ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1437 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28721 - 28740 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28721 | การเพิ่มทุนของบริษัทร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด | กษ | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเพิ่มทุนของบริษัทร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด ตามมติที่ประชุมรัฐมนตรีไตรภาคียางพารา เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ที่เห็นชอบให้รัฐบาลทั้งสามประเทศ ประกอบด้วย ประเทศไทย ประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และประเทศมาเลเซีย สนับสนุนงบประมาณส่วนแรก จำนวน ๗.๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่ได้จดทะเบียนค้างจ่ายไว้แก่บริษัทร่วมทุนยางพาราฯ ภายในสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ก่อน โดยในส่วนของประเทศไทยต้องจ่ายงบประมาณ จำนวน ๓.๓๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซียต้องจ่ายงบประมาณ จำนวน ๒.๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และประเทศมาเลเซียต้องจ่ายงบประมาณ จำนวน ๑.๖๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามสัดส่วนที่ตกลงตามลำดับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ส่วนงบประมาณสำหรับการเพิ่มทุนของบริษัทร่วมทุนยางพาราฯ จำนวน ๓.๓๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ อนุมัติให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัทร่วมทุนยางพาราฯ เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการยกระดับความสามารถในการผลิตผลิตภัณฑ์ยางเพื่อขยายตลาดยางและสร้างมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ และควรมีมาตรการในการกำกับและติดตามการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนยางพาราฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันของทั้ง ๓ ประเทศ และเกิดความเป็นเอกภาพในการขับเคลื่อนการสร้างเสถียรภาพราคายางพาราในตลาดโลกทั้งในด้านการลดพื้นที่ปลูกยางพารา การควบคุมการส่งออก และการเก็บสต็อกยางพาราของแต่ละประเทศ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนยางพาราฯ ให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28722 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการส่งเสริมเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เพื่อการพัฒนาด้านเกษตรกรรม" | สสป | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการส่งเสริมเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เพื่อการพัฒนาด้านเกษตรกรรม และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานเลขานุการวุฒิสภา สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ หน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ เห็นควรให้รัฐบาลดำเนินการ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านอุปกรณ์ เครื่องมือ และเทคโนโลยี ได้แก่ ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เพื่อการพัฒนาด้านเกษตรกรรมให้มากขึ้น โดยการจัดตั้ง "ศูนย์ข้อมูลกลาง" ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมทั้งจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนาด้านโปรแกรมประยุกต์ (Application) มาใช้ในการแปลสัญญาณภาพ กำหนดมาตราส่วนของแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม ให้เป็นมาตรฐานกลาง มีศูนย์การฝึกอบรมความรู้ด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และจัดส่งดาวเทียมสำรวจทรัพยากรดวงใหม่ของประเทศไทยในระบบ Passive sensor แทนดาวเทียมไทยโชต ซึ่งจะหมดอายุทางเทคโนโลยี ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้น ๒. ด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ กำหนดให้ทุกหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับด้านการเกษตรใช้ข้อมูลเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเทคโนโลยีจาก "ศูนย์ข้อมูลกลาง" เพื่อการพัฒนาด้านเกษตรกรรม นำแผนที่ภาษี (แผนที่สำหรับใช้ประเมินภาษีที่ดิน) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีมาตรฐานมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาด้านเกษตรกรรม ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ สร้างแรงจูงใจ และให้ผลตอบแทนแก่เกษตรกรในการนำข้อมูลเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาการเกษตรกรรม เป็นต้น ๓. ด้านบุคลากร ได้แก่ พัฒนาผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวกับการพัฒนาด้านการเกษตร ให้มีความรู้ความเข้าใจและให้ความสำคัญในการใช้ข้อมูลทางด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ จัดหาบุคลากรเพิ่มเติมทั้งบุคลากรใหม่และบุคลากรที่เกษียณอายุราชการที่มีความรู้ความสามารถพิเศษด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านการเกษตรให้เพียงพอและเหมาะสม ส่งเสริมให้มีหลักสูตรเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศในระดับมหาวิทยาลัย และจัดตั้งสถาบันเฉพาะด้าน เพื่อผลิตบุคลากรด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศให้ตรงกับสิ่งที่ขาดแคลน ๔. ด้านงบประมาณ ได้แก่ จัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเพื่อพัฒนาด้านเกษตรกรรม เพื่อการส่งดาวเทียมสำรวจทรัพยากรระบบ Passive sensor ดวงที่ ๒ ของประเทศทดแทนดาวเทียวไทยโชต เพื่อการจัดซื้อข้อมูลจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากรระบบ Active sensor และโปรแกรมสำเร็จรูปซอฟต์แวร์ (Application) ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาความรู้ความเชี่ยวชาญของบุคลากร และเพิ่มค่าตอบแทนหรือสร้างแรงจูงใจพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ในสาขาอาชีพที่ขาดแคลนด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เป็นต้น ๕. ด้านกฎหมาย ได้แก่ กำหนดมาตรการป้องกันหรือลงโทษผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และส่งเสริมการจดลิขสิทธิ์ด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเพื่อพัฒนาด้านการเกษตรกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28723 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การจัดตั้งมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ" | สสป | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การจัดตั้งมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการเตรียมการ ได้แก่ กำหนดให้มีแผนการจัดตั้งมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติอยู่ในโครงสร้างแผนพัฒนาการศึกษาและการกีฬาของประเทศ กำหนดเป็นนโยบายหลักในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ กำหนดเป็นยุทธศาสตร์การกีฬา และเนื่องจากมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติจำเป็นต้องมีการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาด้วย เพื่อใช้สถานศึกษาแห่งนี้เป็นห้องปฏิบัติการสำหรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา รัฐบาลจึงต้องกำหนดเป็นนโยบายในการจัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย โดยจะต้องวางกรอบไว้ให้ชัดเจนว่า นักเรียนที่เข้ามาศึกษาในสถานศึกษาแห่งนี้ จะเป็นผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้ ได้รับการฝึกฝน เพื่อให้เป็นผู้ที่มีทั้งความรู้ทางด้านวิชาการ และความสามารถในทักษะกีฬาเพื่อจะต่อยอดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาต่อไป รวมทั้งมีแผนสนับสนุนด้านนโยบายการลงทุนเพื่อการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง และกำหนดให้มีหน่วยงานตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานการจัดตั้งมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติอย่างเป็นรูปธรรม ๒. ด้านการส่งเสริม ได้แก่ ส่งเสริมให้มีการจัดการศึกษาด้านพลศึกษา วิทยาศาสตร์การกีฬา กีฬา และนันทนาการในระดับบัณฑิตศึกษา ส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนาการวิจัยในองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับพลศึกษา วิทยาศาสตร์การกีฬา กีฬา และนันทนาการ สำหรับกรณีที่รัฐบาลเห็นชอบในแนวทางของการปรับเปลี่ยนสถานะของสถาบันการพลศึกษาให้เป็นมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ รัฐบาลควรส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการกระจายบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ให้อยู่ประจำในทุก ๆ วิทยาเขต และส่งเสริมให้มีการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และจัดทำนวัตกรรมเพื่อการศึกษาในสาขาต่าง ๆ และส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาด้านพลศึกษา วิทยาศาสตร์การกีฬา กีฬา และนันทนาการ มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอน การวิจัยในรูปแบบของเครือข่าย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28724 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต และการขอและการออกใบแทนใบอนุญาตให้ศึกษาวิจัย หรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า พ.ศ. .... | นร09 | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต และการขอและการออกใบแทนใบอนุญาตให้ศึกษาวิจัย หรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ผู้ขออนุญาตซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลต้องยื่นคำขออนุญาตตามแบบ และเอกสารหลักฐานตามที่กำหนด ๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ศึกษาวิจัยสมุนไพรควบคุม คำขอรับใบอนุญาตให้จำหน่าย ส่งออก หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า การมอบอำนาจให้ผู้อื่นยื่นคำขอแทน การขอต่ออายุใบอนุญาต การขอใบแทนใบอนุญาต และสถานที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาต ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจคำขอ เอกสารและหลักฐานของนายทะเบียน และการพิจารณาอนุญาตของผู้อนุญาต ๑.๔ กำหนดให้ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามที่กำหนด ๑.๕ กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับผู้ที่ดำเนินการศึกษาวิจัยสมุนไพรควบคุม จำหน่าย ส่งออก หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ๒. ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรเพิ่มเติมข้อความในร่างกฎกระทรวงฯ กรณีสมุนไพรควบคุมชนิดดังกล่าวเป็นของป่าหวงห้ามตามกฎหมายป่าไม้ผู้ขอจะต้องแนบหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ค้า หรือมีไว้ครอบครองเพื่อการค้าซึ่งของป่าหวงห้ามนั้นด้วย และเพิ่มเติมข้อ ๘ เกี่ยวกับหลักฐานการขอใบอนุญาตฯ “กรณีการส่งออก การจำหน่าย การแปรรูปซึ่งสมุนไพรควบคุมที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าต้องเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าว หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าดังกล่าวที่ได้จากการเพาะพันธุ์ ตามมาตรา ๑๘ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ เท่านั้น” และในการรายงานผลการศึกษาวิจัยสมุนไพรควบคุมหรือรายงานการดำเนินงานให้ผู้อนุญาตอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง และเมื่อสิ้นสุดโครงการนั้น ให้ส่งรายงานให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28725 | ขออนุมัติขยายวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช) วงเงิน 605 ล้านบาท ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ขยายวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ (ทางพิเศษศรีรัช) วงเงิน ๖๐๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของ กทพ. ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ กทพ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ กทพ. ขยายวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ ๒ (ทางพิเศษศรีรัช) เพิ่มเติม วงเงิน ๖๐๕ ล้านบาท จากเดิมจำนวน ๓๑,๓๐๐ ล้านบาท เป็นจำนวน ๓๑,๙๐๕ ล้านบาท โดยให้ กทพ. จ่ายค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวจากเงินรายได้ของ กทพ. แต่หาก กทพ. ขาดสภาพคล่องเห็นควรให้ กทพ. กู้เงินเพื่อนำมาจ่ายเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาแหล่งเงินกู้และค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ทั้งนี้ กทพ. จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ ที่กำหนดว่า กทพ. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการกู้หรือยืมเงินเกินหนึ่งร้อยล้านบาท และจะต้องนำเรื่องเสนอต่อสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อขอบรรจุวงเงินกู้ดังกล่าวในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28726 | มาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 เพิ่มเติม | กค | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๑.๑ ณ วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ มีการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ แล้ว จำนวน ๙๖๐,๗๖๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๐.๐๓ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๙.๐๓ โดยการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน ๘๙๐,๖๖๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๔.๕๒ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๒,๐๐๐,๔๘๙ ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๗๐,๑๐๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๗.๕๕ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๓๙๙,๕๑๑ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายรายจ่ายลงทุนร้อยละ ๐.๐๕ ๑.๑.๒ เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วยเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๕ จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๒๙๙,๔๑๖ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๒๕,๘๑๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๒.๐๒ ของวงเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ๑.๑.๓ เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จำนวน ๑,๙๙๗ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๓๔๑,๕๓๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๒๒,๑๘๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๓๓ ของวงเงินที่จัดสรร ๑.๑.๔ เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จำนวน ๔,๐๕๑ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๒๒,๖๔๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๕,๘๑๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๕.๖๘ ของวงเงินที่จัดสรร ๑.๑.๕ งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๒,๙๗๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖ ของแผนการลงทุนทั้งปี จำนวน ๓๖๘,๖๘๖ ล้านบาท ประกอบด้วย รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๕,๔๗๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๑ ของแผนงบลงทุนทั้งปี จำนวน ๑๔๐,๓๓๐ ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทิน เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๗,๕๐๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓ ของแผนงบลงทุนทั้งปี จำนวน ๒๒๘,๓๕๖ ล้านบาท ๑.๑.๖ เงินทุนหมุนเวียน ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๔๗,๖๓๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๐.๗๗ ของแผนการใช้จ่ายเงิน จำนวน ๓๖๒,๑๒๔ ล้านบาท ประกอบด้วย งบประจำ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๘๗,๘๗๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๐.๒๘ ของแผนการใช้จ่ายเงิน จำนวน ๑๗๔,๗๖๗ ล้านบาท และงบลงทุนรวม เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๕๙,๗๕๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๑.๘๙ ของแผนการใช้จ่ายเงิน จำนวน ๑๘๗,๓๕๗ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบการขยายระยะเวลาการก่อหนี้รายจ่ายลงทุนและการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณตามอำนาจส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ ตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ๑.๒.๑ ขยายระยะเวลาการก่อหนี้รายจ่ายลงทุน โดยให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการก่อหนี้รายจ่ายลงทุนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ๑.๒.๒ ขยายระยะเวลาการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณตามอำนาจส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ ประกอบด้วย การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายลงทุน ให้หน่วยงานดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ และการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำที่เหลือจ่ายจากการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ของบประมาณ ให้หน่วยงานดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ และเบิกจ่ายภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณของหน่วยงาน ควรให้ความสำคัญกับงบประมาณในส่วนที่จะโอนเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของคำขอรับจัดสรรงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28727 | โครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | พน | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในวงเงินลงทุนรวม ๗,๓๐๐ ล้านบาท และอนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ สำหรับโครงการฯ จำนวน ๒.๑ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๑.๒ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจะดำเนินการผูกพันสัญญาก่อสร้างโครงการฯ และจัดซื้อที่ดินสำหรับขยายสถานีแห่งใหม่ได้ ก็ต่อเมื่อ สปป.ลาว มีความชัดเจนที่จะให้ผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียนเซน้ำน้อยเริ่มการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าใน สปป.ลาว ได้รับการอนุมัติเงินกู้ครบถ้วนจากสถาบันการเงินแล้ว การปรับปรุงและขยายแนวสายส่งสถานีไฟฟ้าอุบลราชธานี ๓-สถานีไฟฟ้าอุบลราชธานี ๑ ซึ่งพาดผ่านพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (ป่า C) เห็นควรดำเนินการตามมาตรการลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมีการติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาและดำเนินการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในพื้นที่ภาคใต้ของ สปป.ลาว อย่างใกล้ชิด เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ในการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าของประเทศ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การวิเคราะห์และจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระบบพลังงานไฟฟ้าของประเทศ การกำกับการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จตามกำหนด เพื่อมิให้ กฟผ. ต้องเสียค่าปรับจากการไม่สามารถรับซื้อไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement : PPA) ได้ รวมทั้งการบริหารจัดการการจัดซื้อที่ดินให้รอบคอบ และมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน ภาระทางการเงินและผลกระทบที่อาจมีต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมโดยรวม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้ กฟผ. ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28728 | แผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2561) | ยธ | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕) และเห็นชอบแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) เพื่อสอดรับผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ ระยะที่ ๑ โดยอาศัยหลักการของการนำกรอบแนวคิดการดำเนินงานตามแนวทางของโครงการหลวงและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย การพัฒนาอาชีพและรายได้บนพื้นฐานความรู้ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและการสนับสนุนการเรียนรู้จากโครงการหลวง การจัดการเชิงพื้นที่ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน และยึดถือกรอบนโยบายรัฐบาลด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นแนวทางในการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาชุมชนเป้าหมายและชุมชนข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบหรือสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของฝิ่นและยาเสพติดชนิดต่าง ๆ ครอบคลุม ๑๒๖ หมู่บ้าน ใน ๑๘ ตำบล ๗ อำเภอ ของ ๓ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และตาก ประชากรที่จะได้รับประโยชน์และมีส่วนร่วมในการพัฒนา จำนวน ๒๖,๗๐๗ คน ๕,๔๙๓ ครัวเรือน ๕ ชนเผ่า คือ กะเหรี่ยง ลีซอ มูเซอ ม้ง และจีนฮ่อ ๑.๒ เห็นชอบในหลักการกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บทฯ ระยะที่ ๒ ตามที่ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอ ในวงเงิน ๑,๘๗๕,๐๕๖,๒๖๐ บาท เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการจัดทำคำของบประมาณประจำปี ภายใต้ชื่อรายการ “โครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน” เสนอต่อสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณารายละเอียดความเหมาะสมของแผนงานโครงการ เหตุผลความจำเป็น และความพร้อมในการดำเนินงาน ตามกระบวนการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) รับไปบูรณาการแผนงานโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่โครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ ร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณไม่เกิดความซ้ำซ้อนและเป็นประโยชน์สูงสุดและให้กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนด้านการตลาดและระบบโลจิสติกส์เชื่อมโยงระบบทั้งในและนอกพื้นที่โครงการฯ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28729 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28730 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองตรอน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองตรอน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28731 | แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน ITU TELECOM WORLD 2013 | ทก | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน ITU TELECOM WORLD 2013 ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือผู้แทน ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือผู้แทน เป็นรองประธานกรรมการ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นกรรมการและเลขานุการ ทำหน้าที่อำนวยการจัดงาน ITU TELECOM WORLD 2013 และกิจกรรมคู่ขนานอื่น ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงาน วางแผนและกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการจัดงานภายใต้เงื่อนไขของความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ วางแผนและกำหนดกรอบแนวทางในการประชาสัมพันธ์การจัดงานทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะ ตลอดจนข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานที่ครอบคลุมถึงเนื้อหาสาระของการจัดงาน การประมาณการค่าใช้จ่ายและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการจัดงานดังกล่าวภายใต้งบประมาณที่รัฐบาลได้จัดสรร เพื่อให้การจัดงานเป็นไปด้วยความราบรื่นและบรรลุวัตถุประสงค์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28732 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการแก้ไขปัญหากรณี FATF ขึ้นบัญชีดำประเทศไทย" | สสป | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร กรมสรรพากร) กระทรวงการต่างประเทศ (กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง กรมที่ดิน) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สมาคมธนาคารไทย และสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ เรื่อง "แนวทางการแก้ไขปัญหากรณี FATF ขึ้นบัญชีดำประเทศไทย" โดยสาระสำคัญของความเห็นและข้อเสนอแนะสรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐบาลต้องร่วมมือรัฐสภาในการเร่งรัดการออกกฎหมายที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน ๒. รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรฐานของ FATF ๓. รัฐบาลจะต้องชี้แจงและสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจทั้งผู้ส่งออก-นำเข้า ภาคท่องเที่ยว ตลาดทุนและภาคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๔. รัฐบาลควรชี้แจงให้ FATF ทราบว่ารัฐบาลกำลังร่วมมือกับรัฐสภาในการเร่งรัดออกกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงินเพื่อการก่อการร้ายให้เสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๕. รัฐบาลต้องจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเข้ามากำกับในการเร่งรัดการออกกฎหมาย ๖. กฎหมายที่ออกมาต้องครอบคลุมมาตรฐานใหม่ของ FATF ๗. กฎหมายที่ออกมาต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมและผลกระทบในวงกว้าง ๘. รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการกำหนดแนวทางให้หน่วยงานที่กำกับดูแล ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการผลักดันและติดตามให้มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขของ FATF โดยเฉพาะในการร่วมมือกับรัฐสภาในการผลักดันให้ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันระยะเวลาที่ทาง FATF จะประชุมในครั้งต่อไป และดำเนินการทุกวิถีทางในการที่จะปลดล็อคประเทศไทยจากระดับที่เป็น Dark Grey List ไปสู่ระดับปกติโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28733 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | มท | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28734 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | มท | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28735 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... | มท | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28736 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี พ.ศ. .... | มท | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28737 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... | มท | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28738 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองอุทัยธานี พ.ศ. .... | มท | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองอุทัยธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลดอนขวาง ตำบลอุทัยใหม่ บางส่วนของตำบลสะแกกรัง และบางส่วนของตำบลน้ำซึม อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมือง และบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28739 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา 14 พ.ศ. .... | มท | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา ๑๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยรามอินทรา ๑๔ ในท้องที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน และแขวงจรเข้บัว แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอนได้อีกสามปี ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28740 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหัวกุญแจ - หนองไผ่แก้ว จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | มท | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหัวกุญแจ-หนองไผ่แก้ว จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองซาก ตำบลบ้านบึง ตำบลหนองอิรุณ ตำบลคลองกิ่ว และตำบลหนองไผ่แก้ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
