ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 48 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 260 จากข้อมูลทั้งหมด 954 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
241 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2546 (แผนแม่บทในการอนุญาตเข้าทำประโยชน์พื้นที่อุทยานแห่งชาติ) | กษ | 01/06/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2546 เกี่ยวกับการจัดทำแผนแม่บทในการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติ โดยผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชล ประทาน ได้รวบรวมและจัดทำบัญชีรายชื่อโครงการที่อยู่ในแผนการขออนุญาตใช้พื้นที่ดังกล่าว และได้นำเรื่อง เข้าสู่การประชุมพิจารณาร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2546 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเห็นว่า ยังมี ส่วนราชการอื่นที่จะต้องเข้าใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อก่อสร้างโครงการต่าง ๆ เช่นเดียวกับกรมชลประทาน ได้แก่ กรมทางหลวงชนบท กรมการศาสนา (สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย จึงแจ้งเรื่องไปยังส่วนราชการดังกล่าวเพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อโครงการที่อยู่ในแผนการขออนุญาต เข้าใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อประชุมพิจารณาร่วมกันในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547 ที่ประชุมได้มีมติเห็น ชอบให้บรรจุโครงการที่ขออนุญาตใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติของกรมชลประทาน จำนวน 39 โครงการ เนื้อที่ ประมาณ 68,327 ไร่ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 6 โครงการ เนื้อที่ประมาณ 27,255 ไร่ เข้าสู่แผนแม่บทในการขออนุญาตใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติ |
|||||||||||||||
242 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เรื่องที่ 1 สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์, เรื่องที่ 2 การติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาระดับราคาสินค้าเกษตร, เรื่องที่ 3 รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2545 และเรื่องที่ 4 ผลการเยือนลังกาวีของนายกรัฐมนตรี) | พณ | 18/05/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เรื่องที่ 1 สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เรื่องที่ 2 การติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องกับการรักษาราคาสินค้าเกษตร เรื่องที่ 3 รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนพฤศจิกายน และ ธันวาคม 2545 และเรื่องที่ 4 ผลการเยือนลังกาวีของนายกรัฐมนตรี โดยมีผลความคืบหน้าของการดำเนิน ในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ (1) โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ได้ดำเนินการด้านการส่งเสริมการตลาด ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าชุมชนหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ การจัดตั้งศูนย์แสดงและจำหน่าย สินค้า (Outlet) ขนาดกลาง การขยายช่องทางการตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ การเข้าร่วมงาน แสดงสินค้านานาชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเชื่อมโยงกับนักธุรกิจส่งออก (2) การติด ตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาราคาสินค้าเกษตร ได้ดำเนินการแก้ไข ปัญหาประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานขององค์การคลังสินค้า (3) รายงานการนำเข้าสินค้า ฟุ่มเฟือยเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2545 โดยทางคณะกรรมการบริหารนโยบายการนำเข้า (กบน.) ได้พิจารณารายละเอียดของสินค้าฟุ่มเฟือยและกำหนดมาตรการชะลอการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย รวม 9 ราย การ คือ เครื่องรับโทรทัศน์สี เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องสำอางเครื่องหอมและสบู่ สุราไวน์ และเบียร์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องหนัง รองเท้า ปากกาและอุปกรณ์ ผักและผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง โดยเสนอ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา/ทราบ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่ กบน. เสนอ และ (4) ผลการเยือน ลังกาวี ของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2546 มีผลความคืบหน้าการดำเนินการในส่วน ของการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) มาตรการทางภาษีของไทยต่อน้ำมันปาล์ม และการ ชำระเงินแบบหักบัญชี (Account Trade)
|
|||||||||||||||
243 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี [รายงานการใช้จ่ายเงินกู้ : โครงการกองทุนสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 1 ครั้งที่ 15 ซึ่งเป็นการรายงานครั้งสุดท้าย (ข้อมูล ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2547)] | ทส | 04/05/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการใช้จ่าย
เงินกู้ : โครงการกองทุนสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 1 ครั้งที่ 15 ซึ่งเป็นการรายงานครั้งสุดท้าย ข้อมูล ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2547 โดยผลการใช้จ่ายเงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC หรือ OECF เดิม) ณ วันที่ 19 มกราคม 2547 โครงการที่ได้รับการอนุมัติวงเงินและดำเนินโครงการ ภายใต้แผน การใช้เงินกู้ดังกล่าว มีการเบิกจ่ายเสร็จสิ้นแล้ว ตามระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้ (วันที่ 19 มกราคม 2547) จำนวน 26 โครงการ ได้แก่ โครงการน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ โครงการว่า จ้างที่ปรึกษาเพื่อสนับสนุนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการบริหารงาน โครงการตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้ และโครงการด้านการจัดการน้ำเสียและกำจัดขยะในพื้นที่อื่นๆ จำนวน 24 โครงการ วงเงินทั้งสิ้น 3,865.023 ล้านบาท เป็นการเบิกจ่ายในส่วนของ JBIC จำนวน 2,717.940 ล้าน บาท และเบิกจ่ายจากกองทุนสิ่งแวดล้อม จำนวน 1,147.083 ล้านบาท |
|||||||||||||||
244 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การลดการใช้พลาสติกและโฟม (ธันวาคม 2546 - กุมภาพันธ์ 2547) | ทส | 27/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการ
ดำเนินการลดการใช้พลาสติกและโฟม ในระหว่างเดือนธันวาคม 2546-กุมภาพันธ์ 2547 ประกอบด้วย มาตรการระยะสั้น และมาตรการระยะยาว โดยในส่วนของมาตรการระยะสั้น ได้แก่ มาตรการจัดการพลา สติกและโฟมในอุทยานแห่งชาติ และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ โดยให้อุทยานแห่งชาติทุกแห่งดำเนิน การประกาศกำหนดพื้นที่ที่ต้องการควบคุมพิเศษในการนำบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติก แก้ว อลูมิเนียม หรือวัสดุที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกประเภทเข้าไป และดำเนินการจัดซื้อผลิต ภัณฑ์ KU-Green เพื่อนำไปใช้ในอุทยานแห่งชาติต่าง ๆ มาตรการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ได้ รณรงค์ประชาสัมพันธ์การลดการใช้พลาสติกและโฟม ประโยชน์และโทษของพลาสติกและโฟม มาตรการ ด้านเทคโนโลยี ได้มีการส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ทดแทนการใช้ผลิตภัณฑ์พลา สติกและโฟม มาตรการด้านกฎหมาย ได้นำเสนอสภาพปัญหาและแนวทางการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์ ของเสียบรรจุภัณฑ์ ของเสียประเภทพลาสติกและโฟม รวมทั้งแนวทางการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ด้าน การจัดการบรรจุภัณฑ์ และของเสียบรรจุภัณฑ์ สำหรับมาตรการระยะยาวได้มีการนำเสนอผลการรวบ รวมข้อมูลและวิเคราะห์สภาพการจัดการผลิตภัณฑ์พลาสติกในปัจจุบัน และกำหนดกรอบแนวทางการ ดำเนินงานเบื้องต้น ซึ่งเป็นประเด็นการพิจารณาความเป็นไปได้ในการบังคบใช้ตลอดจนผลกระทบที่เกิด จากการนำมาตรการดังกล่าวไปใช้ในทางปฏิบัติ และจะจัดให้มีการประชุมพิจารณากับผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน นำแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ไปใช้ได้อย่างเหมาะสมเป็นรูปธรรมต่อไป |
|||||||||||||||
245 | ผลการดำเนินมาตรการด้านการนำเข้า | พณ | 23/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ
บริหารนโยบายการนำเข้า (กบน.) ครั้งที่ 1/2547 เกี่ยวกับมาตรการด้านการนำเข้า ในส่วนของมาตรการ ชะลอการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค (เครื่องหนัง รองเท้า ปากกาและอุปกรณ์ น้ำผึ้งและผลิตภัณฑ์) แนวทาง การเพิ่มศักยภาพการผลิตและใช้สินค้าในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า และโครงการรณรงค์ให้ใช้สินค้าเพื่อ ทดแทนการนำเข้า ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ กบน. อย่างเคร่งครัด จริงจัง และให้ รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการด้วย ดังนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เร่งส่งเสริมสนับสนุนให้มีการผลิตและการใช้วัตถุดิบหรือชิ้น ส่วนที่ผลิตได้เองภายในประเทศ (local content) ให้มากยิ่งขั้น รวมทั้งการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าด้วย ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ควบคุมดูแลการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบ ต่าง ๆ ให้มีเท่าที่จำเป็น และลดการนำเข้าสินค้าประเภทฟุ่มเฟือยเพื่อลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ ให้ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบดูแลเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า ของสินค้านำเข้าให้ถูกต้องและเป็นไปตามพันธกรณี และข้อตกลงว่าด้วยเขตการค้าเสรี (FTA) ที่ไทยทำไว้กับ ประเทศต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางการค้า และรายได้จากภาษีและค่าธรรมเนียมที่ถูกต้อง กับให้ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการรณรงค์ให้ใช้สินค้าไทยเพื่อทดแทนสินค้านำเข้าอย่าง ต่อเนื่องจริงจัง ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับไปเร่ง รัดกำกับติดตามการดำเนินการรณรงค์ให้ประชาชนนิยมไทยและเลือกใช้และบริโภคสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศ (made in Thailand) โดยต้องระมัดระวังมิให้แนวทางการดำเนินการดังกล่าวขัดกับข้อตกลงทางการค้าหรือข้อ กำหนดใดขององค์การการค้าโลก (WTO) โดยให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) สำรวจตรวจสอบรายการ /ชนิดสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าสูงหรือมีปริมาณนำเข้าจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าประเภทฟุ่มเฟือยเพื่อ ใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการ และให้รายงานข้อมูลดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย นอกจากนี้ ให้ กระทรวงพลังงานเร่งรัดดำเนินการ เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน และเชื้อเพลิงในมิติต่าง ๆ เพื่อลดปริมาณ การนำเข้าก๊าซ น้ำมัน และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||
246 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาให้สถานะตามกฎหมายแก่คนญวนอพยพ | มท | 09/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับการพิจารณาให้สถานะตามกฎหมายแก่คนญวนอพยพ โดยผลการดำเนินการจนถึงปัจจุบันมีคนญวน อพยพที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมาย และได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว รวมทั้ง สิ้น 25,133 คน โดยอนุมัติให้มีสัญชาติไทย จำนวน 23,161 คน (ล่าสุดอนุมัติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 จำนวน 574 คน) และอนุมัติให้เป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1,972 คน (ล่าสุด อนุมัติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 จำนวน 43 คน ส่วนผู้ที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมายไว้แล้วแต่อยู่ ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบพฤติการณ์ด้านยาเสพติดและอาชญากรรม (อาชญากรรมข้ามชาติและที่มีโทษ ทางอาญา) จำนวนทั้งสิ้น 4,635 คำร้อง จำแนกเป็น ขอมีสัญชาติไทย จำนวน 3,315 คำร้อง และขอมีสถานะ ต่างด้าว ฯ จำนวน 1,320 คำร้อง ซึ่งในส่วนของผู้ที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมาย คณะกรรมการพิจารณา ให้สัญชาติไทยและให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อย ในการประชุมครั้งที่ 1/ 2547 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2547 เห็นชอบให้ส่งคำร้องเหล่านี้ให้จังหวัดที่มีผู้ยื่นคำร้อง จำนวน 13 จังหวัด ดำเนินการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ยื่นคำร้อง ตรวจสอบความมีตัวตนอยู่จริง ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และ ข้อมูลของผู้ยื่นคำร้องให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน จากนั้นให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดตรวจสอบ ประวัติอาชญากรรมและยาเสพติด แล้วนำผลการตรวจสอบเข้าพิจารณาในคณะอนุกรรมการ ฯ ระดับจังหวัด และเสนอคณะกรรมการ ฯ ระดับกระทรวงพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ได้ จัดประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการกำหนดสถานะตาม กฎหมายแก่คนญวนอพยพเพื่อให้การดำเนินการตามแผนงานแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 นอก จากนี้ ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนาม เมื่อวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2547 ได้เห็นชอบตาม ข้อตกลงของที่ประชุมกลุ่มการเมืองและความมั่นคง ข้อ 3.2 ไทยจะพิจารณาให้สัญชาติแก่ชาวเวียดนามที่อาศัย อยู่ในประเทศไทยซึ่งยังคงค้างอยู่จำนวนประมาณ 3,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2547 ในการนี้กระทรวงมหาด ไทยได้มีหนังสือแจ้งกำชับจังหวัดที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวด้วยแล้ว สำหรับคนญวน อพยพที่ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้มีสัญชาติไทย เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 กระทรวงมหาดไทยจะได้ร่วมกับจังหวัดที่บุคคลดังกล่าวมีภูมิลำเนา ได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม หนอง คาย อุดรธานี มุกดาหาร และอุบลราชธานี รวมกันจัดพิธีมอบหลักฐานแสดงความเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย และมีปฏิญาณตนเพื่อสำนึกในความเป็นไทยต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ธงชาติไทย ขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 ณ หอประชุมสถาบันราชภัฏสกลนคร จังหวัดสกลนคร โดยมี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประมวล รุจนเสรี) เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาด ไทยเปลี่ยนคำว่า "คนญวนอพยพ" เป็น "ชาวเวียดนามอพยพ" ด้วย
|
|||||||||||||||
247 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาให้สถานะตามกฎหมายแก่คนญวนอพยพ | มท | 09/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับการพิจารณาให้สถานะตามกฎหมายแก่คนญวนอพยพ โดยผลการดำเนินการจนถึงปัจจุบันมีคนญวน อพยพที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมาย และได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว รวมทั้ง สิ้น 25,133 คน โดยอนุมัติให้มีสัญชาติไทย จำนวน 23,161 คน (ล่าสุดอนุมัติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 จำนวน 574 คน) และอนุมัติให้เป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1,972 คน (ล่าสุด อนุมัติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 จำนวน 43 คน ส่วนผู้ที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมายไว้แล้วแต่อยู่ ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบพฤติการณ์ด้านยาเสพติดและอาชญากรรม (อาชญากรรมข้ามชาติและที่มีโทษ ทางอาญา) จำนวนทั้งสิ้น 4,635 คำร้อง จำแนกเป็น ขอมีสัญชาติไทย จำนวน 3,315 คำร้อง และขอมีสถานะ ต่างด้าว ฯ จำนวน 1,320 คำร้อง ซึ่งในส่วนของผู้ที่ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมาย คณะกรรมการพิจารณา ให้สัญชาติไทยและให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อย ในการประชุมครั้งที่ 1/ 2547 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2547 เห็นชอบให้ส่งคำร้องเหล่านี้ให้จังหวัดที่มีผู้ยื่นคำร้อง จำนวน 13 จังหวัด ดำเนินการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ยื่นคำร้อง ตรวจสอบความมีตัวตนอยู่จริง ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และ ข้อมูลของผู้ยื่นคำร้องให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน จากนั้นให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดตรวจสอบ ประวัติอาชญากรรมและยาเสพติด แล้วนำผลการตรวจสอบเข้าพิจารณาในคณะอนุกรรมการ ฯ ระดับจังหวัด และเสนอคณะกรรมการ ฯ ระดับกระทรวงพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ได้ จัดประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการกำหนดสถานะตาม กฎหมายแก่คนญวนอพยพเพื่อให้การดำเนินการตามแผนงานแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 นอก จากนี้ ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนาม เมื่อวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2547 ได้เห็นชอบตาม ข้อตกลงของที่ประชุมกลุ่มการเมืองและความมั่นคง ข้อ 3.2 ไทยจะพิจารณาให้สัญชาติแก่ชาวเวียดนามที่อาศัย อยู่ในประเทศไทยซึ่งยังคงค้างอยู่จำนวนประมาณ 3,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2547 ในการนี้กระทรวงมหาด ไทยได้มีหนังสือแจ้งกำชับจังหวัดที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวด้วยแล้ว สำหรับคนญวน อพยพที่ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้มีสัญชาติไทย เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2547 กระทรวงมหาดไทยจะได้ร่วมกับจังหวัดที่บุคคลดังกล่าวมีภูมิลำเนา ได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม หนอง คาย อุดรธานี มุกดาหาร และอุบลราชธานี รวมกันจัดพิธีมอบหลักฐานแสดงความเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย และมีปฏิญาณตนเพื่อสำนึกในความเป็นไทยต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ธงชาติไทย ขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 ณ หอประชุมสถาบันราชภัฏสกลนคร จังหวัดสกลนคร โดยมี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประมวล รุจนเสรี) เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาด ไทยเปลี่ยนคำว่า "คนญวนอพยพ" เป็น "ชาวเวียดนามอพยพ" ด้วย
|
|||||||||||||||
248 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เรื่อง การให้บริการของหมายเลขโทรศัพท์ 1900) | ทก | 17/02/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยบริษัท ทศท คอร์ปอ
เรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานการให้บริการของหมายเลขโทรศัพท์ 1900 สรุปได้ว่า ตามที่ บริษัท ทศท ฯ ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของหมายเลขโทรศัพท์ 1900 ปรับปรุงบริการ ทั้งด้านเนื้อหาสาระและอัตราค่าบริการ ซึ่งผู้ประกอบการได้สนองตอบนโยบาย โดยดำเนินการแก้ไขปรับปรุงบริการ ดังนี้ เนื้อหาสาระ ผู้ประกอบการได้ยกเลิกบริการที่ขาดสาระหรือมีลักษณะเป็นการพนัน แต่ยังคงให้บริการข้อมูล ทางด้านกีฬาสำหรับผู้ที่สนใจและเพื่อเป็นการส่งเสริมการกีฬา รวมทั้งได้ปรับปรุงบริการบางประเภทให้เหมาะสม เช่น บริการประเภทเพศศึกษาโดยได้ตัดส่วนที่ผู้ใช้บริการฝากเสียงเล่าประสบการณ์ส่วนตัวที่เกี่ยวกับเรื่องเพศให้ผู้ สนใจฟังเข้าไปใช้บริการ แต่ยังคงสาระความรู้เรื่องเพศและการให้คำปรึกษาทางเพศโดยแพทย์ ผู้รู้ ซึ่งเป็นรูปแบบ เชิงวิชาการ สำหรับอัตราค่าบริการ ได้ปรับลดอัตราค่าบริการ ดังนี้ ประเภทบริการ เพื่อเด็กและเยาวชน อัตราค่า ใช้บริการไม่เกิน 6 บาท/นาที หรือ 6 บาท/ครั้ง เพื่อการศึกษา อัตราค่าบริการไม่เกิน 6 บาท/นาที หรือ 6 บาท /ครั้ง เกม อัตราค่าบริการไม่เกิน 6 บาท/นาที หรือ 6 บาท/ครั้ง และประเภทบริการแสดงความคิดเห็น ไม่เกิน 6 บาท/ครั้ง ส่วนประเภทเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต และบริการสาธารณะ ยังคงอัตราค่าบริการไม่เกิน 3 บาท/ครั้ง หรือ 3 บาท/นาที ทั้งนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายของข้อมูลบริการแต่ละประเภทมีต้นทุนที่แตกต่างกัน หากปรับลดค่า บริการลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันย่อมมีผลให้ผู้ประกอบการไม่สามารถดำเนินกิจการได้ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของ คณะรัฐมนตรีไปดำเนินการเพิ่มเติมด้วยว่าการให้บริการโทรศัพท์มือถือในลักษณะการเรียกข้อมูลจากแฟ้ม (down load) เช่น ภาพที่มีลักษณะส่อไปในทางลามกอนาจาร ควรให้ระงับการดำเนินการทั้งหมด
|
|||||||||||||||
249 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เรื่อง ผลการเยือนลังกาวีของคณะรัฐมนตรี) | พณ | 03/02/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง
ผลการเยือนลังกาวีของนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ดังนี้ (1) การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ตามที่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอให้มาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 1 เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการหารือเพื่อแก้ไขประเด็นปัญหาด้านการค้าสองฝ่าย ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังประสานกับฝ่ายมาเลเซียเพื่อขอทราบความเป็นไปได้ที่มาเลเซียจะเป็น เจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว (2) มาตรการทางภาษีของไทยต่อน้ำมันปาล์ม ตามที่ได้มีการยกประเด็นที่ไทยกำหนดอัตราภาษีนำเข้า สินค้าน้ำมันปาล์มในอัตราสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันปาล์มของมาเลเซียขึ้นหารือ นั้น เนื่องจากการนำเข้าสินค้าน้ำมันปาล์มภายใต้องค์การการค้าโลก ไทยใช้มาตรการโควตาภาษีกับสิน ค้าดังกล่าวโดยกำหนดโควตาการนำเข้าประมาณ 5,000 ตัน/ปี อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 20 และ ภาษีนอกโควตาร้อยละ 144.6 และต้องขออนุญาตนำเข้า โดยให้องค์การคลังสินค้าเป็นผู้นำเข้า และ ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีการนำเข้าในโควตา การนำเข้าเป็นการนำเข้านอกโควตาทั้งหมด ซึ่ง ต้องเสียภาษีสูงมาก โดยไทยนำเข้าจากมาเลเซียมากเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ภายใต้อาฟตา กระทรวงการคลังได้ประกาศลดภาษีจากอัตราร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 5 โดยมีผล ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2546 และต้องขออนุญาตนำเข้าเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีการอนุญาตให้นำ เข้า โดยใช้อัตราภาษีภายใต้อาฟตา เนื่องจากมาเลเซียยังไม่นำรายการสินค้ารถยนต์เข้ามาลดภาษี ประกอบกับสินค้าน้ำมันปาล์มเป็นสินค้าอ่อนไหวของไทยเพราะมีผลกระทบต่อเกษตรกรไทยที่ยาก จนจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ ไทยจึงมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการการบริหารการนำเข้าภายใต้ WTO เพื่อปกป้องความเป็นอยู่ของเกษตรกร (3) กลไกการชำระเงินแบบหักบัญชี (Account Trade) ตามที่รัฐมนตรีการค้า ฯ มาเลเซีย ได้ยกประเด็น เกี่ยวกับกลไกการชำระเงินแบบหักบัญชีขึ้นหารือว่าธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า-EXIM Bank ของไทย และ Bank Negara Malaysia-BNM ของมาเลเซีย ได้ลงนามข้อตกลงระหว่างธนาคาร เมื่อ วันที่ 20 กันยายน 2545 และพร้อมจะดำเนินการการชำระเงินแบบหักบัญชีระหว่างกันแล้ว ขณะนี้ มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มาใช้บริการการชำระเงินแบบหักบัญชีกับธนาคารเพื่อ การส่งออกและนำเข้า (ธสน.)รวมถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2546 เป็นจำนวน 17 ครั้ง คิดเป็นมูล ค่า 283,534.95 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ธสน. และกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ระบบการค้าแบบหักบัญชีให้ภาคเอกชนรับทราบผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้ง ข่าวของ ธสน. (เผยแพร่ให้ผู้ส่งออก) หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และสื่อวิทยุ เป็น ต้น |
|||||||||||||||
250 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (การกำหนดอัตราค่าจ้างแรงงานเป็นรายชั่วโมง) | รง | 27/01/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่ 16 กันยายน 2546 เกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าจ้างแรงงานเป็นรายชั่วโมง นอกเหนือจากอัตราค่าจ้าง รายวัน และรายเดือน ที่ใช้อยู่ปกติ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการตามมติดังกล่าว โดยแบ่งการดำเนินการ เป็น 2 ระยะ ดังนี้ การดำเนินการระยะสั้น ได้ประสานขอตำแหน่งงาน PART TIME สำหรับนักเรียน นิสิต และ นักศึกษา เพื่อรองรับความต้องการทำงานของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ทั่วประเทศ โดยมีนายจ้างแจ้งความ ประสงค์รับนักเรียน นิสิต และนักศึกษา แล้ว จำนวน 9,057 อัตรา และได้ดำเนินการบรรจุงาน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2546-31 ธันวาคม 2546 จำนวน 3,020 คน และได้จัดกิจกรรมเสริมโดยเปิดตลาดนัดแรงงานในกรุงเทพ ฯ และภูมิภาค โดยในส่วนของกรุงเทพ ฯ ได้ดำเนินการจัดนัดพบแรงงานนักเรียน นิสิต และนักศึกษา เมื่อวันที่ 15 -17 ธันวาคม 2546 ณ บริเวณกระทรวงแรงงาน มีผู้สนใจลงทะเบียนสมัครงาน จำนวน 227 คน ได้รับการ บรรจุงานทันที 135 คน ในส่วนภูมิภาค มอบหมายให้สำนักงานจัดหางานจังหวัด และผู้แทนกระทรวงศึกษาธิ การในจังหวัดได้หารือ เพื่อกำหนดแผนการจัดงาน ตามวัน เวลา และสถานที่ที่เหมาะสมกับพื้นที่ สำหรับการ ดำเนินการระยะยาว ได้มีการหารือในเรื่องการกำหนดอัตราค่าจ้างรายชั่วโมง โดยสำนักงานปลัดกระทรวงแรง งานได้ดำเนินการศึกษาปรับปรุงกฎหมายในเรื่องของค่าจ้างรายชั่วโมง เพื่อจะได้ทราบสภาพการจ้างงานไม่เต็ม เวลา (Part-Time) เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบการพิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดอัตราค่าจ้างราย ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยโดย บริษัท พัฒนานักบริหาร จำกัด และคณะกรรมการค่าจ้าง สำนัก งานปลัดกระทรวงแรงงาน จะได้นำผลการศึกษาวิจัยมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนด อัตราค่าจ้างรายชั่วโมงต่อไป อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานเห็นว่า นักเรียน นิสิต และนักศึกษา ยังไม่เป็นคน งานแต่เป็นผู้ฝึกงาน ค่าตอบแทนที่ได้รับจึงเป็นค่าตอบแทนการฝึกงานเท่านั้น ซึ่งขณะนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้มีระเบียบกระทรวงแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้รับการฝึกเตรียมเข้าทำงาน ประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน 2546 ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งกำหนดใน เรื่องการจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้แก่ผู้รับการฝึก โดยกำหนดให้ผู้ดำเนินการฝึกต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยงเป็นเงินตราไทยแก่ผู้รับ การฝึก ตามจำนวนวันฝึกในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุดตามกฎหมายค่าจ้างขั้น ต่ำที่ใช้อยู่ในขณะนั้น ซึ่งผู้รับการฝึกตามความหมายของระเบียบดังกล่าวหมายรวมถึงนักเรียน นิสิต และนัก ศึกษาที่สถานศึกษาส่งเข้ารับการฝึกตามหลักสูตรด้วย
|
|||||||||||||||
251 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เรื่อง ผลการเยือนลังกาวีของนายกรัฐมนตรี) | มท | 20/01/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
ของกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ผลการเยือนลังกาวีของนายกรัฐมนตรี ดังนี้ เรื่อง ปัญหาบุคคลสองสัญชาติ เห็น ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการกงสุล กระทรวง การต่างประเทศ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นต้น ประชุมหารือร่วมกันเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางในการ ดำเนินงานต่อไป และเห็นควรให้มีการประชุมหารือในระดับหน่วยงานระหว่างกรมการปกครอง กับ NATIONAL REGISTRATION DEPARTMENT OF MALAYSIA เพื่อเตรียมการจัดทำบันทึกข้อตกลงในการดำเนินการแก้ไขปัญหา บุคคลสองสัญชาติร่วมกันต่อไป ส่วนเรื่อง การขยายเวลาเปิดทำการด่านผ่านแดน ตามที่ไทยได้เสนอการขยาย เวลาการเปิดจุดผ่านแดน รวมทั้งได้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือตามแนวชายแดนไทย- มาเลเซีย (Sub-JC) และคณะทำงานร่วมเพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องการขยายเวลาทำการจุดผ่านแดน การ ยกระดับจุดผ่านแดน และการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่ม และเรื่องอื่น ๆ รวม 9 เรื่อง นั้น สถานะล่าสุด ฝ่ายไทยได้มี การประชุม Sub-JC เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน และวันที่ 9 ธันวาคม 2546 โดยที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้ กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบคณะทำงานขยายเวลาเปิดจุดผ่านแดน มีผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธาน ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ เป็นเลขานุการ นอกจากนี้ คณะทำงานขยายเวลาเปิดจุดผ่านแดนของ ฝ่ายไทยจะหารือร่วมกับฝ่ายมาเลเซีย และนำข้อยุติเบื้องต้นเสนอต่อ Sub-JC ซึ่งกำหนดประชุมร่วมกันครั้งแรก ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ณ ประเทศมาเลเซีย |
|||||||||||||||
252 | รายงานผลการดำเนินการเรื่องปัญหาการใช้สารเคมีของสวนส้ม | สธ | 20/01/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2546 และวันที่ 23 กันยายน 2546 เรื่อง ปัญหาการใช้สารเคมีของสวนส้ม ที่อำเภอแม่ อายจังหวัดเชียงใหม่ จากผลการพิจารณาศึกษาปัญหาดังกล่าว เห็นว่า อันตรายที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการ สวนส้ม มีสาเหตุมาจากการใช้สารเคมี จึงเห็นสมควรกำกับให้มีการใช้กฎหมายที่มีต่อผลการควบคุมที่สาเหตุของ ปัญหาโดยตรง และในส่วนของคณะกรรมการสาธารณสุข ซึ่งเป็นคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการสาธารณ สุข พ.ศ. 2535 ยังได้ประสานกับคณะกรรมการวัตถุอันตรายให้มีการกำกับดูแลการใช้สารเคมีในสวนส้มด้วยแล้ว นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมดำเนินการกับคณะทำงานที่แต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ศึกษา ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการสวนส้ม และหากมีข้อมูลที่พบว่า การประกอบกิจการสวนส้มเป็นกิจ การที่อันตรายต่อสุขภาพ และสามารถควบคุมได้โดยการใช้พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ตรงตาม เจตนารมณ์ของกฎหมาย ก็อาจมีการดำเนินการประกาศให้กิจการดังกล่าวเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ต่อไปได้ |
|||||||||||||||
253 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การลดการใช้พลาสติกและโฟม | ทส | 02/12/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนิน
งานตามมาตรการลดการใช้พลาสติกและโฟม ซึ่งประกอบด้วย มาตรการระยะสั้นและมาตรการระยะยาว โดยใน ส่วนของมาตรการระยะสั้น ได้แก่ มาตรการจัดการพลาสติกและโฟมในอุทยานแห่งชาติ และแหล่งท่องเที่ยวตาม ธรรมชาติ โดยออกประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรื่อง ห้ามนำภาชนะที่ทำด้วยโฟมเข้าไป ในอุทยานแห่งชาติ รณรงค์การใช้ภาชนะทดแทนโฟม ผ่านสื่อต่าง ๆ และจัดเตรียมประกาศ เรื่อง การนำบรรจุ ภัณฑ์เข้าไปในพื้นที่ควบคุมพิเศษในอุทยานแห่งชาติ มาตรการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ได้ร่วมกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมประชาสัมพันธ์การลดขยะมูลฝอยแก่สถานศึกษาและหน่วยงานในสังกัด มาตรการ ด้านเทคโนโลยี อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำเหตุผลและความจำเป็นในการส่งเสริมเทคโนโลยีวัสดุทดแทน เพื่อ เสนอให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้การส่งเสริมและสนับสนุน และมาตรการด้านกฎหมาย ได้ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษาถึงผลกระทบ และกำหนดแผนยุทธ ศาสตร์ ด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์และของเสียบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ ของเสียบรรจุภัณฑ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ประเภทพลาสติกและโฟมด้วย สำหรับมาตรการระยะยาว ได้แก่ มาตรการ จัดการบรรจุภัณฑ์พลาสติกและโฟมในห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ มาตรการข้อกำหนดผลิตภัณฑ์สำเร็จ รูปทำจากพลาสติกใช้แล้ว และมาตรการทางภาษี โดยได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษาผลกระทบและ ความเป็นไปได้ของแต่ละมาตรการก่อนที่จะใช้เป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป |
|||||||||||||||
254 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (รายงานการใช้จ่ายเงินกู้ : โครงการกองทุนสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 1 (ครั้งที่ 15) | ทส | 29/11/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการใช้จ่ายเงินกู้
โครงการกองทุนสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 1 ครั้งที่ 14 ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2546 สรุปได้ว่า การบริหารโครง การกองทุนสิ่งแวดล้อม (ระยะที่ 1) ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายออกไปอีก 36 เดือน (20 มกราคม 2543-19 มกราคม 2546) นั้น เนื่องจากปัจจุบันการบริหารโครงการ ฯ ไม่สามารถจ่ายเงินกู้ได้หมด ทันตามระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากมีโครงการน้ำเสีย จังหวัดสมุทรปราการ และเทศบาลเมืองมุกดาหาร โครง การขยะ เทศบาลนครยะลา และเทศบาลตำบลอ้อมใหญ่ ที่ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการดำเนิน งานและแผนการเบิกจ่ายเงินที่กำหนดไว้ ทำให้การดำเนินโครงการล่าช้าไปประมาณ 20 เดือน โดยคาดว่าจะ สามารถเบิกจ่ายเงินกู้ ที่กระทรวงการคลังได้กู้เงินจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC หรือ OECF เดิม) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2535 จำนวน 11,200 ล้านเยน หรือประมาณ 3,000 - 3,400 ล้าน บาท) งวดสุดท้ายได้ในเดือนกันยายน 2547 ดังนั้น สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม (สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมเดิม) ได้ประสานกับ JBIC และรัฐบาลญี่ปุ่นโดยผ่านทางกระทรวง การคลังเพื่อขยายเวลาออกไปอีก 20 เดือน (20 มกราคม 2546-19 กันยายน 2547) ทั้งนี้ สำนักงานบริหาร หนี้สาธารณะได้พิจารณาเหตุผลความจำเป็นในการขอขยายเวลาดังกล่าว โดยประสานแจ้งสถานเอกอัครราชทูต ญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ JBIC เพื่อขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะดำเนิน การได้แล้วเสร็จภายในวันที่ 19 มกราคม 2547 ซึ่งได้แก่ โครงการว่าจ้างแบบเหมารวม (Turnkey) เพื่อการออก แบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ และโครงการก่อสร้าง ระบบกำจัดมูลฝอย เทศบาลนครยะลา โดยทางสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ตอบตกลงให้ ขยายเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้เป็นวันที่ 19 มกราคม 2547 แล้ว
|
|||||||||||||||
255 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่องยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเหนือ | นร | 25/11/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย
งานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาค เหนือ โดยมีผลการดำเนินการ ดังนี้ (1) โครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 1 การส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์ภาคเหนือ ประกอบด้วย โครงการจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มหาวิทยา ลัยเชียงใหม่ อยู่ระหว่างการปรับปรุงรายละเอียดโครงการ ฯ โครงการพัฒนาและสนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์ แวร์ สำหรับช่องทางสู่ความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน (Detroit of Asia) และการเป็นครัวโลก (Kitchen of the World) ของมหาวิทยาลัยนเรศวร อยู่ระหว่างรอความคิดเห็นจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสน เทศและการสื่อสาร เพื่อปรับรายละเอียดโครงการ ฯ และโครงการ IT Knowledge Park ของเขตอุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์แห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ อยู่ระหว่างการส่งรายละเอียด โครงการ ฯ ที่ปรับปรุงแล้วให้กับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ และ (2) โครง การภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 2 การส่งเสริมสนับสนุนหัตถอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย โครงการ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเขตเศรษฐกิจล้านนา โครงการจัดตั้งศูนย์บริการออกแบบสินค้าหัตถ กรรม โครงการสร้างแนวโน้มแฟชั่นรูปสินค้าหัตถกรรม "ล้านนาสไตล์" อยู่ระหว่างการปรับปรุงรายละเอียดเอก สารโครงการ และโครงการเชียงใหม่เมืองแห่งการแสดงสินค้าหัตถกรรม อยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการของ จังหวัดเชียงใหม่เพื่อนำเสนอรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยลงนาม และดำเนินการตามขั้นตอนการขอรับการสนับ สนุนงบประมาณ สำหรับการดำเนินการแปลงยุทธศาสตร์ภาคเหนือไปสู่การปฏิบัติ ของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้มีการจัดตั้งคณะทำงานภายในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และจัดส่งรายงาน พร้อมมติคณะรัฐมนตรีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบพร้อมทั้งขอให้ส่งผู้แทนเข้าร่วมในการจัดทำแผนปฏิบัติการ และขณะนี้สำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคเหนือ (สพน.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ประชุมจัดทำ ร่างแผนปฏิบัติการ โดยจะมีการประชุมจัดทำแผนปฏิบัติการที่สมบูรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนกลาง ในเดือนพฤศจิกายน 2546 |
|||||||||||||||
256 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน) | วท | 11/11/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานผลการจัดประชุมเชิง
ปฏิบัติการเรื่อง โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อให้ผู้ แทนหน่วยงาน และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทางด้านการพัฒนาและส่งเสริมอัจฉริยภาพของเยาวชนมาระดมความ คิดเห็นในการศึกษารายละเอียดและกำหนดแนวทางการดำเนินงานโครงการ ฯ ที่เหมาะสม โดยการประชุม เชิงปฏิบัติการ ฯ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่หนึ่ง เป็นการบรรยายพิเศษเรื่อง "ค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร ......บ้านวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชนไทย ส่วนที่สอง เป็นการนำเสนอเรื่อง "บทสรุปสถานภาพปัจจุบันของ โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพ ฯ" และส่วนที่สาม เป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทาง วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กและเยาวชน จำนวน 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 แนวทางค้นหาและคัดเลือกผู้มีความ สามารถพิเศษและอัจฉริยภาพ กลุ่มที่ 2 การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษและอัจฉริยภาพสู่นัก วิจัย/นักเทคโนโลยีคุณภาพสูง และกลุ่มที่ 3 ระบบการเตรียมการผู้มีความสามารถพิเศษและอัจฉริยภาพเข้า สู่วิชาชีพนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และสร้างสรรค์ผลงานสู่สังคมและเศรษฐกิจ โดยผลประชุมเชิงปฏิบัติการ กลุ่มย่อยทั้งสามกลุ่มดังกล่าวมีดังนี้ กลุ่มที่ 1ได้เสนอให้จัดตั้งเครือข่ายการเรียนรู้และทรัพยากร (Learning & Resources Network) เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงเครือข่ายวิทยากร เครือข่ายห้องปฏิบัติการ และเครือข่ายข้อ มูล ในการคัดเลือก สนับสนุน และส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษ ส่วนการคัดเลือกและเฟ้นหา ควรมีเครื่อง มือในการค้นหามีหลากหลายวิธี และใช้หลายวิธีร่วมกันในการค้นหา เน้นการสร้างบูรณาการทางความคิด ที่สามารถทดสอบความคิดสร้างสรรค์ ทักษะทางวิทยาศาสตร์ และวิธีการแก้ปัญหา การคัดเลือกและการ พัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษและอัจฉริยภาพ และให้ความสำคัญกับเรื่องคุณธรรม และจริยธรรม และการ ทำงานร่วมกันควบคู่กับความรู้ด้านวิชาการ รวมถึงจัดระบบพิเศษในการรองรับเด็กบางส่วนที่ไม่สามารถอยู่ ในระบบโรงเรียนได้ ส่วนกลุ่มที่ 2 ได้เสนอวิธีจัดการสำหรับเด็กที่อยู่ห่างไกลจากมหาวิทยาลัย โดยการใช้ เทคโนโลยี (E-learning, E-mail) ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเยาวชนกับนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยง บทบาท และหน้าที่ของนักวิทยาศาสตร์พี่เลี้ยง และวิธีการบ่มเพาะความเป็นอัจฉริยะ และกลุ่มที่ 3 เห็นว่า หน่วยงาน พิเศษต่าง ๆ เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สถาบันอาหาร สถาบันยานยนต์ ควรมีการเชื่อมโยง และจัดสำรวจแนวทางความต้องการผู้รับทุนเพื่อเตรียมอาชีพ และได้เสนอให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานนักเรียน ทุน (ClearingHouse) เพื่อให้ผู้รับทุนเข้าทำงานในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และการสร้างระบบส่งเสริม และขับเคลื่อนให้ผู้มีความสามารถพิเศษได้เข้าทำงาน |
|||||||||||||||
257 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เรื่อง ระบบการคมนาคมของประเทศ และ เรื่อง การแปรรูปบริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด ให้เป็นสายการเดินเรือแห่งชาติ) | คค | 04/11/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
รวม 2 เรื่อง ได้แก่เรื่อง ระบบการคมนาคมของประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม เพื่อกำหนดวันและเวลาในการประชุมเรื่องดังกล่าว และเรื่อง การแปรรูปบริษัท ไทยเดิน เรือทะเล จำกัด ให้เป็นสายการเดินเรือแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ได้พิจารณา ข้อเสนอของบริษัท ฯ และนำเสนอกระทรวงคมนาคมเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตด้วยว่า กรณีเรื่องเกี่ยวกับ บริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด มิได้เป็นการแปรรูป แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการบริษัทให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพเท่านั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า "แปรรูป" เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน |
|||||||||||||||
258 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เรื่อง การส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนมีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา) | กก | 14/10/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการดำเนินการส่งเสริมให้
เยาวชนและประชาชนมีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา ระหว่างเดือนมกราคม - สิงหาคม 2546 โดยในส่วนของการ ใช้และบริหารสนามกีฬาของสถานศึกษาและหน่วยงานราชการ ได้เปิดสนามกีฬาให้บริการเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน รวมทั้งสิ้น 4,470 แห่ง มีเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน มาใช้สนาม กีฬาเพื่อเล่นกีฬาและออกกำลังกาย รวมทั้งสิ้น 4,389,919 คน และได้ดำเนินการพัฒนาบุคลากรกีฬาโดยการ จัดอบรมเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา สุขภาพ นันทนาการ คุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งสิ้น 8,717 คน สำหรับ การบูรณาการการกีฬาทุกระดับให้ต่อเนื่องและยั่งยืน มีกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การจัดตั้งชุมชนกีฬา ศูนย์ฝึกกีฬา ประจำตำบล อำเภอ การจัดกิจกรรมกีฬา กีฬาพื้นที่บ้าน และกีฬาหมู่บ้านป้องกันชายแดน การจัดแข่งขันกีฬา มวลชน กีฬากลุ่ม และกีฬาระดับประเทศ รวมทั้งพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศ โดยการฝึกซ้อม การพัฒนาทักษะ ทางการกีฬา การจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การจัดฝึกสอนกีฬาชนิดต่าง ๆ ให้กับเด็กและเยาวชนในโครง การ "ฤดูร้อนนี้มีกีฬาเพื่อลูกรัก" และการจัดกิจกรรมกีฬาทั่วไทยต้านภัยยาเสพติด นอกจากนี้ ได้มีการจัดประชุม สัมมนาเพื่อพัฒนาการบริหารจัดการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การพัฒนาบุคลากร พัฒนาการกีฬา นันทนาการ เพื่อให้การปฏิบัติงานด้านการท่องเที่ยว กีฬา และนันทนาการ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วน ของการช่วยเหลือนักกีฬาซึ่งทำคุณประโยชน์และชื่อเสียงให้ ได้ดำเนินการจัดจ้างนักกีฬาทีมชาติ หรือนักกีฬาที่ ทำคุณประโยชน์และสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศชาติเข้าทำงาน และให้เงินอุดหนุนสงเคราะห์เพื่อสวัสดิการบุคลากร ด้านกีฬา ตลอดจนประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในการรับนักกีฬาผู้ทำคุณ ประโยชน์แก่ประเทศเข้าทำงาน |
|||||||||||||||
259 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (จำนวน 3 เรื่อง) (1. เรื่อง การขอใช้พื้นที่ป่าชายเลนเพื่อก่อสร้างสะพาน คสล. ข้ามคลองบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดตราด 2. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติรถยนตร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ 3. เรื่อง ผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่เกาะลังกาวี (27-28 กรกฎาคม 2546)) | คค | 14/10/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เรื่อง การขอใช้พื้นที่ป่าชายเลนเพื่อก่อสร้างสะพาน คสล. ข้ามคลองบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดตราด เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติรถยนตร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ และเรื่อง ผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่เกาะลังกาวี ( 27 - 28 กรกฎาคม 2546) รวมทั้งรับทราบและเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินการตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายนิกร จำนง) เสนอเพิ่มเติมว่า ในส่วนของเรื่อง ผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่เกาะลังกาวี นั้น กระทรวง คมนาคมได้ประสานการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการจัดทำร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักร ไทยและรัฐบาลมาเลเซีย ว่าด้วยการขนส่งสินค้าผ่านแดนโดยทางถนน กับกระทรวงการต่างประเทศเรียบร้อย แล้ว ดังนั้น หากฝ่ายมาเลเซียแสดงความประสงค์จะขอให้มีการลงนามในร่างความตกลง ฯ ดังกล่าว ในช่วง ที่ผู้นำและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของมาเลเซียเดินทางมาร่วมการประชุมเอเปค ให้กระทรวงคมนาคมประสานกับ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||
260 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (มาตรการเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและป้องกันการทุ่มตลาดจากสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ) | พณ | 07/10/2546 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการหามาตรการทางด้าน
อื่นที่มิใช่ภาษีเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและป้องกันการทุ่มตลาดจากสินค้าที่นำ เข้ามาจากต่างประเทศ โดยผลการดำเนินการ กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรูปของคณะ กรรมการบริหารนโยบายการนำเข้า (กบน.) ดำเนินการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อชะลอการนำเข้าสินค้า จากต่างประเทศและปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศ รวมทั้งดำเนินการมาตรการที่มิใช่ภาษีที่อยู่ใน ความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุนซึ่ง สินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2522 ซึ่งได้มีการดำเนินการตอบโต้ ฯ แล้ว รวม 7 รายการ ได้แก่ สินค้าเหล็ก โครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H (H-Beam) สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วน แผ่นตัด และแผ่นแถบ (Cold-Rolled Carbon Steel Sheet and Strip in Coils and Cut-To-Length) สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีด เย็น ชนิดม้วนแผ่น และแผ่นแถบ ฟทาลิกแอนด์ไฮไดรด์ และสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็น ม้วน |
.....