ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 642 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 12821 - 12840 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12821 | ปฏิญญาว่าด้วยการมาตรฐานที่ตระหนักถึงความเสมอภาคระหว่างหญิงชายและการกำหนดมาตรฐาน (Declaration on Gender Responsive Standards and Standards Development) | อก | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบปฏิญญาว่าด้วยการมาตรฐานที่ตระหนักถึงความเสมอภาคระหว่างหญิงชายและการกำหนดมาตรฐาน (Declaration on Gender Responsive Standards and Standards Development) ซึ่งเป็นเอกสารแสดงคำมั่นร่วมกันของหน่วยงานด้านมาตรฐานแห่งชาติของรัฐต่าง ๆ ให้มีการกำหนดและจัดทำมาตรฐานของตนเพื่อสร้างความตระหนักถึงความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามปฏิญญาฯ โดยจะมีพิธีลงนามในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12822 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการพัฒนาและส่งเสริมการสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยแล้ง | มท | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย โดยการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงินไม่เกิน ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการดำเนินงานในลักษณะของรายการปีเดียว และไม่มีผลเป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ อันจะเป็นภาระต่องบประมาณในอนาคต โดยขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเร่งดำเนินโครงการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างรอบคอบ และขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ เห็นควรที่กระทรวงมหาดไทยจะรายงานผลการดำเนินงานต่อสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในโอกาสแรก และจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการ รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบนิเวศน์โดยรวมเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการดำเนินโครงการต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ของหน่วยงานของรัฐ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการกำหนดรูปแบบของฝายชะลอน้ำตามโครงการพัฒนาและส่งเสริมการสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้เพื่อให้มีการจ้างแรงงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับดูแล โครงการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12823 | โครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital) เพื่อรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 3 โครงสร้างพื้นฐาน ผ่านกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) | กค | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital) เพื่อรองรับ ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมาย และ ๓ โครงสร้างพื้นฐาน ผ่านกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้แก่ (๑) โครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ในระดับปริญญาตรี และ (๒) โครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ในระดับอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นโครงการที่มีเงื่อนไขพิเศษผ่อนปรนกว่าการดำเนินการให้กู้ยืมตามเงื่อนไขปกติของ กยศ. เพื่อสนับสนุนให้มีนักเรียน นักศึกษา เข้าเรียนในสาขาที่เป็นความต้องการในอุตสาหกรรมเป้าหมายมากขึ้น และหากในอนาคต กยศ. มีความจำเป็นต้องขอรับงบประมาณ ขอให้ กยศ. ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนโดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อน และคำนึงถึงการสูญเสียรายได้ของ กยศ. โดยไม่กระทบต่อภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย และจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลเพื่อใช้ประกอบในการบริหารจัดการกำลังแรงงานของประเทศให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งควรให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเป้าหมายได้มีส่วนร่วมในการพิจารณากำหนดสาขาวิชาให้ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง และควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงแนวทางการดำเนินโครงการให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12824 | การดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) | ดศ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒. ให้หน่วยงานภาครัฐนำมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านสารสนเทศเพื่อการประมวลผลข้อมูล (Infrastructure Architecture) และกรอบการกำกับดูแลข้อมูล (Data Governance Framework) ไปใช้เป็นมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นผู้ให้คำแนะนำ ติดตาม และประเมินผลต่อไป ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๓. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดให้มีคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud services : GDCC) และให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการคลาวด์กลางภาครัฐ สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น ให้ครบถ้วน โดยให้รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกี่ยวกับประเด็นการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ วงเงิน ๔,๕๕๔.๒ ล้านบาท เพื่อการจัดให้มีคลาวด์กลางภาครัฐว่า การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่เข้าข่ายการดำเนินโครงการที่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณในอนาคต ซึ่งตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการนั้น จะต้องจัดทำข้อมูลรายละเอียดตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง การดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ในการจัดให้มีคลาวด์กลางภาครัฐจะต้องมีการบูรณาการและวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับหน่วยงานของรัฐที่มีอยู่ และไม่ซ้ำซ้อนกับการจัดหาคลาวด์ของสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้หน่วยงานภาครัฐร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติในการจัดทำรายการข้อมูลภาครัฐ (Government Data Catalog) และระบบนามานุกรม (Directory Services) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๕. ในส่วนของการจัดตั้ง “สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (Government Big Data Institute : GBD)” เป็นหน่วยงานภายในภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อรองรับการให้บริการด้านการพัฒนาบุคลากรและการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ของภาครัฐ นั้น ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ในการจัดตั้งสถาบันจะต้องดำเนินการภายใต้ขอบเขตวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามมาตรา ๓๕ ของพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวจะต้องไม่กระทบต่อภารกิจของหน่วยงานตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้ใช้จ่ายจากรายได้ของหน่วยงานเป็นหลัก และความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการดำเนินการพัฒนาบุคลากร เห็นควรให้นำภารกิจงานที่หน่วยงานภาครัฐต้องดำเนินการมาเป็นแบบฝึกหัดหรือเป็นกรณีศึกษาในการฝึกอบรม และกำหนดเป็นเป้าหมายหรือตัวชี้วัดความสำเร็จการดำเนินงานของสถาบัน รวมถึงเป็นเกณฑ์ในการประเมินผลการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้ารับการฝึกอบรมด้วย เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาบุคลากรสัมฤทธิ์ผลตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสถาบันได้อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12825 | การตอบรับเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมทบในสภาบริหารของโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment : PISA) | ศธ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการตอบรับคำเชิญในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมทบในสภาบริหารของโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment : PISA) เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการดำเนินงานสำหรับการเข้าร่วมโปรแกรม PISA ในรอบการประเมิน PISA 2021 และมีสถานภาพการเข้าเป็นสมาชิกสมทบได้ทันต่อการเข้าร่วมประชุมสภาบริหารของโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนตามมาตรฐานสากลขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) สำหรับการดำเนินงานโปรแกรม PISA ในรอบการประเมิน PISA 2021 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมทบในสภาบริหารของโปรแกรม PISA เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยการดำเนินงานและเบิกจ่ายให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาด้วยว่า เมื่อประเทศไทยเข้าร่วมสมาชิกสมทบในสภาบริหารของโปรแกรม PISA แล้ว ประเทศไทยจะต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฎ (Rule) และการปฏิบัติ (Practice) ของ OECD จึงสมควรพิจารณาถึงผลกระทบของประเทศไทย ตลอดจนข้อดีและข้อเสียของการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมทบในสภาบริหารให้ชัดเจนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12826 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุเทพ ชิตยวงษ์ และนายบุญรักษ์ ยอดเพชร) | ศธ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายสุเทพ ชิตยวงษ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒. นายบุญรักษ์ ยอดเพชร ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12827 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (จำนวน 2 คน 1. นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ ฯลฯ) | พณ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ รวม ๒ คน แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ ประธานกรรมการ ๒. นายปรีชา ส่งวัฒนา กรรมการผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12828 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย (จำนวน 4 คน 1. นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ฯลฯ) | มท | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอัจย์แห่งประเทศไทย จำนวน ๔ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสองปี ในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ๒. นายอรุณ บุญชม ๓. นายปริญญา ประหยัดทรัพย์ ๔. นายวิรุฬห์ พรพัฒน์กุล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12829 | ร่างพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร09 | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ชะลอการดำเนินการร่างพระราชกำหนดการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชกำหนดดังกล่าวไปพิจารณาทบทวนเหตุความจำเป็นที่ต้องตราเป็นพระราชกำหนด และให้รับความเห็นของกลุ่มองค์กรวิชาชีพครูต่าง ๆ เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้วไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยเห็นว่า (๑) ไม่ควรเปลี่ยนชื่อตำแหน่ง “ผู้อำนวยการสถานศึกษา” เป็น “ครูใหญ่” (๒) ให้ยกเลิกตำแหน่ง “ผู้ช่วยครูใหญ่” และให้เป็น “รองผู้อำนวยการสถานศึกษา” ดังเดิม (๓) ไม่ควรเปลี่ยนคำว่า “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” เป็น “ใบรับรองความเป็นครู” (๔) ควรเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียได้แสดงความคิดเห็นในการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ และ (๕) ควรชะลอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจนกว่าจะมีรัฐสภาชุดใหม่ ไปพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12830 | การแต่งตั้งประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (จำนวน 13 คน 1. ศาสตราจารย์สนิท อักษรแก้ว ฯลฯ) | นร11 | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๑๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์สนิท อักษรแก้ว เป็นประธานสภา ๒. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายคณิศ แสงสุพรรณ เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายเทวินทร์ วงศ์วานิช เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐. รองศาสตราจารย์ศักรินทร์ ภูมิรัตน เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๑. นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๒. นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ เป็นกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12831 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์) | กค | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เป็นผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12832 | ขอความเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (จำนวน 5 คน 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จรูญศักดิ์ นวลแจ่ม ฯลฯ) | ยธ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์จรูญศักดิ์ นวลแจ่ม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ๒. นายวิทัศน์ เตชะบุญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ ๓. นางสาวศุภมาศ พยัฆวิเชียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ๔. นายพิทยา จินาวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายชนะพล มหาวงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12833 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยที่ดินที่ได้รับการยกเว้นภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยที่ดินที่ได้รับการยกเว้นภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12834 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรี | นร04 | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12835 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2562 | กษ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเห็นชอบแนวทางการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (เพิ่มเติม) โดยให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัน เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง รวมทั้งเห็นชอบให้หน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ตามข้อเสนอแนวทางของคณะกรรมการด้านปาล์มน้ำมันและพืชพลังงาน ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ๒. ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเพื่อบันทึกบัญชีเป็นรายจ่ายเพื่อสังคม (Public Service Account : PSA) ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด รัดกุม โปร่งใส ตรวจสอบได้ สอดคล้องกับหลักการขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และพันธกรณีระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดและกำกับดูแลการดำเนินงานตามแนวทางการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (เพิ่มเติม) และแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำอย่างใกล้ชิด และให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานที่ทันต่อเหตุการณ์อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันเกษตรกร และเกษตรกร ในการรักษาสมดุลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มภายในประเทศให้มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะการปราบปรามการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มทั้งระบบอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง และการควบคุมพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เพื่อเป็นการลดปริมาณน้ำมันปาล์มในระบบ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ส่งเสริมให้ผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับราคาปาล์มน้ำมันในประเทศ นอกจากนี้ ควรพิจารณาศึกษาแนวทางในการปรับโครงสร้างการผลิตปาล์มน้ำมันให้สอดคล้องกับสถานการณ์การตลาดของโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะกรณีของสหภาพยุโรปที่จะเลิกใช้น้ำมันปาล์มในปี ๒๐๒๐-๒๐๒๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12836 | ผลการเยือนมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีนของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) | นร04 | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และคณะ ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ เมษายน ๒๕๖๒ โดยสาระสำคัญของผลการเยือนในครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และคณะได้หารือกับเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำมณฑลเหอหนาน และผู้ว่าการมณฑลเหอหนาน เกี่ยวกับการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation (BRF) ครั้งที่ ๒ ณ กรุงปักกิ่ง โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า ยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative (BRI) ของสาธารณรัฐประชาชนจีนจะเป็นประโยชนต่อทุกประเทศทั่วโลกในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางด้านการค้าและการลงทุน และเห็นควรให้กระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะระหว่างมณฑลเหอหนานและเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนา Aerotropolis และการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งอย่างไร้รอยต่อเพื่อให้ไทยสามารถพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและพื้นที่โดยรอบให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด รวมถึงให้มีความร่วมมือในด้านการส่งเสริมโครงการศูนย์การบินคู่ขนานสำหรับจีนตอนกลางและภูมิภาคอาเซียน โดยมีเขตเศรษฐกิจพิเศษอากาศยานนครเจิ้วโจว (Zhengzhou Airport Economy Zone หรือ ZAEZ) และ EEC เป็นศูนย์กลาง ตามลำดับ นอกจากนี้ ได้มีการลงนามความบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือกับรัฐบาลมณฑลเหอหนาน ในการพัฒนาศูนย์การบินคู่ขนานและส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและรองผู้ว่าการมณฑลเหอหนาน โดยบันทึกความเข้าใจดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการพัฒนาศูนย์การบินคู่ขนานและส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างเหอหนานกับ EEC โดยมีขอบเขตความร่วมมือในด้านการส่งเสริมโครงการศูนย์การบินคู่ขนานสำหรับสาธารณรัฐประชาชนจีนตอนกลางและอาเซียน การกระชับความร่วมมือในการวางแผนพัฒนาพื้นที่สนามบิน และส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน อาทิ การขนส่งทางอากาศ การซ่อมบำรุงอากาศยาน การอบรมบุคลากร และการค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยี พร้อมทั้งได้ศึกษาดูงานที่ท่าอากาศยานนานาชาติเจิ้งโจว ซินเจิ้ง และ ZAEZ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12837 | มอบหมายผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรี | นร05 | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โดยที่รัฐมนตรีหลายท่านแจ้งความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่ง จึงมีมติมอบหมายผู้รักษาราชการแทน ดังนี้
๑. กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นผู้รักษาราชการแทน ๒. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นผู้รักษาราชการแทน ๓. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นผู้รักษาราชการแทน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12838 | รายงานการเงินประจำปี และรายงานของผู้สอบบัญชี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ศร | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า รายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการเงินภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12839 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 | สว | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12840 | รายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของสำนักงานศาลปกครอง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า รายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
.....