คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่ 29 กรกฎาคม 2546 ที่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
รับประเด็นเกี่ยวกับการโอนสำนักงานคณะกรรมการสำรองอาหารแห่งอาเซียน ไปหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติ แล้วนำ
เสนอคณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่ง นั้น จากผลการหารือร่วมกันในเรื่องดังกล่าว ได้ข้อยุติว่า ให้สำนักงานคณะ
กรรมการสำรองอาหารแห่งอาเซียนอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์เช่นเดิม

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการใช้จ่ายเงินกู้
โครงการกองทุนสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 1 ครั้งที่ 13 ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 โดยผลการบริหารโครงการ
กองทุนสิ่งแวดล้อม (ระยะที่ 1) ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินกู้ได้หมดทันตามระยะเวลาที่กำหนดไว้เดิม  (19 มกราคม
2546)  เนื่องจากมีโครงการน้ำเสีย  จ. สมุทรปราการ  และเทศบาลเมืองมุกดาหาร  โครงการขยะเทศบาลนคร
ยะลา และเทศบาลตำบลอ้อมใหญ่  ที่ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน  และแผนการเบิก
จ่ายเงินที่กำหนดไว้ ซึ่งล่าช้าไปประมาณ  20  เดือน โดยคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายเงินกู้  JBIC  งวดสุดท้ายได้ใน
เดือนกันยายน  2547  ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  (สำนักงานนโยบาย
และแผนสิ่งแวดล้อมเดิม) ได้ประสานกับ JBIC ผ่านกระทรวงการคลัง เพื่อขอขยายเวลาออกไปอีก 20 เดือน (20
มกราคม 2546-19 กันยายน 2547) รวมทั้งได้ประสานแจ้งสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ
JBIC   เพื่อขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้  ภายใต้โครงการกองทุนสิ่งแวดล้อมออกไปอีกเพียง  1  ปี 
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 19 มกราคม 2546  เป็นสิ้นสุดในวันที่ 19 มกราคม 2547  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน
งานโครงการที่ได้มีการผูกพันและลงนามในสัญญาไว้แล้ว   และคาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในวันที่  19
มกราคม 2547  ซึ่งได้แก่ โครงการว่าจ้างแบบเหมารวม (Turnkey) เพื่อการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวม
และบำบัดน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ  จังหวัดสมุทรปราการ  และโครงการก่อสร้างระบบกำจัดมูลฝอย   เทศบาล
นครยะลา   ซึ่งบัดนี้สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ตอบตกลงให้ขยายเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่าย
เงินกู้ตามที่เสนอแล้ว

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ 
รายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลาสติกและโฟม  โดยได้แจ้งมติที่ประชุม เรื่อง การลดการใช้
พลาสติกและโฟม   เมื่อวันที่  6 พฤษภาคม 2546  ไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานในสังกัดกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ  เพื่อให้ดำเนินงานตามมาตรการต่าง  ๆ  ทั้งนี้  ได้ประเมินผลและรวบรวมข้อมูลตามแผน
ติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลาสติกและโฟม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมาตร
การระยะสั้น  ได้แก่  มาตรการจัดการพลาสติกและโฟมในอุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ   มาตร
การด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์  และมาตรการด้านเทคโนโลยี  จะรายงานความก้าวหน้าทุก  2  เดือน  และ
สรุปผลการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวภายใน  6  เดือน  ส่วนมาตรการระยะยาว ได้แก่ มาตรการจัดการ
พลาสติกและโฟมในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ มาตรการข้อกำหนดผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทำจากพลาสติก
ใช้แล้วมาตรการด้านภาษี และมาตรการด้านกฎหมาย จะรายงานความก้าวหน้าทุก 4 เดือน ตามความเหมาะสม

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่อง ปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณ
ฑล  เรื่อง การขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2543  และเรื่อง ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
สรุปได้ดังนี้  เรื่อง ปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทาง
บก มีมติเห็นชอบหลักการแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจราจรเร่งด่วนเกี่ยวกับการปรับปรุงทางกายภาพบริเวณทาง
แยกวิกฤติ  การปรับปรุงทางกายภาพบริเวณจุดกลับรถบนถนนจรัญสนิทวงศ์ตลอดสาย  การปรับปรุงการเดินรถ
บนถนนอโศก ถนนเพชรบุรี  และถนนสุขุมวิท  การจัดช่องเดินรถโดยสารประจำทางและโครงการรถจักรยานยนต์
ชิดซ้าย รวมทั้งการพัฒนาโครงข่ายถนนรวม 3 เส้นทาง  ประกอบด้วย  การก่อสร้างถนนรัชดาภิเษก-รามอินทรา 
การก่อสร้างเชื่อมต่อถนนสารสิน-รัชดาภิเษก และโครงการถนนคร่อมคลองประปา  เรื่อง การขยายเวลาเบิกจ่าย
เงินงบประมาณปี พ.ศ. 2543  เพื่อนำระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรอัตโนมัติ (Area Traffic Control-ATC) มาใช้
ในการจัดระบบการจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  สำนักงานนโยบายและแผน  ฯ   ได้มีหนังสือแจ้ง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอทราบผลการดำเนินการจนถึงปัจจุบัน    รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการเพื่อ
เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา   และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนต่อไป   ส่วนเรื่อง
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ  คณะกรรมการจัดระบบการจราจร  ฯ  ได้มีมติเห็นชอบหลักการแนวทาง
เบื้องต้นเพื่อจัดทำแผนการจราจรและขนส่งในระยะยาวของพื้นที่ภายในถนนวงแหวนรอบนอก

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าหนึ่งตำบล 
หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12  พฤศจิกายน  2545  ที่มอบหมายให้กระทรวงการคลัง
โดยกรมสรรพสามิต รับไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการผลิต
และจำหน่ายของผู้ผลิตสินค้าสรุปได้ดังนี้ กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต ได้ดำเนินการปรับปรุงภาษีสุรา
เพื่อเศรษฐกิจชุมชน โดยการลดอัตราภาษีสุราแช่ตามปริมาณจากเดิมลิตรละ  100  บาทแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์
เป็นลิตรละ 70 บาทแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ และลดอัตราภาษีสุรากลั่นตามมูลค่าจากเดิมร้อยละ 28 เป็นร้อยละ
25  รวมทั้งลดอัตราภาษีตามปริมาณจากเดิมลิตรละ 100 บาทแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ เป็นลิตรละ 70 บาทแห่ง
แอลกอฮอล์บริสุทธิ์   และได้มีการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต  ในส่วนของกรณีสุราแช่ชนิดสุราผลไม้
สุราแช่พื้นเมือง และผลิตภัณฑ์จากผลผลิตทางการเกษตรที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน 15 ดีกรี ได้ปรับปรุงค่าธรรม
เนียมใบอนุญาตทำสุราจากปีละ 4,000 บาท  ลดเหลือปีละ  100  บาท  ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำเชื้อสุรา
จากปีละ 300 บาท ลดเหลือปีละ 50 บาท  และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราจากปีละ 1,500 บาท ลดเหลือ
ปีละ  100  บาท   สำหรับกรณีสุรากลั่นชุมชนได้มีการปรับปรุงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำสุราจากปีละ 4,000 
บาท  ลดเหลือปีละ  1,000  บาท  ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำเชื้อสุราจากปีละ 300 บาท  ลดเหลือปีละ  50
บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราจากปีละ 1,500 บาท ลดเหลือปีละ 200 บาท

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2546 ซึ่งมอบให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม   กระทรวงสาธารณสุข   และกระทรวงอุตสาหกรรมว่า  การอนุญาตให้ชุมชนหรือผู้ผลิตรายย่อยผลิต
สุราพื้นบ้านควรมีการกำหนดคุณภาพ มาตรฐานการผลิต และการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินการในรูปแบบการให้บริการในจุดเดียว (One Stop Service) และให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวแก่ชุมชนหรือผู้
ผลิตรายย่อยที่มาขออนุญาตควบคู่ไปด้วย นั้น  ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมมี
กองทุนสำหรับนักวิจัยและสถาบันการศึกษาที่ทำการวิจัยกู้ยืมเงินเพื่อทำการศึกษาค้นคว้า  วิเคราะห์  วิจัย   เพื่อ
พัฒนาคุณภาพสุราและรักษาสิ่งแวดล้อม ในวงเงิน 300 ล้านบาท  ชื่อว่า  "กองทุนเพื่อลดผลกระทบจากนโยบาย
สุราเสรีของรัฐ"  ส่วนการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์    สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม   ได้กำหนด
มาตรฐานดังกล่าว   ซึ่งประกาศใช้แล้ว   ได้แก่   มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสุรากลั่น  มอก.  2088-2544
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไวน์  มอก. 2089-2544  มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนไวน์ผลไม้  มผช.  2/2546
และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนสาโท  มผช.  3/2546  รวมทั้งการให้ความรู้เรื่องการปรับปรุงคุณภาพสามารถให้
การสนับสนุนได้ตามข้อกำหนดในด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์    สำหรับการให้การบริการในจุดเดียว  (One  Stop 
Service)  ได้กำหนดให้กรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงานให้อนุญาตการผลิตและจำหน่ายสุราพื้นบ้าน    ซึ่งขั้นตอน 
การอนุญาตจะพิจารณาควบคุมถึงสถานที่ผลิตสุรา    การก่อสร้าง     ระบบบำบัดน้ำเสีย     ตามหลักเกณฑ์ของ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานแสดงผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เฉพาะเรื่องที่คณะรัฐมนตรีไม่ได้กำหนดระยะเวลาให้ส่วนราชการรายงานเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบในระยะเวลา
อันสมควร ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดระยะเวลาการรายงานผลให้ทราบเป็น งวด ๆ ละ 4 เดือนนั้น  กระทรวง
มหาดไทยได้ปรับเปลี่ยนระยะเวลาการรายงานผลการดำเนินการ ฯ จากการรายงานปีละ 3 งวด  (งวดละ 4 เดือน)  
เป็นการรายงานปีละ 2 งวด  (งวดละ  6  เดือน)  พร้อมทั้งได้จัดทำรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
งวดที่  1 (ตุลาคม 2545-มีนาคม 2546) ประจำปีงบประมาณ 2546 เรียบร้อยแล้ว

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมาตรการการลดการ
ใช้พลาสติกและโฟม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2546 เรื่อง การลดการใช้พลาสติกและโฟม (foam)
ประกอบด้วย (1) มาตรการระยะสั้น  ที่สามารถดำเนินการได้  ได้แก่  มาตรการจัดการพลาสติกและโฟมในอุทยาน
แห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ มาตรการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในการลดขยะทางสื่อ มาตรการ
ด้านเทคโนโลยี  โดยการสนับสนุนโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ทำจากวัสดุธรรมชาติ และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้มีการ
ใช้ผลิตภัณฑ์ทำจากวัสดุธรรมชาติมากขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันด้านการตลาดได้  และมาตรการด้านกฎหมาย โดย
ศึกษาและยกร่างกฎหมายการจัดการกากของเสียและสารอันตรายเป็นการเฉพาะเพื่อใช้สำหรับควบคุมปริมาณขยะ
มูลฝอย  สินค้า  หรือผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบ  รวมทั้งกำหนดให้ผู้ประกอบการร่วมรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ของตน
ภายหลังจากการบริโภคของประชาชน   และ (2) มาตรการระยะยาว  ได้แก่  มาตรการจัดการบรรจุภัณฑ์พลาสติก
และโฟมในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ  มาตรการข้อกำหนดผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทำจากพลาสติกใช้แล้ว  และ
มาตรการทางภาษีอากร   ทั้งนี้  ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับเป็นเจ้าของเรื่องในการประเมิน
ผลและรวบรวมข้อมูลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการดำเนิน
การส่งเสริมให้ประชาชนมีคอมพิวเตอร์ไว้ใช้ในครอบครัว สรุปได้ดังนี้ 
  (1) การผลิตและราคาคอมพิวเตอร์ต่อหน่วยได้ให้สมาคมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ไทยรับไปดำเนินการจัดสรร
ให้สมาชิกเป็นผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (Desk Top) ตามคุณสมบัติที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่อสารกำหนด  โดยในระยะแรก จำนวน 30,000 เครื่อง ราคาเครื่องละ 10,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) 
ส่วนการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook)  อยู่ระหว่างการเจรจาหาผู้ดำเนินการผลิต  
  (2)  การผ่อนชำระและอัตราดอกเบี้ย  มีสถาบันการเงินเข้าร่วมโครงการ 2 แห่ง  คือ  ธนาคารกรุงไทย จำกัด 
(มหาชน)  และธนาคารออมสิน  โดยกำหนดระยะเวลาการผ่อนชำระภายใน 24 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.25 ต่อปี  และ 
  (3) จำนวนการจองเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้เปิดให้จองคอมพิวเตอร์ตั้งแต่วันที่ 9-31 พฤษภาคม 2546 มีผู้สนใจสั่งจองเครื่อง
คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (Desk Top) จำนวน 134,614 เครื่อง และเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) จำนวน 
10,807 เครื่อง  รวม 145,421 เครื่อง ทั้งนี้ ไม่รวมยอดการสั่งจองซึ่งอยู่ระหว่างธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการดำเนินการตามมติคณะ
รัฐมนตรีเรื่องการส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนมีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา และเรื่องการขอรับเป็นเจ้าภาพจัด
การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 (The 1th Asian Indoor Games)  ปี พ.ศ. 2548 โดยผลการดำเนิน
งานเกี่ยวกับการส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนมีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา ในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยว
และกีฬา ได้จัดสนามกีฬาให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้สนามกีฬาเพื่อเล่นกีฬาและออกกำลังกาย และ
จัดกิจกรรมต่าง  ๆ   เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนมีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา   รวมทั้งจัดประชุมสัมมนา
เพื่อการบริหารจัดการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  การพัฒนาการกีฬา  นันทนาการ  เพื่อให้มีศักยภาพ
ในการปฏิบัติงานด้านการท่องเที่ยวกีฬา  และนันทนาการ  ในส่วนของการกีฬาแห่งประเทศไทย  ได้ดำเนินโครง
การสารพัดแข่ง  (สตรีทซอคเกอร์ชิงชนะเลิศประจำจังหวัดและประเทศไทย)  เริ่มดำเนินการแข่งขันระหว่างเดือน
มิถุนายน  -  ตุลาคม  2546   ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานสลากกินแบ่ง
รัฐบาล  จำนวน 40 ล้านบาท  และโครงการสานฝันฟุตบอลไทยไปฟุตบอลโลกปี 2006 อยู่ระหว่างนำเรื่องเสนอ
ต่อคณะรัฐมนตรี  สำหรับเรื่องการขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์  ครั้งที่ 1 สภาโอลิม
ปิคแห่งเอเชีย ได้กำหนดให้มีการประชุมในวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2546 ณ กรุงเทพมหานคร

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแผน
ปฏิบัติการสร้างราชการใสสะอาด ประจำปี พ.ศ. 2545 สรุปได้ว่า  ตามที่สำนักงาน ก.พ. ได้มีหนังสือแจ้งให้ส่วนราช
การจัดส่งรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว มีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐส่งรายงานผล
การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสิ้น 123 แห่ง ประกอบด้วย กระทรวง ทบวง กรม 105 แห่ง ในจำนวนนี้
มี 15 แห่งที่ปรับปรุงแผนกลยุทธ์หน่วยงานใสสะอาดของตนใหม่ รัฐวิสาหกิจ 8 แห่ง  มหาวิทยาลัย 9 แห่ง  และองค์
กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1 แห่ง โดยรายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐส่วนใหญ่ครอบ
คลุมเนื้อหา 3 ด้าน  คือ  การส่งเสริมจิตสำนึกราชการใสสะอาด  การป้องกันเหตุการณ์และพฤติกรรมที่อาจเป็นภัย
ต่อการก้าวไปสู่ประเทศไทยใสสะอาด ในประเด็นการปรับกระบวนการให้บริการ  การปรับกระบวนการบริหารงาน
ภายใน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และการจัดให้มีกลไกพร้อมรับการตรวจสอบ และการจัดการกรณี
ทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดขึ้น  สำหรับแนวการดำเนินการต่อไป สำนักงาน ก.พ. จะเผยแพร่ผลการ
พิจารณาของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีแก่สาธารณะ  ส่วนราชการ  และ
หน่วยงานของรัฐ   และให้ถือว่าการดำเนินการเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงาน  โครงการ  กิจกรรมประจำของส่วน
ราชการและหน่วยงานของรัฐ   โดยจะผนวกการดำเนินการเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของมิติการประเมินผลงานเพื่อขอรับ
เงินรางวัลประจำปี รวมทั้งให้เป็นเงื่อนไขประการหนึ่งในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณแก่ส่วนราชการ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานสรุปผลความคืบหน้าโครงการปลูกป่าเพื่อ
ฟื้นฟูสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ผ่านการฝึกอบรมจากโรงเรียน
วิวัฒน์พลเมือง สรุปได้ดังนี้ (1) เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2546  ได้มีการหารือระหว่างอธิบดีกรมราชทัณฑ์และแม่ทัพ
ภาคที่ 1  เกี่ยวกับการนำผู้พักโทษหรือผู้ที่เป็นนักโทษคดียาเสพติดที่มีความประพฤติดีเข้าอยู่ในพื้นที่โครงการอัน
เนื่องมาจากพระราชดำริ  (2)  ได้จัดประชุมหารือร่วมกับผู้แทนกรมราชทัณฑ์ และผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์
ป่าและพันธุ์พืช  เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2546  ซึ่งที่ประชุมได้มีมติจัดโครงการนำร่องที่ป่ากุยบุรี  จังหวัดประจวบคีรี
ขันธ์ จำนวน 300 ไร่ และสวนป่าเฉลิมพระเกียรติสิริกิติ์ จังหวัดราชบุรี จำนวน 300 ไร่  โดยใช้ผู้ต้องราชทัณฑ์พื้น
ที่ละ 30 คน (3) วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2546 ได้ร่วมสำรวจพื้นที่เพื่อจัดทำโครงการปลูกป่า ฯ และได้ประชุมหารือที่
กรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2546 เพื่อจัดทำแผนงานและงบประมาณ รวมทั้งการกำหนดอัตราค่าจ้าง
แรงงาน  ค่าตอบแทนแก่ผู้ร่วมปฏิบัติงาน  และการจัดระบบควบคุมดูแลติดตามผล   และได้ประชุมการจัดทำแผน
งานและงบประมาณโครงการในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546  (4)  วันที่ 10 เมษายน 2546  ได้ส่งเรื่องให้กองทัพ
บกอนุมัติหลักการดำเนินงานโครงการปลูกป่า ฯ ในพื้นที่ดังกล่าว  ส่วนกระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการคัดเลือก
ตัวผู้คุมเข้าร่วมปฏิบัติงาน    และคัดเลือกตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ผ่านการอบรมเข้าดำเนินงานโครงการปลูกป่า    ฯ 
สำหรับกรมอุทยาน  ฯ  ได้ดำเนินการรวบรวมประมาณการงบประมาณของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอ
ต่อสำนักงบประมาณแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2546

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการใช้จ่ายเงิน
กู้โครงการกองทุนสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 1 ครั้งที่ 12 ข้อมูล  ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546 สรุปได้ว่า การบริหารโครง
การกองทุน ฯ  ไม่สามารถดำเนินการเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น  (JBIC  หรือ 
OECF เดิม)  ได้หมดทันตามระยะเวลาที่กำหนดไว้  คือ  วันที่ 19 มกราคม 2546  เนื่องจากมีโครงการน้ำเสียจังหวัด
สมุทรปราการ  และเทศบาลเมืองมุกดาหาร   โครงการขยะ  เทศบาลนครยะลา  และเทศบาลตำบลอ้อมใหญ่  ที่ไม่
สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน  และแผนการเบิกจ่ายเงินที่กำหนดไว้   มีผลทำให้การดำเนิน
โครงการล่าช้าไปประมาณ 20 เดือน  โดยคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายเงินกู้จาก JBIC งวดสุดท้ายได้ในเดือนกันยายน
2547  ดังนั้น จึงได้ประสานกับ JBIC และรัฐบาลญี่ปุ่น โดยผ่านกระทรวงการคลังเพื่อขอขยายเวลาไปอีก 20 เดือน 
ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2546-19 กันยายน 2547   ซึ่งทางสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้พิจารณาเหตุผลและ
ความจำเป็นในการขอขยายเวลาดังกล่าวแล้ว    โดยเห็นควรประสานแจ้งสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศ
ไทย และ JBIC เพื่อขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้ออกไปอีกเพียง 1 ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 19 มกราคม
2546 เป็นสิ้นสุดในวันที่ 19 มกราคม 2547  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการที่ได้มีการผูกพันและลง
นามในสัญญาแล้ว  และคาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในวันที่ 19 มกราคม 2547  ซึ่งได้แก่  โครงการว่าจ้าง
แบบเหมารวม (Turnkey) เพื่อการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย  เขตควบคุมมลพิษ  จังหวัด
สมุทรปราการ  และโครงการก่อสร้างระบบกำจัดมูลฝอย  เทศบาลนครยะลา    ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น
ประจำประเทศไทยได้ตอบตกลงให้ขยายเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้ เป็นวันที่ 19 มกราคม  2547 แล้ว  และจาก
การที่ JBIC ได้ขยายเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายให้เฉพาะโครงการที่ได้มีการลงนามในสัญญาแล้วนั้น  ทำ
ให้โครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เทศบาลเมืองมุกดาหาร  จังหวัดมุกดาหาร  และโครงการปรับ
ปรุงสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยและก่อสร้างสถานีขนถ่าย  เทศบาลตำบลอ้อมใหญ่ จังหวัดนครปฐม  ไม่อยู่ในข่ายได้
รับการสนับสนุนงบประมาณภายใต้โครงการ ฯ  สำนักงาน ฯ  จะได้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อ
พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับสาร 3-MCPD ในซอสปรุงรส สรุปได้ว่า  จากการตรวจติดตามสถานที่ผลิตและเก็บตัวอย่างซอสปรุงรส
ในจังหวัดที่มีแหล่งผลิตซอสปรุงรส โดยผลการตรวจวิเคราะห์สารในซอสปรุงรส 16 ตัวอย่าง ที่เก็บจากสถานที่
ผลิตและสถานที่จำหน่าย  ระหว่างวันที่ 5-29 สิงหาคม 2545  พบว่า  ซอสปรุงรส  2  ตัวอย่าง (จากผู้ผลิต  2 
รายซึ่งเป็นโรงงานที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนากระบวนการผลิตกับกระทรวงสาธารณสุข) พบปริมาณสาร  3
-MCPD   8.19  มิลลิกรัม/กิโลกรัม   และ  3.80  มิลลิกรัม/กิโลกรัม    ซึ่งเกินข้อกำหนดตามประกาศกระทรวง
สาธารณสุข  (ฉบับที่  248)  พ.ศ. 2544  ที่กำหนดให้พบปริมาณสารได้ไม่เกิน  1  มิลลิกรัม/กิโลกรัม  ซึ่งทาง
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะได้พิจารณาดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสที่
จำหน่ายในท้องตลาดให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดต่อไปอย่างต่อเนื่อง   และจะให้คำแนะ
นำช่วยเหลือโดยจะเร่งรัดให้พัฒนากระบวนการผลิต   เพื่อปรับลดปริมาณสารดังกล่าวให้เป็นไปตามข้อกำหนด
โดยเร็ว  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า ผลจากการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสาร  3-MCPD  ในซอสปรุงรส 16
ตัวอย่าง  ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดมีปริมาณสารน้อยกว่าที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนด   รวมทั้งผลจาก
การศึกษาในปัจจุบันค่าที่กำหนดยังต่ำกว่าค่าความปลอดภัย PMTDI  (Provisional  Maximum  Tolerable  Daily
Intake)  ถึง 20 เท่า ซึ่งปัจจุบันไม่มีปัญหาในการนำเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา  ญี่ปุ่น  และออสเตรเลีย  แต่ยังมี
ปัญหาในการนำเข้าประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป (EU) เนื่องจากมีการกำหนดค่ามาตรฐานของสารไว้ต่ำเกิน
ไป และโดยที่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดค่ามาตรฐานสากล (Codex) ของการปนเปื้อนนี้ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ควรดำเนินการผลักดันให้มีการกำหนดค่ามาตรฐานสากล  ให้เป็นไปตามค่าที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศ
กำหนดเพื่อประโยชน์ต่อการส่งออก  และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กระทรวงสาธารณสุข  และกระทรวง
อุตสาหกรรมเร่งพิจารณาปรับปรุงยกระดับมาตรฐานของสินค้าที่ผลิตในประเทศให้สูงขึ้น  และเพิ่มปริมาณผล
ผลิตที่มีมาตรฐานให้มากขึ้น    ในขณะเดียวกันมอบให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เร่งขยาย
ตลาดสินค้าในต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการใช้จ่ายเงิน
กู้โครงการกองทุนสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 1 ครั้งที่ 11 ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2545  สรุปได้ว่า การเบิกจ่ายเงิน
กู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC หรือ OECF เดิม) 11,200 ล้านเยน ไม่สามารถ
เบิกได้ทั้งหมดตามระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากความล่าช้าของโครงการน้ำเสีย และโครงการขยะในพื้นที่ต่าง ๆ 
และได้ประสานกับรัฐบาลญี่ปุ่นขยายเวลาออกไปอีก  20  เดือน และมีการเบิกจ่ายไปแล้วบางส่วน  ณ  วันที่ 31
ตุลาคม 2545 มีจำนวนทั้งสิ้น  26  โครงการ  ได้แก่  โครงการน้ำเสียสมุทรปราการ  โครงการว่าจ้างที่ปรึกษา
และโครงการในพื้นที่อื่น ๆ จำนวน 24 โครงการ  รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น  3,736.383  ล้านบาท  ซึ่งเป็นวงเงินที่
เบิกจ่ายในส่วนของ JBIC  จากเงินทดรองราชการ ประมาณ  2,621.583  ล้านบาท  หรือประมาณร้อยละ  89
ของวงเงินกู้  และเบิกจ่ายจากเงินกองทุน  1,114.80  ล้านบาท  โดยส่วนที่เบิกจากเงินทดรองจ่ายได้มีการเบิก
เงินกู้ชดใช้เงินทดรองจ่ายแล้ว 2,476.865 ล้านบาท  หรือประมาณร้อยละ  84  ของวงเงินกู้   สำหรับแผนการ
เบิกจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546  ในส่วนของ JBIC  วงเงินประมาณ  279.209  ล้านบาท  และจากกองทุน
วงเงินประมาณ 77.838 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้นประมาณ 357.047 ล้านบาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือเรื่องเร่ง
ด่วนของรัฐบาล ประกอบด้วย โครงการจัดตั้งธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก กระทรวงการคลังและ
กระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมกันปรับบทบาทบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม (บอย.)  ให้เป็นธนาคาร
ที่สามารถให้บริการได้เทียบเคียงธนาคารพาณิชย์ โดยออกเป็นพระราชบัญญัติธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาด
กลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เพื่อจัดตั้งธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ
ไทย และได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลแล้ว  ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อลงพระปรมาภิไธย  และ
จะมีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โครงการจัดตั้งบรรษัทกลางในการบริหารสิน
ทรัพย์ (บสท.) ณ  สิ้นเดือนสิงหาคม 2545  บสท.  สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้ได้ข้อยุติ
แล้วจำนวน 800 ราย  มูลค่าบัญชีที่รับโอน 292,922 ล้านบาท  ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้  โดยลูก
หนี้ที่ได้ข้อยุติแล้วประมาณร้อยละ 61 เป็นลูกหนี้ที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจต่อ  ส่วนอีกประมาณร้อยละ 
39 เป็นลูกหนี้ที่ไม่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจต่อไป และโครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ให้แก่เกษตร
กรรายย่อย โดย ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2545 มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ รวมทั้ง
สิ้น 2,171,482 ราย คิดเป็นร้อยละ 100 จำนวนเงิน 87,440,132,960 บาท หรือร้อยละ 100  ส่วนเกษตร
กรขอลาออกจากโครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้สะสม  รวมทั้งสิ้น 138,484 ราย  คิดเป็นร้อยละ 6.00
จำนวนเงิน 6,888,325,340 บาท หรือร้อยละ 7.30

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับมาตรการจูงใจในการประหยัดไฟฟ้า
และประปา รวม 4 มติ ได้แก่  มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2540  เรื่อง  มาตรการจูงใจในการประหยัด
ในข้อ  1  มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  21 ตุลาคม  2540   เรื่อง  มาตรการจูงใจในการประหยัดในภาครัฐ  มติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2540 เรื่อง  การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (มาตรการจูงใจ
ในการประหยัด) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  4  สิงหาคม  2541  เรื่อง การรายงานผลการดำเนินการตามมติ
คณะรัฐมนตรี (มาตรการจูงใจในการประหยัด)  และเห็นชอบรูปแบบและแนวทางการรายงานผลการดำเนินการ
ตามมติคณะรัฐมนตรี  (มาตรการจูงใจในการประหยัด)  ที่ปรับปรุงใหม่    โดยให้หน่วยงานรายงานปีละ  1  ครั้ง 
รวมทั้งให้เพิ่มข้อมูลในแบบรายงานที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจัดทำขึ้น  ทั้งนี้  ให้ใช้รูปแบบการรายงานเดียวกันทุก
ส่วนราชการ และให้กระทรวง ทบวง กรม ตามโครงสร้างการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานราชการใหม่ เป็นผู้กำกับดูแล
การกำหนดมาตรการประหยัดการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาในหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง  และรวบรวมรายงานการใช้
ไฟฟ้าและประปาของหน่วยงานในสังกัดส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตามระยะเวลาที่กำหนดโดยเคร่งครัด 
เพื่อที่จะได้รวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
(4 มิถุนายน 2545)  เกี่ยวกับเรื่องการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐและการ
ฮั้วการประมูลในการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ   สรุปได้ว่า  คณะทำงานพิจารณายกร่างระเบียบสำนักนายก
รัฐมนตรีว่าด้วยการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐ    (ค.ย.ช.)    ซึ่งมีรองปลัด
กระทรวงมหาดไทย  (นายมนุชญ์  วัฒนโกเมร)  เป็นประธานคณะทำงานได้ดำเนินการยกร่างระเบียบ ฯ  เสนอ
คณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่สนับสนุนและติดตามการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตาม
นโยบายของคณะรัฐมนตรี   (ป.ท.)   ให้ความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งร่างระเบียบ ฯ  โดยใช้ชื่อว่า  ร่าง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี   ว่าด้วยการยื่นบัญชีแสดงข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐ 
พ.ศ. ....     ไปให้สำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว ส่วนการฮั้วการประมูลในการจัดซื้อจัด
จ้างของทางราชการ  สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมร่วมกันเพื่อ
พิจารณาแนวทางการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวรวม 3 ครั้ง  เมื่อ 23, 30 กรกฎาคม  2545  และ  6  สิงหาคม  
2545  โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานพัสดุกลาง และการป้องกันการสมยอมกันในการเสนอราคา
และประกวดราคา

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง  ตามรายงาน
ของสำนักงานศาลยุติธรรมได้ในวงเงิน 189,000,000 บาท  ตามผลการประกวดราคา   และให้ขยายระยะเวลา
การก่อหนี้ผูกพันจากเดิมปีงบประมาณ  พ.ศ. 2544-2546  เป็นปีงบประมาณ  พ.ศ. 2544-2547  โดยให้เบิก
จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี  พ.ศ.  2544  จำนวน  38,146,000 บาท  งบประมาณรายจ่ายประจำปี 
พ.ศ. 2545จำนวน 42,517,800 บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2 546  จำนวน  37,112,000  บาท 
และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปี  พ.ศ.  2547  จำนวน  71,224,200  บาท    ตามความเห็นของสำนัก
งบประมาณ  ส่วนกรณีการขอขยายระยะเวลาการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีนั้น ให้สำนักงานศาลยุติธรรมทำความ
ตกลงกับกระทรวงการคลังต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะ
รัฐมนตรีเรื่อง รายการอ่อนไหว  (Sensitive List : SL)  สำหรับภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร  ประมง
ป่าไม้  และเหมืองแร่  และแนวทางการเร่งระยะเวลาการเปิดเสรีสำหรับนักลงทุนนอกอาเซียน  ภายใต้ความ
ตกลงเขตการลงทุนอาเซียน (AIA) ซึ่งประเทศสมาชิกเดิม และไทย จะต้องเปิดเสรีการลงทุนในอุตสาหกรรม
การผลิต เกษตร ประมง ป่าไม้  เหมืองแร่  และบริการที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตทั้ง  5  สาขาดังกล่าว  และ
ให้การประติบัติเยี่ยงคนชาติแก่นักลงทุนอาเซียนภายในปี  พ.ศ. 2553  และนักลงทุนนอกอาเซียนภายในปี
พ.ศ. 2563 โดยสามารถจัดทำรายการขอสงวนรายการที่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเสรีภายใต้กรอบเวลา แบ่งเป็น
3  ประเภท  ได้แก่  รายการขอสงวนชั่วคราว (Temporary Exclusion List-TEL) รายการอ่อนไหว (Sensitive
List-SL) และรายการยกเว้นทั่วไป  (General Exception  List-GEL)  ซึ่งในการประชุมคณะกรรมาธิการเขต
การลงทุนอาเซียน (AIA Council) ครั้งที่ 5  ในวันที่ 11 กันยายน 2545  ณ  ประเทศบรูไน  ดารุสซาลาม
ไทยได้ยื่น  SL  จำนวน  22  รายการ   ซึ่งรายการดังกล่าวเป็นกิจการที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมและอยู่ใน
บัญชี 2  หมวดที่ 3  และบัญชี  3  ของพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว  พ.ศ. 2542  เนื่อง
จากที่ประชุม AIA Council ครั้งที่ 4  ได้มีมติให้ร่นระยะเวลาการเปิดเสรีสำหรับนักลงทุนนอกอาเซียน จากปี 
พ.ศ. 2563 เป็นปี  พ.ศ. 2553  ประเทศไทยได้พิจารณาทบทวนจัดทำรายการขอสงวนของภาคเกษตรใหม่  
และจะยื่นรายการ TEL และ SL สำหรับภาคเกษตร  แยกเป็น 2 ชุด  ที่แตกต่างกันระหว่างนักลงทุนอาเซียน
และนักลงทุนนอกอาเซียน  โดยรายการที่ได้ยื่นไปแล้ว  ถือว่าเป็นรายการสำหรับนักลงทุนอาเซียนเท่านั้น
ทั้งนี้ จะได้มีการยื่นรายการสำหรับนักลงทุนนอกอาเซียนต่อไป