ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 103 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 2041 - 2060 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2041 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2547 (จำนวน 17 เรื่อง) | ทส | 17/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุมคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรอง เรียบร้อยแล้ว โดยมีมติคณะกรรมการ ฯ ทั้งสิ้นรวม 17 เรื่อง ดังนี้ (1) เรื่องที่ประธาน ฯ แจ้งต่อที่ประชุม (2) รายงานการประชุม ฯ ครั้งที่ 7/2546 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 (3) การขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อกิจการเหมืองแร่ กรณี ห้างหุ้นส่วน จำกัด อุดมศิลา พื้นที่ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี (4) การขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อกิจการเหมืองแร่ กรณี นายประสาน ยุวานนท์ พื้น ที่ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (5) ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2546 (6) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฟื้นฟูเมือง ชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 (7) การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ใหม่ขณะวิ่ง (8) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ของ กรมการขนส่งทางอากาศ (9) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการบ้านเอื้ออาทรเชียงใหม่ และโครงการบ้านเอื้อ อาทรประชานิเวศน์ (10) การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ/คณะอนุกรรมการภาย ใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (11) การเปลี่ยนชื่อ ปรับปรุงองค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่คณะอนุกรรมการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวด ล้อม อันเนื่องมาจากการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยม (12) ผลการติดตามการดำเนินการตามกรอบแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2545-2549 (13) ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการผลิตที่สะอาด (14) การเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้มีสิทธิทำรายงาน ฯ ของบริษัท สยาม เยนเนอรัล เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัล แตนท์ จำกัด (15) รายงานผลการดำเนินการคณะอนุกรรมการยกร่างกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ (16) รายงานผลการดำเนินการของอนุกรรมการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศและผลการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญา ฯ สมัยที่ 9 (17) รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย พ.ศ. 2545
|
||||||||||||||||||||||||
2042 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (CITES) ว่าด้วยเรื่องการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญา ว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ครั้งที่ 13 และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ในประเทศไทย พ.ศ. .... | ทส | 17/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก.5) ที่มีมติ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ อนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและ สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (CITES) ว่าด้วย เรื่อง การประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญา ว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ครั้งที่ 13 และให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติและองค์การระหว่าง ประเทศ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนัก เลขาธิการอนุสัญญา ฯ (CITES) ว่าด้วยเรื่องการจัดประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญา ฯ (CITES) ครั้งที่ 13 ในนาม ของรัฐบาลไทย แล้วส่งบันทึกความเข้าใจดังกล่าวฉบับภาษาไทย โดยมีฉบับภาษาอังกฤษเป็นเอกสารประกอบ ให้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอที่ประ ชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป รวมทั้งอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุม สมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ในประเทศไทย พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภา ผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบ บันทึกความเข้าใจ ฯ แล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับประเด็นอภิปรายของ คกก.5 ไป พิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญา ฯ (CITES) ครั้งที่ 13 อาจมีบุคคลสำคัญระดับสูง ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิหรือองค์กรพัฒนาเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม หรือมาสังเกต การณ์ จึงควรให้ความสำคัญอย่างสูงกับการจัดประชุมครั้งนี้ และควรคำนึงถึงเรื่องการรักษาความปลอดภัย การ ต้อนรับผู้ที่เข้าร่วมประชุมตามความเหมาะสม ตลอดจนการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ภาพลักษณ์ของประเทศไทย ไปสู่นานาประเทศโดยเฉพาะด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และสิ่งแวดล้อม และด้านอื่น ๆ ตามความจำเป็น นอกจากนี้ ควรมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย สภาความมั่น คงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการจัด ประชุมดังกล่าว และอาจตั้งคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ ตามความเหมาะสม อาทิเช่น ด้านสารัตถะ ด้านพิธีการ และการรักษาความปลอดภัย ด้านประชาสัมพันธ์ ฯลฯ เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและวางแผน การดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง และอาจให้มีคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อจัดการประชุมเป็นหน่วยงานผู้ปฏิบัติหลัก |
||||||||||||||||||||||||
2043 | ขออนุมัติงบประมาณ ดำเนินการศึกษาโครงการจัดทำแผนบูรณาการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อการพัฒนาแบบยั่งยืน | ทส | 17/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการขออนุมัติงบประมาณดำเนินการศึกษาโครงการจัดทำแผนบูรณาการ
การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อการพัฒนาแบบยั่งยืน ตามที่ประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอกับ เรื่องโครงการพัฒนาโครงข่ายน้ำและการพัฒนาเกษตรแบบบูรณาการ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ผ่านการ พิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 น่าจะมีการทับซ้อนกันในเรื่องของพื้นที่ ดำเนินการ จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) จัดประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค โดย นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในการร่วมพิจารณาเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
|
||||||||||||||||||||||||
2044 | แผนการจัดการขยะมูลฝอยแห่งชาติ | ทส | 10/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแผนการจัดการขยะมูลฝอยแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมเสนอ โดยมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ คณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 รับเรื่องนี้ และความเห็นเพิ่มเติมของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาทบทวน แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วยว่า การจัดทำแผนการจัดการขยะมูลฝอย ควรจะต้องพิจารณาให้ครอบคลุมครบถ้วนในทุกมิติทั้งในระดับย่อยและใน ภาพรวมของประเทศ โดยการจัดการขยะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ประเภทขยะ แนวทาง วิธีการ กำจัด/ลดปริมาณ หรือการนำขยะไปใช้ประโยชน์ หน่วยงาน/องค์การ ที่จะรับผิดชอบดำเนินการ สถานที่/ที่ตั้ง ของโรงงานกำจัดขยะ ตลอดจนการประสานและร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น และการถ่าย โอนงานด้านนี้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็จะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับศักยภาพขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งและสอดคล้องกับปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2045 | บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ขอต่ออายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพระพุทธบาทและป่าพุแค เพื่อทำเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ตามประทานบัตรที่ 27314/14518 และ 27315/14517 ท้องที่จังหวัดสระบุรี | ทส | 10/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3)
ซึ่งพิจารณาเรื่อง บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ขอต่ออายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ใน เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพระพุทธบาทและป่าพุแค เพื่อทำเหมืองแร่หินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ตาม ประทานบัตรที่ 27314/14518 และ 27315/14517 ท้องที่จังหวัดสระบุรี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดย คกก.3 มีมติให้บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย ฯ ต่ออายุหนังสืออนุญาตดังกล่าว เมื่อ ปฏิบัติตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ในภาพรวมทั้งหมดตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 ที่ปรับแก้ไขโดยมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2547 โดยให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานการดำเนินการให้เป็นไปมติ คกก.3 ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2046 | รายงานมาตรการเพิ่มเติมในการป้องกันและเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในสัตว์ป่า | ทส | 10/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานมาตรการเพิ่มเติม
ในการป้องกันและเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในสัตว์ป่า โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจในการแก้ปัญหาการระบาด ของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ป่า เพื่อให้การติดตาม เฝ้าระวัง และการแก้ไขปัญหาโรคระบาดดังกล่าวสามารถดำเนิน การอย่างรวดเร็ว และทันกับเหตุการณ์ และสามารถแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องได้โดยเร็ว โดยศูนย์ดัง กล่าวตั้งอยู่ชั้นที่ 19 ตึกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยจะดำเนินการต่อเนื่องจนถึงเดือนเมษายน 2547 นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง ติดตาม และควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ป่า และสัตว์ชนิดที่มิใช่ปศุสัตว์ ทั้งในและนอกพื้นที่ธรรมชาติ รวมทั้งในพื้นที่ครอบครองของเอกชน และเพื่อเฝ้าระวังโรค อื่น ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคระบาด (epidemic) หรือโรคระบาดใหญ่ (pandemic) อันเนื่องมาจากสัตว์ป่า สัตว์ต่าง ถิ่น และสัตว์อพยพ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นควรจัดทำ "โครงการเฝ้าระวังและติดตามโรคจากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่น และสัตว์อพยพ" เพื่อสร้างความมั่นใจให้ กับประชาชน โดยเน้นการพิสูจน์ทราบการแพร่กระจายของเชื้อโรคไข้หวัดนกในสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่น และสัตว์อพยพ เพื่อจะได้แจ้งเตือนล่วงหน้าไปยังส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการวางแผน การตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่าง ๆ บนพื้นฐาน วิชาการที่ถูกต้องและแม่นยำในระยะยาว |
||||||||||||||||||||||||
2047 | การจัดการประชุมเตรียมการระดับภูมิภาคเอเชียสำหรับการประชุมนานาชาติ ว่าด้วยพลังงานทดแทน | ทส | 03/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กระทรวงพลังงาน
เป็นหน่วยงานหลักในการจัดประชุมเตรียมการระดับภูมิภาคสำหรับการประชุมนานาชาติว่าด้วยพลังงานทดแทน ซึ่งกำหนดจัดประชุมในวันที่ 25-26 มีนาคม 2547 ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร |
||||||||||||||||||||||||
2048 | การบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน | ทส | 03/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรม
การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ เสนอ ให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ดูแลรักษาและใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐและ จังหวัด รวมทั้งคณะกรรมการฝ่ายจัดหาที่ดินของรัฐด้านอุปทานให้ประชาชนทำกิน ดำเนินการตามแนวทางและ ขั้นตอนการดำเนินงานตามนโยบายและการบริหารจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน โดยให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินของรัฐและจังหวัดโดยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของ รัฐ (กบร.) จังหวัดจัดทำแผนงาน/โครงการ เพื่อดำเนินงาน ดังนี้ ให้สำรวจรังวัดขอบเขตที่ดินของรัฐทุกประเภท ให้จัดทำแผนที่กายภาพแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตที่ดินของรัฐทุกประเภท และให้สำรองที่ดินของรัฐเพื่อ ใช้ประโยชน์ในอนาคต และให้คณะกรรมการฝ่ายจัดหาที่ดินของรัฐด้านอุปทานให้ประชาชนทำกินพิจารณา ดำเนินการอนุญาตจัดสรรให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในการสำรวจรังวัดและการจัดทำ แผนที่กายภาพ ให้ขอตั้งงบประมาณไว้ในแต่ละส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเภทเพื่อความคล่องตัวในการ บริหารงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี ส่วนค่าใช้จ่าย ในการเร่งรัดติดตามผล นั้น ให้ขอตั้งงบประมาณที่สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามความจำเป็นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2049 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบการคลัง และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนานาชาติ CITES CoP 13 และ BWCC 2004 | ทส | 03/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอ
ถอนเรื่อง ขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบการคลังและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุสำหรับการ เป็นเจ้าภาพจัดประชุมนานาชาติ รวม 2 โครงการคือ การประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่าง ประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 13 (The 13 th Meeting of the Conference of the Parties to CITES - CITES CoP 13) ระหว่างวันที่ 2 -14 ตุลาคม 2547 และการประชุมใหญ่สมัชชาการอนุรักษ์สิ่งแวด ล้อมโลก ครั้งที่ 3 (Bangkok World Conservation Congress 2004 - BWCC 2004) ระหว่างวันที่ 17 - 25 พฤศจิกายน 2547 เพื่อนำไปเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องพิจารณาพร้อม กับเรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญา ฯ (CITES) ว่าด้วยเรื่องการ ประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญา ฯ (CITES) ครั้งที่ 13 แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
2050 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่านายางกลัก ในท้องที่ตำบลโป่งนก ตำบลนายางกลัก ตำบลบ้านไร่ ตำบลวะตะแบก อำเภอเทพสถิต และตำบลซับใหญ่ กิ่งอำเภอซับใหญ่ อำเภอจตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม) | ทส | 27/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่านายางกลัก ในท้องที่ตำบลโป่งนก ตำบลนายางกลัก ตำบลบ้านไร่ ตำบลวะตะ แบก อำเภอเทพสถิต และตำบลซับใหญ่ กิ่งอำเภอซับใหญ่ อำเภอจตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้เป็นการกำหนดบริเวณที่ดินป่านายางกลัก ในท้องที่ตำบลโป่งนก ตำบลนายางกลัก ตำบลบ้านไร่ ตำบลวะตะแบก อำเภอเทพสถิต และตำบลซับใหญ่ กิ่งอำเภอซับใหญ่ อำเภอจตุรัส จังหวัดชัยภูมิให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม) |
||||||||||||||||||||||||
2051 | การเตรียมการรับมือภัยแล้ง ปี 2547 | ทส | 27/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ประธานกรรมการทรัพยากร
น้ำแห่งชาติเสนอการเตรียมการรับมือภัยแล้ง ปี พ.ศ. 2547 ดังนี้ ให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบา ดาลเพิ่มจำนวนระบบประปาไปยังหมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำ โดยในปี พ.ศ. 2547 ให้ใช้งบประมาณระยะแรก 455 ล้านบาท สำหรับสร้างระบบประปา 169 แห่ง จากงบประมาณทั้งหมด 1,666 ล้านบาท จำนวนโครงการรวม 520 แห่ง ให้กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำรวจตรวจสอบ กำหนดแผนงานและพื้นที่เป้าหมายที่อาจจะขาดแคลนน้ำอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถตัดสินใจจัดการน้ำได้อย่าง ถูกต้อง และให้เชื่อมโยงข้อมูลมายังกรมทรัพยากรน้ำเพื่อร่วมกันบริหารจัดการความเสี่ยงด้านวิกฤตน้ำ พร้อมกับ ให้เร่งรัดประชาสัมพันธ์กับเกษตรกรเพื่อการประหยัดน้ำและเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทนให้กรมทรัพยากร น้ำ กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกันกำหนดแนวทางการ ประเมินความเสียหายจากภัยแล้งและอุทกภัยให้สอดคล้องกัน เพื่อให้สามารถพิจารณาขอบเขตของปัญหา และ การแก้ไขได้อย่างถูกต้อง ให้ทรัพยากรน้ำจังหวัดรายงานสภาพและปริมาณน้ำจากแหล่งน้ำสำคัญที่ใช้เพื่อการอุป โภค-บริโภคอย่างต่อเนื่อง และเชิญจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยมาร่วมประชุมหารือเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การแก้ ปัญหาอย่างบูรณาการต่อไป และให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตรียมพร้อมการสนับสนุนภารกิจด้าน การบรรเทาภัยไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2546 ให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องดำเนินการแก้ไขพื้นที่ที่มีปัญหาภัยแล้งซ้ำซากเป็นประจำทุกปี และมติเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2546 มอบให้ รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รับไปกำกับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเร่งดำเนินการ เช่น กระทรวงมหาดไทยควร จัดทำข้อมูลพื้นที่ที่มีปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก เป็นต้น ทั้งนี้ ให้วางมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างถาวรและเหมาะสมกับ แต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงการเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนที่อาจจะต้องจัดหาจากประเทศข้างเคียง ซึ่งหากจะต้องดำเนินการ ดังกล่าว ก็ควรจะได้ศึกษาความคุ้มค่าจากการที่จะต้องมีการลงทุนในส่วนของสิ่งก่อสร้าง เช่น คลองทดน้ำด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
2052 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 27/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3)
ที่มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฎหมายด้าน สิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ที่สำนักงานอัยการสูงสุดยกร่าง โดยร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้จัดตั้งคณะกรรมการว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อทำหน้าที่ในการติด ตาม ดูแล และเร่งรัดประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง และระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน และ วินิจฉัยปัญหาข้อขัดข้องในทางปฏิบัติเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว และมีเอกภาพ ขอความร่วมมือจากประชาชนผู้เสียหาย องค์กรเอกชน และองค์กรชุมชนให้มาร่วมสอดส่อง ดูแล ป้องกัน และปราบปรามการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิดโดยสอดคล้องกับมาตรา 56 แห่งรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย ซึ่งรับรองสิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนในการคุ้มครองส่งเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อม และกำหนดมาตรการแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบและให้เพิ่มเติมผู้ แทนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นกรรมการในคณะกรรมการ ฯ ในร่างระเบียบข้อ 5 ตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของ คกก.3 ไปพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ โดยในส่วนของข้อสังเกตของ คกก.3 มีดังนี้ (1) แก้ไขร่างข้อ 12.1 เป็น "ในกรณีที่ปรากฏว่ามี การกระทำความผิดตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมและไม่ปรากฏผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษตามกฎหมายภายใน ระยะเวลาอันสมควรให้กรมควบคุมมลพิษกล่าวโทษตามกฎหมายโดยเร็ว แต่ทั้งนี้ ไม่เกิน 7 วัน นับแต่ทราบว่า ได้มีการกระทำความผิด" (2) เพิ่มเติมผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ในองค์ประกอบของคณะกรรมการ ฯ (3) ปรับปรุงชื่อศูนย์ข้อมูลการกระทำความผิดด้านสิ่งแวดล้อม และ บทบาทของศูนย์ซึ่งเป็นเครื่องมือของคณะกรรมการ ฯ ให้มีความชัดเจน ตลอดจนกรมควบคุมมลพิษต้องดูด้วย ว่า ส่วนนี้ควรพัฒนาขึ้นมาหรือไม่ (4) ปรับปรุงกลไกด้านการบริหารจัดการ ด้านบุคลากร และโครงสร้าง การทำงานของฝ่ายเลขานุการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของระเบียบด้วย และ (5) ปรับปรุงเพิ่มเติมให้มี กระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมไว้ในระเบียบด้วย |
||||||||||||||||||||||||
2053 | โครงการจัดการผืนป่าตะวันตกเชิงระบบนิเวศ | ทส | 24/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการดำเนิน
โครงการจัดการผืนป่าตะวันตกเชิงระบบนิเวศ โดยมีกิจกรรมหลักของโครงการ ฯ ระยะที่ 1 (1 ธันวาคม 2542 - 31 มีนาคม 2547) ประกอบด้วย (1) กิจกรรมด้านวิชาการ เป็นการประเมินสถานภาพทางนิเวศ วิทยาอย่างรวดเร็ว (Rapid Ecology Assessment, REA ) แบ่งออกเป็นการประเมินสถานภาพทางนิเวศวิทยา อย่างรวดเร็วด้านสัตว์ป่า การประเมินสถานภาพทางนิเวศวิทยาอย่างรวดเร็วด้านพืช การประเมินศักยภาพ ด้านนันทนาการและการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วในผืนป่าตะวันตก และการสำรวจข้อมูลด้านเศรษฐกิจสังคม อย่างรวดเร็วในผืนป่าตะวันตกและแนวกันชน (2) กิจกรรมด้านการฝึกอบรม เป็นการดำเนินการเพื่อมุ่งมี วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรที่ปฏิบัติงานในผืนป่าตะวันตก และผู้มีส่วน เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก โดยรูปแบบของการดำเนินการประกอบด้วย การฝึกอบรมตามหลัก สูตรต่าง ๆ รวมทั้งการฝึกการปฏิบัติการในภาคสนามและการศึกษาดูงานด้านการจัดการพื้นที่อนุรักษ์ทั้ง ในและต่างประเทศ (3) กิจกรรมด้านข้อมูลและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดทำข้อมูล ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) ในพื้นที่ผืนป่าตะวันตกควบคู่ไป กับการพัฒนาสมรรถนะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และระดับในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อ ให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี GIS ในการจัดการผืนป่าตะวันตกและการอนุรักษ์ความหลาก หลายทางชีวภาพ ตลอดจนให้บริการและสนับสนุนข้อมูล GIS เพื่อการวางแผนและการจัดการผืนป่าตะวัน ตก และ (4) กิจกรรมด้านเครือข่ายชุมชนและส่งเสริมการมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างรูปธรรมของ การมีส่วนร่วมโดยจัดตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก (กอต.) มีการดำเนินกิจกรรม คือ การจัดการ ประชุมคณะกรรมการ การจัดการฝึกอบรม ศึกษาดูงาน และร่วมกันทำกิจกรรมนำร่องในพื้นที่แต่ละจังหวัด ในการนี้ ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกขึ้นที่สำนักบริหารจัดการในพื้นที่ป่าอนุ รักษ์ที่อยู่รอบผืนป่าตะวันตก เพื่อทำหน้าที่ในการวางแผนจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในผืนป่าตะวันตก โดยใน ชั้นแรกโครงการ ฯ เน้นการเพิ่มขีดความสามารถให้ศูนย์ประสานงาน ฯ เป็นศูนย์ข้อมูลและระบบสารสน เทศภูมิศาสตร์ รวมทั้งการขยายเครือข่ายและสร้างแนวร่วมเพื่อการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกต่อไป สำหรับ การขยายผลโครงการ ฯ ในระยะที่ 2 (1 เมษายน 2547 - 31 มีนาคม 2551) ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายที่ จะขยายผลการดำเนินโครงการต่อไปที่กลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มป่าเขาใหญ่ ฯ และกลุ่มป่าแก่งกระจาน
|
||||||||||||||||||||||||
2054 | โครงการพัฒนาป่าชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน | ทส | 24/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับโครงการพัฒนาป่าชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ตามที่กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินโครงการจดทะเบียนเพื่อแก้ ปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการ และอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ตามที่ได้รับแจ้งจากผู้ ลงทะเบียน ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินโครงการพัฒนาป่าชุมชน ฯ ที่เสนอมานี้ มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับ การดำเนินโครงการจดทะเบียนเพื่อแก้ปัญหาสังคม ฯ จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชะลอการดำเนินโครงการพัฒนาป่าชุมชน ฯ ไว้ เพื่อรอผลการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จก่อน และ นำผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการพิจารณา หากเห็นว่า มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินโครง การพัฒนาป่าชุมชน ฯ ประการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
2055 | แผนปฏิบัติการ (Action Plan) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ด้าน Supply Side) | ทส | 24/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนปฏิบัติ การ (Action Plan) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ด้าน Supply Side) รวม 2 แผน ได้แก่ แผน ปฏิบัติการจัดการที่ดินในป่าสงวนแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ให้สามารถทำกินได้อย่างถูกต้องเป็นหลักแหล่งเหมาะสม เป้าหมาย ราษฎรได้รับการช่วยเหลือ จำนวนประมาณ 336,824 ราย 5.7 ล้านไร่ ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2549) วิธีดำเนินการ สำรวจและวางแผนความเหมาะสมการใช้ที่ดิน ตรวจสอบ รังวัด และรับรองสิทธิ์การอยู่อาศัยทำกินตามแบบ สทก. จัดทำแนวเขตที่ดินป่าไม้ และจัดทำแหล่งอาหารพื้นบ้านให้ชุมชน (Food Bank) เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ป่าไม้ที่ เหลืออยู่ และแผนปฏิบัติการจัดการที่ดินในเขตป่าไม้ถาวร มีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศกำหนดให้เป็นป่าสงวนแห่ง ชาติและเพื่อช่วยเหลือราษฎรครอบครองที่ดินป่าไม้ถาวรให้สามารถทำกินได้อย่างถูกต้องเป็นหลักแหล่งเหมาะสม เป้าหมายงาน พื้นที่ 10.5 ล้านไร่จำนวน 777 ป่า ในท้องที่ 61 จังหวัด ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (พ.ศ. 2547 -พ.ศ. 2549) วิธีดำเนินงาน ตรวจสอบ และจัดทำข้อมูลพื้นที่เป้าหมาย สำรวจ และวางแผนความเหมาะสมการ ใช้ที่ดิน ทั้งในกรณีเป็นพื้นที่ป่า และกรณีมีราษฎรครอบครองทำประโยชน์ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการ ดำเนินการ ให้ขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป โดยให้ใช้จ่ายอย่างประหยัด เท่าที่เหมาะสมและ จำเป็น
|
||||||||||||||||||||||||
2056 | การเข้มงวดในการควบคุมการจับสัตว์ป่าและการบังคับใช้กฎหมาย | ทส | 13/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินงาน
การตรวจปราบปรามการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ในรอบปี พ.ศ. 2546 พร้อมทั้งแนวทางการดำเนินงานเพื่อควบคุมการจับสัตว์ป่ามาจากป่าภายในประเทศและสัตว์ป่าที่นำเข้ามาจากต่าง ประเทศ และการบังคับใช้กฎหมายในปี พ.ศ. 2547 โดยในส่วนของผลการตรวจปราบปรามการกระทำผิดตามพระ ราชบัญญัติ ฯ ระหว่างเดือนมิถุนายน 2545 ถึงเดือนกันยายน 2546 จับกุมการกระทำผิด จำนวน 142 คดี จับ กุมผู้ต้องหา จำนวน 136 คน ตรวจยึดสัตว์ป่ามีชีวิต จำนวน 37,088 ตัว ตรวจยึดซากสัตว์ป่า จำนวน 2,304 ตัว 199.20 กิโลกรัม และ 37 ชิ้น และระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2546 จับกุมการกระทำผิด จำนวน 53 คดี จับ กุมผู้ต้องหา จำนวน 41 คน ตรวจยึดสัตว์ป่ามีชีวิต จำนวน 5,353 ตัว ตรวจยึดซากสัตวป่า จำนวน 196 ตัว 183.1 กิโลกรัม ส่วนมาตรการควบคุมการจับสัตว์ป่า และการบังคับใช้กฎหมาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ โดยกรม อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีมาตรการดังนี้ มาตรการระยะสั้น ได้แก่ การตรวจสอบการครอบครอง สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง การควบคุมและตรวจสอบ การล่า การนำเข้า การส่งออก และการค้าสัตว์ป่า ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ การจัดการสัตว์ป่าของกลาง (ที่มีชีวิต) ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องทั้งในและต่างประเทศ ในการกำหนดแนวทางและมาตรการการดำเนินการแก้ไขปัญหาการควบคุมการจับสัตว์ ป่าและการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง รวมทั้งการบริการโทรศัพท์สายด่วน 1362 เพื่อให้การบริการรับแจ้งเหตุการณ์บุกรุกตัดไม้ทำลายป่า การล่าและการลักลอบค้าสัตว์ป่า การเกิดเหตุไฟป่า และการให้บริการข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว สำหรับมาตรการระยะยาว ได้แก่ การ ประชาสัมพันธ์ โดยรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่า และแจ้งเบาะแสการกระทำผิด ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 การจัดทำแผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่ง ชาติ ซึ่งประกอบด้วยยุทธศาสตร์หลัก 4 ด้าน ได้แก่ การศึกษาวิจัยและการจัดทำฐานข้อมูล การบริหารจัดการ การอนุรักษ์สัตว์ป่าแบบบูรณาการ การอนุรักษ์ความหลากหลายของทรัพยากรสัตว์ป่าและระบบนิเวศ และการ ใช้ประโยชน์ทรัพยากรสัตว์ป่าอย่างยั่งยืน (การเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า) และการแก้ไขพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครอง สัตว์ป่า พ.ศ. 2535 โดยเพิ่มโทษผู้กระทำความผิด ล่า ค้า นำเข้าและส่งออกสัตว์ป่าและซากสัตว์ |
||||||||||||||||||||||||
2057 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน และการดำเนินงานตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการเผาในที่โล่ง | ทส | 13/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตาม
ข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนและการดำเนินงานตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบ คุมการเผาในที่โล่ง โดยผลการดำเนินงานตามข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน กระทรวง การต่างประเทศได้ดำเนินการจัดทำสัตยาบันสารต่อข้อตกลงดังกล่าว และได้ยื่นต้นฉบับสัตยาบันสารต่อเลขา ธิการอาเซียนในฐานะผู้เก็บรักษาความตกลง ฯ ส่งผลให้ข้อตกลง ฯ มีผลบังคับใช้กับประเทศสมาชิกอาเซียน รวม 6 ประเทศ ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย พม่า สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 ในการนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แต่งตั้งหน่วยงานภายในประเทศ เพื่อดำเนินการตาม ข้อตกลง ฯ ดังนี้ กรมควบคุมมลพิษ ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางประสานการดำเนินการ (Focal Point) กรม อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทำหน้าที่เป็นศูนย์ติดตามตรวจสอบแห่งชาติ (National Monitoring Cen ter) และมอบหมายให้ กรมควบคุมมลพิษ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า ฯ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการเกษตร กรมทางหลวง และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทำหน้า ที่หน่วยงานที่มีอำนาจ (Competent Authorities) สำหรับการพิจารณาแต่งตั้ง The ASEAN Coordinating Cen ter for Transboundary Haze Pollution Control (ACC) นั้น ในส่วนของท่าทีของประเทศไทยในการให้การสนับ สนุนประเทศใด หรือการเสนอตัวเป็นที่ตั้งของ ACC กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ โดยกรมควบคุมมลพิษ อยู่ระหว่างการนำเสนอความเห็นต่อคณะอนุกรรมการกำกับแผนงานและมาตรการในการรองรับนโยบายการ ห้ามเผาในที่โล่ง ซึ่งจะจัดการประชุมในวันที่ 28 มกราคม 2547 หากมีผลการพิจารณาเป็นอย่างไรจะรายงาน ให้ทราบต่อไป ส่วนผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการเผาในที่โล่ง กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้จัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วย การควบคุมการเผาในที่โล่ง (พ.ศ. 2547 - พ.ศ. 2551) และได้นำเสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับแผนงาน และมาตรการในการรองรับนโยบายการห้ามเผาในที่โล่ง ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการและมอบหมาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขให้มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกันเป็นแผนบูรณาการ ขณะนี้อยู่ระหว่าง การนำเวียน (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเพื่อนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการ ฯ เพื่อขอความเห็นชอบและนำไปใช้ปฏิบัติต่อไป นอกจากนี้ ได้กำหนดแผนการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหามล พิษหมอกควันจากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร โดยแผนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อนำแผนแม่บท แห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการเผาในที่โล่งไปสู่การปฏิบัติในการลดมลพิษหมอกควันจากการเผาพื้นที่เกษตร กรรม
|
||||||||||||||||||||||||
2058 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการอนุรักษ์ และจัดการเต่าทะเล และแหล่งที่อยู่อาศัยในมหาสมุทรอินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | ทส | 13/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการลงนามบันทึก
ความเข้าใจว่าด้วยการอนุรักษ์ และจัดการเต่าทะเล และแหล่งที่อยู่อาศัยในมหาสมุทรอินเดียและเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ และมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามแทนในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
2059 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินให้เป็นอุทยานแห่งชาติ รวม 3 ฉบับ (อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง อุทยานแห่งชาติศรีน่าน และอุทยานแห่งชาติหาดขนอม - หมู่เกาะทะเลใต้) | ทส | 30/12/2546 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยเบี้ย และป่าห้วยบ่อทอง ป่าแม่ต้าฝั่งซ้าย และป่าแม่แย้ และป่าแม่สาง ในท้อง ที่ตำบลท่าข้าม ตำบลวังธง ตำบลป่าแมด อำเภอเมืองแพร่ ตำบลต้าผามอก ตำบลบ้านปิน อำเภอลอง ตำบล เวียงทอง ตำบลร่องกาด ตำบลสบสาย ตำบลบ้านปง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวาแม่ น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่าห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบล ศรีษะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย ตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติศรีน่าน) และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าชัย คราม และป่าวัดประดู่ และหมู่เกาะต่าง ๆ ในท้องที่ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย ตำบลดอนสัก ตำบลปาก แพรก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และบริเวณป่าเขาออก ป่าเขาท้องโหนด และป่าเขาชัยสน ป่าเลนคลอง ขนอม ป่าคลองธง และป่าคลองเหลง ในท้องที่ตำบลท้องเนียน ตำบลขนอม ตำบลควนทอง อำเภอขนอม ตำบล ทุ่งใส อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะ ทะเลใต้) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของ ร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 3 ฉบับ เป็นการกำหนดพื้นที่ป่าให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยาน แห่งชาติ พ.ศ. 2504 เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ตามสภาพธรรมชาติเดิมมิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประ โยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของประชาชน และเพื่ออำนวยประโยชน์อื่นแก่รัฐและประชาชน |
||||||||||||||||||||||||
2060 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครอง การค้า การนำเคลื่อนที่ และการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์ พ.ศ. .... | ทส | 30/12/2546 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่มี
มติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไข ในการเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองการค้า การนำเคลื่อนที่ และการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองที่ ได้มาจากการเพาะพันธุ์ พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกต ของ คกก.3 เกี่ยวกับข้อความในร่างกฎกระทรวง ฯ ข้อ 7 ที่กล่าวถึงการจัดให้มีสัตวแพทย์ประจำ นั้น อาจมีผู้แปล ความหมายไปได้ว่าต้องอยู่ประจำตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่ตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงประสงค์เพียงให้มีสัตว แพทย์ผู้รับผิดชอบประจำสำหรับฟาร์มนั้น ๆ และสามารถเรียกได้เมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น จึงควรมีการปรับปรุง ถ้อยคำในสอดคล้องกับเจตนารมณ์ดังกล่าวด้วย ไปพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |