ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 646 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 12901 - 12920 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12901 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอเอ็ม เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอเอ็ม เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่อทำปูนขาวและเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง และหินอุตสาหกรรมชนิดหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ตามคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๓/๒๕๕๗ (ประทานบัตรที่ ๓๒๔๕๐/๑๕๗๙๕) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ และวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ผู้ถือครองหรือได้รับประทานบัตรควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และควรให้ความสำคัญและสนับสนุนการเฝ้าระวังด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากละออง ระดับเสียง และแรงสั่นสะเทือนจากการทำเหมืองแร่ รวมทั้งสื่อสารข้อมูลแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กำกับให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา ดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12902 | การทบทวนมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2557 เรื่อง ขออนุมัติดำเนินการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า | นร01 | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนหน่วยงานรับผิดชอบการเสนอขอตั้งงบประมาณการดำเนินโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินและหอประชุมอเนกประสงค์นานาชาติ ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. งบประมาณโครงการจัดสร้างหอประชุมอเนกประสงค์นานาชาติเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กรอบวงเงินจำนวน ๔,๒๐๖,๐๖๔,๑๕๖.๐๗ บาท เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการเสนอขอตั้งงบประมาณจำนวนดังกล่าวต่อไปจนครบวงเงินหรือการก่อสร้างแล้วเสร็จ และมอบหมายให้กองทัพบกซี่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบดูแลและใช้ประโยชน์หอประชุมอเนกประสงค์นานาชาติฯ เป็นหน่วยงานในการเสนอขอตั้งงบประมาณในการบริหารจัดการและบำรุงรักษารายปีต่อไป ๒. งบประมาณโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กรอบวงเงินจำนวน ๒,๐๗๘,๒๓๗,๔๔๓.๙๓ บาท ประกอบด้วย งบประมาณการก่อสร้างระยะที่ ๑ กรอบวงเงินจำนวน ๑,๒๗๗,๓๑๓,๐๓๘.๖๙ บาท เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการเสนอขอตั้งงบประมาณจำนวนดังกล่าวต่อไปจนกว่าการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ฯ ระยะที่ ๑ แล้วเสร็จ งบประมาณการก่อสร้างระยะที่ ๒ กรอบวงเงินจำนวน ๖๙๒,๑๐๔,๘๙๐.๒๘ บาท เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการเสนอขอตั้งงบประมาณ และงบประมาณการบริหารจัดการดูแลพิพิธภัณฑ์ฯ จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบดูแลพิพิธภัณฑ์ฯ เสนอขอตั้งงบประมาณรายปีต่อไปภายหลังที่การก่อสร้างแล้วเสร็จ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12903 | แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2580 (PDP 2018) | พน | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (Power Development Plan : PDP2018) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแผนหลักในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าของประเทศเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นผ่านการดำเนินการที่สำคัญ เช่น การสร้างความมั่นคงของระบบผลิตไฟฟ้า ระบบส่งไฟฟ้าและระบบจำหน่ายไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาค การพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก และการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าสมาร์ทกริด (Smart grid) เป็นต้น โดยให้ความสำคัญใน ๓ ประเด็น ได้แก่ ความมั่นคงทางพลังงาน (Security) ด้านเศรษฐกิจ (Economy) และด้านสิ่งแวดล้อม (Ecology) โดยตั้งเป้าหมายให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าในปี ๒๕๘๐ จำนวน ๗๗,๒๑๑ เมกะวัตต์ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น ควรดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวทางตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ควรเร่งปรับปรุงกฎระเบียบให้สามารถรองรับระบบ Smart Grid หรือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ควรเร่งทบทวนและปรับบทบาทขององค์กรที่ผลิตหรือจำหน่ายไฟฟ้าให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงกรณีที่อาจขายไฟฟ้าที่น้อยลงเนื่องจากมีผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยมากขึ้น และควรเร่งสร้างการรับรู้ในเรื่องต่าง ๆ ที่มีผลกระทบกับประชาชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในการทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฯ ในครั้งต่อไป ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมให้เกิดโรงไฟฟ้าพลังงานขยะและระบบส่งไฟฟ้าเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12904 | ขออนุมัติความเห็นชอบต่อร่างเอกสารรายงานการประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC ครั้งที่ 3 | นร08 | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารรายงานการประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BIMSTEC (Drafted Report of the Annual Meeting of BIMSTEC National Security Chiefs) ครั้งที่ ๓ ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตจำนงในการกำหนดแนวทางความร่วมมือในอนาคตร่วมกันของประเทศสมาชิกในกลุ่ม BIMSTEC ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก และจากนั้นให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12905 | แนวทางการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ ที่กำหนดให้สำนักงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ และเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว สำนักงบประมาณจะนำเสนอกระบวนการจัดทำงบประมาณ พร้อมทั้งการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12906 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 22 | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๒ (Joint Statement of the 22nd ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM+3) ครั้งที่ ๒๒ ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจของโลกและระดับภูมิภาค รวมทั้งการกำหนดนโยบายและแนวทางการทำงานร่วมกัน โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในช่วงการ AFMGM+3 ในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองนาดี สาธารณรัฐฟิจิ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12907 | มาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการและการดำเนินการของมาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี ๒๕๖๒ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้เงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้มีรายได้น้อยและเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนผ่านการดำเนินการ ๔ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการเพิ่มเบี้ยคนพิการ (๒) มาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่เกษตรกร (๓) มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ช่วงเปิดปีการศึกษา และ (๔) มาตรการพยุงการบริโภคของผู้มีรายได้น้อย และมอบหมายกรมบัญชีกลางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติมว่า ในส่วนของมาตรการพยุงการบริโภคของผู้มีรายได้น้อย เห็นควรให้เพิ่มช่องทางในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น โดยไม่จำกัดเฉพาะร้านธงฟ้าประชารัฐ แต่ให้ครอบคลุมถึงร้านที่ติดตั้งเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture : EDC) ที่รองรับการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจถึงประโยชน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับจากมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้กำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ และรายงานประโยชน์ที่ได้รับและผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๑ ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์) และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร จำนวน ๕ ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาและกีฬา มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทย มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12908 | ขออนุมัติงบกลางปี 2562 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการเพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำและเพิ่มน้ำต้นทุน เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งและรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝน พ.ศ. 2562 | นร | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ภายในวงเงิน ๑,๒๒๖,๐๕๐,๕๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำและเพิ่มน้ำต้นทุน จำนวน ๑๔๔ โครงการ เพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาภัยแล้ว รวมทั้งเป็นการเตรียมการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเก็บกักน้ำรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝนได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับโครงการเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที เป็นลำดับแรก สำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการขุดลอกและเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งกักเก็บน้ำ ให้คำนึงถึงระยะเวลาการดำเนินโครงการที่คาบเกี่ยวกับฤดูฝน ซึ่งอาจทำให้ผลประโยชน์ของโครงการไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แต่แรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงบประมาณ รวบรวมแผนงาน/โครงการเกี่ยวกับการก่อสร้างฝายกักเก็บน้ำที่มีความพร้อมในการดำเนินการได้ทันที และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนเพื่อจะได้ดำเนินการเพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยแล้งต่อไป รวมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่นด้วย ๓. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12909 | การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ (พลตำรวจโท ทวิชชาติ พละศักดิ์ และคณะ) | ตช | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติยกเว้นการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่มิได้เป็นไปตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๔ ราย ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พลตำรวจโท ทวิชชาติ พละศักดิ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติไม่ครบ ๑ ปี ๑.๒ พลตำรวจโท นเรศ นันทโชติ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีมีอายุไม่ครบห้าสิบเก้าปีบริบูรณ์ และมีเวลาราชการ เหลือเกินกว่าหกเดือน ๑.๓ พลตำรวจโท พรหมธร ภาคอัต ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีมีอายุไม่ครบห้าสิบเก้าปีบริบูรณ์ และมีเวลาราชการ เหลือเกินกว่าหกเดือน ๑.๔ ร้อยตำรวจเอก ชานันท์ ชัยจินดา ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย (สบ ๒) กองกำกับการ ๓ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจ ตระเวนชายแดน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีมีระยะเวลา การดำรงตำแหน่งรองสารวัตรไม่ครบ ๗ ปี ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12910 | ขอรับโอนข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ย.ป. (นายสุวิทย์ อมรนพรัตนกุล) | นร | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายสุวิทย์ อมรนพรัตนกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ สำนักงาน ป.ย.ป. (นักบริหารระดับสูง) สำนักงาน ป.ย.ป. ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ป.ย.ป. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12911 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน (นายมงคล ลีลาธรรม และนางสาวสุปรียา พิพัฒน์มโนมัย) | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมงคล ลีลาธรรม และนางสาวสุปรียา พิพัฒน์มโนมัย เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน เพิ่มเติม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12912 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แทนตำแหน่งที่ว่าง (นายมนูญ สรรค์คุณากร) | ศธ | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมนูญ สรรค์คุณากร ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12913 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) | พน | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12914 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (จำนวน 3 คน 1. นายธีรพล โตพันธานนท์ ฯลฯ) | สธ | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล รวม ๓ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป และให้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาลที่ได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายธีรพล โตพันธานนท์ ประธานกรรมการ ๑.๒ รองศาสตราจารย์จิรุตน์ ศรีรัตนบัลล์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาลในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12915 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....) | มท | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงทุ่งพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร และในพื้นที่บางส่วน ในท้องที่แขวงหิรัญรูจี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี และแขวงสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อควบคุมสีของผนังอาคาร และสีของหลังคาอาคาร ให้เป็นโทนสีเดียวกัน รวมทั้งความสูงของอาคาร เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสวยงาม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ภาคส่วนต่าง ๆ ได้รับทราบ และกำชับให้กรุงเทพมหานครในฐานะราชการส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของกรุงเทพมหานครควบคุมการขออนุญาตก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12916 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. .... | ทส | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและบทบาทหน้าที่การดำเนินงานขององค์การสวนสัตว์ที่ได้มีการพัฒนาขยายขอบเขตงานเพิ่มขึ้น และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ได้ถ่ายโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขร่างมาตรา ๖ (๓) เป็น “ให้องค์การสวนสัตว์กู้ยืมเงิน ซึ่งถ้าเป็นจำนวนเงินเกินกว่า ๕๐ ล้านบาท ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน” แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้องค์การสวนสัตว์พิจารณาประเด็นข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแต่ละประเภทอย่างรอบคอบ และควรจัดเตรียมแผนธุรกิจรองรับการรวมกิจการกับสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีให้ชัดเจน โดยหาแนวทางในการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย เพื่อให้องค์การสวนสัตว์สามารถบริหารองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและเลี้ยงตัวเองได้ในอนาคต สำหรับการขยายวงเงินกู้ยืมควรดำเนินการตามหลักการของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12917 | สรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิชุมชน และสิทธิในการพัฒนา กรณีกล่าวอ้างว่า คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2559 และ ที่ 4/2559 เกี่ยวกับการยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายและกฎกระทรวง ว่าด้วยการผังเมืองและการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และสำหรับการประกอบกิจการบางประเภทละเมิดสิทธิมนุษยชน) | สม | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิชุมชน และสิทธิในการพัฒนา กรณีกล่าวอ้างว่า คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๕๙ และที่ ๔/๒๕๕๙ เกี่ยวกับการยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายและกฎกระทรวงว่าด้วยการผังเมืองและการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและสำหรับการประกอบกิจการบางประเภทละเมิดสิทธิมนุษยชน) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12918 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 1/2562 | นร63 | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๒ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในเรื่องสำคัญ ๆ ได้แก่ (๑) โครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) (๒) สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (๓) ค่าเช่าและค่าบริการในการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ (๔) การปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (๕) การเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการเรื่องกองทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (๖) การจัดทำรายงานงบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และ (๗) แผนการทำงานของเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตามที่ สกพอ. เสนอ และให้ สกพอ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นเกี่ยวกับการขอจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการเรื่องกองทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การจัดทำรายงานงบการเงินของ สกพอ. ที่จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง และการเตรียมความพร้อมด้านกำลังแรงงานด้านดิจิทัล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้ สกพอ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับและเร่งรัดการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้ สกพอ. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด) พิจารณาจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับในกรณีที่การดำเนินโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลไม่สามารถขับเคลื่อนให้เป็นไปตามแผนการดำเนินการที่กำหนดไว้ ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่ง (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจเพื่อกิจการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12919 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 2 และความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท | ทส | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญานิมามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ สมาพันธรัฐสวิส และความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท โดยที่ประชุมฯ ได้มีการพิจารณาและมีมติเห็นชอบและรับรองประเด็นต่าง ๆ เช่น การให้ภาคีจัดส่งแหล่งกำเนิดที่ปล่อยปรอทสู่ดินและน้ำให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทเป็นผู้รวบรวม การจัดทำร่างรายการกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผลต่อการปล่อยปรอทสู่ดินและน้ำภายในประเทศ เพื่อใช้เป็นมาตรการในการกักเก็บชั่วคราวของปรอทอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การดำเนินการของกลไกทางการเงิน การคงความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกและองค์การแรงงานระหว่างประเทศด้านสุขภาพต่อไป และการจัดส่งข้อมูลการปลดปล่อยปรอทจากกิจกรรมการเผาในที่โล่งให้กับสำนักเลขาธิการฯ เป็นต้น โดยในส่วนของไทยมีประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาดำเนินการ ได้แก่ (๑) การออกกฎหมายระดับอนุบัญญัติที่เหลือตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ (๒) การนำแนวทางการกักเก็บชั่วคราวของปรอทอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่ใช่ของเสียปรอทมาปรับใช้ในทางปฏิบัติสำหรับไทย และ (๓) การติดตามความคืบหน้าของการจัดทำแนวทางต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลดปล่อยปรอทสู่สิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ และขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามมติข้อตัดสินใจของการประชุมฯ ควรให้ความสำคัญทั้งในด้านการผลิต การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักของผู้บริโภค รวมทั้งการจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับมอบหมายเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจที่จะต้องดำเนินการและขับเคลื่อนร่วมกันต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทยดำเนินงานร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องตามพันธกรณีของอนุสัญญานิมามาตะฯ และขับเคลื่อนการดำเนินการภายในประเทศให้เป็นไปตามมติข้อตัดสินใจของการประชุมฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12920 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีไทย - จีน ด้านความร่วมมือในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัล ครั้งที่ 1 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง | ดศ | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีไทย-จีน ด้านความร่วมมือในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัล ครั้งที่ ๑ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทยเป็นประธานร่วม ซึ่งสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้หารือกันในประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน ได้แก่ (๑) เศรษฐกิจดิจิทัล สมาร์ทซิตี้ ไอซีทีคอนเวิร์จแอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์ และบริการด้านไอที (๒) การเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีและ 5G (๓) การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรม (๔) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และ (๕) ปัญญาประดิษฐ์ รวมทั้งการหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน โดยจีนได้เสนอโครงการ Yunnan Bilingual Industrial Park ซึ่งเป็นลักษณะของความร่วมมือในการแปลภาษาของซอฟท์แวร์ เพื่อให้สามารถใช้ร่วมกันได้ในภูมิภาค ส่วนไทยขอให้จีนสนับสนุนในด้านเทคโนโลยีและความร่วมมือด้าน E-commerce ในระดับภูมิภาค และยินดีสนับสนุนการดำเนินการตามข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative : BRI) ของจีนด้วยการเป็นช่องทางเชื่อมโยงจีนไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ความร่วมมือในกรอบแม่โขง-ล้านช้าง หรือ ACMECS ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลต่อภูมิภาคนี้ สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กิจกรรม China-Thailand B2B Matchmaking Workshop เพื่อให้ภาคเอกชนด้านดิจิทัลของไทยและจีนได้มีโอกาสพบปะและจับคู่ทางธุรกิจ งานประชุมสัมมนาเรื่อง “China-Thailand Digital Economy Forum” การศึกษาดูงาน ณ Chenggong Information Technology Industrial Park : ซึ่งเป็นหนึ่งในสวนอุตสาหกรรมที่สำคัญ ๓๐ แห่ง ในมณฑลยูนนาน และตรวจเยี่ยมโรงเรียนประถมสังกัดมหาวิทยาลัยยูนนาน นอร์มอลวิทยา เขตเหวินหลิน ซึ่งนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการเรียนการสอน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
.....