คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงพาณิชย์รับเรื่อง การเร่ง
รัดการส่งออกสินค้าและการแสวงหาตลาดใหม่ไปดำเนินการโดยด่วน    เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีแนว
โน้มชะลอตัวต่อเนื่อง  ทำให้แนวโน้มการส่งออกของไทยขยายตัวในอัตราที่ลดลง  โดยให้พิจารณาปรับปรุง
ขั้นตอนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การส่งออกสินค้ามีความสะดวกและคล่องตัวมากที่สุด ตามที่นายก
รัฐมนตรีเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเร่งรัดใช้จ่ายและการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2544 โดยให้กระทรวง ทบวง  กรม  เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ  เป็นไปตามเป้าหมาย
รวมทั้งเป็นการสร้างงานทางเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างแท้จริง ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานเหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737 - 400
ทะเบียนเลขที่  HS - TDC นามพระราชทาน "นราธิวาส" ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ 
TG 114 ซึ่งจะทำการบินไปยังจังหวัดเชียงใหม่เกิดระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ  6  คน  ซึ่งเป็น  
พนักงานต้อนรับของบริษัท การบินไทย ฯ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2544  โดยเครื่องบินลำดังกล่าวบินมาจากท่า  
อากาศยานพิษณุโลก และจอดเตรียมความพร้อมเพื่อจะบินไปเชียงใหม่   และจากการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุ 
ของการระเบิดในเบื้องต้นของผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดสันนิษฐานว่า  สารวัตถุระเบิดที่ติดอยู่กับศพเกิดจาก 
วัตถุระเบิดอย่างแน่นอน  และได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานประสานงานการสอบสวนอุบัติเหตุ และคณะทำงาน  
สอบสวนตามกฎระเบียบการบินในส่วนของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย  รวมทั้งแต่งตั้งคณะพนักงาน 
สืบสวนสอบสวนในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรวบรวมข้อมูลและสืบสวนหาข้อเท็จจริง    สำหรับการ  
ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าว  บริษัท  การบินไทย ฯ  จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
แก่พนักงานที่บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งหมด นอกจากนี้ เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดติดตามการสืบ
สวนสอบสวนและการข่าว เพื่อทำหน้าที่เร่งรัดติดตามการสืบสวนและการข่าว ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องและ 
หามาตรการป้องกัน   และคณะกรรมการด้านประชาสัมพันธ์  ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจ 
และความเชื่อมั่นให้กับคนไทยและคนต่างชาติ  ทั้งนี้  เพื่อมิให้ภาพพจน์ของประเทศเกิดความเสียหาย ตามที่
นายกรัฐมนตรีเสนอ
 

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการตรวจติดตาม  
งานการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี  ประจำปีงบประมาณ    
พ.ศ. 2543 งวดที่ 3 ในส่วนของการซ่อมบำรุง ดูแลรักษา ปรับปรุงบ่อบาดาลและประปาชนบทในความรับผิด  
ชอบของกรมทรัพยากรธรณี กรมอนามัย และกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท ระหว่างเดือนสิงหาคม-กลางเดือน 
กันยายน  2543  ทั่วประเทศ  โดยบ่อบาดาลและประปาชนบททั่วประเทศที่ใช้การได้มีจำนวนร้อยละ  93.67     
และ 95.66  ตามลำดับ  ประกอบกับหน่วยงานที่รับผิดชอบได้มอบบ่อบาดาลที่ขุดเจาะแล้วเสร็จให้แก่องค์กร 
ปกครองส่วนท้องถิ่นทำหน้าที่บริหารจัดการใช้น้ำ  และบำรุงรักษา  โดยใช้งบประมาณขององค์กรปกครอง ฯ   
เอง   และจะเรียกประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อชี้แจงให้ทราบถึงการมีบทบาท รวมถึงการมีส่วนร่วมในการดูแลบำรุง   
รักษาเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของชุมชน   ส่วนผลการดำเนินงานซ่อมบำรุง   ดูแลรักษา   ปรับปรุงบ่อ     
บาดาลและระบบประปาชนบทได้ดำเนินการแล้วเสร็จเป็นส่วนใหญ่     โดยปัญหาและอุปสรรคในการดำเนิน   
งาน พบว่า ประชาชนหรือกลุ่มผู้ใช้น้ำยังขาดความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ในการดูแล บำรุงรักษา ซ่อม  
แซม  ปรับปรุงแหล่งน้ำ  รวมทั้งคณะกรรมการบริหารกิจการประปาหมู่บ้านในหลายพื้นที่ยังขาดการบริหาร 
จัดการใช้น้ำที่มีประสิทธิภาพ   และระเบียบต่าง ๆ  ที่ใช้อยู่ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย  มติคณะ 
รัฐมนตรี  และสถานการณ์ปัจจุบัน   ทั้งนี้  ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ 
ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยว 
ข้องต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการอบรมหลักสูตรการซ่อมบำรุง  
รักษาบ่อน้ำบาดาลและเครื่องสูบน้ำมือโยกให้กับข้าราชการองค์การบริหารส่วนตำบล  โดยกรมการเร่งรัดพัฒนา  
ชนบท กระทรวงมหาดไทย ได้จัดเตรียมงบประมาณจำนวน 6,164,100 บาท เพื่อการฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าว 
และอีกส่วนหนึ่งจำนวน 1,200,000 บาท และจำนวน 4,964,100 บาท นั้น ใช้จัดทำเอกสาร คู่มือ อุปกรณ์  และ  
สื่อการสอน  รวมทั้งใช้ฝึกอบรมให้กับข้าราชการองค์การบริหารส่วนตำบล  (อบต.)  ใน  75  จังหวัดทั่วประเทศ  
จำนวน 6,747 คน ซึ่งได้ดำเนินการฝึกอบรมเรียบร้อยแล้ว

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงเพิ่มวงเงินค่างานตามสัญญา โครงการเร่งรัดขยายทางสาย  
ประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร ในทางหลวงหมายเลข 2 สาย ขอนแก่น - อุดรธานี  ตอน อ.น้ำพอง - อุดรธานี   
จากวงเงินเดิม 752,555,117 บาท  เป็นวงเงินใหม่  792,428,766.28  บาท  คิดเป็นค่างานที่เพิ่มขึ้นจำนวน    
39,873,649.28 บาท โดยให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณร้อยละ 50 เป็นเงิน 19,936,824.64 บาท และเบิก 
จ่ายจากเงินกู้ ADB ร้อยละ 50 เป็นเงิน 19,936,824.64 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ 
สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 และการรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ระยะที่ 2  ประจำปีงบประมาณ  
พ.ศ. 2543 (เดือนเมษายน - กันยายน  2543) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ประกอบด้วย  ภาพรวมงาน/    
โครงการสำคัญที่ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 8  จำนวน  113  งาน/โครงการ  และ   
ที่ดำเนินการตอบสนองนโยบายรัฐบาล  จำนวน 125  งาน/โครงการ  ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ  
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เกี่ยวกับการเร่งรัดการ  
ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ฯ ที่ยังไม่ก้าวหน้า  เช่น  การสนับสนุนการออกกฎหมายยกเลิกเครื่องมือประมง  
ทะเลที่ทำลายระบบนิเวศน์ชายฝั่ง  การเร่งรัดจัดทำแผนลดการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีปราบศัตรูพืช  การพัฒนา 
การเกษตรยั่งยืนเพื่อปรับโครงสร้างการเกษตร การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ (ทะเลไทย ทรัพยากรป่าชายเลน 
ป่าไม้ ทรัพยากรดินและน้ำ) การจัดเขตการใช้ที่ดินเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร การควบคุม 
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  และการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับครัวเรือนและชุมชน  รวมทั้งประเมินผลกระทบที่ 
เกิดจากการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่มีต่อรายได้ คุณภาพชีวิตของเกษตรกร การพัฒนาศักยภาพของเกษตรกร   
และปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสร้างตัวชี้วัดความสำเร็จในการปฏิบัติงานเป็นรายยุทธศาสตร์เพื่อใช้เป็น 
แนวทางในการปรับปรุงและขยายผลการดำเนินงาน) ไปดำเนินการต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ  
สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8  และการรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ระยะที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2543  (เดือนเมษายน - กันยายน 2543)  ของกระทรวงคมนาคม  ประกอบด้วย  ภาพรวมงาน/โครงการ 
สำคัญที่ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 8  จำนวน  110  งาน/โครงการ  และที่ดำเนิน  
การตอบสนองนโยบายรัฐบาล  จำนวน 88 งาน/โครงการ  ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ  โดยให้รับความเห็น  
ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการเร่งรัดการดำเนินการแปรรูป  
รัฐวิสาหกิจในส่วนที่กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบและดำเนินการปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างการขนส่งรูปแบบ 
ต่าง ๆ  โดยเฉพาะในพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ  รวมทั้งเร่งรัดการ 
ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการพัฒนากิจการพาณิชยนาวี ตลอดจนกำหนดเครื่อง 
ชี้วัดเพื่อแสดงถึงผลที่ได้รับจากการปฏิบัติงานภายใต้แผนปฏิบัติการประจำปีดังกล่าว) ไปดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี 
ของหน่วยงานในสังกัด งวดที่ 3 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 (เดือนมิถุนายน - กันยายน 2543) รวม  66  
เรื่อง (66 โครงการ) ประกอบด้วย  กรมการปกครอง  3  เรื่อง  กรมพัฒนาชุมชน  10  เรื่อง  กรมราชทัณฑ์  3 
เรื่อง กรมที่ดิน 1 เรื่อง กรมโยธาธิการ 17 เรื่อง กรมการเร่งรัดพัฒนาชุมชน 1 เรื่อง กรมการผังเมือง  3  เรื่อง  
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 5 เรื่อง การประปานครหลวง  1  เรื่อง  การประปาส่วนภูมิภาค  3  เรื่อง  การ 
ไฟฟ้านครหลวง 1 เรื่อง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 3 เรื่อง  การเคหะแห่งชาติ  2  เรื่อง  และกรุงเทพมหานคร  13
เรื่อง 

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8  และการรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล  ระยะที่ 2  ปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2543 (เดือนเมษายน - กันยายน 2543) ของกระทรวงอุตสาหกรรม  ประกอบด้วย  ภาพรวมงาน/โครง    
การที่สำคัญที่ดำเนินการตามแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 8 จำนวน 124 งาน/โครงการ และที่ดำเนินการตอบสนอง  
นโยบายรัฐบาล จำนวน 63 งาน/โครงการ  ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ  โดยให้รับความเห็นของสำนัก  
งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินงานในด้านการปรับโครง  
สร้างอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มรากฐานทางอุตสาหกรรมที่มั่นคงโดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพและการปรับปรุง 
เทคโนโลยีการผลิต และยกระดับขีดความสามารถของแรงงานฝีมือให้มีคุณภาพมาตรฐานที่สอดคล้องกับความ 
ต้องการของภาคอุตสาหกรรม  การติดตามให้ศูนย์ผลักดันสินค้าในส่วนของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล และ 
อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ดำเนินงานและประสานงานให้เป็นไปตามแผนงาน/มาตรการ 
ที่กำหนดไว้ การให้ความสำคัญต่อแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรและการแปรรูปสินค้าเกษตร  
ตามที่ได้กำหนดไว้ในแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร  (พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2547)  รวมทั้ง 
การรณรงค์สร้างความเข้าใจ และส่งเสริมในเรื่อง การใช้เทคโนโลยีสะอาดภายในโรงงานอุตสาหกรรม  เพื่อไม่
ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาจากมาตรการกีดกันทางการค้าในเวทีการค้าโลก) ไปดำเนินการ
ด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ 
สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8  และการรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ระยะที่ 2  ประจำปีงบประมาณ  
พ.ศ. 2543 (เมษายน - กันยายน 2543) ของกระทรวงการคลัง ซึ่งประกอบด้วย  ภาพรวมงาน/โครงการสำคัญ 
ที่ดำเนินการในระยะที่ 2  ในส่วนที่เป็นไปตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนา ฯ  ฉบับที่ 8  และแนวทางการปรับ 
แผน  ฯ  จำนวน  77  งาน/โครงการ   และที่ดำเนินการตอบสนองนโยบายรัฐบาล  จำนวน  75  งาน/โครงการ   
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้รับความเห็น ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา 
กาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เกี่ยวกับการเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายเงินกู้ในส่วนของโครงการที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้  
ต่าประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจซึ่งบางโครงการยังมีการเบิกจ่ายค่อนข้างต่ำ     
เพื่อให้บรรลุผลการดำเนินโครงการตามที่ตั้งเป้าหมายไว้    และให้มีการประเมินผลสำเร็จของโครงการรับจำนำ  
สินค้าทางการเกษตรในด้านความทั่วถึงในการแก้ปัญหา  การยกระดับราคาสินค้าเกษตร  กับให้มีการพิจารณา 
ทบทวนนโยบายการให้เงินอุดหนุนสินค้าเกษตรพืชหลักให้สอดคล้องกับนโยบายการเปิดเสรีทางการค้าภายใต้  
กรอบองค์การการค้าโลก การให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างภาคเกษตรและอุตสาหกรรม  ตลอด  
จนการเชื่อมโยงระหว่างการผลิตและจัดหาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ  การเร่งรัดการจัดตั้งสถาบันการ  
เงินตามหลักศาสนาอิสลาม เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการระดมเงินออมและการลงทุนของชาวมุสลิมทั้ง  
ในและต่างประเทศอย่างแท้จริง   นอกจากนี้  การดำเนินการเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวโดยการพัฒนาระบบ 
กองทุนควรเป็นไปอย่างต่อเนื่อง  และกำหนดระเบียบกฎเกณฑ์ในแผนปฏิบัติการให้ชัดเจน   ทั้งนี้  การรายงาน 
ผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนา ฯ  ฉบับที่ 8  ควรให้ความสำคัญในการให้รายละเอียดผล 
การดำเนินการที่สำคัญ พร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรคอย่างชัดเจน และครบถ้วนมากขึ้น

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงเพิ่มวงเงินค่างานของสัญญาก่อสร้างทางในโครงการเร่งรัด  
ขยายทางสายประธานให้เป็น  4  ช่องทางจราจร สาย อ.จะนะ - ปัตตานี - นราธิวาส - อ.สุไหงโก-ลก   ตอน
แยกทางหลวงหมายเลข 43 - ปัตตานี - นราธิวาส  ตอน  อ.สายบุรี - อ.บาเจาะ - นราธิวาส ตามสัญญาจ้าง   
เลขที่  ADB/LN 1391 - THA (4) ลงวันที่  16  สิงหาคม  2540  จากวงเงินเดิม  1,453,132,850  บาท  เป็น 
วงเงินใหม่  1,560,107,310  บาท  คิดเป็นค่างานเพิ่มขึ้นจำนวน  106,974,460  บาท   โดยเบิกจ่ายจากงบ   
ประมาณ ร้อยละ 50 เป็นเงิน 53,487,230 บาท  และเบิกจ่ายจากเงินกู้  ร้อยละ  50  เป็นเงิน  53,487,230 
บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ  ฉบับที่ 8  ระยะที่ 2  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2542  (เดือนเมษายน - กันยายน 2542) 
ของกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย โครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนา ฯ  ฉบับที่  8  ตามที่กระทรวง  
มหาดไทยเสนอ  โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ   
สังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการเร่งรัดหรือให้ความสำคัญลำดับสูงในการดำเนินการเพื่อลดผลกระทบจากปัญหา   
เศรษฐกิจในส่วนของยุทธศาสตร์การเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาภูมิภาคและชนบทโดยเสริมสร้างโอกาสใน 
การพัฒนาเพื่อการสร้างอาชีพ  การมีงานทำ  การสนับสนุนเพื่อให้เกิดประชาคมในทุกระดับเพื่อส่งเสริมความ 
เข้มแข้งของชุมชนและการกระจายโอกาสในการพัฒนาไปสู่ภูมิภาคและชนบท การเสริมสร้างศักยภาพเพื่อการ
บริหารจัดการงานพัฒนาภูมิภาคและชนบทในการกระจายอำนาจ การบริหารงบประมาณ และการมีส่วนร่วม  
ของประชาชนในการร่วมคิด  ร่วมจัดทำแผน   และร่วมบริหารจัดการพัฒนาท้องถิ่น   รวมทั้งการสนับสนุนให้
จังหวัดนำวิสัยทัศน์ที่ได้จากการระดมความคิดเห็นการจัดทำแผนพัฒนา ฯ  ฉบับที่ 9  ไปใช้เป็นหลักในการจัด   
ทำแผนพัฒนาจังหวัด  5  ปี โดยให้จัดเวทีประชาคมระดมความคิดเห็นในทุกระดับเพื่อให้ได้แผนของประชาชน 
อย่างแท้จริง)  ไปดำเนินการต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการเพิ่ม 
ประสิทธิภาพการตรวจสอบภายในภาคราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของคณะ 
กรรมการตรวจสอบ  การจัดตั้งกลุ่มงานตรวจสอบภายในระดับกระทรวง  การดำเนินงานของกระทรวงการ 
คลังโดยกรมบัญชีกลาง  ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการในส่วนของการจัดตั้งกลุ่มงานตรวจสอบภาย  
ในระดับกระทรวง   และการขอตั้งงบประมาณและการเบิกจ่ายเงินค่าสมนาคุณตอบแทนการปฏิบัติงานของ   
คณะกรรมการตรวจสอบ   รวมทั้งแนวทางแก้ไขปัญหา  โดยกระทรวงการคลังจะดำเนินการเร่งรัดการจัดตั้ง   
กลุ่มงานตรวจสอบภายในระดับกระทรวงของกระทรวงต่าง  ๆ   ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว   ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ  
ภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  เมื่อการจัดตั้งกลุ่มงาน ฯ มีความก้าวหน้าประการใดแล้ว  
จะรายงานให้ทราบในโอกาสต่อไป   สำหรับในกรณีของกระทรวงกลาโหมที่ไม่สามารถจัดตั้งกลุ่มงานตรวจ 
สอบภายในตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดได้  เนื่องจากโครงสร้างองค์กรและการกำหนดความรับผิดชอบของ 
กระทรวงกลาโหมแตกต่างจากส่วนราชการพลเรือน นั้น ให้ดำเนินการโดยด่วนต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ  ฉบับที่ 8 และการรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล  ระยะที่  2  ประจำปีงบ  
ประมาณ  2543  (เมษายน - กันยายน  2543)  ของกระทรวงพาณิชย์  ประกอบด้วยส่วนที่เป็นไปตามแผน
ปฏิบัติการของแผนพัฒนา ฯ จำนวน 76 งาน/โครงการ  และที่ดำเนินการตอบสนองนโยบายรัฐบาล จำนวน  
81 งาน/โครงการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ 
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการปฏิรูปกฎหมายที่จะส่งผลต่อระบบการค้าและขีด 
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ  การเตรียมความพร้อมของบุคลากรในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรอง   
รับการบังคับใช้กฎหมายใหม่  ๆ  การส่งเสริมให้ภาคเอกชนใช้มาตรการต่าง  ๆ  ที่รัฐสนับสนุนเพื่อขยายสัด 
ส่วนการส่งออกไปตลาดใหม่  รวมทั้งการดำเนินงานของศูนย์ผลักดันสินค้า ตามโครงการนำร่อง  "ผู้ผลักดัน  
สินค้า"  ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ  อัญมณีและเครื่องประดับ  เครื่องหนังและรองเท้า  เพื่อสนับสนุนและผลักดัน 
การส่งออก ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มสมรรถนะและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ)  ไปพิจารณาดำเนินการ
ต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2543  เมื่อ 
วันที่ 20 กรกฎาคม 2543 ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์น้ำ รายงานการประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำใน  
พื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบน และแนวทางการแก้ไขปัญหาในแม่น้ำท่าจีน กับเห็นชอบนโยบายน้ำของชาติ  ตามที่รอง  
นายกรัฐมนตรี  (พลตำรวจโท วิโรจน์  เปาอินทร์)  ประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ  โดยให้  
แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของนโยบายข้อ  7  เป็นดังนี้  "สนับสนุนงบประมาณสำหรับแผนปฏิบัติตามนโยบาย 
รวมทั้งการวิจัย  การประชาสัมพันธ์  การรวบรวมข้อมูลข่าวสารและการถ่ายทอดเทคโนโลยีเกี่ยวกับเรื่องน้ำต่อ  
สาธารณชนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง"  กับให้จัดลำดับของวัตถุประสงค์เสียใหม่  พร้อมทั้งให้รับความเห็นของ 
กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ  และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญของนโยบาย    และหน่วยงานที่รับผิดชอบ  การรณรงค์   
ในการใช้น้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด  การแก้ไขเพิ่มเติมสาระสำคัญของนโยบายในส่วนของการใช้น้ำเพื่อการ  
อุตสาหกรรม การซ่อมแซม บำรุง  และปรับปรุงสิ่งก่อสร้างโดยวัสดุที่เหลือใช้  การเร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการ 
ป้องกันน้ำท่วมและระบายน้ำที่ชัดเจน การดำเนินกิจกรรมแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตรในชนบท  
การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ  การฟื้นฟูและอนุรักษ์น้ำ  การพัฒนาความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรน้ำ   
ระหว่างประเทศ รวมถึงการบริหารจัดการลุ่มน้ำแบบผสมผสาน) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย  โดยให้สำนักงาน   
คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติจัดทำแผนปฏิบัติงานโดยละเอียด    และให้เป็นหน่วยงานกลางในการ 
ประสานการดำเนินงาน  ทั้งนี้  ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวเพื่อให้เป็นระบบและ
มีมาตรฐานเดียวกันต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการตรวจติดตาม  
การเร่งรัดการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี  ในงวดที่ 2  
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2543  ในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ  ซึ่งจากผลกาดรำเนินการเร่งรัดการออก   
นสล.  ทั่วประเทศ  (ยกเว้นกรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรปราการ)  มีเพียง  36  จังหวัดเท่านั้นที่มีข้อมูล  
ครบถ้วน     โดยใน  36  จังหวัดดังกล่าว มีที่สาธารณประโยชน์ประเภทประชาชนใช้ร่วมกันรวมทั้งสิ้นจำนวน  
36,638  แปลง  ซึ่งออก  นสล.  แล้วจำนวน  27,896  แปลง   ในส่วนของกรมที่ดินมีแผนงานรังวัดและออก  
นสล. รวม 16 จังหวัด โดยกำหนดเป้าหมายตามแผนงานดังกล่าวไว้จำนวน 3,000 แปลง  และได้ดำเนินการ  
รังวัดแล้วจำนวน 722 แปลง นอกจากนี้จังหวัดต่าง ๆได้มีการจัดทำแผนหรือกำหนดมาตรการในการป้องกัน  
การบุกรุกที่สาธารณประโยชน์   ตามมติคณะรัฐมนตรีและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ   โดยมอบให้ส่วน 
ราชการท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบดูแลรักษาแผ่นป้ายชื่อและหลักแสดงแนวเขตที่สาธารณประโยชน์     
และทำความเข้าใจกับราษฎรเกี่ยวกับการดำเนินการออก นสล.  รวมทั้งรายงานผลให้ทราบเป็นระยะ ๆ  ซึ่ง   
สอดคล้องกับพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่  พ.ศ. 2457    โดยได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการ   
ท้องถิ่นเป็นอย่างดีทั้งการสำรวจ นำชี้แนวเขต  รวมถึงช่วยเหลือในด้านงบประมาณบางส่วน  สำหรับปัญหา   
อุปสรรค และข้อจำกัดบางประการที่ทำให้การดำเนินงานยังไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร   ซึ่งได้สรุปปัญหา  
อุปสรรค  ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับไปประกอบการพิจารณา
ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปแล้ว

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) โดยรับทราบ  
ผลการดำเนินงานโครงการลงทุนขนาดใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน  กลุ่มที่ 1  :  โครงการที่ควรเร่งรัดผลักดันให้  
แล้วเสร็จ  และกลุ่มที่ 2 : โครงการที่ควรสนับสนุนให้เริ่มดำเนินการ      โดยให้หน่วยงานที่ยังมิได้รายงานความ
ก้าวหน้าของโครงการเร่งรัดจัดทำรายละเอียดเสนอ คศก. ในคราวต่อไป    สำหรับโครงการลงทุน  กลุ่มที่ 3 : 
โครงการที่มีประเด็นเพื่อสร้างความชัดเจนหรือพิจารณาทบทวน นั้น     ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตาม
ข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  ในส่วนของโครงการที่มีความล่าช้า
ในการดำเนินงานและการเบิกจ่าย โครงการที่มีความผูกพันด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  ตลอดจนโครงการ
ที่มีประเด็นปัญหาในการดำเนินการ       ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รายงาน  โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของ คศก.    (เกี่ยวกับการกำหนดและดำเนินงานตามโครงการลงทุน  
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน  ควรจะดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูประบบราชการที่ให้ปรับลดบทบาท  
การลงทุนโดยการถ่ายโอนงานให้เอกชนดำเนินการแทนในส่วนที่สามารถกระทำได้   โดยโครงการจัดหาเรือขุด  
หัวสว่าน    จำนวน  4  ลำ  นั้น  ควรปรับให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว    กับให้กระทรวงคมนาคม   โดยกรม   
ทางหลวงเร่งออกแบบทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างสตูล - เปอร์ลิส ใหม่  โดยให้คำนึงถึงสภาพพื้นที่ซึ่งเปลี่ยนแปลง
ไปจากเดิมด้วย  แล้วนำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป    นอกจากนี้     ให้สำนักงาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งศึกษาเพื่อกำหนดบริเวณที่จะทำการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก  
ด้านอ่าวไทย และทะเลอันดามันที่ชัดเจน   รวมทั้งความเป็นไปได้ในการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมโยงสุราษฎร์ธานี - 
พังงา  และชุมพร -  ระนอง)  ไปพิจารณาดำเนินการ และรายงานให้ทราบต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการตรวจติดตามงาน  
การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค งวดที่ 2  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2543  ของผู้ตรวจราชการสำนัก  
นายกรัฐมนตรี  ระหว่างเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน  2543  ในจังหวัดต่าง ๆ  ทั่วประเทศ  สรุปได้ว่า  จากการ 
ตรวจติดตามการดำเนินงานและตรวจเยี่ยมงานเจาะบ่อบาดาล และโครงการเร่งรัดการขยายระบบประปาชนบท 
ของกรมทรัพยากรธรณี กรมอนามัย  และสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท  พบว่า  มีเพียงบางจังหวัดเท่านั้นที่ได้มี  
การจัดตั้งองค์กรกลางในการประสานงานการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ในรูปของคณะกรรมการ/ 
คณะทำงาน  เพื่อทำหน้าที่ประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการสำรวจแหล่งน้ำ  กลั่นกรอง  
และจัดลำดับความสำคัญ และนำมาจัดทำแผนหลักในการดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำ   โดยการพิจารณาจัดสรร    
แหล่งน้ำ และจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการดังกล่าว  จังหวัดและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ให้ความสำคัญ   
กับความต้องการของราษฎร  ภาวะการขาดแคลนน้ำ  และจำนวนราษฎรที่จะได้รับประโยชน์เป็นหลัก   สำหรับ   
ผลการดำเนินงานในส่วนของการเจาะบ่อบาดาลได้ดำเนินการแล้วเสร็จเป็นส่วนใหญ่    ส่วนการก่อสร้างระบบ   
ประปาชนบทยังอยู่ระหว่างดำเนินการ    รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน และข้อเสนอแนะของผู้ตรวจ   
ราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวง ทบวง  กรม ได้เร่งรัดเสนอเรื่องเกี่ยวกับการก่อหนี้ผูกพันงบ   
ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน  เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อคณะรัฐมนตรี   
ในการต้องใช้เวลาพิจารณาเรื่องโดยไม่จำเป็น  ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ 
ประมาณทุกปีจะมีการนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาเพื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะใน  
การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายของการสิ้นสุดปีงบประมาณ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ