ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 198 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3941 - 3960 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3941 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว) | นร.04 | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3942 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | กต. | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๓ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายมาริษ
เสงี่ยมพงษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศ ๒.
นายธนรัช จงสุทธานามณี ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ๓.นายรัศม์
ชาลีจันทร์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
3943 | แนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน | นร 05 | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง
การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการรักษาความลับของทางราชการ
และการให้สัมภาษณ์หรือให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน) วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ (เรื่อง
การรักษาความลับของทางราชการ) และวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (เรื่อง
การรักษาความลับในการประชุมคณะรัฐมนตรี) ๒. แนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรีและการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน
โดยให้รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคระรัฐมนตรีถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ ๒.๑
ให้รักษาความลับหรือเอกสารของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
โดยแบ่งออกเป็น ๓ ชั้น คือ ลับที่สุด ลับมาก และลับ
ตามชั้นความลับที่ได้กำหนดไว้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งหากความลับดังกล่าวทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนรั่วไหลไปถึงบุคคลผู้ไม่มีหน้าที่ได้ทราบ
จะทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงและประโยชน์แห่งรัฐ ทั้งนี้
กรณีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
เลขาธิการคณะรัฐมนตรีหรือรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวตามเงื่อนไขที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนดตามนัยมาตรา
๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติจข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๒.๒
การพิจารณาหารือหรืออภิปรายของคณะรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีไปถือเป็นความลับของทางราชการ
ดังนั้น รัฐมนตรี ผู้เข้าร่วมการประชุม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
พึงระมัดระวังและไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ
เกี่ยวกับเรื่องที่พิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ๒.๓ ในการจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี
หากหน่วยงานเจ้าของเรื่องเห็นว่าเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ
มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบสูงเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ
ความมั่นคง ประโยชน์สาธารณะ หรือประโยชน์ของประเทศชาติ หากถูกนำไปเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ของชาติอย่างร้ายแรง
ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องระบุไว้ในหนังสือนำส่งเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ
มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบสูงอย่างไร
หรือหากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่เข้าลักษณะดังกล่าว
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยจะแจกเอกสารระหว่างการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในระบบเรียกดูระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยเครื่องแท็บเล็ต
(M-VARA) และหลังจากคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเสร็จจะถอนเรื่องออกจากระบบ
M-VARA ทันที ๒.๔ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดูแล
และระมัดระวังมิให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเอกสารการประชุมคณะรัฐมนตรีเปิดเผยเอกสารดังกล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ๒.๕
กรณีมีผู้นำเอกสารหรือข้อความซึ่งเป็นความลับของทางราชการไปเผยแพร่จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
หรือเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่ได้รับความเสียหายพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เช่น
กรณีข้าราชการพลเรือนฝ่าฝืนข้อปฏิบัติตามมาตรา ๘๒ (๖)
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งบัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องรักษาความลับของทางราชการ
โดยหากฝ่าฝืน ข้าราชการพลเรือนผู้นั้นถือเป็นผู้กระทำผิดวินัยตามมาตรา ๘๔
และหากการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงกรณีจะถือว่าข้าราชการพลเรือนผู้นั้นกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา
๘๕ (๗) ทั้งนี้ จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยตามมาตรา ๙๗ กล่าวคือ
ให้ลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี อนึ่ง
ตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๔
ได้วางหลักเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมในเรื่องการรักษาความลับของทางราชการไว้เช่นเดียวกันตามข้อ
๗ (๓) กล่าวคือ ข้าราชการการเมืองต้องยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ
โดยอย่างน้อยต้องไม่นำข้อมูลข่าวสารอันเป็นความลับของทางราชการซึ่งตนได้มาในระหว่างอยู่ในตำแหน่งไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เอกชนทั้งในระหว่างการดำรงตำแหน่งและเมื่อพ้นจากตำแหน่ง
และข้อ ๘ (๕) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องรักษาความลับของทางราชการ
เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย ๒.๖
เรื่องใดที่มีผลกระทบต่อประชาชนหรือประเทศชาติโดยส่วนรวม
เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติแล้ว
ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่รับผิดชอบเป็นหน่วยงานหลักชี้แจงต่อสาธารณชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเพิ่มเติมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
กรณีเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหรืออนุมัติตามมติของคณะกรรมการต่าง ๆ
แล้ว ให้ประธานกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการชี้แจงในทำนองเดียวกันด้วย ๒.๗
ให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่และอำนาจให้ข่าวสารเกี่ยวกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
มติคณะรัฐมนตรี การดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือกระทรวง กรม
ตลอดจนชี้แจงต่อสาธารณชนเมื่อปรากฎว่ามีการเสนอข่าวคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงหรือไม่ถูกต้องครบถ้วนอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคลากรหรือรัฐบาล
หรือการปฏิบัติผิดพลาดได้ ทั้งนี้ อาจขอให้โฆษกกระทรวงเป็นผู้แถลงข่าว หรือออกคำชี้แจงเอง
หรือร่วมกันแถลงข่าว หรือชี้แจงด้วยก็ได้
|
|||||||||||||||||||||
3944 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายกองตรี พิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | พณ. | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๔ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กันยายน ๒๕๖๖)
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นายกองตรี
พิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
๒. นายปัญญา ชวนบุญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายนภินทร ศรีสรรพางค์) ๓. นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||
3945 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวเพชรดาว โต๊ะมีนา) | อว. | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวเพชรดาว โต๊ะมีนา
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3946 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | นร.05 | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้คณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของคณะรัฐมนตรีชุดเดิม จำนวน ๑๗๔ คณะ
ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนถึงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ และหลังจากนั้นให้คณะกรรมการ ฯ
ดังกล่าวสิ้นสุดลง ๒. ในกรณีที่ส่วนราชการใดพิจารณาเห็นว่าคณะกรรมการ
ฯ คณะใด (ตามข้อ ๑)
ยังคงมีภารกิจสำคัญและจำเป็นที่จะต้องคงอยู่ต่อไปเพื่อให้การดำเนินการตามภารกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องให้ส่วนราชการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการคณะนั้น
ๆ ขึ้นใหม่
โดยให้ตรวจสอบและปรับปรุงองค์ประกอบหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
แล้วส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล)
อย่างเคร่งครัด
และหากเป็นกรณีที่มีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการในคณะกรรมการที่จะเสนอแต่งตั้งด้วย
ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องระบุชื่อ/ชื่อสกุล และตำแหน่ง (ถ้ามี)
ของบุคคลที่จะเสนอแต่งตั้งให้ชัดเจน พร้อมทั้งจัดทำเอกสารต่าง ๆ
ประกอบการพิจารณาด้วย ดังนี้ ๒.๑
แบบสรุปประวัติของผู้ที่จะเสนอแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนั้น ๆ
(รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ๒) ๒.๒
แบบตรวจสอบประวัติบุคคลเพื่อประกอบการนำเสนอคณะรัฐมนตรี
พิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ (รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ๓) ทั้งนี้ การแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมติเป็นต้นไป และไม่ต้องออกเป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีหรือส่วนราชการเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นอีก
|
|||||||||||||||||||||
3947 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต. | 13/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการในการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3948 | การจัดทำคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา | นร.05 | 06/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาและมอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับไปประสานเพื่อแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบว่าคณะรัฐมนตรีมีความพร้อมที่จะแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาได้ตั้งแต่วันที่
๑๑ กันยายน ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ๓.
มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแปลคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีเป็นภาษาอังกฤษ
|
|||||||||||||||||||||
3949 | แนวทางปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี | นร.05 | 06/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องทั่วไปต่อคณะรัฐมนตรี) ๒. การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องจะต้องถือปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ และระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ.
๒๕๔๘ อย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๒.๑ ผู้ลงนามในหนังสือเสนอเรื่องดังกล่าว
ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๖
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘
ที่บัญญัติให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นผู้ลงนามเสนอเรื่อง ๒.๒
กรณีเรื่องที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับความเห็นชอบหรืออนุมัติจากหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก่อน
(ตามระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๙)
ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องขอความเห็นชอบหรือขออนุมัติจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นก่อน
แล้วจึงส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพร้อมกับความเห็นชอบหรืออนุมัตินั้น ๓.
กรณีเรื่องที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่มีกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการอย่างชัดเจน
ซึ่งหน่วยงานเจ้าของเรื่องทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว เช่น
เรื่องเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมนานาชาติ เป็นต้น
ให้เสนอเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดระยะเวลาของเรื่องนั้น
ๆ อย่างน้อย ๑๕ วัน สำหรับกรณีเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอย่างน้อย ๗
วัน ก่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
3950 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีและกลั่นกรองเรื่องก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี | นร.05 | 06/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
เป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒.
มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองเรื่องดังต่อไปนี้ก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๑
การดำเนินคดีในศาลปกครองในกรณีที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี
หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกฟ้องในคดีปกครอง ๒.๒ การดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญในกรณีคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ๒.๓
เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ
|
|||||||||||||||||||||
3951 | การกำหนดวิธีการประชุมคณะรัฐมนตรี | นร.05 | 06/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการกำหนดวิธีการประชุมคณะรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. วัน
เวลา และสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ๒. องค์ประกอบของการประชุมคณะรัฐมนตรี ๓.
ระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ๔.
ประเภทแฟ้มระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ๕.
การส่งระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ๖.
คณะกรรมการรัฐมนตรี ๗.
การลาประชุมคณะรัฐมนตรี ๘.
สรุปผลการประชุมคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
3952 | การจัดผลัดเวรเฝ้าฯ ของคณะรัฐมนตรีในงานพระราชพิธี รัฐพิธี และพิธีสำคัญในโอกาสต่าง ๆ | นร 05 | 06/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดผลัดเวรเฝ้าฯ
ของคณะรัฐมนตรีในงานพระราชพิธี รัฐพิธี และพิธีสำคัญในโอกาสต่าง ๆ โดยแบ่งออกเป็น
๑๑ ผลัด ผลัดละ ๓ คน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3953 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง | นร.05 | 06/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ประกอบด้วย ๑. กรณีที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง
เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ๒. กรณีที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหลายคน ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ๓. กรณีไม่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
3954 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) | นร.04 | 06/09/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีเห็นชอบแต่งตั้ง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3955 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | มท. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในท้องที่ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
แปลง “ที่เลี้ยงสัตว์เขาบายสี” บางส่วนในท้องที่ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ
จังหวัดชลบุรี
เพื่อให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินใช้เป็นที่ตั้งศูนย์พัฒนาวิชาชีพตรวจสอบของประเทศ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม ที่เห็นว่าแผนที่ท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ไม่ปรากฎแนวเขตท่อส่งน้ำของฐานทัพเรือสัตหีบกำหนดไว้รวมถึงในหลักการ
เหตุผล หรือเนื้อหาที่กำหนดสงวนแนวเขตท่อส่งน้ำดังกล่าวไว้ในร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้แต่อย่างใด
จึงขอสงวนพื้นที่แนวเขตท่อส่งน้ำใช้ประโยชน์ในราชการของกองทัพเรือในร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและกองทัพเรือได้มีการหารือและได้ข้อยุติร่วมกันเกี่ยวกับการใช้ที่ดินของกองทัพเรือบางส่วนในบริเวณที่ที่จะถอนสภาพ
เพื่อประโยชน์ในการวางท่อส่งน้ำของฐานทัพเรือสัตหีบตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว
โดยที่การเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นการปฏิบัติราชการตามปกติเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายแม่บทบัญญัติให้อำนาจไว้
และมิได้เป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีมิได้เป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีกระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ
หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามมาตรา ๑๖๙ (๑)
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๖
(เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร)
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
3956 | การปรับบทบาทภารกิจ หน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต และข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต | นร.12 | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการแก้ไขร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดกระทรวง ส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
และส่วนราชการไม่สังกัด สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง
ในส่วนของหน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) รวม ๓๖ ฉบับ
และมอบหมายสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงต่อไป รวมทั้ง
ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
และมอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
และสำนักงาน ก.พ. พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดกระทรวง ส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
และส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
กระทรวงหรือทบวงในส่วนของหน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต รวม
๓๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขหน้าที่และอำนาจของ ศปท.
เพื่อปรับปรุงบทบาทภารกิจให้ครอบคลุมงานด้านส่งเสริม คุณธรรม จริยธรรม
การเสริมสร้างวินัย การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านการทุจริต
และมอบหมายสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงต่อไป
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เช่น ควรแก้ไขข้อความเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของ
ศปท. เป็น “ของส่วนราชการในสังกัด รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน
และหน่วยงานอื่นของรัฐตามที่กฎหมายกำหนด” เพื่อให้ครอบคลุมหน่วยงานของรัฐทุกประเภท
และควรมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการให้ ศปท.
ร่วมกับหน่วยงานของรัฐในสังกัดนำผลการดำเนินงานด้านคุณธรรมและความโปร่งใสไปปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐในสังกัดอย่างเป็นระบบและเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม
ควรกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลและคำนึงถึงภัยคุกคามด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร.
รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เช่น
ควรมีการกำหนดโครงสร้าง และกรอบอัตรากำลัง
แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
การป้องกันการทุจริตและการติดตามประเมินผลของ ศปท.
ที่ชัดเจนเพื่อให้ส่วนราชการขับเคลื่อนการปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม ควรพิจารณากำหนดกรอบโครงสร้างอัตรากำลังของ
ศปท. ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับปริมาณงาน ควรพิจารณาจัดสรรอัตรากำลัง
เพื่อรองรับการดำเนินการในส่วนดังกล่าวด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐและสำนักงานคระกรรมการป่องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรพิจารณากำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลและคำนึงถึงภัยคุกคามด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
3957 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระยอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕
แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. ๒๕๐๙
กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจกำหนดเขตอันมีปริมณฑลจำกัดในท้องที่ใดเพื่อการอนุญาตหรืองดอนุญาตใหตั้งสถานบริการโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระยอง
เพิ่มเติม เพื่อให้การตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระยอง
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สอดรับกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลและคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในการกำหนดสิทธิประโยชน์ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : เมืองการบินภาคตะวันออก
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||
3958 | รัฐบาลสาธารณรัฐฝรั่งเศสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย (นายฌ็อง-โกลด ปวงเบิฟ) | กต. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฌ็อง-โกลด ปวงเบิฟ (Mr. Jean-Claude Poimboeuf)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายตีแยรี มาตู (Mr.Thierry Mathou) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
3959 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร | กษ. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร
รวม ๖ คน
เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการ ๒. นางดาเรศร์ กิตติโยภาส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร ๓. นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๔. นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๕.
นางสาวเสริมสุข สลักเพชร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และนวัตกรรม ๖. นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหาร
|
|||||||||||||||||||||
3960 | รายงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน ประจำปี 2563 และ 2564 | พม. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน
ประจำปี ๒๕๖๓ และ ๒๕๖๔
โดยคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติได้ประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๕
เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ มีมติเห็นชอบรายงานดังกล่าวแล้ว สรุปสาระสำคัญได้
ดังนี้ (๑) แนวโน้มสถานการณ์ประชากรเด็กและเยาวชนที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
(๒) สภาพการณ์และแนวโน้มของปัญหาเด็กและเยาวชน แบ่งตามประเภทของเด็กและเยาวชน
ได้แก่ ช่วงเด็กปฐมวัย ๐-๖ ปี ช่วงเด็กวัย ๗-๑๒ ปี ช่วงเยาวชน ๑๓-๑๗ ปี ช่วงเยาวชน
๑๘-๒๕ ปี เด็กและเยาวชนที่ต้องการการคุ้มครองเป็นพิเศษ
และเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษ (๓)
การมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนในการพัฒนาเด็กและเยาวชน (๔)
บทบาทและผลการดำเนินงานของภาคประชารัฐต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน (๕) งบประมาณในการพัฒนาเด็กและเยาวชน
และ (๖) บทสรุปและวิเคราะห์ในเชิงข้อเสนอด้านนโยบายในภาพรวม
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|