ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 287 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 5721 - 5740 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5721 | รายงานประจำปี 2564 ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ | อว. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี
๒๕๖๔ ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานและรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5722 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การดำเนินงานของสภาเด็กและเยาวชนภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็ก และเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5723 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการจัดตั้งสถาบันมวยไทยแห่งชาติ ของคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา | สว. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5724 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... | รง. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ.. ๒๕๖๕ เป็นระยะเวลา ๓
เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ของฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ จากเดิมฝ่ายละร้อยละ ๕ ของค่าจ้างผู้ประกันตน เหลือฝ่ายละร้อยละ ๓
ของค่าจ้างผู้ประกันตน สำหรับฝ่ายรัฐบาลส่งเงินสมทบอัตราเดิมร้อยละ ๒.๗๕
ของค่าจ้างผู้ประกันตน และสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ปรับลดจากอัตราเดือนละ ๔๓๒
บาท เป็น ๒๔๐ บาท ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงาน
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจถึงสถานการณ์ของกองทุนประกันสังคมที่จะมีการเพิ่มอัตราเงินสมทบและปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างแก่นายจ้างและผู้ประกันตน
รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมอย่างเหมาะสมในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
และควรเร่งดำเนินมาตรการรองรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพกองทุนและลดภาระทางการคลังของภาครัฐในระยะยาว อาทิ
การปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบ การปรับเพดานค่าจ้างสำหรับคำนวณเงินสมทบ
เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับกองทุนประกันสังคมในระยะยาว รวมทั้งการขยายอายุที่มีสิทธิรับบำนาญอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5725 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.01 | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5726 | การขอขยายระยะเวลาดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ | พน. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพออกไปอีก
๒ ปี จนถึงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ และเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข
และมาตรการ
เพื่อลดการจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรพิจารณาปรับลดอัตราการชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสมโดยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์หรือมูลค่าเพิ่มที่เกษตรกรจะได้รับจากการปลูกพืชพลังงาน
และคำนึงถึงระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
และควรพิจารณามาตรการการจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยมลพิษของน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้
เพื่อสนับสนุนให้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพแข่งขันได้โดยไม่ต้องได้รับการชดเชย
รวมทั้งควรสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนเพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
5727 | การประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Non-Aligned Movement : NAM) | กต. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
(Non-Aligned Movement : NAM)
มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๕ เกี่ยวกับร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ภายใต้หัวข้อ “บทบาทของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในการพื้นฟูทั่วโลกภายหลังการแพร่ระบาดครั้งใหญ่
: หนทางสู่อนาคต” โดยร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์และหลักการของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่ยึดมั่นในสันติภาพ
ความเสมอภาค และความร่วมมือ
โดยมิได้ใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
กรณีจึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ภายใต้หัวข้อ “บทบาทของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในการพื้นฟูทั่วโลกภายหลังการแพร่ระบาดครั้งใหญ่
: หนทางสู่อนาคต”
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5728 | ขออนุมัติโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน ระยะที่ 2 | กษ. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน ระยะที่ ๒ เพื่อชดเชยเยียวยาและบรรเทาผลกระทบให้กับเจ้าของเรือประมงจากมาตรการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายของภาครัฐ
และรักษาความสมดุลของจำนวนเรือประมงพาณิชย์กับปริมาณสัตว์น้ำที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน
และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการโครงการ
โดยมีงบประมาณค่าใช้จ่ายในการชดเชยเรือประมง จำนวน ๕๙ ลำ เป็นเงิน ๒๘๗,๑๘๑,๘๐๐ บาท โดยขอใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี
๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรกำหนดมาตรการและกำกับดูแลให้เรือออกนอกระบบได้อย่างแท้จริง ควรดูแลและสนับสนุนให้ผู้ที่ไม่ประสงค์จะทำการประมงได้มีโอกาสในการประกอบอาชีพอื่น
ควรพิจารณาทางเลือกในการใช้ประโยชน์จากเรือประมงที่นำออกนอกระบบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
5729 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | กค. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการมีผลใช้บังคับของอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าเครื่องดื่ม
และสินค้าผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นเครื่องดื่มที่มีลักษณะผง เกล็ด
หรือเครื่องดื่มเข้มข้นที่มีส่วนผสมของน้ำตาล และสามารถละลายได้
แต่ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์นมที่อยู่ในรูปแบบนมผงตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร
ในระยะเวลาช่วงที่ ๒ ออกไปอีก ๖ เดือน คือ จากช่วงระยะเวลา “ตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม ๒๕๖๒ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕” เป็น “ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒
จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖” และเลื่อนระยะเวลาการมีผลใช้บังคับของอัตราภาษีสำหรับสินค้าดังกล่าว
ในระยะเวลาช่วงที่ ๓ และช่วงที่ ๔ ออกไปอีก ๖ เดือน คือ ในระยะเวลาช่วงที่ ๓
จากช่วงระยะเวลา “ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗” เป็น
“ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๖ จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๘ และในระยะเวลาช่วงที่ ๔
จากช่วงระยะเวลา “ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป เป็นตั้งแต่วันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเร่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรกำหนดให้อัตราภาษีปรับเข้าสู่ระยะเวลาช่วงที่
๓ และช่วงที่ ๔ ตามแผนการที่กำหนดไว้ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการภาษีสรรพสามิตในการส่งเสริมคุณภาพที่ดีของผู้บริโภค
และมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามนัยของมาตรา ๒๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5730 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2565 ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | อก. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5731 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับจัดทำโครงการจัดเก็บข้อมูลดีเอ็นเอของบุคคลพ้นโทษ พักโทษจากเรือนจำและทัณฑสถาน | ตช. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน
๑๓๗,๙๔๑,๘๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับจัดทำโครงการจัดเก็บข้อมูลดีเอ็นเอของบุคคลพ้นโทษ
พักโทษจากเรือนจำและทัณฑสถาน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5732 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ 2610 (ค.ศ. 2021) เรื่อง การต่อต้านการก่อการร้าย | กต. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
(United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๖๑๐ (ค.ศ. ๒๐๒๑) เรื่อง
การต่อต้านการก่อการร้าย และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ
และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
หรือข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ
เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อ UN ต่อไป โดยข้อยุติ UNSC ที่ ๒๖๑๐ (ค.ศ. ๒๐๒๑)
เป็นการกำหนดให้ประเทศสมาชิกของ UN ดำเนินการตามมาตรการในด้านต่าง
ๆ
เพื่อเป็นการป้องกันและตอบสนองต่อสถานการณ์การก่อการร้ายระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปต่อกลุ่มอัลกออิดะห์
(AL-Oaida) และกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนท์ (ISIL) และบุคคลหรือกลุ่มก่อการร้ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
การดำเนินการด้านการเงิน การคว่ำบาตรทางอาวุธและการดำเนินการด้านเทคโนโลยี
การห้ามเดินทาง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงคมนาคม
ที่เห็นควรให้เพิ่มการเฝ้าระวังเพื่อการป้องปราบการกระทำที่เกี่ยวกับการก่อการร้าย
และยึดหลักการส่งเสริมและเคารพสิทธิมนุษยชนของทุกคน และให้ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
5733 | เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ จังหวัด ... | ปช. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกลไกผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบไปสู่การปฏิบัติงานในระดับจังหวัด
และให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
เกี่ยวกับร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ จังหวัด ... และให้กระทรวงมหาดไทย
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
เพื่อดำเนินการให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
และเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5734 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 | ปปง. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๒ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ประกอบการธุรกิจเป็นทรัสตีตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน
และผู้ประกอบธุรกิจให้บริการระบบคราวด์ฟันดิงตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาแนวทางเพื่อลดผลกระทบในระบบคราวด์ฟันดิงที่ผู้ระดมทุนส่วนใหญ่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) และอาจมีการกำหนดเงื่อนไขในการรายงานหรือปฏิบัติตามกฎหมายของ
MSME
ให้มีขั้นตอนที่ง่ายต่อการปฏิบัติและไม่เป็นภาระมากเกินไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาแนวทางเพื่อลดผลกระทบในระบบคราวด์ฟันดิงที่ผู้ระดมทุนส่วนใหญ่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) การกำหนดให้นิติบุคคลใดเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินย่อมทำให้ผู้ประกอบธุรกิจนั้นมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น
การรายงานการทำธุรกรรม ตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ การจัดให้ลูกค้าแสดงตนตามมาตรา
๒๐ การกำหนดนโยบายการรับลูกค้า การบริหารความเสี่ยงที่อาจเกี่ยวกับการฟอกเงิน
หรือตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าตามมาตรา ๒๐/๑
จึงมีข้อที่จะต้องพิจารณาว่าจะเป็นการก่อให้เกิดภาระในการประกอบอาชีพของประชาชนเกินสมควรหรือไม่ด้วย
หากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาธุรกิจนี้ในประเทศได้
และเนื่องจากการระดมทุนผ่านธุรกิจคราวฟันดิงเป็นช่องทางที่สามารถให้ผู้ประกอบการ MSME
สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อีกช่องทางหนึ่ง
และมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน โดยเฉพาะสตาร์ทอัพ ดังนั้น
เพื่อการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และมิให้เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ MSME
อาจมีการกำหนดเงื่อนไขในการรายงานหรือปฏิบัติตามกฎหมายของ MSME ให้มีขั้นตอนที่ง่ายต่อการปฏิบัติและไม่เป็นภาระมากเกินไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
5735 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม | อก. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๐ กันยายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5736 | รัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียเสนอขอแต่งตั้งกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ จังหวัดสงขลา (นายซูวาร์กานา ปริงกานู) | กต. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายซูวาร์กานา ปริงกานู (Mr. Suargana Pringganu)
ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ จังหวัดสงขลา
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสงขลา ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี
พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สุราษฎร์ธานี ตรัง และยะลา สืบแทน นายฟะฮ์รี
ซูไรมัน (Mr. Fachry Sulaiman) ซึ่งครบวาระการกำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5737 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายอนุชา นาคาศัย) | ยธ. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการในการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ กันยายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ๒. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5738 | แนวทางการปฏิบัติราชการที่รองรับชีวิตและการทำงานวิถีใหม่ | นร.10 | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
5739 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเพิ่มระยะเวลาการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ | มท. | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การเพิ่มระยะเวลาการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการขยายระยะเวลาการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยและเพิ่มค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว
ซึ่งจะเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้แก้ไขร่างประกาศฯ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากนักท่องเที่ยวอาจใช้ช่องทางนี้ในการเดินทางเข้าประเทศเพื่อจุดประสงค์อื่น
เพื่อหลีกเลี่ยงขั้นตอนและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมวีซ่าหรือค่าธรรมเนียมการต่อวีซ่า
และการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย
ตลอดจนบูรณาการการทำงานในการกำหนดมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวควบบคู่กับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการสร้างรายได้และการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวกับความปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชนในประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
5740 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 1/2565 | นร.11 สศช | 20/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
(กพศ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ และเห็นชอบการกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ
ดังนี้ (๑) ให้พื้นที่จังหวัดเชียงราย
จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน และจังหวัดลำปางเป็นระเบียงฯ ภาคเหนือ หรือ Northern Economic Corridor : NEC-Creative LANNA (๒) ให้พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี
และจังหวัดหนองคาย เป็นระเบียงฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ Northeastern
Economic Corridor : NeEC-Bioeconomy (๓) ให้พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เป็นระเบียงฯ
ภาคกลาง-ตะวันตก หรือ Central-Western Economic Corridor : CWEC และ (๔) ให้พื้นที่จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
และจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นระเบียงฯ ภาคใต้ หรือ Southern Economic Corridor
: SEC ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เช่น การกำหนดพื้นที่ระเบียงฯ ๔ ภาค
และพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาอื่น
ๆ
ควรคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการพัฒนาควบคู่กับความสามารถในการรองรับและจำกัดของพื้นที่
ควรมีการพิจารณาเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์กับพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน
และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และควรมีมาตรการทางภาษีสำหรับผู้ที่ไม่อยู่ในข่ายได้รับการส่งเสริมการลงทุน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|