบันเกี่ยวกับเภสัชเคมีภัณฑ์ที่เป็นสารออก
ฤทธิ์หรือเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  กำหนดหน้าที่ผู้
รับอนุญาตผลิต ขาย นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบัน ปฏิบัติเกี่ยวกับเภสัชเคมีภัณฑ์ที่เป็น
สารออกฤทธิ์หรือเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ที่ตนผลิต  ขาย  หรือนำหรือสั่งเข้า
มาในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิดซึ่งก่อให้เกิดปัญหายาต้องห้ามตกค้างในเนื้อสัตว์ และ
ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ รับทราบการดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิ
ภาพในการจัดซื้อยา ของกระทรวงสาธารณสุข  โดยได้ดำเนินการในเขตทดลอง  5  เขต  เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2547 ในเบื้องต้นสามารถประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อได้ระหว่าง 5 - 24 ล้านบาท  ตามมูล
ค่าการดำเนินการของแต่ละเขต สำหรับการดำเนินการจัดซื้อยาร่วมกันในระดับเขตจะดำเนินการให้ครอบคลุมทั้ง 
19 เขต ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป  และกรณีที่บางเขตไม่สามารถดำเนินการได้ครอบคลุมทุกจังหวัด
จะดำเนินการจัดซื้อยาร่วมกันในบางจังหวัด ตามข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง
ชาติ  และเห็นชอบให้ดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดซื้อยาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยดำเนิน
การจัดซื้อยาร่วมกันในระดับเขตให้ครอบคลุมครบทั้ง 19 เขตทั่วประเทศ รวมทั้งให้ใช้สัญญาจะซื้อจะขายแบบปรับ
ราคาได้ในกรณีการทำสัญญากับตัวแทนแต่ผู้เดียวที่ต้องสั่งซื้อยาจากต่างประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9
กันยายน 2546  โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  เป็นต้นไป  ทั้งนี้  การดำเนินการใดที่จำเป็น
ต้องได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535  และ
ที่แก้ไขเพิ่มเติม    ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเรื่องเสนอคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุพิจารณาก่อนดำเนินการต่อ
ไปด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายปัญญา  สอนคม  เป็นที่ปรึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนางมยุรา กุสุมภ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่อง
ดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว  มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แก้ไขเพิ่มเติมคำนิยามคำว่า "เครื่องดื่มแอลกอฮอล์" ให้หมายความว่า สุรา
ตามกฎหมายว่าด้วยสุรา  ทั้งนี้  ไม่รวมถึงยา วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ยาเสพติดให้โทษ ตามกฎหมายว่าด้วย
การนั้น" เพื่อให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับกฎหมายว่าสุรา  และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่ง
ชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป และให้กระทรวงสาธารณสุขรับข้อสังเกตของกระทรวง
การคลังที่ให้ตัดคำว่า "ลดราคา" ตามร่างมาตรา 29 (3)  ออก  เพื่อไม่ให้เป็นการจำกัดการแข่งขันในตลาด ประกอบ
กับบทบัญญัติดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนว่าราคาที่เหมาะสมคือราคาใด  เนื่องจากต้นทุนในการผลิตสินค้าย่อมมีการ
ผันแปรตามกลไกของตลาด ราคาสินค้าย่อมมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงด้วย  ส่วนข้อความตามร่างมาตรา 30(6)
ที่ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในการประกาศกำหนดสถานที่ที่ห้ามมิให้ผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลก
อฮอล์อาจเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล จึงควรให้มีการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแทนประกาศของรัฐมนตรี
นอกจากนี้  ตามร่างมาตรา 31  ซึ่งกำหนดห้ามมิให้มีการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อเครื่องหมายของ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลายหลากรูปแบบ  และร่างมาตรา  33  ซึ่งห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องหมายสินค้า  อาจเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการประกอบธุรกิจ   จึงควรศึกษาต้น
ทุนและประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคมที่จะได้รับจากข้อห้ามเหล่านี้โดยละเอียด  ก่อนที่จะมีข้อกำหนดดังกล่าว
ไปพิจารณาด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพ
สาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ....  ที่ได้ตรวจพิจารณาแล้ว  มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพสาธารณสุข
ชุมชนทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แก้ไขเพิ่มเติมนิยามคำว่า "วิชาชีพการสาธารณสุข" เป็น "วิชา
ชีพสาธารณสุขชุมชน" โดยให้ความหมายของคำนิยามดังกล่าวมีความชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบกับวิชาชีพ
ในการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์
และสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น  ๆ   และปรับปรุงแก้ไขในประเด็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับประเภทและจำนวนของสมาชิกสภาสาธารณสุขชุมชน  โดยกำหนดให้สภาสาธารณสุขชุมชนประกอบ
ด้วยสมาชิกสองประเภท  คือ  สมาชิกสามัญ  และสมาชิกกิตติมศักดิ์  และแก้ไขวุฒิการศึกษาของสมาชิกสามัญ
โดยต้องเป็นผู้ได้รับปริญญา อนุปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงด้านสาธารณสุข ประกาศนียบัตร หรือ
วุฒิบัตรในวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนจากสถาบันการศึกษาที่สภาสาธารณสุขชุมชนรับรองเท่านั้น รวมทั้งได้ตัด
ที่มาของคณะกรรมการโดยตำแหน่ง ซึ่งเป็นผู้บริหารสถาบันการศึกษาที่มาจาก  "เครือข่ายสถาบันการศึกษา
สาธารณสุขศาสตร์และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง" ออกโดยกำหนดให้มีกรรมการซึ่งมาจากสถาบันการศึกษาที่ผลิต
บัณฑิตด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะเท่านั้น และส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา
ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติหลักประกัน
สุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เนื่องจากสามารถชะลอการพิจารณาไว้ก่อนได้  และให้แจ้งหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องทราบต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ  และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตจำหน่ายหรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้
โทษประเภท 2 เกินปริมาณที่กำหนดไว้ตามมาตรา 8(5) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ  กำหนดหลักเกณฑ์  วิธีการ
และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษใน
ประเภท 2 เกินปริมาณที่กำหนดไว้ตามมาตรา 5(8)  เพื่อให้การใช้ยาเสพติดให้โทษในประเภท 2  เป็นไปอย่าง
สมเหตุสมผล และไม่เกิดปัญหาการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์  และให้ส่งสำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด เกี่ยวกับพระราชบัญญัติ
ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 35 วรรคสอง ที่บัญญัติให้การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทน
ใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์  วิธีการ  และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ร่างกฎกระทรวงข้อ 4 และ
ข้อ 5  การกำหนดให้คำขอรับใบแทนใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามแบบที่สำนักงานคณะกรรม
การอาหารและยากำหนด ควรปรับแก้ไขให้สอดคล้องกันด้วย ไปประกอบการพิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รายงานผลการดำเนิน
งานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รอบ 3 เดือน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-31 ธันวา
คม 2549) สรุปได้ดังนี้  ด้านความครอบคลุมหลักประกันสุขภาพ มีจำนวนประชาชนที่มีหลักประกันสุขภาพ 61.15
ล้านคน  หรือคิดเป็นร้อยละ 97.73 ของประชากรทั้งหมด  (62.57 ล้านคน)  เป็นประชากรลงทะเบียนสิทธิประกัน
สุขภาพถ้วนหน้า 46.62 ล้านคน  ด้านการคุ้มครองสิทธิ  ได้ส่งเสริมการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยดำเนินการประสาน
การส่งต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ จำนวน  1,279  ราย  รวมทั้งพิจารณาช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการกรณีที่ได้รับความเสีย
หายจากการรักษาพยาบาลกับหน่วยบริการในระบบหลักประกัน ฯ รวม 116 ราย จ่ายเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนเงิน
13.04 ล้านบาท  ด้านการควบคุมคุณภาพและกำกับมาตรฐานบริการ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2549 มีหน่วยบริการที่
ผ่านการรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน HA และมาตรฐาน ISO ร้อยละ 92.89  จากหน่วยบริการทั้งหมด  970  แห่ง
และอยู่ระหว่างการพัฒนา 69 (ร้อยละ 7.11)  นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  คณะกรรมการหลักประกัน
สุขภาพแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบยกเลิกการเก็บเงิน 30 บาท โดยให้มีการขอเงินเหมาจ่ายรายหัวเพิ่มเพื่อชดเชยการ
ยกเลิกเก็บ 30 บาทต่อครั้งที่คาดว่าจะมีเงินรายได้หายไปจากสถานพยาบาลประมาณ 1,160.41 ล้านบาท หรือคิด
เป็น 24.11 บาทต่อประชากร และเนื่องจากในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 สปสช. ได้งบประมาณล่าช้าและไม่เพียงพอ
ทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิจำนวนหนึ่งไม่สามารถได้รับบริการตามสิทธิ   และไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดทุนสะสม
ของหน่วยบริการได้  ประกอบกับมีการยกเลิกการร่วมจ่ายค่าบริการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  อาจทำให้เกิด
ผลกระทบภายหลัง ซึ่งคณะกรรมการ ฯ จึงได้มีมติให้จัดสรรงบเหมาจ่ายรายหัว  24.11  บาท/หัว เพื่อจัดสรรให้แก่
หน่วยบริการทุกระดับที่สูญเสียรายได้จากการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียม 30 บาท  (มาตรการเฉพาะปี พ.ศ. 2550)
เนื่องจากมีการยกเลิกเก็บกะทันหัน อาจทำให้หน่วยบริการประสบปัญหาการวางแผนการใช้จ่ายงบประมาณ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักประสานงานการเมืองเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการ
ประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2550 วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม 2550 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้เสนอ
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  ต่อ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราช
กำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจ
พิจารณาแล้ว  มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 โดยยกเลิกบท
บัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการบังคับรักษาเพื่อให้ผู้ติดสารระเหยเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถ
ภาพร่างกายและจิตใจ ตามกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และห้ามขายสารระเหยให้แก่
ผู้ซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ รวมทั้งให้อำนาจรัฐมนตรีวางระเบียบเกี่ยวกับการรับเข้าบำบัดรักษา การ
บำบัดรักษา และการดูแลผู้ติดสารระเหยในสถานพยาบาล และกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่
ตลอดจนปรับปรุงบทกำหนดโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่ง
ชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการ
สาธารณสุข พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  ให้มีกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการสาธารณสุข เพื่อกำหนดคุณภาพและ
มาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรสาธารณสุขให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับการปฏิบัติงาน
จริง มีการควบคุมคุณภาพมาตรฐาน ตลอดจนป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบอันจะก่อประโยชน์
ให้เกิดสุขภาวะของประชาชนผู้รับบริการ   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   โดย
ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่าการกำหนดให้วิชาชีพการสาธารณสุขเป็นวิชาชีพที่มีการ
ควบคุมโดยผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตในการประกอบวิชาชีพ  และต้องเป็นสมาชิกแห่งสภา
วิชาชีพการสาธารณสุข ซึ่งตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กำหนดเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาของสมาชิกวิสามัญ
ไว้ในระดับอนุปริญญา จึงเห็นควรพิจารณาทบทวนคุณสมบัติเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาของผู้ได้รับอนุญาตที่เป็น
สมาชิกวิสามัญให้สอดคล้องกับวิชาชีพอื่นที่มีกฎหมายรองรับ   รวมทั้งการรับรองวิทยฐานะของสถาบันที่ทำ
การสอนหรือฝึกอบรมวิชาทางการสาธารณสุขควรกำหนดขอบเขตให้ชัดเจน และคำนึงถึงสถาบันการศึกษา
ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่จัดการเรียนการสอน หรือฝึกอบรมวิชาทางการสาธารณสุขด้วย  นอกจากนี้
คำว่า  "เครือข่ายสถาบันการศึกษาสาธารณสุขศาสตร์และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง"  [มาตรา 14 (1.3)] มีความ
หมายไม่ชัดเจน  ไปพิจารณาด้วย   และเมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเสร็จแล้ว ให้นำเสนอ
คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นางเยาวภา พงษ์สุวรรณ
ให้ดำรงตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ 10 ชช. ด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (จุลชีววิทยา) กรม
วิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2549  ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
สมบูรณ์

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ค้างการพิจารณาของรัฐสภา เพื่อดำเนินการต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความจะเป็น
และเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรื่องสิ่งปฏิกูลมูลฝอยของประเทศ   ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นให้มีอำนาจในการเก็บค่าธรรมเนียม การกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย  และเป็นประโยชน์ต่อการ
สาธารณะโดยส่วนรวม เนื่องจากได้มีการกำหนดอัตราโทษเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ฝ่าฝืน  และให้ส่งคณะกรรมการ
ประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นางศรีศุภลักษณ์
สิงคาลวณิช ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช.  ด้านเวชกรรม  สาขากุมารเวชกรรม  กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์
กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี  กรมการแพทย์  ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2549
และแต่งตั้ง นางสาววลัยอร ปรัชญาพฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขาจิตวิทยากลุ่ม
งานเทคโนโลยีสารสนเทศและสนับสนุนวิชาการ กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์  ตั้ง
แต่วันที่ 2 ตุลาคม 2549