ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 795 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 15881 - 15900 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15881 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 13/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้มีการบริโภคน้ำนมข้าวให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้สร้างการรับรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์จากการบริโภคน้ำนมข้าวเพื่อเป็นการส่งเสริมสินค้าที่แปรรูปมาจากข้าวและให้เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถบริโภคผลิตภัณฑ์นมที่มาจากสัตว์ด้วย นั้น มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)/วิสาหกิจชุมชนผลิตและจำหน่ายน้ำนมข้าวให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ประกอบการเกี่ยวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มาจากข้าว เพื่อให้วิสาหกิจดังกล่าวมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ๑.๒ ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาวิจัยคุณค่าทางโภชนาการของน้ำนมข้าว โดยอาจเปรียบเทียบกับผลงานวิจัยของต่างประเทศด้วย แล้วเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวให้ประชาชนผู้บริโภคได้ทราบโดยทั่วกันต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงกลาโหม กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานในระดับท้องถิ่นเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อกำจัดขยะมูลฝอย กำจัดผักตบชวา และบำบัดน้ำเสียในแม่น้ำลำคลองในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนที่จะมาถึง ทั้งนี้ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดีของประชาชน รวมถึงเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากสิ่งปฏิกูลกีดขวางทางน้ำด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15882 | รายงานผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๒,๙๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ไตรมาสที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๘๙๗,๗๖๘.๐๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๐.๙๖ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๐.๖๗ ๒. การประเมินผลสัมฤทธิ์งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ พบว่า มีปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญ ได้แก่ (๑) ด้านการใช้จ่ายงบประมาณ เช่น รายการที่มีคุณลักษณะพิเศษ มีการประกวดราคาหลายครั้งเนื่องจากผู้รับจ้างขาดคุณสมบัติ ไม่มีผู้ยื่นเสนอราคาหรือมีผู้เสนอราคารายเดียว และการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินการทำให้ต้องปรับปรุงรูปแบบรายการ และ TOR ให้สอดคล้องกับพื้นที่และวัตถุประสงค์การใช้งาน เป็นต้น และ (๒) ด้านการปฏิบัติงาน เช่น การประสบปัญหาอุทกภัยทำให้บางหน่วยงานไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามแผนที่กำหนดไว้ เป็นต้น ๓. สำนักงบประมาณมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานทบทวนจัดทำแผนการปฏิบัติงานและรายงานการติดตามผลสัมฤทธิ์จากการปฏิบัติงาน และเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ รวมทั้งข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีที่ให้พยายามแก้ไขปัญหาต่อไป สร้างความเข้าใจหน่วยงานและสังคมไปด้วย ให้ร่วมกันแก้ไข
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15883 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 1/2561 : การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อสังคม (Social Economy) สถาบันการเงินชุมชนกองทุนยุติธรรมและเครือข่ายอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม | นร04 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๑ ตามที่ กขร. เสนอ ซึ่งมีความคืบหน้าการดำเนินการใน ๕ ประเด็น สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ที่ประชุม กขร. มีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (ฉบับที่ ..) เพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓ เดือน (เมษายน ๒๕๖๑) และจัดลำดับเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญเพื่อเร่งรัดการพิจารณาในขั้นตอนต่าง ๆ ต่อไป ๒. การปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อสังคม (Social Economy) ที่ประชุม กขร. มีมติให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนต่อคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนการเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ๓. สถาบันการเงินชุมชน : ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. .... ที่ประชุม กขร. มีมติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเร่งรัดการพิจารณานำเสนอร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. .... ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ จังหวัดจันทบุรีต่อไป ๔. กองทุนยุติธรรม ที่ประชุม กขร. มีมติให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการดำเนินการเพื่อให้มีการใช้หนังสือรับรองการชำระเงินของกองทุนยุติธรรม เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย และประชาสัมพันธ์เผยแพร่การดำเนินการของกองทุนยุติธรรม เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าถึงได้อย่างกว้างขวาง ๕. เครือข่ายอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ที่ประชุม กขร. มีมติให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยพิจารณาโครงการเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละภูมิภาค เพื่อนำเสนอ กขร. ในการประชุมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15884 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 13/2561 | นร | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๑ วันพฤหัสบดีที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15885 | รัฐบาลสาธารณรัฐเยเมนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐเยเมนประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอาดิล มุฮัมมัด อะลี บา ฮะมีด (Mr. Adel Mohamed Ali Ba Hamid)] | กต | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอาดิล มุฮัมมัด อะลี บา ฮะมีด (Mr. Adel Mohamed Ali Ba Hamid) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเยเมนประจำประเทศไทย คนใหม่ สืบแทน นายอับดุลเลาะ โมฮาเมด อาลี อัล-มุนต์ซีร์ (Mr. Abdulla Mohamed Ali Al-Montser) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15886 | การจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ของไทยต่อประเด็นทะเลจีนใต้ | กต | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ของไทยต่อประเด็นทะเลจีนใต้ เพื่อเป็นกลไกในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ของไทยต่อการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีฝ่ายต่าง ๆ ในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea : DOC) การเจรจาจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea : COC) และโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและมีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทน เป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีกจำนวน ๒๗ คน โดยมีอธิบดีกรมอาเซียน เป็นกรรมการและเลขานุการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กลไกคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ของไทยต่อประเด็นทะเลจีนใต้ดำเนินงานอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรมในการขับเคลื่อนการปฏิบัติตามปฏิญญา DOC และผลักดันหลักการสำคัญของ COC โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้ทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจทางทะเลที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายและประเทศไทยอย่างเท่าเทียมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15887 | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายสินเชื่อ "โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)" | กค | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายสินเชื่อโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากเดิม ให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ เป็น ให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ โดยการขยายระยะเวลาดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากอยู่ภายใต้กรอบวงเงินเดิมที่ธนาคารออมสินได้รับอนุมัติไว้ ทั้งนี้ ให้ธนาคารออมสินร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ เร่งรัดการเบิกจ่ายสินเชื่อให้ทันภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ในการส่งเสริมการลงทุนในประเทศของผู้ประกอบการ SMEs ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ธนาคารออมสินร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้ทันภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ และดำเนินการปิดโครงการฯ ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป รวมทั้งเห็นควรมีการติดตามและประเมินผลลัพธ์และผลกระทบการดำเนินโครงการฯ เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง และรายงานให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในฐานะหน่วยงานวางแผนและประสานการขับเคลื่อนการส่งเสริม SMEs รับทราบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15888 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขและแพทยศาสตรศึกษาแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข | สธ | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขและแพทยศาสตรศึกษาแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งจะมีการลงนามระหว่างการเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ โดยบันทึกความเข้าใจฯ จะมีส่วนช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน และมีส่วนช่วยในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านสาธารณสุขซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การพัฒนาระบบประกันสุขภาพ การผลิตยาและเครื่องมือทางการแพทย์ และการพัฒนาเวชศาสตร์ครอบครัว (โครงการหมอครอบครัว) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตามหลักการของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ในกรณีมีความจำเป็นต้องจัดทำข้ออนุวัติการเพื่อรองรับการดำเนินงานของบันทึกความเข้าใจฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดส่งร่างความตกลงให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15889 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล) | กค | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15890 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) | กค | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำรายจ่ายค่าจ้างที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการจ่ายค่าจ้างผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็นจำนวน ๑.๕ เท่าของค่าจ้างที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของจำนวนลูกจ้างในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย นอกจากนี้ ควรมุ่งเน้นให้มีการจ้างงานผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในลักษณะการจ้างงานระยะยาวหรือเป็นพนักงานประจำเพื่อสนับสนุนให้คุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15891 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนา และที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) (นางสาววัชรี วัฒนไกร และนางสาวถกลวรรณ ไกรสรกุล) | กร | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน กปร. เสนอ ดังนี้
๑. นางสาววัชรี วัฒนไกร ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนา (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน กปร. ตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๒. นางสาวถกลวรรณ ไกรสรกุล ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน กปร. ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15892 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 | นร11 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ (จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และประจวบคีรีขันธ์) ระหว่างวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์-๕ มีนาคม ๒๕๖๑ โดยมีประเด็นการพัฒนาและข้อสั่งการ เช่น (๑) สร้างต้นทุนการทรัพยากรภาคเกษตรกรรมเพื่อการลงทุน (๒) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพสินค้าและบริการ เพื่อการท่องเที่ยว การค้า และพื้นที่ทางเศรษฐกิจ (๓) อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๔) เพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรม (Innovation) และแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) อย่างยั่งยืน เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15893 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 | นร11 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ (จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับด้านการบริหารจัดการน้ำ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการท่องเที่ยว ด้านการค้า การลงทุน และการค้าชายแดน รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15894 | การจัดงานฉลองครบรอบ 150 ปี สุริยุปราคา ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | วท | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันจัดงานฉลอง ๑๕๐ ปี สุริยุปราคา ณ หว้ากอ ในช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ และจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นประธาน ๑.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาและบริหารอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย (Historic Science Theme Park) พร้อมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามการพัฒนาพื้นที่โครงข่ายเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบน (Riviera Thailand) ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการจัดงานดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับการจัดสรรไว้ หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณแล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไปให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้ทันต่อสถานการณ์ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15895 | การขยายผลธนาคารปูม้า เพื่อ "คืนปูม้าสู่ทะเลไทย" | นร04 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายผลธนาคารปูม้าเพื่อ “คืนปูม้าสู่ทะเลไทย” ไปสู่ชุมชนอื่น ๆ อย่างรวดเร็วในชุมชนชายฝั่ง จำนวน ๕๐๐ ชุมชน ในระยะเวลา ๒ ปี โดยให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเป็นหน่วยงานบูรณาการหลักและหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมดำเนินการ ประกอบด้วย (๑) กรมประมง (๒) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (๓) ธนาคารออมสิน (๔) บริษัทประชารัฐรักสามัคคี (๕) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ (๖) กระทรวงพาณิชย์ โดยการนำผลงานวิจัยที่มีองค์ความรู้เดิมและมาต่อยอดเพื่อเพิ่มอัตราการรอดของลูกปูม้า ก่อนปล่อยคืนสู่ทะเล และการขยายผลของธนาคารปูม้าที่มีอยู่และประสบความสำเร็จไปสู่ชุมชนอื่น ๆ อย่างเหมาะสมกับบริบทพื้นที่และสภาวะชุมชน โดยการสนับสนุนเงินทุน (สินเชื่อ) ในการจัดตั้งธนาคารปูม้า และสนับสนุนการตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการส่งเสริมให้มีการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบ e-commerce เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เสนอ ทั้งนี้ ให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่กรมประมงได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อส่งเสริมให้ความรู้แก่ชุมชน เรื่อง การจัดตั้งธนาคารปูม้าและติดตามผล ๑๕ แห่ง จำนวน ๙๐๐,๐๐๐ บาท และที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อส่งเสริมการจัดการความรู้และเผยแพร่ผลผลิตจากผลการวิจัย และสิ่งประดิษฐ์ไปสู่การใช้ประโยชน์ จำนวน ๑๕๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินงาน ควรคำนึงถึงความพร้อมและความต้องการของชุมชนเป็นหลัก โดยประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนรับทราบประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สิน ในกรณีที่ชุมชนไม่สามารถบริหารจัดการสินเชื่อที่ได้รับจากธนาคารออมสินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความเสี่ยงจากการขาดความต่อเนื่องในการดำเนินงานร่วมกันของคนในชุมชน รวมทั้งควรจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรค ความสำเร็จ และผลกระทบจากการดำเนินงาน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์และเกิดความยั่งยืนในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15896 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัด ภาคกลางตอนล่าง 2 และการเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่น ๆ | คค | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ และการเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่น ๆ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามข้อสั่งการในการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่ภาคกลาง (๑๖ จังหวัด) ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างทางหลวงสายเลี่ยงเมือง จากสามแยกวังมะนาว-บรรจบทางหลวงหมายเลข ๓๕๑๐ (หนองหญ้าปล้อง) จังหวัดเพชรบุรี ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตร ของกรมทางหลวง (๒) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๓) เร่งรัดการเปิดให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางน้ำโดยเรือเฟอร์รี่ข้ามอ่าวไทยเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ของกรมเจ้าท่า ๒. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ของกระทรวงคมนาคม ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ (จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์) ได้แก่ (๑) พัฒนาความเชื่อมโยงสนับสนุนระบบโลจิสติกส์กับพื้นที่อื่น ๆ (๒) การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมเพื่อสนับสนุนการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยว และ (๓) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงไปยังพื้นที่เกษตรกรรม ๓. ผลการดำเนินงานฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๖๐ ของพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๔ จังหวัด (จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์) ซึ่งได้รับความเสียหายจำนวนทั้งสิ้น ๓๓ สายทาง ขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน ๒๒ สายทาง คิดเป็นร้อยละ ๖๖.๖๗ อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน ๔ สายทาง คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๑๒ และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ จำนวน ๗ สายทาง คิดเป็นร้อยละ ๒๑.๒๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15897 | แนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก (The Royal Coast หรือ Thailand Riviera) | กก | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก (The Royal Coast หรือ Thailand Riviera) ซึ่งประกอบด้วยแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ มาตรการสำคัญ และแผนงานโครงการเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก ๔ จังหวัด (จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง) ให้เต็มตามศักยภาพและความพร้อมของพื้นที่ รวมถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐในอนาคต เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้สู่เมืองรองและชุมชนตามนโยบายรัฐบาลต่อไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวฯ ดังกล่าวต่อไป ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนงานโครงการเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔๕ โครงการ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๑๗๐.๖๙ ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของปฏิทินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้ทันต่อสถานการณ์เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการเล่นกีฬาต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกีฬาที่ได้รับความนิยมและนักกีฬาชาวไทยที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ เช่น กีฬากอล์ฟ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนมาตรการทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับกีฬากอล์ฟให้เหมาะสมเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้แก่นักกีฬาและผู้เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้นด้วยในการแข่งขันกีฬาสู่ความเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15898 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการจัดบริการสาธารณสุข ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | สธ | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณ จำนวน ๕,๑๘๖.๑๓ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการบริการสาธารณสุขและเพื่อลดปัญหาการขาดสภาพคล่องของหน่วยบริการ จำนวน ๒ รายการ ประกอบด้วย (๑) ค่าใช้จ่ายบริการสำหรับผู้ป่วยในสำหรับหน่วยบริการทุกสังกัด ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน ๔,๑๘๖.๑๓ ล้านบาท และ (๒) ค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการบูรณาการการดำเนินงานด้านการป้องกันโรคร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโครงการคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster : PCC) ซึ่งเป็นบริการเชิงรุกเพื่อเน้นการดูแลป้องกันก่อนการเจ็บป่วย เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการปฏิบัติงานและภาระงบประมาณด้านสาธารณสุขในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อลดภาระงบประมาณในระยะยาวต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจัดทำข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับระบบการให้บริการสาธารณสุขของไทยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15899 | การแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว | นร09 | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชกำหนด จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกำหนดกระบวนการในการควบคุมและตรวจสอบการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงาน การทำงานของคนต่างด้าว การรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน ให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งกำหนดให้ใช้ระบบอนุญาตเพียงเท่าที่จำเป็น ตลอดจนปรับปรุงอัตราโทษให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวทั้งระบบ ๑.๒ ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อยกเลิกการห้ามคนต่างด้าวเข้ามามีอาชีพเป็นกรรมกรหรือรับจ้างทำงานด้วยกำลังกายโดยไม่ได้อาศัยวิชาความรู้หรือการฝึกทางวิชาการ และกำหนดห้ามเฉพาะการเข้ามาทำงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15900 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม OECD SEARP Ministerial Conference | กต | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ซึ่งจะเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับรัฐมนตรีของโครงการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา [OECD Southeast Asia Regional Programme (SEARP) Ministerial Conference : OECD SEARP Ministerial Conference] ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๙ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง OECD กับประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้โครงการ SEARP เกี่ยวกับการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ OECD และอาเซียนใช้กลไกนี้ผลักดันให้เกิดการดำเนินงานด้านการเชื่อมโยงและการมีส่วนร่วมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยอาจกำหนดโครงการความร่วมมือที่ชัดเจนขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....