ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 106 จากทั้งหมด 513 หน้า แสดงรายการที่ 2101 - 2120 จากข้อมูลทั้งหมด 10242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2101 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2554 พ.ศ. .... | มท | 30/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ ซึ่งใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๓ มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2102 | การขอใช้พื้นที่ของส่วนราชการบริเวณงานการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติทางเรือ และการจัดขบวนเรือประดับไฟ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวันที่ 5 ธันวาคม 2553 | มท | 30/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า ได้กำหนดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ โดยกำหนดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติทางเรือและการจัดขบวนเรือประดับไฟ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณ ลำน้ำเจ้าพระยา บริเวณโรงพยาบาลศิริราช และได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดจุดพื้นเวทีกลาง และกำหนดท่าเทียบเรือรับส่งมวลชนลงเรือเพื่อร่วมงาน จำนวน ๑๔ จุด เพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชนที่มาร่วมงาน
|
||||||||||||||||||
2103 | รายงานผลการดำเนินโครงการบ้านดินสิ่งมหัศจรรย์ของจังหวัดชัยภูมิประจำเดือนกันยายน 2553 | มท | 30/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินโครงการบ้านดินสิ่งมหัศ
จรรย์ของจังหวัดชัยภูมิ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๒ โดยขณะนี้การดำเนินโครงการบ้านดินฯ แล้วเสร็จทุกกิจกรรมตามแผน งานที่กำหนด ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้าพักระหว่างเดือนเมษายน-สิงหาคม ๒๕๕๓ จำนวน ๗๗๓ คน มีรายได้ เพิ่มขึ้นจำนวน ๒๖๒,๓๐๐ บาท การดำเนินโครงการสิ้นสุดระยะเวลาโครงการในเดือนกันยายน ๒๕๕๓ โดยมี เงินเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการ จำนวน ๕๘,๓๖๐ บาท และเงินค่าปรับ จำนวน ๒๑๔,๘๖๐ บาท รวมเป็น เงิน ๒๗๓,๒๒๐ บาท ซึ่งจังหวัดชัยภูมิได้นำส่งเงินเหลือจ่ายและเงินค่าปรับดังกล่าวเป็นรายได้แผ่นดินแล้ว ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์) ได้เดินทางไปตรวจติดตามความก้าวหน้า โครงการพร้อมมอบนโยบาย ข้อเสนอแนะและแนวทางดำเนินงานในระยะยาว เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ต่อไป
|
||||||||||||||||||
2104 | โครงการเร่งรัดขยายเขตระบบไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ | มท | 25/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการเร่งรัดขยายเขตระบบไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยให้การไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค (กฟภ. ) ดำเนินการโครงการฯ สำหรับครัวเรือนที่มีค่าใช้จ่ายในการปักเสาพาดสายไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อครัวเรือน ซึ่งมีจำนวน ๙๑,๕๒๗ ครัวเรือน ในพื้นที่รับผิดชอบของ กฟภ. (๗๓ จังหวัด) ทั่วประเทศ ระยะ เวลาดำเนินการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ วงเงินลงทุนรวม ๒,๐๔๕ ล้านบาท (โดยมีที่มาจากเงินกู้ในประเทศ ๑,๕๓๐ ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟภ. ๕๑๕ ล้านบาท) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวง มหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรม การกำกับกิจการพลังงาน และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่ ประชาชนเกี่ยวกับการใช้งานและการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนเพื่อให้ประชาชนสามารถ บำรุงรักษาอุปกรณ์ด้วยตนเองและช่วยเหลืออายุการใช้งานของอุปกรณ์ดังกล่าว และดำเนินการประเมินผลการ ดำเนินงานโครงการขยายเขตไฟฟ้าให้ราษฎรในชนบท ระยะที่ ๓ โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้ราษฎรในชนบท ระยะที่ ๓ เพิ่มเติม และโครงการเร่งรัดขยายเขตไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ภายหลังจากดำเนินโครงการแล้ว เสร็จ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบการดำเนินโครงการลงทุนขยายเขตระบบไฟฟ้าให้กับครัวเรือนในชนบทใน อนาคต นอกจากนี้ เห็นควรไม่ต้องดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียสำคัญของประชาชน ตาม มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ เนื่องจากโครงการฯ จะดำเนินการ ขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าไปตามแนวเขตถนนของกรมทางหลวงชนบทที่มีอยู่เดิม และจะไม่ดำเนินการในเขต พื้นที่หวงห้าม พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๑ เอ พื้นที่ป่าอนุรักษ์หรือเขตพื้นที่ป่าอื่น ๆ และโดยที่ กฟภ. มีโครงการจำนวนมาก ที่ต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ กฟภ. จึงควรวางแผนทางการเงินให้รอบคอบ รัดกุม เพื่อไม่ก่อให้ เกิดภาระงบประมาณ ไปดำเนินการด้วย ๒. เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมและกระทรวงพลังงานเร่งรัดการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาสำหรับครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้และมีต้น ทุนขยายเขตด้วยวิธีการปักเสาพาดสายเกินกว่า ๕๐,๐๐๐ บาทต่อครัวเรือน จำนวน ๓๙,๐๒๙ ครัวเรือน ต่อไป ด้วย ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เสนอ ๓. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับไปตรวจสอบและประเมินผลการใช้พลังงานหมุนเวียนที่เหมาะ สมในแต่ละพื้นที่ แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
2105 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการขอมีบัตร มีบัตรใหม่หรือเปลี่ยนบัตรสำหรับผู้ประสบภัยธรรมชาติ ระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ถึงปัจจุบัน ในท้องที่ 45 จังหวัด | มท | 25/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการขอมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรสำหรับผู้ประสบภัยธรรมชาติ ระหว่างวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึงปัจจุบัน ในท้องที่ ๔๕ จังหวัด มีสาระสำคัญคือ ให้ขยายกำหนดเวลาการขอมีบัตร ขอมีบัตรใหม่ หรือขอเปลี่ยนบัตรแก่ผู้ซึ่งมีชื่ออยู่ใน ทะเบียนบ้าน ในท้องที่ประสบภัยธรรมชาติ (อุทกภัย) ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึงปัจจุบัน รวม ๔๕ จังหวัด จากภายในกำหนดหกสิบวัน เป็นภายในกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ต้องมีบัตร มีบัตร ใหม่หรือเปลี่ยนบัตร และให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกบัตรใหม่หรือเปลี่ยนบัตร ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับอำนาจ ของคณะรัฐมนตรีที่จะมีมติอนุมัติในหลักการเพื่อออกประกาศในท้องที่จังหวัดอื่นที่ยังไม่ประสบภัยธรรมชาติ (อุทก ภัย) รวมทั้งให้มติคณะรัฐมนตรีครอบคลุมถึงภัยธรรมชาติประเภทอื่นที่ไม่ใช่อุทกภัย เช่น วาตภัย ด้วย ได้หรือไม่ ไปพิจารณาด้วย หากเห็นว่าคณะรัฐมนตรีมีอำนาจที่จะมีมติอนุมัติในหลักการเพื่อออกประกาศในท้องที่จังหวัดอื่น ที่ยังไม่ประสบภัยธรรมชาติ (อุทกภัย) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ก็อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาจัดทำร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย โดยให้มี หลักการตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2106 | ขออนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยสำหรับนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ชดเชยให้การประปานครหลวง และขอขยายกรอบวงเงินงบประมาณ รวมทั้งขออนุมัติกู้เงินในประเทศเพื่อชดเชยรายได้ค่าน้ำตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ 3 | มท | 25/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่ การประปานครหลวง (กปน.) ได้ทดรองจ่ายไปก่อนแล้ว จำนวน ๒,๓๘๑,๘๑๔.๒๕ บาท ตามนโยบาย ๖ มาตรการ ๖ เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน คืนให้ กปน. ต่อไป ๑.๒ ขยายกรอบวงเงินงบประมาณของมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ ๓ (๑ มกราคม-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓) จำนวน ๓,๕๖๓,๓๐๐ บาท จากกรอบวงเงินเดิมที่ได้รับจัดสรร จำนวน ๓๘๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็นตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง จำนวน ๓๙๒,๐๖๓,๓๐๐ บาท ๑.๓ ให้ กปน. กู้เงินในประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อชดเชยรายได้ค่าน้ำจากการ ดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ ๓ วงเงิน ๓๙๒,๐๖๓,๓๐๐ บาท โดยกระทรวง การคลังค้ำประกันเงินกู้ และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระในการชำระคืนเงินต้น ดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าใช้จ่ายใน การกู้เงินทั้งจำนวน ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ในการพิจารณาการชดเชยรายได้ให้ถูกต้องตรงกันและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งพิจารณา สนับสนุนเงินชดเชยรายได้ให้แก่รัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวโดยเฉพาะต้นเงิน กู้และดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้กระทบต่อฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจต่อไป ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
2107 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองป่าโมก จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... | มท | 25/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสายทอง ตำบลบางปลากด ตำบลป่าโมก ตำบล นรสิงห์ ตำบลเอกราช ตำบลโรงช้าง ตำบลบางเสด็จ และตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เพื่อใช้เป็น แนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์ สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาด ไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2108 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ครัวเรือนละ 5,000 บาท (เพิ่มเติม) | มท | 25/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท) โดยให้ผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดมุกดาหารได้รับการช่วยเหลือ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ด้วย และตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ไปแล้ว ๒ ครั้ง ดังนั้น หากมีเงินเหลืออยู่ก็จะจัดสรรให้กระทรวงมหาดไทยต่อไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม ๒. อนุมัติให้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) จำนวน ๒๒ จังหวัด ๓,๖๖๔ ครัวเรือน รวมเป็นเงิน ๑๘,๓๒๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||
2109 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. .... | มท | 16/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่อง
ขยายเสียง พ.ศ. .... ของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๒) ซึ่งเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่กระทรวงมหาด ไทยเสนอ เป็นเพียงการปรับปรุงพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. ๒๔๙๓ ใน รายละเอียดโดยมิได้มีเนื้อหา สาระสำคัญ หรือมาตรการทางกฎหมายแตกต่างไปจากพระราชบัญญัติควบคุม การโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. ๒๔๙๓ อันจะทำให้การใช้บังคับกฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ อย่างใด จึงไม่เป็นการสมควรที่จะปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว โดยการออกกฎหมายฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาสาระ ส่วนใหญ่เป็นเช่นเดิม ทั้งนี้ ให้ชะลอการดำเนินการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไว้ก่อน โดยให้พระราชบัญญัติ ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. ๒๔๙๓ ใช้บังคับไปพลางก่อน และให้กระทรวงมหาดไทยและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาหารือร่วมกันเพื่อดำเนินการยกร่างกฎหมายกลางเกี่ยวกับการควบคุมการใช้ เสียงเป็นการทั่วไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||
2110 | การขออนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อจัดซื้อผ้าห่มนวมช่วยเหลือกลุ่มผู้ผลิตผ้าห่มนวม | มท | 16/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยจัดหาผ้าห่มตามความต้องการของประชาชนผู้ประสบ ภัยพิบัติ(ภัยหนาว) ในพื้นที่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศภัยพิบัติ (ภัยหนาว) ได้ โดยให้จังหวัดดำเนินการ โดยยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๕.๑.๑๘ และให้จังหวัดจัดซื้อเครื่องกันหนาวได้ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทด รองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยจัดซื้อจากกลุ่มอาชีพผู้ผลิต ผ้าห่มนวมที่จดทะเบียนที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สำรวจแล้ว ในราคาผืนละไม่เกิน ๑๘๐ บาท ภายในวงเงินไม่เกิน ๑ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบ ประมาณเกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพาะ และราคาต่อหน่วยของผ้าห่มที่จะจัดซื้อให้เหมาะสม และสะท้อนต้นทุน ของผู้ผลิต ก่อนดำเนินการต่อไป และหากวงเงินดังกล่าวไม่เพียงพอให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับ กรมบัญชีกลาง เพื่อขอขยายวงเงินให้จังหวัดจัดซื้อเครื่องกันหนาวเพิ่มเติมตามความจำเป็นและเหมาะสมเป็น กรณี ๆ ไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดติดตามการดำเนินการส่งมอบผ้าห่มให้ถึงมือประชาชน ผู้ประสบภัยหนาวโดยเร็ว ๓. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับภาคเอกชนและมูลนิธิต่าง ๆ ที่ประสงค์จะบริจาค ผ้าห่มนวมให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยหนาว ให้จัดซื้อผ้าห่มนวมจากกลุ่มอาชีพผู้ผลิตผ้าห่มนวมที่จดทะเบียน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สำรวจแล้ว เพื่อเป็นการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาวและช่วยเหลือ กลุ่มผู้ผลิตผ้าห่มนวมอีกทางหนึ่งด้วย ๔. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) เร่งรัดการ ดำเนินการขยายเครือข่ายสถานีตรวจสอบสภาพอากาศให้ทั่วถึงและครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้นเพื่อ ประโยชน์ในการพิจารณาประกาศภัยพิบัติ (ภัยหนาว) ในแต่ละพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับข้อเท็จ จริงได้มากยิ่งขึ้น ๕. มอบหมายให้คณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งมี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เป็นประธานกรรมการรับไปพิจารณาแน วทางการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยให้ครอบคลุมถึงกรณีผู้ประสบภัยพิบัติ (ภัยหนาว) ด้วย |
||||||||||||||||||
2111 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายปประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัยและวาตภัย) ครัวเรือนละ 5,000 บาท (ภาคใต้) | มท | 16/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัยและวาตภัย) ภาคใต้ จำนวน ๓๗๓,๑๘๒ ครัวเรือน ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๘๖๕,๙๑๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณตรงให้ธนาคารออมสินเป็นหน่วยรับงบประมาณ จากกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๑๖๑,๔๔๐,๐๐๐ บาท ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ [เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย)] ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||
2112 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนงิม จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | มท | 16/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนงิม จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มี
สาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลงิม อำเภอปง จังหวัดพะเยา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการ ขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2113 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเบตง จังหวัดยะลา พ.ศ. .... | มท | 16/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเบตง จังหวัดยะลา พ.ศ. .... มี
สาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเบตง ตำบลยะรม และตำบลธารน้ำทิพย์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้าน การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวด ล้อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการ ต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2114 | การแต่งตั้งข้าราชการตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (จำนวน 57 ราย 1. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ฯลฯ) | มท | 02/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ประเภทบริหารระดับสูง) ที่เหลืออีก ๘ ราย และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย) จำนวน ๔๘ ราย ๒. แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป ได้แก่ ๒.๑ ตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๓ ราย ๒.๒ ตำแหน่งอธิบดี จำนวน ๓ ราย ๒.๓ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๕ ราย ๒.๔ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน ๔๔ ราย
|
||||||||||||||||||
2115 | การแก้ไขปัญหากรณีการละเมิดสิทธิในที่ดินชาวม้ง ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน | มท | 02/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย)
ประธานกรรมการติดตามการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน รับเรื่อง การแก้ไขปัญหากรณีการละเมิด สิทธิในที่ดินชาวม้ง ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน ไปพิจารณาทบทวน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยให้ดำเนินการ ดังนี้ ๑. ศึกษา ตรวจสอบ และพิจารณาข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะทำ งานในระดับจังหวัดว่า การที่กรณีชาวบ้านป่ากลางได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และชาวบ้านพื้นราบในเขตอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่านที่เข้าไปขับไล่ รื้อถอน และเผาสวนลิ้นจี่จนได้รับความ เสียหายนั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพียงใด ๒. การให้ความช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น หากมิใช่เป็นเพราะเหตุความรับผิดของรัฐ แต่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้เสียหายดังกล่าวแล้ว ย่อมไม่สมควรนำหลัก เกณฑ์การคำนวณการจ่ายเงินค่าชดเชยตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งค่าเสียโอกาสให้แก่ผู้เสียหาย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ กรณีดังกล่าวรัฐสมควรคำนึงถึงความสามารถในการให้ความช่วยเหลือเยียว ยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้เสียหายตามหลักความเหมาะสมและเพียงพอกับความสามารถของรัฐ ๓. ประสานงานและทำความเข้าใจกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณา ดำเนินการแก้ไขปัญหาการร้องเรียนในทำนองนี้ว่า นอกจากวิธีการสอบปากคำ และการรับฟังความคิดเห็น แล้ว ควรมีการศึกษา ตรวจสอบ และพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิการครอบครองที่ดินของผู้ร้องเรียนเพิ่ม เติมด้วย เช่น การพิสูจน์สิทธิด้วยภาพถ่ายทางอากาศ รวมทั้งสอบถามเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ดำเนินการขับไล่ และรื้อถอนทรัพย์สินของราษฎรออกจากที่ดินของรัฐว่า ได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย หรือระเบียบใด ทั้งนี้ หากการให้ความช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชาวม้งดังกล่าว เป็นไปด้วยความไม่เหมาะสมและ ไม่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายแล้ว ย่อมจะทำให้กรณีนี้เป็นแนวทางทำให้เกิดกรณีการบุกรุกที่ดินของรัฐ และมีการ ร้องเรียนขอความช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต |
||||||||||||||||||
2116 | สถานที่สร้างสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ. 2555 (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) | มท | 02/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้เลือกพื้นที่สถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เป็นสถานที่ก่อสร้าง สนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ. ๒๕๕๕ (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) ๒. ส่วนงบประมาณในการก่อสร้างสนาม ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ประสานงานกับ สำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาจัดทำรายละเอียดของแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่จะต้อง ใช้ในการก่อสร้างสนามให้ชัดเจนก่อน โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาความเหมาะสมในการเลือกสถานที่ในการสร้างสนามแข่งขัน ให้คำนึงถึงความพร้อมในการขอใช้พื้นที่ ความเป็นไปได้ของการก่อสร้างให้เสร็จทันเวลา ความสะดวกในการคมนา คมและบริการสาธารณูปโภค รวมทั้งจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ของสนามภายหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันไปพิจารณา ดำเนินการด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ สัปดาห์ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดการการ แข่งขันฟุตซอลดังกล่าว โดยมีองค์ประกอบจากผู้แทนของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ และให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย) และ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม เพื่อทำหน้าที่กำกับ ควบคุม ประสานการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งติดตามและประเมิน ผลการดำเนินงานในฐานะเจ้าภาพการแข่งขันฟุตซอลดังกล่าวด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
2117 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) | มท | 02/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม ดังนี้
๑. กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๑๖๑,๔๔๐,๐๐๐ บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน ๖๓๒,๒๘๘ ครัวเรือน ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. จัดสรรเงินงบประมาณตรงให้ธนาคารออมสินซึ่งเป็นหน่วยรับงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) โดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||
2118 | แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2554 - 2556) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. 2552 - 2556 | มท | 02/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖) ภายใต้แผน cม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติ งานร่วมกันอันจะส่งผลให้การบริหารจัดการภัยจากคลื่นสึนามิที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นไปอย่างมีระบบ มีทิศทางเดียว กันและเสริมกำลังกันอย่างบูรณาการ ๑.๒ ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีหน่วยงานร่วมบูรณาการ ๘๑ หน่วยงาน ๑.๓ งบประมาณดำเนินการรวมทั้งสิ้น ๖,๖๒๓.๓๖๙๓ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้เพิ่มเติมกองทัพบกและกองทัพเรือ ในแผนปฏิบัติการด้วย เพื่อให้การปฏิบัติการมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งจัดทำคู่มือการเตรียม ความพร้อมในการปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ และจัดการฝึกซ้อมการสนธิกำลังในการ ปฏิบัติการตามคู่มืออย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยงของการเกิดภัย สึนามิ รวมทั้งจัดทำดัชนีชี้วัดความสำเร็จของแผนปฏิบัติการ กำหนดเป้าหมาย ผลผลิต ผลลัพธ์ และกระบวน การติดตามประเมินผลในระดับยุทธศาสตร์ และระดับกลยุทธ์ เพื่อกำกับการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุ ประสงค์และสามารถประเมินความคุ้มค่าและประสิทธิภาพของการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ ไป ดำเนินการด้วย ๓. ส่วนงบประมาณที่จะต้องใช้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการโดย พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรรแล้วไปดำเนินการก่อน ส่วนปีงบ ประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินการตามความจำเป็นและ เหมาะสม โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเงินการคลังของประเทศตามระเบียบและขั้นตอน ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔. รับทราบตามที่อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยชี้แจงเพิ่มเติมว่า การฝึกซ้อมการสนธิ กำลังในการปฏิบัติการ นอกจาก ๘๑ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังได้เชิญสื่อสารมวลชนเข้าร่วมการฝึกซ้อมด้วย |
||||||||||||||||||
2119 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2553) | มท | 02/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัย ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม-๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ มีจังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น ๒๑ จังหวัด ๑๒๐ อำเภอ ๙๐๕ ตำบล ๗,๐๓๕ หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และฉะเชิงเทรา มีผู้เสียชีวิต ๑๐๔ ราย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๙๘๔,๖๗๐ ครัวเรือน ๓,๒๓๒,๖๑๗ คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหายประมาณ ๔,๑๒๘,๓๗๓ ไร่ ส่วนสถานการณ์อุทกภัยอันเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวไทยตอนบน ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ มีพื้นที่ประสบภัยทั้งสิ้น ๖ จังหวัด ๓๐ อำเภอ ๘๗ ตำบล ๔๐๒ หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดพัทลุง สงขลา สตูล นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๖,๘๓๑ ครัวเรือน ๒๐,๔๙๓ คน ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ ๒. การให้ความช่วยเหลือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมราษฎรและมอบถุงยังชีพในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก ปทุมธานี นนทบุรี และสิงห์บุรี รวมทั้งเดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และในส่วนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์) พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมราษฎรและมอบถุงยังชีพในพื้นที่ ๒๓ อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่ ณ ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี ๒๕๕๓ (ส่วนหน้า) จังหวัดนครราชสีมา สำหรับการให้ความช่วยเหลือของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม และยารักษาโรค ฯลฯ รวมทั้งสิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
|
||||||||||||||||||
2120 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (จำนวน 3 คน 1. นายวิชา จิวาลัย ฯลฯ) | มท | 02/11/2553 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อ
พัฒนาพื้นที่ จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว ตามที่กระทรวงมหาด ไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายวิชา จิวาลัย ๒. นายพัลลภ กฤตยานวัช ๓. นายปรีชา รณรงค์
|
.....