คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้าใน
การปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม   ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า  การปรับปรุงระบบการ
วิเคราะห์ดังกล่าว   นอกจากจะมุ่งเน้นความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนแล้ว   ให้คำนึงถึงความรวดเร็ว
และความถูกต้องของการวิเคราะห์ด้วย สำหรับรายงานความก้าวหน้าในการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อม  สรุปได้ว่า  คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้แต่ง
ตั้งขึ้นจำนวน  4  คณะ  ประกอบด้วย  คณะอนุกรรมการโครงสร้างองค์กรและพัฒนาระบบการวิเคราะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อม  คณะอนุกรรมการด้านกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม  คณะอนุกรรมการด้านเทคนิคและ
แนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม   และคณะอนุกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชน
ได้มีการประชุมร่วมกับคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการ  ฯ   เกี่ยวกับการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์  ฯ  ดังนี้
(1) รูปแบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้ปรับปรุงให้มีการจัดทำ 4 รูปแบบ คือ รายงานการวิเคราะห์ผล
กระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial  Environmental  Evaluation,  IEE) การรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวด
ล้อม (Environmental Impact Assessment, EIA) กรณีโครงการขนาดใหญ่ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รายงาน
การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหลังการดำเนินงาน (post  EIA) และการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงกล
ยุทธ์หรือการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับการจัดทำแผนหรือนโยบาย(Strategic  Environmental Assess
ment,  SEA)   (2)  การกำหนดประเภทและขนาดโครงการ   ได้ปรับปรุงการกำหนดประเภทและขนาดของโครง
การให้ครอบคลุมโครงการที่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมมากขึ้น (3) การพิจารณารายงาน ได้มีการพิจารณาแนวทาง
การปรับปรุงกลไกการพิจารณารายงานโดยคณะผู้ชำนาญการ  โดยมีองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมเข้ามาร่วมใน
การพิจารณารายงาน  รวมทั้งการมอบอำนาจให้หน่วยงานระดับภูมิภาคหรือท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณารายงานและ
การพิจารณาเกี่ยวกับการมีใบอนุญาตสำหรับรายงานดังกล่าว  (4)  การติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม 
มีการเปิดเผยผลการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานให้สาธารณชนทราบ พร้อมทั้งพัฒนาระบบติดตามตรวจสอบ
ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  (5)  กลไกการสนับสนุน ได้พิจารณาความจำเป็นในการจัดทำคู่มือหรือหลักเกณฑ์
ต่าง ๆ รองรับการปฏิบัติงาน  และกลไกการสนับสนุนกระบวนการวิเคราะห์  และ (6) การมีส่วนร่วมของประชา
ชน โดยการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นต้นของกระบวนการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการจัดทำเป้า
หมายการให้บริการสาธารณะ  (Public  Service  Agreement : PSA)  และข้อตกลงการจัดทำผลผลิต  (Service 
Delivery Agreement : SDA) ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ นโยบาย และยุทธศาสตร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย  (1)  ยุทธศาสตร์ข้อที่ 1 สงวน คุ้มครอง อนุรักษ์  ใช้ประโยชน์  และฟื้นฟูทรัพยา
กรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพโดยประชาชนมีส่วนร่วม เป้าหมายหลัก ได้แก่ ประชาชนมีความรู้
และมีส่วนร่วมในการจัดการอย่างเต็มศักยภาพและเป็นธรรม  ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีว
ภาพสมบูรณ์และยั่งยืน  (2)  ยุทธศาสตร์ข้อที่  2  กำกับดูแล  ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม  และลดมลพิษ  เป้าหมายหลัก
ได้แก่ คุณภาพสิ่งแวดล้อมดีขึ้น  (3)  ยุทธศาสตร์ข้อที่ 3 ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้  และการเข้าถึงทรัพยากร
ธรรมชาติ ของประชาชนอย่างเป็นธรรม  เป้าหมายหลัก  ได้แก่  ประชาชนได้เรียนรู้และใช้ประโยชน์ทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นธรรม  และ  (4)  ยุทธศาสตร์ข้อที่  4  บริหารจัดการแบบบูรณาการเชิงรุก
เป้าหมายหลัก ได้แก่ การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพผลิตภาพ โปร่งใส เป็นธรรม และทันสมัย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ดำเนินการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ประธานกรรมการ
ทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอโครงการป้องกันน้ำท่วมระยะเร่งด่วนในเขตพื้นที่วิกฤต รวม 15 จังหวัด  (รวมจังหวัดอุตร
ดิตถ์) รวมทั้งสิ้น 181 โครงการ ในวงเงินรวม 623.81 ล้านบาท สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ฯ 
ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการเจียดจ่ายงบประมาณส่วนที่เหลือจ่ายจากงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2546  ของส่วน
ราชการก่อน  หากไม่มีเงินเหลือจ่ายหรือมีอยู่ไม่เพียงพอ  ให้เบิกจ่ายจากเงินงบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายในการปรับ
ปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม  (งบกลาง สศส./46)  โดยขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และ
ให้รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้กำกับการปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาคกำกับดูแลและติดตามการดำเนิน
โครงการต่าง ๆ ในจังหวัดที่รับผิดชอบให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เรียบร้อย ถูกต้อง โปร่งใส และประหยัดด้วย ทั้งนี้
คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า  การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม  โดยการจัดทำช่องระบายน้ำ  (Box Culvert)  ลอด
ถนนสายต่าง ๆ ในจุดที่ทางน้ำไหลผ่าน เท่าที่ผ่านมายังทำได้น้อยและไม่เพียงพอ  โดยเฉพาะในสายทางที่ก่อสร้าง
ปิดกั้นทางไหลของน้ำ    จึงขอให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาดำเนิน
การโครงการให้เหมาะสมด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้แต่งตั้งประธานกรรม
การ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ แทนตำแหน่งที่ว่าง  รวม  9  ราย
ประกอบด้วย นายมนตรี นาวิกผล เป็นประธานกรรมการ นายณรงค์  เพ็ชรประเสริฐ  เป็นรองประธานกรรมการ
พันโท เอกสิทธิ์ ชัยฤกษ์  นายพิมล พูพิพิธ  นายวิชัย แหลมวิไล  พันเอก (พิเศษ) วิระฉัตร ดำรงหัด  นายปานเทพ 
รัตนากร นายเจษฎ์ โทณะวณิกเป็นกรรมการ และนายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ เป็นกรรมการ
และเลขานุการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ (1 กรกฎาคม 2546) เป็นต้นไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้แต่งตั้งประธานกรรม
การและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย จำนวน 7 คน ประกอบด้วย นายเกษมสันติ์  สุวรรณ
รัตน์ เป็นประธานกรรมการ นายปรีชา ออประเสริฐ นายอิทธิชัย จิตลดาพร พล.ต.พีระศักดิ์ ศรีกังวาล  นายธงชัย
พรรณสวัสดิ์ นายกิตติ คัมภีระ  และนายสุรินทร์  เศรษฐมานิต  เป็นกรรมการ  ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
อนุมัติ (1 กรกฎาคม 2546) เป็นต้นไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเกี่ยวกับการดำเนินงาน
ตามกลไกการพัฒนาที่สะอาดภายใต้พิธีสารเกียวโต  โดยให้เปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมคณะอนุกรรมการอนุสัญญาสห
ประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  ประกอบด้วย  หน่วย
งานราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการอนุวัตตามอนุสัญญา ฯ  ให้เป็น
ไปตามพันธกรณีที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้มีคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการ ฯ เพื่อกำกับการดำเนินงานภายใต้กล
ไกการพัฒนาที่สะอาด  แบ่งชุดทำงานออกเป็นสาขาหลัก  2  สาขา ได้แก่ สาขาพลังงานและอุตสาหกรรม และสาขา
ป่าไม้และเกษตรกรรม

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุมคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2545  เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2545  ซึ่งคณะกรรมการ ฯ  ได้ให้การรับรอง
แล้ว ประกอบด้วย เรื่องเพื่อทราบ 1 เรื่อง ได้แก่ การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการนโยบายแก้ไขปัญหาความ
ขัดแย้งที่เกิดจากการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ เรื่องสืบเนื่องเพื่อพิจารณา 1 เรื่อง  ได้แก่  การพิจารณาให้สัตยา
บันต่อพิธีสารเกียวโต เรื่องเพื่อพิจารณา 3 เรื่อง ได้แก่ การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัย  การปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการจัดการพื้นที่
ชุ่มน้ำ   การกำหนดค่ามาตรฐานการระบายสารปรอทจากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทเตาเผามูลฝอย   และเรื่อง
อื่น ๆ 1 เรื่อง  ได้แก่  การมอบหมายให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ในฐานะกรรมการ
และเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  เป็นผู้ดำเนินการแทนคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เกี่ยว
กับคดีหมายเลขดำ ที่ 304/2544

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมาตรการการลดการ
ใช้พลาสติกและโฟม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2546 เรื่อง การลดการใช้พลาสติกและโฟม (foam)
ประกอบด้วย (1) มาตรการระยะสั้น  ที่สามารถดำเนินการได้  ได้แก่  มาตรการจัดการพลาสติกและโฟมในอุทยาน
แห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ มาตรการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในการลดขยะทางสื่อ มาตรการ
ด้านเทคโนโลยี  โดยการสนับสนุนโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ทำจากวัสดุธรรมชาติ และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้มีการ
ใช้ผลิตภัณฑ์ทำจากวัสดุธรรมชาติมากขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันด้านการตลาดได้  และมาตรการด้านกฎหมาย โดย
ศึกษาและยกร่างกฎหมายการจัดการกากของเสียและสารอันตรายเป็นการเฉพาะเพื่อใช้สำหรับควบคุมปริมาณขยะ
มูลฝอย  สินค้า  หรือผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบ  รวมทั้งกำหนดให้ผู้ประกอบการร่วมรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ของตน
ภายหลังจากการบริโภคของประชาชน   และ (2) มาตรการระยะยาว  ได้แก่  มาตรการจัดการบรรจุภัณฑ์พลาสติก
และโฟมในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ  มาตรการข้อกำหนดผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทำจากพลาสติกใช้แล้ว  และ
มาตรการทางภาษีอากร   ทั้งนี้  ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับเป็นเจ้าของเรื่องในการประเมิน
ผลและรวบรวมข้อมูลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  โดยกรมทรัพยากรน้ำ
บาดาลรายงานผลการดำเนินการโครงการโรงเรียนพระราชทานกำปงเฌอเตียล อำเภอปราสาทซ็อมโบร์  จังหวัด
กำปงธม ประเทศราชอาณาจักรกัมพูชา  ในด้านการสำรวจ  เจาะบ่อน้ำบาดาล  และการติดตั้งหอถังประปา  สรุป
ได้ว่า กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ทำการสำรวจแหล่งน้ำบาดาลและเจาะบ่อน้ำบาดาล พร้อมติดตั้งเครื่องสูบไฟฟ้า
จำนวน  5  บ่อ  ซึ่งสามารถผลิตน้ำดิบเพื่อทำประปาได้รวมวันละ  250  ลูกบาศก์เมตร  และได้ติดตั้งหอถังประปา
ขนาดความจุ 12 ลูกบาศก์เมตร  ความสูง  12  เมตร  จำนวน  1  ถัง   และหอถังขนาดความจุ  20  ลูกบาศก์เมตร
ความสูง 20 เมตร จำนวน 3 ถัง รวม 4 ถัง มีความจุทั้งสิ้น 72 ลูกบาศก์เมตร  โดยระบบหอถังทั้ง 4 ถัง  จะมีระบบ
กรองน้ำสะอาด  เพื่อสามารถผลิตน้ำประปาพร้อมดื่มแจกจ่ายน้ำได้ครอบคลุมทั้งบริเวณโรงเรียน  ทั้งนี้  ระบบน้ำ
ประปาจากน้ำบาดาลสามารถรองรับจำนวนครู นักเรียนและเจ้าหน้าที่มากกว่า 1,324 คน  และความต้องการน้ำ
ของต้นไม้สนามหญ้า จำนวน 50 ไร่ รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสนับสนุนโครงการ ฯ ทั้งสิ้น  2,016,972.08
บาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ประธานกรรมการอนุรักษ์และ
พัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าเสนอให้แต่งตั้ง นายอดุล วิเชียรเจริญ นายวทัญญู ณ ถลาง  นายประสงค์ เอี่ยม
อนันต์ และนายสันทัด สมชีวิตา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และ
เมืองเก่า โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (24 มิถุนายน 2546) เป็นต้นไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้แต่งตั้ง นายศิริ จิระพงษ์
พันธ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกศาสตร์ แทนนายวิสุทธิ์ ใบไม้ ที่ลาออก  ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่
วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (24 มิถุนายน 2546) เป็นต้นไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติ  ครั้งที่ 1/2546  เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2546  ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้ว ประกอบ
ด้วย (1)  เรื่องเพื่อพิจารณา 8 เรื่อง ได้แก่ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการผลิตและจำหน่าย
ไฟฟ้าและน้ำเย็นสำหรับท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ  แห่งที่ 2 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) การให้สัตยาบันตาม
ข้อตกลงอาเซียน เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (ASEAN Agreement on  transboundary  haze  pollution)
ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   เรื่อง   กำหนดระดับเสียงของรถยนต์และรถจักรยาน
ยนต์การปรับปรุงหน่วยค่ามาตรฐานการระบายไดออกซินจากเตาเผามูลฝอย    รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทะเลสาบสงขลา   การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่า
ด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน  ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2545  และคณะกรรมการที่
ปรึกษานายกรัฐมนตรีเสนอให้แต่งตั้งผู้แทนสภาทนายความเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
(2)  เรื่องเพื่อทราบ  4  เรื่อง  ได้แก่  ผลการดำเนินการกรณีการขนย้ายของเสียอย่างผิดกฎหมายเพื่อนำเข้ามา
กำจัดทำลายในประเทศไทย  สรุปผลการประชุมใหญ่ภาคีอนุสัญญาบาเซล สมัยที่ 6 การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา
ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ  และการแต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวด
ล้อม  และ  (3)  เรื่องอื่น ๆ 3 เรื่อง ได้แก่ มลพิษทางอากาศจากการจราจรในกรุงเทพมหานครและการบังคับใช้
กฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายและการระงับอุบัติภัยและเหตุฉุกเฉินจากมลพิษ  และอนุสัญญา MAPLO

                คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการเปลี่ยนแปลง
หน่วยดำเนินการศึกษาโครงการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา จากสำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่  17  ธันวาคม  2545
มาเป็นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ  และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ  ฯ  เป็นหน่วยเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่าย
สำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อใช้ในการว่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
จำนวน 16 ล้านบาท  แทน  สศช.  สำหรับขั้นตอนในการเบิกจ่ายงบประมาณให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ
ประสานทำความตกลงกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนบูรณาการงบ
ประมาณการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา  และกรอบวงเงินสำหรับโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนบูรณาการ ฯ  ซึ่ง
ส่วนราชการจะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวนรวม  370.8  ล้านบาท และให้ดำเนินการต่อไปได้
โดยในส่วนของวงเงินจำนวน 83.9 ล้านบาท ที่ขอเพิ่มเติมจากที่ได้จัดสรร ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547  ต่อคณะกรรมาธิ
การวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547  หากไม่ได้รับการ
สนับสนุนงบประมาณดังกล่าวเพิ่มเติม  ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นต่อไป  สำหรับ
การก่อสร้างถนนสาย  พท 3037  (บ้านไสกลิ้ง - บ้านหัวป่า)  ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2547  ไว้แล้วจำนวน  140  ล้านบาท  ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ  ฯ  ประสานกับกระทรวงคมนาคม 
(กรมทางหลวงชนบท) เพื่อเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างเฉพาะส่วนที่จำเป็นเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 นี้
ก่อน โดยให้เบิกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546  งบกลาง  รายการ
ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม ในวงเงิน  50  ล้านบาท  โดยให้ขอตกลงรายละเอียดกับ
สำนักงบประมาณต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่มี
มติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนงานและหน่วยงานหลักรับผิด
ชอบการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินตามนโยบายการบริหารจัดการที่ดินของประเทศ รวม 7 แผน ได้แก่ แผน
งานปรับปรุงระบบภาษีที่ดิน แผนงานปรับปรุงองค์กรบริหารจัดการที่ดิน แผนงานระบบข้อมูลที่ดิน  แผนงานอนุ
รักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ทรัพยากรดินและที่ดิน  แผนงานกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดิน  แผนงานคุ้มครองที่
ดินเพื่อเกษตรกรรม และแผนงานปรับปรุงสิทธิในที่ดิน  โดยมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
และให้กรมที่ดินเร่งการออกโฉนดที่ดิน และยกเลิก สค.1  ตามแนวทางที่ คกก.3 เสนอ  โดยให้ออกประกาศรับขึ้น
ทะเบียน สค.1 และดำเนินการตรวจสอบและพิสูจน์สิทธิเพื่อออกโฉนดต่อไป  โดยกำหนดเวลาให้ราษฎรที่มี สค.1
ยื่นเรื่องขอออกโฉนดภายใน  90  วัน  หากเลยกำหนดเวลาถือว่าสละสิทธิ์   และให้กรมที่ดินดำเนินการยกเลิกได้ 
ทั้งนี้  ให้หน่วยงานหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการ  (Action Plan)  ของ
ทั้ง 7 แผนงานให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้สามารถนำข้อมูลต่าง ๆ  ของแผนปฏิบัติการมาจัดการประชุมบูรณาการ
ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2546  นี้  เพื่อจัดทำเป็นแผนแม่บทการ
บริหารจัดการทรัพยากรดินและที่ดินของประเทศ  และนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการตามนโยบาย
การแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของรัฐบาลต่อไป  และมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) เร่งรัดติดตาม
การจัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย    หากการจัดทำแผนปฏิบัติการใดมีปัญหาล่าช้า
ขัดข้อง    ก็ให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายสุวิทย์  คุณกิตติ)  รับเป็นประธาน  เพื่อจัดการประชุมให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว
นอกจากนี้  ในการประชุมเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าว ขอให้นำข้อมูลเรื่อง แผนการดำเนินการแก้ไขปัญหา
การบุกรุกที่ดินของรัฐในเชิงรุก  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2540   และที่แก้ไขเพิ่มเติมตามมติ
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2546 มาประกอบการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมระดับ
รัฐมนตรีในการประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ 3 ณ นครเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น  ระหว่างวันที่ 16-23 มีนาคม 2546  โดย
สาระสำคัญของการประชุม  ฯ  ประกอบด้วย  (1)  สรุปแถลงการณ์รัฐมนตรี   ที่เห็นควรให้มีการส่งเสริมการบริหาร
จัดการทรัพยากรน้ำแบบผสมผสาน โดยเน้นความเป็นธรรมในการแบ่งปันประโยชน์  ส่งเสริมการมีส่วนร่วมโดยต้อง
ให้มีความโปร่งใสและเชื่อถือได้   ตลอดจนส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ต่าง ๆ  โดยเฉพาะจากท้องถิ่น
เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของประชาชนและสถาบันต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง  และการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนทาง
การเงิน (2) การประชุมกลุ่มย่อย  ได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นในการนำการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบผสม
ผสานไปสู่การปฏิบัติ  ซึ่งพิจารณาจากหลักการสำคัญ  คือ  การรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้มีส่วนได้ส่วน
เสีย และหลักการบริหารจัดการที่ดีหรือธรรมาภิบาล โดยสร้างความชัดเจนให้คนจนได้รับประโยชน์จากน้ำเท่าเทียม
กับคนรวย  ความชัดเจนในเรื่องราคาค่าน้ำโดยคำนึงถึงผู้ยากไร้  และการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถจะนำมาใช้
ประโยชน์อย่างกว้างขวาง และได้พิจารณาในเรื่องการมุ่งจัดหาน้ำดื่มที่สะอาดและบริการสุขอนามัยให้แก่ประชาชนที่
ยังเข้าไม่ถึง  การหาทางลดการทำการเกษตร  การทำประมงชายฝั่ง  และประมงน้ำจืดอย่างไม่ยั่งยืน  รวมทั้งการให้
ความสำคัญและการรักษาระบบนิเวศ  การติดตามผลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการเกิดอุทกภัยและความ
แห้งแล้ง และการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการประเมินและพยากรณ์  และ (3) วาระอื่น ๆ ในการประชุม ฯ ได้แก่ การ
ประกาศรับรองแผนปฏิบัติการเรื่องน้ำ  (Portfolio  of  Water  Actions)  การประชุมร่วมระหว่างผู้เข้าประชุม ฯ เพื่อ
แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น  ข้อมูลต่าง ๆ  และแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ  และการนำเสนอรายงานของคณะผู้เชี่ยว
ชาญโลกเรื่องการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ  (World Panel on Financing Infrastructure)  ทั้งนี้
จากผลการประชุม  ฯ  การดำเนินงานส่งเสริมการจัดการทรัพยากรน้ำ  ในส่วนของประเทศไทยได้มีการพัฒนาองค์
กร  เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการบริหารจัดการน้ำ  โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็นระดับชาติ  ระดับลุ่มน้ำ  และ
ระดับท้องถิ่น    และเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามนัยสำคัญของแถลงการณ์รัฐมนตรี
ประเทศไทยจะพิจารณาคัดเลือกลุ่มน้ำที่จะใช้เป็นกรณีศึกษาในการติดตาม  ซึ่งได้คัดเลือกลุ่มน้ำปิงเป็นลุ่มน้ำที่จะใช้
เป็นกรณีศึกษา

                  คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอ
เปลี่ยนแปลงงบกลาง รายการสำรองรายจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบรายจ่ายอื่น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ
ดำเนินงาน มาเป็นรายการเงินราชการลับ  จำนวน 3,000,000  บาท  เพื่อใช้จ่ายในภารกิจการสืบสวนสอบ
สวนข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตโครงการจัดการน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ  จังหวัดสมุทรปราการ  โดยให้อธิบดี
กรมสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินดังกล่าวได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการใช้จ่ายเงิน
กู้โครงการกองทุนสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 1 ครั้งที่ 12 ข้อมูล  ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546 สรุปได้ว่า การบริหารโครง
การกองทุน ฯ  ไม่สามารถดำเนินการเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น  (JBIC  หรือ 
OECF เดิม)  ได้หมดทันตามระยะเวลาที่กำหนดไว้  คือ  วันที่ 19 มกราคม 2546  เนื่องจากมีโครงการน้ำเสียจังหวัด
สมุทรปราการ  และเทศบาลเมืองมุกดาหาร   โครงการขยะ  เทศบาลนครยะลา  และเทศบาลตำบลอ้อมใหญ่  ที่ไม่
สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน  และแผนการเบิกจ่ายเงินที่กำหนดไว้   มีผลทำให้การดำเนิน
โครงการล่าช้าไปประมาณ 20 เดือน  โดยคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายเงินกู้จาก JBIC งวดสุดท้ายได้ในเดือนกันยายน
2547  ดังนั้น จึงได้ประสานกับ JBIC และรัฐบาลญี่ปุ่น โดยผ่านกระทรวงการคลังเพื่อขอขยายเวลาไปอีก 20 เดือน 
ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2546-19 กันยายน 2547   ซึ่งทางสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้พิจารณาเหตุผลและ
ความจำเป็นในการขอขยายเวลาดังกล่าวแล้ว    โดยเห็นควรประสานแจ้งสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศ
ไทย และ JBIC เพื่อขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้ออกไปอีกเพียง 1 ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 19 มกราคม
2546 เป็นสิ้นสุดในวันที่ 19 มกราคม 2547  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการที่ได้มีการผูกพันและลง
นามในสัญญาแล้ว  และคาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในวันที่ 19 มกราคม 2547  ซึ่งได้แก่  โครงการว่าจ้าง
แบบเหมารวม (Turnkey) เพื่อการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย  เขตควบคุมมลพิษ  จังหวัด
สมุทรปราการ  และโครงการก่อสร้างระบบกำจัดมูลฝอย  เทศบาลนครยะลา    ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น
ประจำประเทศไทยได้ตอบตกลงให้ขยายเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้ เป็นวันที่ 19 มกราคม  2547 แล้ว  และจาก
การที่ JBIC ได้ขยายเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายให้เฉพาะโครงการที่ได้มีการลงนามในสัญญาแล้วนั้น  ทำ
ให้โครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เทศบาลเมืองมุกดาหาร  จังหวัดมุกดาหาร  และโครงการปรับ
ปรุงสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยและก่อสร้างสถานีขนถ่าย  เทศบาลตำบลอ้อมใหญ่ จังหวัดนครปฐม  ไม่อยู่ในข่ายได้
รับการสนับสนุนงบประมาณภายใต้โครงการ ฯ  สำนักงาน ฯ  จะได้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อ
พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  ครั้งที่ 10/2545  เมื่อวันที่  24  ธันวาคม  2545  ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้ว 
ประกอบด้วย  (1) เรื่องสืบเนื่องเพื่อพิจารณา 1 เรื่อง ได้แก่ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ
เขื่อนแม่วง จังหวัดนครสวรรค์  (2)  เรื่องเพื่อพิจารณา  6  เรื่อง  ได้แก่  การขยายเวลาการห้ามเลี้ยงกุ้งกุลาดำใน
พื้นที่เหนือเขื่อนทดน้ำบางปะกง, รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการกิ่วคอหมา  จังหวัดลำปาง 
รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม   โครงการเขื่อนแควน้อย   จังหวัดพิษณุโลก,   การกำหนดพื้นที่เขต
คลองเตย  กรุงเทพมหานคร  เป็นพื้นที่วิกฤต,  การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม  โครงการระบบขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อสำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่ ของการ
ไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย   และคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมขออนุมัติแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกอง
ทุนสิ่งแวดล้อม เพื่อการใช้จ่ายเงินสำหรับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในกรณีฉุกเฉิน  (3) เรื่องเพื่อทราบ 4 เรื่อง
ได้แก่  การประชุมสุดยอดของโลกว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน (World Summit on Sustainable Development :
WSSD), ข้อมูลเพิ่มเติมรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครใต้  (ถนนกาญจนาภิเษก)  ของกรมทางหลวง  รวมทั้งผลการดำเนินงาน
พิจารณาและเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการพื้นที่ประกอบกิจการเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรม 
บริเวณตำบลพุกร่าง ตำบลขุนโขลน และตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และมติคณะกรรมการ ฯ
ครั้งที่ 8/2545  ในส่วนของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม  พ.ศ. 
2545 และ (4) เรื่องอื่น ๆ 1 เรื่อง ได้แก่ การปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม