ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 105 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 2081 - 2100 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2081 | โครงการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี | ทส | 04/11/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่มี
มติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนการดำเนินงานระยะที่ 1 ของโครงการเพิ่ม ศักยภาพการบริหารจัดการพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี วงเงินประมาณ 150 ล้านบาท ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และดำเนินการต่อไปได้ สำหรับ แผนการดำเนินการระยะที่ 2 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับประเด็นอภิปรายของ คกก.3 ไปพิจารณา ดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ แผนการดำเนินการ ระยะที่ 2 วงเงินประมาณ 275 ล้านบาทเศษ ซึ่งจะดำเนินการ ระหว่าง 1 ตุลาคม 2547 - 30 กันยายน 2549 นั้น เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่จะ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามโครงการ ประกอบกับมิได้ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายที่แน่นอน สำหรับ การดำเนินการในแต่ละปีไว้ จึงเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับไปปรับแผนดังกล่าวให้เหลือเฉพาะ แผนงานที่มีความสำคัญและเร่งด่วนอย่างแท้จริงเท่านั้น พร้อมกับตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายของแต่ละปีให้เหมาะสม และสอดคล้องกับแผนดังกล่าวในรูปโครงการต่อเนื่องระยะที่ 2 เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยให้รับความ เห็นของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการด้วยว่า ไม่ควรจัดทำเส้นทางตรวจการณ์ควบคู่ไปด้วย เพราะจะทำให้สภาพ ธรรมชาติเสียไป รวมทั้งจะเป็นช่องทางสำหรับผู้ที่ลักลอบเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าและล่าสัตว์ได้ง่าย นอกจากนี้ อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เสนอเพิ่มเติมว่าในการจัดทำรั้วกันแนวเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในบางจุดจำเป็นจะต้องเข้าไปดำเนินการในเขตพื้นที่ซึ่งทางฝ่ายทหารขอใช้ประโยชน์อยู่ จึงขอให้ กระทรวงกลาโหมแจ้งประสานให้หน่วยทหารในพื้นที่อนุญาตและให้ความสะดวกในการดำเนินการจัดทำรั้วกันแนว เขตดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ จะได้ประสานงานในรายละเอียดกับกระทรวงกลาโหมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2082 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำปาด ป่าปากห้วยฉลอง ป่าห้วยสีเสียด ป่าคลองตรอนฝั่งขวา และป่าคลองตรอนฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบลแสนตอ ตำบลน้ำไคร้ ตำบลน้ำไผ่ อำเภอน้ำปาด ตำบลถ้ำฉลอง อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา และตำบลน้ำพี้ ตำบลผักขวง ตำบลบ่อทอง อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 04/11/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา
กำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำปาด ป่าปากห้วยฉลอง ป่าห้วยสีเสียด ป่าคลองตรอนฝั่งขวา และป่าคลองตรอนฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบลแสนตอ ตำบลน้ำไคร้ ตำบลน้ำไผ่ อำเภอน้ำปาด ตำบลถ้ำฉลอง อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลผา เลือด อำเภอท่าปลา และตำบลน้ำพี้ ตำบลผักขวง ตำบลบ่อทอง อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้เป็น อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป โดยสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้เป็นการกำหนดบริเวณที่ ดิน ป่าน้ำปาด ป่าปากห้วยฉลอง ป่าห้วยสีเสียด ป่าคลองตรอนฝั่งขวา และป่าคลองตรอนฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบล แสนตอ ตำบลน้ำไคร้ ตำบลน้ำไผ่ อำเภอน้ำปาด ตำบลถ้ำฉลอง อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลผาเลือด อำเภอท่า ปลา และตำบลน้ำพี้ ตำบลผักขวง ตำบลบ่อทอง อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2083 | การเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ไม่ยืนยันมติ) | ทส | 04/11/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงาน
ว่า ในการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2546 ได้มีโอกาส หารือและตกลงในหลักการกับรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเกี่ยวกับเรื่อง การพัฒนาสิ่ง แวดล้อมบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง การพัฒนาน้ำให้เป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่สามารถนำไปพัฒนาภาคตะวันออก เฉียงเหนือของไทย และการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2084 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2546 | ทส | 04/11/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2546 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2546 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบ ร้อยแล้ว โดยมีมติคณะกรรมการ ฯ ทั้งสิ้นรวม 16 เรื่อง เป็นเรื่องเพื่อทราบ 4 เรื่อง เรื่องเพื่อพิจารณา 10 เรื่อง และเรื่องอื่น ๆ 2 เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2085 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 | ทส | 04/11/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติน้ำ
บาดาล พ.ศ. 2520 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยเห็นว่า การลดปริมาณการ ใช้น้ำบาดาล โดยเฉพาะในเขตวิกฤตน้ำบาดาลเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดผลโดยเร็วแต่ โดยที่การกำหนดอัตราค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลจะส่งผลกระทบต่อการประกอบกิจการของผู้ประกอบการ และโรง งานอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งจะต้องมีมาตรการจูงใจให้มีการใช้น้ำผิวดินทดแทนเพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม การประปา นครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณา ดังนี้ อัตราค่าน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนทั่วไปในเขตที่ไม่มีระบบประปาผิวดิน หากกำหนด ไว้สูงเกินไป อาจทำให้ผู้ใช้น้ำได้รับความเดือดร้อน และอัตราค่าน้ำบาดาลสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม หรือผู้ ประกอบการในเชิงพาณิชย์ กรณีที่เป็นเขตที่มีระบบประปาผิวดินแล้ว หากกำหนดไว้ต่ำหรือกำหนดเวลาปรับ ราคาเพิ่มขึ้นไว้ยาวนานเกินไปจะไม่เป็นการจูงใจ และไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นอกจากนี้ ควรมีมาตรการตรวจ สอบเครื่องวัดปริมาณน้ำให้ถูกต้อง และตรงตามข้อเท็จจริง แล้วนำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2086 | โครงการเชียงใหม่ ซาฟารีไนท์ จังหวัดเชียงใหม่ | ทส | 28/10/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอโครงการ
เชียงใหม่ ซาฟารี ไนท์ สำหรับงบประมาณดำเนินการในขั้นต้นให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ ชื่อโครงการ "เชียงใหม่ ซาฟารี ไนท์ (Chiang Mai Safari Night)" น่าจะยังสื่อความหมายไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ รวมทั้งโครงการ ฯ ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นส่วนใหญ่ จึงเห็นควรที่จะให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรม อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช) รับผิดชอบในการดำเนินการก่อสร้างโครงการ ฯ โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และความมีประสิทธิภาพของการใช้จ่ายงบประมาณ และเนื่องจากโครงการ ฯ เป็นการลงทุนก่อสร้าง แหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ใช้วงเงินลงทุนสูงและในภูมิภาคนี้ก็มีคู่แข่งที่ดำเนินโครงการทำนองเดียวกันอยู่ก่อนแล้ว จึงต้องให้ความสำคัญกับรูปแบบการบริหารจัดการที่เอื้อต่อการบริหารจัดการในเชิงธุรกิจ เพื่อให้มีศักยภาพที่จะ แข่งขันได้ ในส่วนของการวิเคราะห์ผลตอบแทนของโครงการ ซึ่งมีความเป็นไปได้ในการลงทุนและให้ผลตอบแทนที่ คุ้มค่า จึงอาจพิจารณาใช้แหล่งเงินกู้ทดแทนการใช้จ่ายจากงบประมาณได้บางส่วน และอาจเชิญชวนเอกชนที่สนใจ ให้การสนับสนุนโครงการบางส่วนได้ด้วย นอกจากนี้ การกำหนดค่าเข้าชม ควรกำหนดในอัตราที่เหมาะสม โดย คำนึงถึงปัจจัยให้รอบด้านทั้งในส่วนของผู้เข้าชมที่เป็นชาวต่างประเทศ ผู้เข้าชมที่เป็นคนไทย และคนในท้องถิ่น ไป ประกอบการพิจารณาจัดทำรายละเอียดของโครงการ ฯ แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2087 | รายงานการแก้ปัญหาการใช้น้ำบาดาลในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล | ทส | 28/10/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการแก้ปัญหา
การใช้น้ำบาดาลในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยได้เร่งรัดโครงการศึกษาหาแนวทางลดการใช้ น้ำบาดาลให้แล้วเสร็จในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้แก่ การศึกษาแนวทางหาแหล่งน้ำให้ภาคอุตสาหกรรม ทดแทนน้ำบาดาล โครงการศึกษาความเหมาะสมในการบริหารจัดการน้ำในภาคอุตสาหกรรม และโครงการ ศึกษาผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำบาดาลเกินสมดุลด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ และได้ประชุม ร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค การนิคมอุตสาห กรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวได้มีมติให้ดำเนินการดัง นี้ จัดตั้งคณะทำงานปรับลดปริมาณการใช้น้ำบาดาลในพื้นที่ที่มีน้ำประปาบริการเพียงพอ จัดทำแผนการกำกับ ดูแล เขตอนุรักษ์ และรักษาพื้นที่ต้นน้ำบาดาล จัดทำเขตวิกฤตการณ์น้ำบาดาลใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพ ปัจจุบัน รวมทั้งได้ยกร่างกฎกระทรวงเพื่อประกาศใช้ในการจัดเก็บค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลในเขตวิกฤตการณ์น้ำ บาดาลตาม พ.ร.บ. น้ำบาดาล แก้ไข พ.ศ. 2546 โดยใช้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle : PPP) นอกเหนือจากค่าใช้น้ำบาดาลที่เก็บอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ราคาน้ำบาดาลใกล้เคียงค่าน้ำประปา เนื่อง จากมีโรงงานผู้ประกอบการใช้น้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภคแทนน้ำประปา คาดว่า จะทำให้มีการลดการใช้ น้ำบาดาลลงเป็นจำนวนมากจนถึงจุดสมดุลของศักยภาพน้ำบาดาล |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2088 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2545 และขออนุมัติแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน้ำก้อและลุ่มน้ำชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ | ทส | 14/10/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่พิจารณาการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาราษฎรบุกรุกพื้นที่ป่าในเขตนิคมสร้างตนเอง สงเคราะห์ชาวเขาตามข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยอนุมัติในหลักการให้ทบทวน มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2545 เรื่อง การแก้ไขปัญหาราษฎรบุกรุกพื้นที่ป่าในเขตนิคมสร้าง ตนเองสงเคราะห์ชาวเขา ซึ่งทางราชการยังไม่ได้เข้าไปใช้ประโยชน์ โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์ พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการบริเวณพื้นที่ที่กรมประชาสงเคราะห์ (เดิม) ส่งคืนกรมป่าไม้ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวแทนกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอนุมัติแผน แม่บทโครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน้ำก้อและลุ่มน้ำชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของ คกก.3 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ พื้นที่บริเวณลุ่มน้ำก้อและลุ่มน้ำชุนจำเป็นต้องเร่งฟื้นฟูและพัฒนาโดยด่วน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมีการจ้างแรงงานในท้องถิ่นมากกว่าการใช้เครื่องจักร เพื่อเป็นการสร้าง จิตสำนึกให้คนในพื้นที่เห็นคุณและโทษของการดูแลรักษาป่า ทั้งนี้ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ปรับแผนการดำเนินการให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ด้วย และมีการติดตาม ประเมินผลสำเร็จของแผนในด้านการอยู่ร่วมกันระหว่างคนและป่า เพื่อใช้เป็นกรณีตัวอย่างกับพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ ชั้น 1 บีอื่น ๆ ด้วย และเพื่อให้การฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำดังกล่าวบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ หน่วย งานที่รับผิดชอบควรประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมตามกฎหมายให้ชัดเจน และควรพิจารณาจัดสรรเจ้าหน้าที่เพื่อทำ หน้าที่ดูแล ติดตามการฟื้นฟู ตลอดจนศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เช่น ปริมาณน้ำฝน การเปลี่ยน แปลงของอุณหภูมิในพื้นที่ เป็นต้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาพื้นที่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2089 | สรุปผลความก้าวหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหา กรณีราษฎรเข้าครอบครองสวนปาล์ม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่เอกชนขอใช้ประโยชน์ | ทส | 14/10/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เสนอสรุปผลความก้าวหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีราษฎรเข้าครอบครองสวนปาล์ม ในพื้นที่ป่าสงวน แห่งชาติที่เอกชนขอใช้ประโยชน์ ของที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติโดย สรุปคือ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดเกณฑ์มาตรการและแนวทางการ ดำเนินงานให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และให้จังหวัดพิจารณาว่ามีพื้นที่ใดมีความพร้อมที่จะดำเนินการ ให้เร่ง ดำเนินการให้มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน ตามเกณฑ์และคุณสมบัติของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ ป่าและพันธุ์พืช ประกอบเป็นพื้นฐาน และให้เร่งรัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นแปลง ๆ ละ 15 ไร่ และดำเนินการป้อง กันพื้นที่ไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่มเติมโดยในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดกระบี่หากมีความพร้อมก่อนให้เร่ง ดำเนินการ เพื่อเป็นพื้นที่นำร่องโดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ สนับสนุนช่างรังวัดโดยด่วน ทั้งนี้ ให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เร่งรัด ติดตาม และดำเนินการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นที่ยุติโดยเร็ว โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องเคร่งครัด เด็ดขาดและจริงจัง ตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2546 เรื่อง การแก้ไขปัญหากรณีราษฎรเข้าครอบครองสวนปาล์มในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ เอกชนขอใช้ประโยชน์ไว้แล้ว และหากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ระดับพื้นที่ ละเลย เพิกเฉยหรือขาดความตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตนให้มีประสิทธิภาพ ให้ หน่วยงานต้นสังกัดพิจารณาดำเนินการลงโทษทางวินัยต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2090 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีวาระเรื่องสำคัญของรัฐบาลเกี่ยวกับการเตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปคในปี 2546 (ข้อมูลหัวข้อกิจกรรมหลักที่เกี่ยวข้องกับด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำหรับการจัดประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปคในปี 2546) | ทส | 14/10/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอหัวข้อกิจกรรมหลัก
ที่เกี่ยวข้องกับด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำหรับการจัดประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปคในปี 2546 รวม 4 ข้อ ได้แก่ (1) Act on Development Pledge Chemical Dialogue (2) Knowledge Based Economy for all ประกอบด้วย ฐานทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และเทคโนโลยีชีวภาพ (3) Human Security ประกอบด้วย ความมั่นคงของฐานทรัพยากรเพื่อการผลิตอาหาร และ Energy Securiry Initiatives และ (4) New Growth Enter prises |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2091 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าลุ่มน้ำปาย บางส่วน ในท้องที่ตำบลสบป่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... | ทส | 07/10/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกาเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าลุ่มน้ำปาย บางส่วน ในท้องที่ตำบลสบป่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระสำคญของร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้เป็นการเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าลุ่มน้ำปาย บางส่วน ในท้องที่ตำบลสบป่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกจากการเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามที่ กำหนดไว้โดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 341 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 กำหนดให้บริเวณที่ดิน ป่าลุ่มน้ำปายในท้องที่ตำบลปางมะผ้า ตำบลห้วยผา ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ตำบลแม่นาเติง ตำบลเวียงใต้ และตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภายในแนวเขต ที่เพิกถอนตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2092 | แผนงานและโครงการพัฒนาลุ่มน้ำลำพะเนียง จังหวัดหนองบัวลำภู | ทส | 07/10/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับแผน
งานและโครงการพัฒนาลุ่มน้ำลำพะเนียง จังหวัดหนองบัวลำภู ระยะเร่งด่วน โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครง การขอใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อ การเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ หากไม่เพียงพอก็อาจขอใช้จ่ายจากราย การเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 301 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการขุดลอกและพัฒนาลุ่มน้ำลำพะเนียง 2 ช่วง รวม 25.5 กิโลเมตร เป็น เงิน 176 ล้านบาท (กรมชลประทานรับผิดชอบโครงการ) โครงการก่อสร้างและพัฒนาพื้นที่รองรับน้ำ (แก้มลิง) 2 แห่ง เป็นเงิน 37 ล้านบาท (กรมชลประทานรับผิดชอบโครงการ) และโครงการก่อสร้างฝายพร้อมประตู บังคับน้ำ 3 แห่ง เป็นเงิน 88 ล้านบาท (กรมทรัพยากรน้ำรับผิดชอบโครงการ) สำหรับโครงการศึกษาความ เหมาะสมและสำรวจออกแบบเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติ จังหวัดหนองบัวลำภู 11 ลุ่มน้ำ ให้กรมทรัพยากร น้ำพิจารณาดำเนินการไปพร้อมกับการจัดทำแผนรวมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในพื้นที่ลุ่มน้ำชีที่ได้รับ การสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไว้แล้วต่อไป ทั้งนี้ ให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมการขน ส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กรมชลประทาน และกรมการพัฒนาชุมชน เป็นต้น รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไป ประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วยว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยโดยวิธีการขุดลอกร่องน้ำต่าง ๆ อาจไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมและได้ผลยั่งยืน เนื่องจากเมื่อระยะเวลาผ่านไปลุ่มน้ำต่าง ๆ มักจะกลับมาตื้น เขินดังเดิมจึงควรพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ รวมทั้งต้องคำนึงถึงความสอดคล้องเชื่อมโยงกับสภาพของลุ่มน้ำแต่ละ แห่งในภาพรวมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2093 | รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการช้างลาดตระเวนป่าระยะที่ 1 และขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการต่อเนื่องในปี 2547 | ทส | 07/10/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยรับทราบรายงานความ
ก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการช้างลาดตระเวนป่า ระยะที่ 1 และเห็นชอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ดำเนินโครงการช้างลาดตระเวนป่า โดยใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 21,000,000 บาท ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ต่อไปในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยให้กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทำความตกลงกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกับกระทรวงการคลังตามวิธีการและหลักเกณฑ์ ที่กำหนดไว้ในระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. 2520 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของกระทรวงการ คลังต่อไป สำหรับรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการช้างลาดตระเวนป่า ระยะที่ 1 หลังจากที่กรม อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดงานเปิดโครงการและปล่อยแถวช้างเข้าพื้นที่ปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 3 สิงหา คม 2546 ซึ่งได้รับแจ้งจากเจ้าของช้างอีกหลายรายว่า สนใจจะสมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมอีกประมาณไม่ต่ำ กว่า 20 เชือก โดยกลุ่มผู้เลี้ยงช้างคาดหวังว่าจะได้ให้ช้างปฏิบัติงานตามโครงการต่อไปในอนาคตข้างหน้าส่วน ข้อเท็จจริงในการใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 เพื่อดำเนินโครงการซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากการคัดเลือกและจัดส่งช้างเข้าพื้นที่ปฏิบัติงานได้ล่าช้ากว่ากำหนดรวมทั้งรายละเอียดของข้อเท็จจริงการ ใช้จ่ายงบประมาณยังไม่สอดคล้องกับแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้ทำความตกลงไว้ และการแจ้งความประสงค์ เพื่อเข้าร่วมโครงการยังไม่เต็มจำนวนตามที่กำหนดไว้ในแผน จึงทำให้การใช้จ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามเป้า หมาย และคาดว่าจะมีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการในปี พ.ศ. 2546 ดังนั้น เพื่อให้สามารถ ดำเนินงานจนบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ จึงขอความเห็นชอบในการใช้จ่ายเงินงบประมาณเหลือจ่ายจากปี งบประมาณ พ.ศ. 2546 เพื่อดำเนินโครงการต่อไปในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2094 | ความก้าวหน้าการจัดทำข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยต่อดินถล่ม | ทส | 30/09/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยรับทราบความก้าวหน้า
การจัดทำข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยต่อดินถล่ม และเห็นชอบหลักการในการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังภัยแจ้งเตือนภัยล่วง หน้าเรื่องดินถล่ม ของกรมทรัพยากรธรณี โดยจัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังเตือนภัยล่วงหน้าเรื่องดินถล่มในพื้นที่เสี่ยง ภัยทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2552) จัดทำข้อมูลและแผนที่แสดงพื้นที่ ที่มีโอกาสเกิดดินถล่มและแผนที่แสดงหมู่บ้านเสี่ยงภัยดินถล่ม มาตราส่วนต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี (ปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2548) จัดทำแผนป้องกันการเกิดดินถล่มต้นแบบสำหรับเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือน ภัยล่วงหน้าเรื่องดินถล่ม และร่วมกับประชาชนในท้องที่สำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อดินถล่มที่มีความ เสี่ยงภัยสูงมากเพื่อจัดทำแผนป้องกันต่อไป โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของ กระทรวงมหาดไทย ที่ให้มีองค์การบริหารส่วนตำบลอยู่ในระบบเครือข่ายเฝ้าระวังเตือนภัยดินถล่มล่วงหน้าร่วม กับกำนัน เนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลมีการจัดองค์กรและบุคลากร รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ในการบริหารจัดการภัยพิบัติในพื้นที่รับผิดชอบ และเพื่อให้ข่าวสารการเตือนภัยถึงประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเร็วที่สุด จำต้องลดขั้นตอนในระบบเครือข่ายเฝ้าระวังเตือนภัยดินถล่มล่วงหน้าให้สั้นที่สุด โดยผู้สังเกตการณ์ จะต้องแจ้งกำนันหรือองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อนำข้อมูลประกาศทางหอกระจายข่าว หรือผู้สังเกตการณ์จะ หมุนไซเรนประจำหมู่บ้านเพื่อเตือนประชาชนเมื่อเกิดสิ่งบอกเหตุ ทั้งนี้ ให้การส่งข่าวสารการเตือนภัย จากกำนัน และ/หรือองค์การบริหารส่วนตำบลผ่านไปยังผู้ใหญ่บ้าน และ/หรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลนำไปสู่ "การเตรียมสรรพกำลังในพื้นที่" แทนการแจ้งข่าวสารเตือนภัยไปสู่ "ประชาชน (พื้นที่เสี่ยงภัย)" กับให้กำนัน และ /หรือองค์การบริหารส่วนตำบลประสานแผนงานระบบเครือข่ายเฝ้าระวังเตือนภัยดินถล่ม กับผู้อำนวยการป้อง กันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัด (ผู้ว่าราชการจังหวัด) ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนอำเภอ (นายอำเภอ) และผู้ อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเทศบาล (นายกเทศมนตรี) เพื่อสร้างระบบการปฏิบัติงานแบบบูรณาการที่มี ประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2095 | ขออนุมัติจัดประชุมระดับรัฐมนตรีของประเทศอาเซียนในการประชุม Southeast Asia Water Forum ครั้งที่ 1 และใช้เงินงบกลางปีงบประมาณ 2547 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นงบประมาณจัดประชุม | ทส | 30/09/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการขออนุมัติจัดประชุมระดับรัฐมนตรีของประเทศอาเซียนในการประชุม Sout
heast Asia Water Forum ครั้งที่ 1 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ประธานกรรมการทรัพยากร น้ำแห่งชาติเสนอ โดยอนุมัติหลักการให้ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับรัฐมนตรีของประเทศอาเซียน ในการประชุม Southeast Asia Water Forum ครั้งที่ 1 ระหว่างที่ 20-21 พฤศจิกายน 2546 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยในส่วนของงบประมาณจัดประชุม ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 2,900,000 บาท โดยขอทำความตกลงในรายละเอียด กับสำนักงบประมาณเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 มีผลบังคับใช้ตาม กฎหมาย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ส่วนเรื่องการเบิกค่าใช้จ่ายในการจัดประชุม การให้ข้าราชการที่เข้า ร่วมในการประชุมดังกล่าวได้โดยไม่ถือเป็นวันลา และเบิกค่าลงทะเบียนได้เท่าที่จ่ายจริงตามอัตราที่ผู้จัดการประชุม เรียกเก็บ นั้น ให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2096 | การสนับสนุนงบประมาณในการออก น.ส.ล. | ทส | 30/09/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอหลักการโครงการ
รังวัดเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) ของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย โดยจะดำเนินการรังวัด ออก น.ส.ล. ที่เหลือในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวน 6,000 แปลง และปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 3,900 แปลง ในวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 80,783,500 บาท สำหรับรายละเอียดการเบิกจ่ายงบประมาณ ให้เป็นไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้กรมที่ ดินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรังวัดออก น.ส.ล. โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 จำนวน 2,500 แปลง เป็นเงิน 56,234,100 บาท และได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวน 2,500 แปลง เป็นเงิน 43,941,600 บาท หากกรมที่ดินมีความจำเป็นต้องดำเนินการรังวัดออก น.ส.ล. ให้ครอบคลุม ทั่วประเทศภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทย โดยดำเนินการรังวัด ออก น.ส.ล. ที่เหลือในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้กรมที่ดินจัดทำรายละเอียด แผนการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง โดย ให้คำนึงถึงศักยภาพในการดำเนินงานด้วย ส่วนการดำเนินงานเพื่อให้ครบตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2548 ให้พิจารณาตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อการดำเนินการในส่วนที่เหลือต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) เร่งดำเนินการตามโครงการพัฒนากรมที่ดิน และเร่งรัดการออกโฉนดที่ดิน ทั่วประเทศ ระยะที่ 4 (พ.ศ. 2545-2547) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2544 เพื่อเป็นเอกสาร แสดงกรรมสิทธิ์ทดแทนเอกสาร ส.ค.1 |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2097 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2546 | ทส | 30/09/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... โดยสาระ สำคัญของร่างประกาศฉบับนี้เป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการในคณะกรรมการแก้ไขปัญหา การบุกรุกที่ดิน โดยเพิ่มเติมอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคง ของมนุษย์ และอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าว และเพิ่มเติมคำว่า "หรือผู้แทน" ในร่างข้อ 5 (5)-(22) เพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ กรณีที่หัวหน้าส่วนราชการติดภารกิจสำคัญไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่การประชุมได้ แล้วให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2098 | ปัญหาการใช้สารเคมีของสวนส้ม | ทส | 23/09/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่องปัญหาการใช้สารเคมีของสวนส้มที่อำเภอแม่อาย โดยเห็นว่า พื้นที่ปลูก
ส้มในอำเภอแม่อาย อำเภอฝาง และอำเภอไชยปราการ อยู่ในเขตต้นน้ำ และส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่ง มีระบบนิเวศที่เปราะบาง สมควรควบคุมการใช้สารเคมีในสวนส้มในพื้นที่ดังกล่าว จึงเห็นชอบต่อข้อเสนอของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้มีการประกาศให้กิจการสวนส้มเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อ สุขภาพ ตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535 (มาตรา 8 และมาตรา 31) ให้มีการออกประกาศให้พื้นที่ อำเภอแม่อาย อำเภอฝาง และอำเภอไชยปราการ เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามพระราชบัญญัติส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 (มาตรา 43) และให้มีการจัดทำแผนการจัดการดิน น้ำ และ สารเคมีต่าง ๆ ร่วมกับราษฎรในพื้นที่ กับให้เร่งรัดพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดิน และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายที่ เกี่ยวข้อง และให้พิจารณาเกี่ยวกับการจัดระเบียบการใช้ที่ดินในที่สูง หรือในพื้นที่อนุรักษ์ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี เห็นว่า นอกเหนือจากปัญหาการใช้สารเคมีดังกล่าวแล้ว ยังมีปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าของเอกชนบางรายเพื่อ เพาะปลูกส้ม แล้วนำพื้นที่ไปจำหน่ายต่อให้กับผู้ที่ต้องการครอบครองสวนส้มด้วย จึงให้กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับไปพิจารณาร่วมกับส่วนราชการ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาปัญหา ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งหมดกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา และมอบหมายภารกิจให้แต่ละส่วนราช การที่เกี่ยวข้องรับไปปฏิบัติต่อไป โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับไปสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเร่งรัด ติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ในระดับจังหวัดที่ได้รับการสั่งการจาก ส่วนกลางให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2099 | ขอคืนหนี้ค้างชำระค่าซื้อข้าวจากรัฐบาลรัสเซียโดยแลกกับเฮลิคอปเตอร์ | ทส | 23/09/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยเห็นชอบต่อร่างความตกลงระหว่างรัฐบาล
แห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการระงับหนี้ที่สหพันธรัฐรัสเซียค้างราชอาณาจักร ไทย โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความ ตกลงฉบับนี้ได้ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามความตกลงดังกล่าวในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการ ต่างประเทศ รับไปปรับปรุงคำแปลของร่างความตกลงฉบับภาษาไทยให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และสอดคล้องกับ ร่างความตกลงฉบับภาษาอังกฤษก่อนดำเนินการต่อไป สำหรับข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมที่ขอจัดหาเฮลิคอปเตอร์ โดยหักหนี้ค้างชำระค่าข้าวจากรัฐบาลรัสเซีย นั้น จะต้องเป็นการดำเนินการใน ระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล จึงเห็นควรให้พิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวได้ ภายหลังจากที่รัฐบาลไทยและ รัฐบาลรัสเซียได้ดำเนินการลงนามความตกลงระหว่างกันตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบและอนุมัติให้กระทรวง การต่างประเทศดำเนินการข้างต้นแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2100 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2546 | ทส | 23/09/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2546 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2546 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้ว รวม 9 เรื่อง ดังนี้ (1) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของพื้นที่แหล่งแร่หินปูน (เขาวง) บริเวณ ตำบลพุกร่าง ตำบลขุนโขลน และตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ประกอบด้วย การเสนอแนะ เชิงนโยบายในภาพรวมของพื้นที่แหล่งแร่หินปูน (เขาวง) การขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ พื้นที่แหล่งแร่หินปูน (เขาวง) กรณีบริษัทปูนซีเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด การขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ พื้นที่แหล่งแร่หินปูน (เขาวง) กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา รวมทั้งการขอผ่อนผันการใช้ ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ พื้นที่แหล่งแร่หินปูน (เขาวง) กรณีนางสาวปริศนา อุดมรัตน์ (2) การประเมินศักยภาพการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ประกอบคำขอประทานบัตรแร่หินปูน และหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ พื้นที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ของบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (3) (ร่าง) แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ (4) แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ปีงบประมาณ 2546 (เพิ่มเติม) (5) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษ ระหว่างเมืองสายอำเภอบ้าน โป่ง-กาญจนบุรี (6) การแก้ไขประกาศ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบ คุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากเตาเผามูลฝอย และ เรื่อง กำหนดให้เตาเผามูลฝอยเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะ ต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ (7) การกำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากเตาเผามูลฝอยติดเชื้อ (8) การกำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงงานปูนซีเมนต์ทุกชนิด (9) การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม
|