ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 78 จากทั้งหมด 176 หน้า แสดงรายการที่ 1541 - 1560 จากข้อมูลทั้งหมด 3515 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1541 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อก่อสร้างอาคารหอพักนักศึกษาแพทย์และอาจารย์ 4 ชั้น โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา | สธ | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ดำเนินการก่อสร้างหอพักนักศึกษาแพทย์และอาจารย์ 4 ชั้น โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 1 หลัง ในวงเงิน 28,640,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบ กลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยนแปลง (27,200 ล้านบาท) จำนวน 4,820,000 บาท ซึ่งกระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี และขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบประมาณต่อไปได้ ถึงสิ้นเดือนกันยายน 2550 และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 - พ.ศ. 2552 อีก จำนวน 23,820,000 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1542 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางมยุรา กุสุมภ์) | สธ | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นางมยุรา กุสุมภ์ ให้ดำรงตำแหน่ง
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2550 เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1543 | ขออนุมัติขยายเวลาทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันงบลงทุน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | สธ | 24/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอขยายเวลาการลงนามในสัญญาก่อหนี้ผูกพัน
โครงการ/รายการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลจำนวน 4 รายการ ถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 ดังนี้ (1) รายการ ก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใน 144 เตียง เป็นอาคาร คสล.6 ชั้น พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 4,300 ตารางเมตร พร้อม อุปกรณ์ประกอบอาคาร โรงพยาบาลบุรีรัมย์ (2) รายการก่อสร้างอาคารบริการบำบัดรักษา เป็นอาคาร คสล.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 9,700 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร โรงพยาบาลพัทลุง (3) รายการ ก่อสร้างสถานีอนามัยใหม่ สถานีอนามัยบ้านแพรกตะกร้อ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วย อาคารสถานี อนามัย 1 หลัง พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 370 ตรม. แบบเลขที่ 8170/2536 บ้านพักสถานีอนามัยระดับ 3-4 1หลัง แบบเลขที่ 5336/2532 รั้วตาข่ายถัก แบบเลขที่ 5419 ประตู ป้ายชื่อ และถังเก็บน้ำฝน แบบ ฝ.99 และ (4) รายการรั้วคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 527 เมตร ของโรงพยาบาลอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1544 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ พ.ศ. .... | สธ | 17/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองอนามัย
การเจริญพันธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ ทิศทาง และมาตรการ เครื่องมือ และเงื่อนไขสำคัญของระบบสุขภาพ ที่จะช่วยส่งเสริมป้องกันและแก้ไขปัญหาอนามัยการ เจริญพันธุ์ได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพปัญหาที่เปลี่ยนแปลงไป และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้กองอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะ กรรมการคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ พร้อมทั้งให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของ กระทรวงแรงงานที่เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีบทบัญญัติที่เกี่ยวกับลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์และเด็ก รวม ทั้งการให้ความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตอบแทนที่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 และพระ ราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 จึงเห็นควรเพิ่มเติมคำว่า "กฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน" หลังคำว่า "กฎ หมายว่าด้วยคุ้มครองแรงงาน" ในร่างมาตรา 34 วรรคสอง เนื่องจากเป็นกรณีประสบอันตรายเนื่องจากการทำ งานที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งคณะกรรม การประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1545 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข จำนวน 7 ราย (1. นายประเวศ วะสีฯ) | สธ | 17/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายประเวศ วะสี นายสมชัย ฤชุพันธุ์
นายวิจารณ์ พานิช นายเกษม วัฒนชัย นายสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ นายวิจิตร ศรีสุพรรณ และนางจุรี วิจิตรวาท การ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎา คม 2550 เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1546 | การขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข ไทย - บราซิล | สธ | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอดังนี้ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ
ด้านสาธารณสุขไทย-บราซิล และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้า ใจ ฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มอบให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจใน เรื่องนั้นๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็มลงนามในบันทึก ความเข้าใจฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1547 | ขออนุมัติเสนอแผน 5 ปี รองรับการดำเนินงานการสำรวจภาวะสุขภาพและตรวจร่างกายประชาชนไทย | สธ | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็นชอบ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอหลักการของแผน 5 ปี (พ.ศ. 2551-2555) รองรับการดำเนินงานการสำรวจภาวะ สุขภาพและตรวจร่างกายประชาชนไทยเพื่อให้การดำเนินงานการสำรวจภาวะสุขภาพและตรวจร่างกายประชาชนเกิด ความต่อเนื่อง และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการกำหนดนโยบายสุขภาพและการจัดระบบสาธารณสุข และเป็นที่ยอมรับ ในมาตรฐานข้อมูลสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า การดำเนินการตามแผน ฯ เป็นลักษณะงานที่ต้องมีการดำเนินการในระยะยาว และประสานงานกับภาคเอกชนเป็น หลัก จึงควรประสานระดมทุนจากภาคีภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาสนับสนุน เพื่อลดภาระการพึ่งพางบประมาณ จากภาครัฐด้วย และในการดำเนินการตามแผน ฯ ซึ่งผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงเพิ่มเติมว่าไม่ได้มีการตั้งหน่วย งานขึ้นใหม่แต่เป็นหน่วยงานที่มีอยู่แล้วในสังกัดของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ดังนั้น หากมีภารกิจใดที่เพิ่มขึ้น ก็ เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่มีอยู่แล้วเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อลดภาระต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับภาครัฐโดยไม่จำเป็น และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณ รองรับการดำเนินงานดังกล่าว ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 หาก สสส. ไม่สามารถสนับสนุนได้หรือให้การสนับ สนุนไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1548 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายไมตรี อนันต์โกศล) | สธ | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายไมตรี อนันต์โกศล ให้ดำรง
ตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. (ด้านเวชกรรม สาขากุมารศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2550 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1549 | การดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกในบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา | สธ | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกใน
บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ของกระทรวงสาธารณสุข สรุปได้ดังนี้ ด้านการป้องกันและควบคุมโรค ได้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการป้องกันควบคุมโรคบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีการจัด ตั้งทีม SRRT ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับท้องถิ่น ซึ่งเมื่อมีการระบาดของโรคทีมดังกล่าวจะข้ามเข้าไป ดำเนินการในฝั่งประเทศกัมพูชาโดยพ่นเคมีเพื่อควบคุมโรคและกำจัดลูกน้ำยุงลายในพื้นที่ที่มีการระบาดในประเทศ กัมพูชาทันที ส่วนด้านการรักษาผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองบริเวณชายแดนจะทำหน้าที่ตรวจคนเข้าออก ประเทศของประชาชน 2 ฝั่ง หากมีผู้ป่วยแสดงอาการให้เห็น เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรง พยาบาลที่ใกล้เคียงให้การรักษาทันที และด้านการประสานงานระหว่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการ จัดประชุม เพื่อวางแผนแนวทางการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกและโรคมาเลเรีย และจัดทำรายงาน แบบฟอร์ม รายงาน วิธีการควบคุม ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งจัดทำ SOP ของการควบคุมโรคเพื่อสร้างความเข้ม แข็งระหว่างประเทศร่วมกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1550 | ข้อเสนออัตราเหมาจ่ายรายหัวสำหรับการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2551 | สธ | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
อัตราเหมาจ่ายรายหัวสำหรับการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ในอัตรา 2,100 บาท ต่อประชากร โดยอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อการสร้างหลัก ประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำหรับประชากรผู้มีสิทธิจำนวน 46,477,000 คน ทั้งนี้ หากผลการลงทะเบียนผู้มีสิทธิ สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก็ให้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ โดยให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า การเพิ่มขึ้นของงบเหมาจ่ายรายหัวมีอัตราลดลงเป็นลำดับตั้ง แต่ปี พ.ศ. 2549-2551 ซึ่งมีอัตราเพิ่มโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 15.32 นับว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบ กับอัตราเพิ่มของงบประมาณรวม โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของงบประมาณปี พ.ศ. 2551 ซึ่งมีอัตราเพิ่มเพียงร้อยละ 4.39 เท่านั้น ดังนั้น หากอัตราเหมาจ่ายรายหัวมีแนวโน้มดังกล่าวประกอบกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุคาดว่าใน ระยะยาวอาจมีปัญหาในการสนับสนุนงบประมาณจัดบริการตามหลักประกันสุขภาพ นอกจากนี้ ให้ สปสช. หา ข้อยุติที่ชัดเจนเกี่ยวกับขอบเขตการจัดบริการที่จำเป็นภายใต้โครงการ ฯ และกำหนดบริการที่เกินความจำเป็นเพื่อ ให้มีการร่วมจ่ายสมทบตามมาตรา 39 ในพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ที่ระบุถึงแหล่ง เงินสนับสนุนอื่นนอกจากงบประมาณประจำปี เช่น เงินสมทบอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติตามมาตรา 39 (8) ซึ่ง สามารถออกเป็นพระราชกฤษฎีกากำหนดให้บุคคลที่มีความสามารถในการจ่ายได้ ให้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือการกำหนดให้การประกันสุขภาพเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยมีการกำหนดเบี้ย ประกันสุขภาพที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับบริการที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นในการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคอย่างเป็นระบบทั้งภารกิจงานและงบประมาณตามแนว ทางของแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1551 | รายงานผลการติดตามงานการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด ณ จังหวัดสิงห์บุรีและจังหวัดชัยนาท | สธ | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการติดตามงานการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับ
จังหวัด ณ จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดชัยนาท ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายมรกต กรเกษม) เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2550 สรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมได้ดังนี้ จังหวัดสิงห์บุรีได้รับงบประมาณในการ ดำเนินงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด จำนวน 50,999,918 บาท มีโครงการทั้งสิ้น 276 โครง การ และจังหวัดชัยนาทได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 59 ล้านบาท มีโครงการทั้งสิ้น 635 โครงการ โดยจังหวัดสิงห์ บุรีใช้งบประมาณสูงสุดในแผนงานบริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน แผนงานฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของชุมชนและ แผนงานด้านเศรษฐกิจพอเพียง ร้อยละ 31.0 30.0 และ 23.0 ตามลำดับ ส่วนจังหวัดชัยนาทใช้งบประมาณ สูงสุดในแผนงานบริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน แผนงานด้านเศรษฐกิจพอเพียง และแผนงานพัฒนาและสร้าง โอกาสให้ชุมชน ร้อยละ 39.0 34.0 และ 22.4 ตามลำดับ โดยทั้งสองจังหวัดได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีของหมู่ บ้าน/ชุมชนเรียบร้อยแล้วทุกโครงการ และโครงการส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการดำเนินงานคาดว่าจะดำเนินการแล้ว เสร็จภายในเดือนกันยายน 2550 นอกจากนี้ ทั้งสองจังหวัดได้เชื่อมโยงงบประมาณทั้งส่วนของงบประมาณท้อง ถิ่นและงบประมาณปกติ (งบ Function) ให้เข้ากับยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ซึ่งเป็นผลให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ดังกล่าวมีความเข้มแข็งและครอบคลุมยิ่งขึ้น สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่องบประมาณการขับเคลื่อนยุทธ ศาสตร์อยู่ดีมีสุข พบว่ามีความพึงพอใจต่อการจัดสรรงบประมาณนี้มาก และเป็นความคาดหวังของประชาชนที่รอ คอยงบประมาณในลักษณะนี้เนื่องจากเคยได้รับจัดสรรจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมาทั้งในรูปกองทุนหมู่บ้าน และ SML ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายมรกต กรเกษม) ได้มอบแนวทางการดำเนินงานตาม ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขให้แก่ทั้งสองจังหวัดเพิ่มเติมว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณเพื่อการดำเนินงาน ตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ระยะที่ 2 เป็นเงินทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท โดยมีหลักเกณฑ์การจัดสรรให้จังหวัดต่าง ๆ เช่นเดียวกับระยะที่ 1 รวมทั้งได้ตั้งงบประมาณไว้ในปี พ.ศ. 2551 อีก 15,000 ล้านบาท จึงขอให้จังหวัดเร่ง ดำเนินการจัดเตรียมโครงการรองรับไว้แต่เนิน ๆ เพื่อจะได้มีเวลาจัดทำอย่างรอบคอบ โดยเน้นให้เกิดกระบวน การเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนให้มากที่สุด นอกจากนี้ ขอให้จังหวัดเร่งรัดลดการใช้สารเคมี ในการเกษตร และส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุธรรมชาติอื่นแทนสารเคมี และรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชน มีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีทั้งด้านอาหาร การออกกำลังกาย และการมีอารมณ์ดีไม่เครียดโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1552 | การประชุมภาคีสมาชิกใหญ่กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ครั้งที่ 2 | สธ | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอดังนี้ อนุมัติร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์
การอนามัยโลกว่าด้วยการจัดการประชุมภาคีสมาชิกใหญ่กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ครั้งที่ 2 ซึ่งจะจัด ให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน-6 กรกฎาคม 2550 ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ และเห็นชอบให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในความตกลงดังกล่าว โดยให้กระทรวงสาธารณสุขประสานกระทรวงการ ต่างประเทศเพื่อดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1553 | เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (นายวิทิต อรรถเวชกุล) | สธ | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล เป็น
ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ส่วนค่าตอบแทนหรือผล ประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ให้ เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1554 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... | สธ | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก
พ.ศ. .... ซึ่งได้ปรับปรุงบันทึกหลักการและเหตุผลตามข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่ง ชาติแล้ว โดยมีสาระสำคัญดังนี้ จัดตั้งสถาบันพระบรมราชชนก เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพสนองความ ต้องการของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งมุ่งเน้นให้โอกาสทางการศึกษาแก่คนในส่วนภูมิภาคและในชนบท และ ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1555 | แผนงานธาลัสซีเมียแห่งชาติ พ.ศ. 2550 - 2554 | สธ | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
ในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแผนงานธาลัสซีเมียแห่งชาติ พ.ศ. 2550-2554 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ เด็กไทยเกิดใหม่ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงลดลง ส่วนผู้ป่วยที่มีอยู่จะได้รับการรักษาเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานดังนี้ ร้อยละ 100 ของโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนมีการจัดระบบบริการ ป้องกัน ควบคุม และรักษาพยาบาลโรคธาลัสซีเมียที่ได้มาตรฐาน ร้อยละ 100 ของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ สามารถตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการได้ครบทุกขั้นตอนและมีมาตรฐาน รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค ธาลัสซีเมียระดับส่วนกลาง 1 แห่ง ระดับส่วนภูมิภาค 12 แห่ง และสามารถพัฒนาเทคนิคการตรวจวินิจฉัย a- thalassemia, B-thalassemia และวัตถุควบคุมคุณภาพสำหรับการตรวจวินิจฉัยโรคธาลัสซีเมียเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ที่ นำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อย่างน้อย 2 ชนิด โดยให้เพิ่มผู้แทนสำนักงบประมาณเป็นกรรมการในคณะกรรม การประสานการพัฒนานโยบายการส่งเสริม ป้องกัน และควบคุมโรคธาลัสซีเมียแห่งชาติ และรับประเด็นอภิปราย ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่ให้กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเติมรายละเอียดการบูรณาการองค์ความรู้และการทำ งานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น มหาวิทยาลัยที่มีการศึกษาวิจัยในเรื่องดังกล่าว สภากาชาดไทย เป็นต้น ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สำหรับกรณี การขออนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินการ จำนวน 1,038,024,560 บาท เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้รับงบ ประมาณสนับสนุนจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเฉพาะในส่วนของสิทธิประโยชน์ของผู้รับบริการ โดยใน ด้านการพัฒนาสมรรถนะบุคลากร และการวิจัยพัฒนากระทรวงสาธารณสุขยังไม่ได้รับการสนับสนุน รวมทั้งให้รับ ความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย โดยในส่วนของคณะกรรม การกลั่นกรอง ฯ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการตามแผนงานให้กระทรวงสาธารณสุขขอทำความตกลงในราย ละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1556 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางพิมพ์ใจ นัยโกวิท) | สธ | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นางพิมพ์ใจ นัยโกวิท ให้ดำรงตำแหน่ง
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ 11 ชช.) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2550 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1557 | ขอปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 กระทรวงสาธารณสุข กรณีพิเศษ | สธ | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้สำนักงบประมาณปรับปรุงรายละ
เอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของกระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 65 ล้านบาท ดังนี้ ปรับ ปรุงงบประมาณที่ได้รับจัดสรรให้องค์การเภสัชกรรม จำนวน 13.8 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการออกแบบอาคาร โรงงานผลิตวัคซีนและค่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบ ควบคุมงาน เปลี่ยนเป็น งบลงทุน จำนวน 13.8 ล้านบาท ตามมติที่ ประชุมคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ครั้งที่ 9/2550 เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2550 เห็นชอบให้ใช้งบประมาณ ขององค์การเภสัชกรรมสำหรับค่าใช้จ่ายในการออกแบบ ค่าจ้างที่ปรึกษาและควบคุมงานฯ และปรับปรุงงบประมาณ เพื่อนำมาสมทบเป็นงบลงทุน ในปี 2551 เพิ่มเติม จำนวน 51.2 ล้านบาท จากงบดำเนินงานจากหน่วยงานในสังกัด กระทรวงสาธารณสุข ตามสัดส่วนของงบดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน ดังนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 11.00 ล้านบาท กรมการแพทย์ 5.00 ล้านบาท กรมควบคุมโรค 14.00 ล้านบาท กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก 0.90 ล้านบาท กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 4.00 ล้านบาท กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 2.50 ล้านบาท กรมสุขภาพจิต 5.00 ล้านบาท กรมอนามัย 4.50 ล้านบาท และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและ ยา 4.30 ล้านบาท รวมทั้งอนุมัติผูกพันงบประมาณสำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีน ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-2553 เฉพาะในส่วนการก่อสร้างโรงงานวัคซีน ฯ รายการ 1.3.1-1.3.4 เป็นเงินจำนวน 256 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1558 | กฎอนามัยระหว่างประเทศ ค.ศ. 2005 | สธ | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการประกาศใช้กฎอนามัยระหว่างประเทศ ค.ศ. 2005 ที่ได้รับการรับรองจากการประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 และมี ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ประสานหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนพัฒนาความพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศเสนอ คณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุน และให้กระทรวงต่าง ๆ ให้ความ ร่วมมือในการเฝ้าระวั ง แจ้งข่าว และควบคุมภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข และหากพบปัญหาอุปสรรคของการ ปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ให้แจ้งกระทรวงสาธารณสุขทราบเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอาทิ ความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับกรณีหากมีข้อบท ใดในกฎอนามัยระหว่างประเทศฉบับใหม่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถปฏิบัติตาม ก็อาจตั้งข้อสงวน (reserva tion) ไม่รับข้อบทใดก็ได้ตามที่มาตรา 62 ของกฎอนามัย ฯ ได้ให้ทางเลือกไว้ ซึ่งการตั้งข้อสงวนหมายถึงคำแถลง การณ์ฝ่ายเดียวเพื่อมุ่งที่จะตัดออกหรือเปลี่ยนแปลงผลทางกฎหมายของบทบัญญัติบางตอน ทั้งนี้ หากเห็นควรที่ จะมีข้อสงวนใด ๆ ก็ให้แจ้งข้อสงวนและเหตุผลในการตั้งข้อสงวนไปพร้อมกับการแจ้งการยอมรับร่างกฎอนามัย ฯ และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า กฎอนามัยระหว่างประเทศฉบับใหม่มีเนื้อหาบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การค้าระหว่างประเทศ (Part II-Information and Public Health Response, Article 9, 10) ซึ่งควรได้รับการ พิจารณาอย่างรอบคอบ เช่น บทบัญญัติที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกแจ้งองค์การอนามัยโลก (WTO) ทราบภาย ใน 24 ชั่วโมง ถ้าพบหลักฐานแสดงว่า การส่งออกหรือนำเข้าสินค้าจากประเทศใด ๆ อาจก่อให้เกิดการแพร่ ระบาดของโรคติดต่อระหว่างประเทศ ซึ่งแม้ว่าหลังจากที่ WTO ได้รับแจ้งแล้วจะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จ จริงในเรื่องดังกล่าว (Verification) ก็ตาม แต่หากมีข่าวการแจ้ง WTO ว่าสินค้าของประเทศใดที่ส่งออกไปจำหน่าย ยังต่างประเทศมีเชื้อโรคปนเปื้อน (Goods that are contaminated) ก็จะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาได้ และทำให้ ประเทศที่จะนำเข้าสินค้าดังกล่าวบางประเทศอาจเกรงกลัวต่อโรคระบาดดังกล่าว และระงับการนำเข้าจากสินค้า นั้นทันที ซึ่งประเทศผู้แจ้งอาจจะใช้ช่องว่างของกฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าได้ เป็นต้น ไป พิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1559 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมเพิ่มเติม จำนวน 3 ราย (1. นายชำนาญ พิเชษฐพันธ์ฯ) | สธ | 05/06/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การ
เภสัชกรรมเพิ่มเติม จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายชำนาญ พิเชษฐพันธ์ นายสุทธิชัย เอี่ยมเจริญยิ่ง และนายชูชัย ฤดีสุขสกุล โดยให้มีวาระดำรงตำแหน่งเท่ากับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งที่เหลือของคณะกรรมการองค์การเภสัช กรรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2549 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (5 มิถุนายน 2550) และให้คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมชุดใหม่ มีจำนวนเกินกว่า 11 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ตามพระราชบัญญัติ องค์การเภสัชกรรม พ.ศ. 2509 และพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 56 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2534
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1560 | ร่างพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. .... | สธ | 29/05/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีคณะ กรรมการสุขภาพจิต คณะกรรมการเขต คณะกรรมการสถานบำบัดรักษา กำหนดสิทธิของผู้ป่วย กำหนดการบำบัด รักษาทางสุขภาพจิตของผู้ป่วยจิตเวช กำหนดการบำบัดรักษาทางสุขภาพจิตของผู้ป่วยคดี กำหนดการอุทธรณ์คำสั่ง คณะกรรมการสถานบำบัดรักษา กำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งกำหนดบทโทษ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อสังเกตของ สำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับคำนิยามคำว่า "ความผิดปกติทางจิต" มีความหมายกว้างเกินไป ซึ่งอาจมีความหมาย รวมไปถึงบุคคลที่มีลักษณะที่ร่างกายเป็นผู้ชายแต่จิตเป็นผู้หญิง หรือบุคคลที่มีลักษณะร่างกายเป็นหญิงแต่จิตใจเป็น ชาย เป็นต้น จึงควรกำหนดความหมายของคำนิยามให้มีความชัดเจน ไม่ทำให้เกิดความสับสนในการตีความและใน ทางปฏิบัติ ส่วนร่างมาตรา 5(3) ที่กำหนดให้คณะกรรมการสุขภาพจิตระดับชาติจะต้องมีผู้แทนจากภาคเอกชน ซึ่ง ทำหน้าที่เป็นตัวแทนคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้มีความผิดปกติทางจิต ซึ่งเลือกกันเองจำนวน 4 คนนั้น เนื่องจากไม่ ได้กำหนดถึงที่มา คุณสมบัติและการพ้นจากตำแหน่งของบุคคลดังกล่าว จึงควรกำหนดถึงที่มา คุณลักษณะและการ พ้นจากตำแหน่งของบุคคลดังกล่าวให้ชัดเจน และร่างมาตรา 16 ที่กำหนดถึงผู้ที่จะมาเป็นคณะกรรมการสถานบัน บำบัดรักษา จะไม่มีผู้แทนจากภาคเอกชน ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวเป็นผู้ที่มีอำนาจวินิจฉัย และมีคำสั่ง และอำนาจ อื่น ๆ อีก หากไม่มีผู้แทนของภาคเอกชนเข้ามาร่วมกันพิจารณาอาจทำให้การวินิจฉัยและมีคำสั่งจะเป็นไปอย่างไม่ รอบคอบ และขาดการถ่วงดุลได้ จึงควรกำหนดให้คณะกรรมการสถานบำบัดรักษาประกอบด้วยผู้แทนจากภาคเอก ชนซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้มีความผิดปกติทางจิต 1 คน เป็นต้นไปประกอบการพิจารณา ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
