ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 706 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 14101 - 14120 จากข้อมูลทั้งหมด 124222 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14101 | โครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบเฉพาะฤดูการผลิต 2561/2562 | กค | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบ เฉพาะฤดูการผลิต ๒๕๖๑/๒๕๖๒ ของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบประเภทเวอร์ยิเนีย เบอร์เลย์ และเตอร์กิช ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับ ยสท. และกรมสรรพาสามิตแล้ว จำนวน ๑๓,๕๕๗ ราย และที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของ ยสท. เฉพาะฤดูการผลิต ๒๕๖๑/๒๕๖๒ ซึ่งจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบ และเห็นควรมอบหมายให้ ยสท. ร่วมกับกรมสรรพสามิตในฐานะที่เป็นผู้รับขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบจัดทำรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ พร้อมทั้งตรวจสอบสิทธิของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่จะได้รับความช่วยเหลือก่อนเริ่มดำเนินโครงการฯ โดยเฉพาะกรณีประเภทเวอร์ยิเนียที่ต้องรวมเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบบ่มเองที่ได้รับโควตา และเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบภายใต้ผู้บ่มอิสระที่ได้รับโควตา เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงการคลังขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง และ ยสท. ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามนัยข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ ที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการส่งเสริมเกษตรกรให้เพาะปลูกพืชชนิดอื่นแทนการปลูกยาสูบ หรือสนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่มีความพร้อมปรับเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นที่เหมาะสม โดยให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนที่จะเริ่มฤดูการผลิตในปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ เพื่อให้เกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบมีเวลาเพียงพอในการปรับแผนการผลิต รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ ยสท. ประสานความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการพัฒนาอาชีพการทำการเกษตรที่ทดแทนการปลูกยาสูบ เพื่อให้มีรายได้ทดแทนจากการจำหน่ายใบยาสูบที่ลดลง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14102 | โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง พ.ศ. 2561 - 2562 และหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการจ่ายเงิน | กษ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ และอนุมัติกรอบวงเงินเพื่อดำเนินโครงการฯ ภายในวงเงินทั้งสิ้น ๑๗,๕๑๒,๗๓๔,๖๑๘ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ ค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ในกรอบวงเงิน ๑๗,๐๐๗,๒๐๔,๖๐๐ บาท โดยให้ความช่วยเหลือตามพื้นที่สวนยางเปิดกรีดจริง ในอัตราไร่ละ ๑,๘๐๐ บาท รายละไม่เกิน ๑๕ ไร่ จำนวนพื้นที่เปิดกรีดแล้วรวม ๙,๔๔๘,๔๔๗ ไร่ โดยให้ใช้จากเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปก่อน และให้ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ ค่าใช้จ่ายในส่วนของ ธ.ก.ส. ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าธรรมเนียมการโอนเงินและชดเชยต้นทุนเงิน ในอัตรา FDR+1 ในกรอบวงเงิน ๓๗๙,๐๓๐,๐๑๘ บาท เห็นควรให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป เพื่อชดเชยตามผลการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริง หรือให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๑.๓ ค่าบริหารจัดการโครงการของการยางแห่งประเทศไทย ในกรอบวงเงิน ๑๒๖,๕๐๐,๐๐๐ บาท เห็นควรให้ใช้จากเงินกองทุนพัฒนายางพารา ตามนัยมาตรา ๔๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริม สนับสนุน การดำเนินงานของโครงการฯ ตามความจำเป็นและผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมของโครงการฯ ในทุกขั้นตอน รวมถึงการประชาสัมพันธ์และการให้ข้อมูลอย่างถูกต้องกับเกษตรกร เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและสามารถเริ่มเบิกจ่ายให้กับเกษตรกรได้ตั้งแต่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งเร่งพิจารณานำเสนอโครงการ ๑ หมู่บ้าน ๑ กิโลเมตร และโครงการบริหารจัดการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราของสถาบันเกษตรกรที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติแล้วให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อสนับสนุนการดูดซับปริมาณยางออกจากระบบในช่วงเวลาดังกล่าว และควรเร่งพิจารณาปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยให้ความสำคัญกับการลดพ้นที่การปลูกยางและการวิจัย พัฒนา และขับเคลื่อนการแปรรูปสินค้าและผลิตภัณฑ์ยางพารา ตลอดจนการปรับปรุงสาระสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) เพื่อให้การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาอุตสาหกรรมยางดำเนินการไปอย่างเป็นระบบและเกิดความยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14103 | โครงการบริหารจัดการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราของสถาบันเกษตรกร | กษ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของโครงการบริหารจัดการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราของสถาบันเกษตรกร และเห็นชอบให้ใช้จ่ายจากสินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔ ต่อปี ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ระยะเวลาจ่ายเงินกู้เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ กำหนดชำระคืนไม่เกิน ๑๒ เดือน นับจากวันกู้ โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยโครงการบริหารจัดการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราของสถาบันเกษตรกร ในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ในกรอบวงเงิน ๑๕๐ ล้านบาท และสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑ ต่อปี ในลักษณะเช่นเดียวกับการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อใช้รวบรวมยาง (วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท) และให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภาระที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ ภาระที่รัฐต้องชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าบริหารจัดการในการรวบรวมยางพารา ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดทำรายละเอียดแล้วขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14104 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน | กษ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติกรอบวงเงินเพื่อดำเนินโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ภายในวงเงินทั้งสิ้น ๓,๔๕๗,๗๕๖,๒๕๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ ค่าใช้จ่ายเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ในกรอบวงเงิน ๓,๓๗๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ความช่วยเหลือตามพื้นที่ปลูกจริง อัตราไร่ละ ๑,๕๐๐ บาท ครัวเรือนละไม่เกิน ๑๕ ไร่ โดยให้ใช้จากเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปก่อน และให้ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าธรรมเนียมการโอนเงินของ ธ.ก.ส. ในกรอบวงเงิน ๑,๐๕๐,๐๐๐ บาท และชดเชยต้นทุนเงินในอัตรา FDR+๑ ในกรอบวงเงิน ๗๓,๔๐๖,๒๕๐ บาท เห็นควรให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป เพื่อชดเชยตามผลการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริง หรือให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๑.๓ ค่าบริหารจัดการโครงการ ในกรอบวงเงิน ๘,๓๐๐,๐๐๐ บาท เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ การตรวจสอบรับรองสิทธิ์ การบริหารจัดการโครงการ และการติดตามประเมินผลโครงการ ตามความจำเป็นและผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง ๑.๔ การมอบหมายคณะกรรมการบริหารโครงการระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และคณะทำงานตรวจสอบสิทธิ์ระดับตำบล เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการดำเนินงานโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามยุทธศาสตร์การปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ปี ๒๕๖๐-๒๕๗๙ เพื่อลดต้นทุนการผลิต และสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวสวนปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน ทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ความเข้าใจในการเพิ่มผลิตภาพ การบำรุงและจัดการสวนปาล์มน้ำมัน รวมถึงการจัดการกับต้นปาล์มที่มีอายุมากให้ผลผลิตต่ำ เพื่อลดต้นทุนการผลิตในภาพรวม ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14105 | การขอเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) | สธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้เพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ อสม. ในการปฏิบัติหน้าที่ จากเดิมอัตราเดือนละ ๖๐๐ บาท/คน เป็นเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท/คน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยในส่วนของวงเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในการเพิ่มค่าป่วยการ อสม. ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินภาระงานและผลการปฏิบัติงานที่เพิ่มขึ้นจากเดิมให้ชัดเจน รวมถึงความไม่ซ้ำซ้อนของค่าใช้จ่ายที่จะได้รับจากโครงข่ายเน็ตประชารัฐเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อเป็นเงื่อนไขในการเพิ่มค่าป่วยการในครั้งนี้ ตลอดจนควรมีกลไกการตรวจสอบ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง อันจะนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการและประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง และเห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรุงเทพมหานครจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างการรับรู้เกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นของการดำเนินการในเรื่องนี้ให้ถูกต้องชัดเจนว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงอัตราค่าป่วยการของ อสม. จากเดิมที่มิได้มีการปรับเพิ่มมาเป็นเวลานานให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับภาระหน้าที่ของ อสม. ที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน เช่น การร่วมกับทีมหมอครอบครัวในการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม รองรับโครงสร้างประชากรที่กำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aging Society) เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14106 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ) | กค | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับการซื้อสินค้าประเภทยางล้อรถยนต์ ยางล้อรถจักรยานยนต์ ยางล้อรถจักรยาน หนังสือ รวมถึงหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่รวมถึงนิตยสารและหนังสือพิมพ์ และสินค้าจากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชน ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ สำหรับการซื้อสินค้าดังกล่าวตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรประเมินประสิทธิผลของการดำเนินมาตรการในการบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งภาระทางการคลังที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินมาตรการภาษีดังกล่าว และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนในโอกาสแรก โดยเฉพาะร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ข้อ ๑ (๑) “ค่าซื้อยางล้อรถยนต์ ยางล้อรถจักรยานยนต์ หรือยางล้อรถจักรยาน ที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยยางล้อดังกล่าวผลิตโดยผู้ผลิตที่ซื้อวัตถุดิบยางจากการยางแห่งประเทศไทย” รวมถึงจัดทำประมาณการรายได้ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14107 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2561 | กษ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่ กนป. เสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นชอบโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร เสนอ โดยจะช่วยเหลือค่าครองชีพให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันที่มีปาล์มน้ำมันซึ่งให้ผลผลิตแล้ว (อายุมากกว่า ๓ ปี) และขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ ราย พื้นที่ไม่เกิน ๒,๒๕๐,๐๐๐ ไร่ โดยให้ความช่วยเหลือตามพื้นที่ปลูกจริง ในอัตราไร่ละ ๑,๕๐๐ บาท ครัวเรือนละไม่เกิน ๑๕ ไร่ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๔๕๘,๒๐๖,๒๕๐ บาท และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร รับผิดชอบโครงการฯ ทำหน้าที่กำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์ วิธีการกำกับดูแล และดำเนินการโครงกรฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าบางปะกง จำนวน ๑๖๐,๐๐๐ ตัน ให้เสร็จโดยเร็ว โดยให้ กฟผ. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคากิโลกรัมละ ๑๘ บาท ส่งที่ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง และให้หน่วยงาน เช่น โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ลานเท และ/หรือ องค์การคลังสินค้า ที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. จะต้องซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรในปริมาณที่สอดคล้องกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ได้จำหน่ายให้กับ กฟผ. ในราคาที่สอดคล้องกับราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ได้จำหน่ายให้กับ กฟผ. ณ อัตราน้ำมันร้อยละ ๑๘ โดยให้ กฟผ. เป็นผู้รับภาระในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขนส่งและการเก็บรักษา ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดวัตถุดิบและคุณภาพผลิตภัณฑ์ของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๔. ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงาน เร่งรัดการออกประกาศมาตรฐานคุณภาพ บี ๑๐๐ ใหม่ เพื่อให้สามารถรองรับการผสม บี ๑๐ โดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14108 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2561 | กษ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการโยบายยางธรรมชาติเสนอ โดยมีมติในเรื่องสำคัญต่าง ๆ ดังนี้
๑. ข้อสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ๑.๑ ให้กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร และการยางแห่งประเทศไทยจัดตั้งคณะทำงาน โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นฝ่ายเลขานุการ เพื่อศึกษาหารูปแบบการทำสวนยางแบบใหม่ ปรับเปลี่ยนรูปแบบแปลงสวนยาง โดยปลูกพืชร่วมยาง พืชแซมในสวนยาง พืชที่มีศักยภาพปลูกแทนยางพารา โดยใช้งบประมาณของการยางแห่งประเทศไทย ๑.๒ มอบหมายให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ประสานกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเร่งตรวจสอบการเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือด้านยางพาราตามมติ กนย. ที่กำลังดำเนินการต่อเนื่องอยู่ในปัจจุบันของสถาบันเกษตรกร ทั้งโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อใช้ในการรวบรวมยาง และโครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรเพื่อแปรรูปยางพารา เกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคของการเบิกจ่ายเงินไม่เต็มกรอบวงเงินที่อนุมัติ พร้อมทั้งเสนอแนวทางแก้ไข ๑.๓ ให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายสำนักแผนงานและโครงการพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำแบบฟอร์มสำรวจจำนวนโครงการและปริมาณน้ำยางสดในการทำถนนที่มียางพาราเป็นส่วนผสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้การยางแห่งประเทศไทยดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เรื่องการจัดทำถนนที่มียางพาราเป็นส่วนผสม ๒. เรื่องที่คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๒.๑ เห็นชอบโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ โดยมีกรอบวงเงิน ๑๗,๕๑๒,๗๓๔,๘๘๓ บาท ให้ใช้เงินทุนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสำรองจ่ายไปก่อน จำนวน ๑๗,๐๐๗,๒๐๔,๘๖๐ บาท และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามผลการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ค่าธรรมเนียมโอนเงินและชดเชยต้นทุนเงินในอัตรา FDR+๑ (ปัจจุบัน FDR+๑=๒.๑๗๕) จำนวน ๓๗๙,๐๓๐,๐๒๓ บาท ๒.๒ เห็นชอบในหลักการโครงการสร้างถนน ๑ หมู่บ้าน ๑ กิโลเมตร ตามที่การยางแห่งประเทศไทยเสนอ และมอบหมายการยางแห่งประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๒.๓ เห็นชอบในหลักการโครงการบริหารจัดการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราของสถาบันเกษตรกร ตามที่กรมส่งเสริมสหกรณ์เสนอ และมอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14109 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การโอนอสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการของวิสาหกิจชุมชนและมีอยู่ก่อนวันยื่นคำขอจัดตั้งเป็นนิติบุคคล ระหว่างสมาชิกวิสาหกิจชุมชนกับวิสาหกิจชุมชนซึ่งได้จัดตั้งเป็นนิติบุคคลนั้น ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อเป็นการลดภาระค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่สมาชิกวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจชุมชนที่จัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนนั้น และให้เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14110 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลระยะเร่งด่วน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | สธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ระยะเร่งด่วน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๗๖๓,๕๓๘,๕๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดการดำเนินงานที่สะท้อนผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ดีขึ้นของประชาชน และผลสัมฤทธิ์ของโครงการในการช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14111 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพทุกระดับ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน | สธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมวงเงินทั้งสิ้น ๙๒๑,๘๒๐,๙๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสรรงบประมาณรายการก่อสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมที่พักอาศัยของหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14112 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐและความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 | กค | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๑ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สัดส่วนหนี้สาธารณะตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ยังคงอยู่ภายใต้กรอบที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด ๒. หนี้สาธาราณะคงค้าง ณ สิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๑ มีจำนวน ๖,๗๘๐,๙๕๑.๒๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๑.๗๐ ของ GDP เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าจากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง ๓. สถานะหนี้เงินกู้คงค้างของหน่วยงานของรัฐตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ณ สิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐที่ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ได้แก่ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด มีหนี้เงินกู้คงค้าง ๑๐๐,๙๔๒.๙๗ ล้านบาท ซึ่งเป็นของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (๒) รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะที่ทำธุรกิจให้กู้ยืมเงิน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และธุรกิจประกันสินเชื่อที่กระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกัน จำนวน ๑๖ แห่ง เช่น สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด และบริษัท PTT Regional Treasury Center Pte.Ltd. เป็นต้น มีหนี้เงินกู้คงค้าง ๕๓๕,๗๓๔.๙๗ ล้านบาท (๓) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหนี้เงินกู้คงค้าง ๓๑,๑๙๘.๑๗ ล้านบาท และ (๔) ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหนี้เงินกู้คงค้าง ๔,๔๙๐,๑๖๑ ล้านบบาท ๔. ความเสี่ยงทางการคลัง พบว่าอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ สะท้อนจากสถานะสัดส่วนตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในระยะ ๕ ปี ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยที่กำหนดไว้ สำหรับความเสี่ยงทางการคลังที่เกิดจากหนี้เงินกู้ของหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นหนี้สาธารณะ ในภาพรวมยังไม่พบความเสี่ยง เนื่องจากหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ มีรายได้และทรัพย์สินเพียงพอต่อการชำระหนี้เงินกู้เองได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14113 | ร่างพระราชบัญญัติข้อมูลความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ พ.ศ. .... | นร08 | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติข้อมูลความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยข้อมูลความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ เพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรให้หน่วยงานของรัฐที่มีข้อมูลข่าวสารของราชการอันมีลักษณะที่การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจหรือการคลังของประเทศไว้อยู่ในความครอบครอบ รวมทั้งสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัตินี้หรือพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ แล้วแต่กรณี ปรึกษาหารือร่วมกันกำหนดมาตรการการพิจารณาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อมิให้เกิดปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะและความมั่นคงของประเทศเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14114 | ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... | รง | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ พ.ศ. .... ของกระทรวงแรงงาน มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยกำหนดลักษณะการกระทำที่เป็นความผิดฐานบังคับใช้แรงงานหรือบริการและกำหนดอัตราโทษให้เหมาะสม เพื่อเป็นการป้องกันและขจัดการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ รวมทั้งกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการถูกบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการพิจารณาคดีให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนตามแนวทางเดียวกับผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ตลอดจนเพื่อเป็นการอนุวัตการให้เป็นไปตามพิธีสาร ค.ศ. ๒๐๑๔ส่วนเสริมอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. ๑๙๓๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นควรให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมีข้อตกลงหารือแนวทางในการปฏิบัติที่เหมาะสมในการบริหาร ได้แก่ การจัดหาที่พักให้แก่ผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานและบริการ การเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ตามกฎหมาย การส่งกลับประเทศต้นทางและภูมิลำเนา เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงความเชี่ยวชาญในการดูแลกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะผู้เสียหายที่เป็นผู้ใช้แรงงานที่ทำงานโดยไม่มีสัญญาการจ้างงานที่เป็นทางการ หรือไม่มีนายจ้างตามความหมายของกฎหมายแรงงาน รวมทั้งขอรับการสนับสนุนงบประมาณและอัตรากำลังในการดูแลบุคคลเหล่านี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14115 | ขออนุมัติจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงศึกษาธิการและกีฬา แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ศธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการและกีฬาแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในระหว่างการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-ลาว ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนาม โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อใช้เป็นกรอบความร่วมมือทางการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับต่าง ๆ การส่งเสริมการค้นคว้าวิจัย การพัฒนาหลักสูตรสเต็มศึกษา โลจิสติกส์ การศึกษาพิเศษ และการตรวจสอบเอกสารวุฒิการศึกษาของนักศึกษาและพระสงฆ์ลาวที่เรียนในประเทศไทย โดยได้ระบุให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการศึกษาไทย-ลาว เพื่อใช้เป็นเวทีในการหารือกิจกรรม/โครงการความร่วมมือระหว่างกัน โดยแต่ละฝ่ายผลัดกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม กำหนดระยะเวลาในการบังคับใช้และสิ้นสุดของบันทึกความเข้าใจฯ เป็นระยะ ๕ ปี และจะต่ออายุอัตโนมัติออกไปอีก ๕ ปี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14116 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย - ลาว | ทส | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับมิตรภาพและความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองฝ่าย และเพื่อให้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในการดำเนินการจัดทำโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในเขตโรงเรียนมัธยมสมบูนนาซอน บ้านนาซอน เมืองปากงึม นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Joint Cabinet Retreat : JCR) ครั้งที่ ๓ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๓-๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14117 | หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ | นร07 | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14118 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุภัทร จำปาทอง และนายสนิท แย้มเกษร) | ศธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายสุภัทร จำปาทอง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ๒. นายสนิท แย้มเกษร ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14119 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (จำนวน 9 คน 1. นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ฯลฯ) | วธ | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จำนวน ๙ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ธันวาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
ด้านกฎหมาย ๑. นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ด้านศิลปวัฒนธรรม ๒. นายบวรเวท รุ่งรุจี ด้านการศึกษา ๓. นางสรวงมณฑ์ สิทธิสมาน ด้านการพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัว ๔. นายธวัชชัย ไทยเขียว ด้านสุขภาพจิต ๕. นายยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ด้านคนพิการและผู้สูงอายุ ๖. นายสมคิด สมศรี ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๗. นางสาวลัดดา ตั้งสุภาชัย ด้านสื่อสารมวลชน ๘. รองศาสตราจารย์พนา ทองมีอาคม ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรัชญ์ ครุจิต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14120 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล) | นร04 | 04/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งหนึ่งปี ในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
.....