คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนามาตรฐานแรงงานเพื่อ
ส่งเสริมการค้าเสรี ในรอบ 6 เดือน  (ตุลาคม 2544 - มีนาคม 2545)  ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการ
สังคมเสนอ   โดยได้รณรงค์ส่งเสริมการพัฒนามาตรฐานแรงงานในสถานประกอบกิจการกลุ่มเป้าหมายในเขต
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งในส่วนภูมิภาค คือ จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดฉะเชิงเทรา ดังนี้  จัด
ตั้งสำนักงานพัฒนามาตรฐานแรงงาน จัดฝึกอบรม สัมมนา ประชุมเชิงปฏิบัติการ  และประชุมเชิงวิชาการ  จัด
ทำคู่มือมาตรฐานแรงงาน สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมการพัฒนามาตรฐานแรงงาน สร้างระบบ
ตรวจประเมินและจูงใจ  และรณรงค์  ประชาสัมพันธ์  และเผยแพร่เกี่ยวกับมาตรฐานแรงงาน  ซึ่งการดำเนินกิจ
กรรมหลักโครงการเกือบทั้งหมดบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด ยกเว้นในส่วนของการสร้างระบบตรวจประเมิน
และจูงใจสถานประกอบกิจการ   ต้องใช้เวลาศึกษาหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม  จะได้เร่งรัดดำเนินการในช่วง
งบประมาณต่อไปส่วนงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าวใช้จ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 7.77 ล้านบาท  สำหรับ
แผนการดำเนินงานตามงวดเงินงบประมาณ  งวดที่ 2 (เดือนเมษายน-กันยายน 2545) ได้แก่ การเร่งรัดการ
สร้างเครือข่ายพัฒนามาตรฐานแรงงานในสถานประกอบกิจการ    และการสร้างระบบตรวจประเมินและจูงใจ
สถานประกอบกิจการ      และติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของกิจกรรมตามตัวชี้วัดผลผลิตในเชิงปริมาณเพื่อส่ง
เสริมการส่งออกไปยังส่วนภูมิภาค  รวมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงาน และกำหนดวิสัยทัศน์
ภารกิจ  และแผนกลยุทธ์การบริหาร ฯ  ในปีงบประมาณ 2545

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศ
ไทยที่ออกให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 750 ล้านบาท  อายุ 5  ปี  อัตราดอกเบี้ยร้อยละ  3 
 ต่อปีภายใต้เงื่อนไขที่ ธปท. ให้การสนับสนุน  เพื่อบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม  ฯ  นำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบ
กิจการพาณิชย์นาวี   โดยกระทรวงการคลังจะได้รับค่าธรรมเนียมอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวในอัตราร้อยละ
0.5  ของวงเงินด้วย  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  ทั้งนี้    ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
(เกี่ยวกับการเร่งรัดพิจารณาปรับปรุงระบบและรูปแบบการบริหารของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม  ฯ   เสีย
ใหม่ให้มีประสิทธิภาพ   เช่น  การบริหารและดำเนินกิจการในรูปแบบของธนาคารพาณิชย์   เพื่อกระทรวงการ
คลังจะได้ไม่ต้องอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม ฯ) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2545 ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศได้เริ่มฟื้นตัว  และความจำเป็นในการใช้ค่าใช้จ่าย ฯ  ดังกล่าว
ดำเนินการบางโครงการอาจเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ถ้าโครงการใดกระทบต่อเศรษฐกิจ ก็ให้เสนอขอใช้งบสำรอง
เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ   ส่วนโครงการใดไม่กระทบเศรษฐกิจ  ก็ให้ใช้งบประมาณปกติดำเนินการ เพื่อเป็นการ
ประหยัดและใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ  เนื่องจากเงินงบประมาณบางส่วนต้องกู้ยืม จึงให้หน่วยงาน
เจ้าของโครงการพิจารณาทบทวนให้รอบคอบตามแนวทางดังกล่าว แล้วเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการ
เร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ยกเว้น
โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับรักษาของกระทรวงยุติธรรม   ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนที่
อยู่ในกรอบวงเงิน และคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการไว้แล้ว จึงให้ใช้จ่ายจากค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐ
กิจตามที่เสนอได้   สำหรับโครงการภายใต้แผนงานด้านชุมชน  ซึ่งเป็นโครงการขนาดเล็กจำนวนมาก  มอบให้
คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ  เป็นผู้พิจารณาอนุมัติโครงการและวงเงิน  ทั้งนี้  โครงการที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่าย
ค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อดำเนินโครงการแล้ว นั้น  โดยที่ขณะนี้มีการเบิกจ่ายเงินต่ำกว่าร้อยละ 
50 จึงให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการเร่งรัดการดำเนินโครงการ และการเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเร่งรัดร่างกฎหมายที่มีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้เป็นไป
ตามนโยบายของรัฐบาล  โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนโยบายปฏิรูปการศึกษา  ซึ่งอยู่
ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหลายฉบับ โดยให้รัฐมนตรีที่ดูแลรับผิด
ชอบร่างกฎหมายดังกล่าวพิจารณา   หากเห็นว่าร่างกฎหมายฉบับใดมีความจำเป็นเร่งด่วน  ขอให้แจ้งให้
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบและให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจร่างกฎ
หมายดังกล่าวเฉพาะในกรอบกว้าง  ๆ  เท่าที่จำเป็น   เช่น   แบบการร่างกฎหมาย   ส่วนรายละเอียดให้
พิจารณาในชั้นสภาผู้แทนราษฎรต่อไป  ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานข้อมูลแหล่งเงินและจำนวน
เงินที่ใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตการเกษตรและการเร่งรัดระยะเวลาการชำระเงินค่าปุ๋ย ตามมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2545 โดยการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตการเกษตร ได้เงินจากกองทุนรวม
เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร  (กชก.)  ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  อนุมัติเงินจำนวน  2,001.386  ล้านบาท 
แยกเป็นเงินทุนหมุนเวียน  1,360  ล้านบาท  และเงินจ่ายขาดจำนวน 641.386 ล้านบาท สำหรับโครงการ
จัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2543  ซึ่งได้สิ้นสุดโครงการ ฯ แล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2544 ได้เบิก
เงินจากกรมบัญชีกลางจำนวน  1,600  ล้านบาท  จัดหาปุ๋ยเคมีให้เกษตรกรได้ 226,476 ตัน  กับส่งเงินคืน
กองทุน ฯ แล้วจำนวน 1,498.29 ล้านบาท และคงค้างชำระจำนวน 101.71 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงเกษตร ฯ
กำลังดำเนินการติดตามและเร่งรัดหนี้สินเพื่อส่งเงินคืนกองทุน ฯ  ภายในวันที่ 30 เมษายน 2545

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับเขตการค้าเสรี (Free Trade Area-FTA)
โดยให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาจัดตั้งคณะทำงานเป็นชุด ๆ ให้มีจำนวนพอเพียง เพื่อให้สามารถดำเนินการ
เจรจากับประเทศต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ  โดยให้ข้าราชการเป็นหลัก  และจ้างภาคเอกชน
เสริม ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 269 ร. เรื่อง ขอให้กรมธนารักษ์ตรวจสอบการขึ้น
ทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุในที่ดิน ซึ่งนายนิยม วรปัญญา อุทิศให้ตั้งสถานที่ราชการของอำเภอสระโบสถ์ ของ
นายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี ซึ่งถามว่า  ที่ดินจำนวน  42  ไร่เศษที่นายนิยม
วรปัญญา มอบให้กับส่วนราชการต่าง  ๆ  ในอำเภอสระโบสถ์นั้น  ราชพัสดุจังหวัดลพบุรีได้ไปทำการตรวจ
สอบแล้วหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วเป็นพื้นที่เท่าใด  และมีการขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุไว้หมายเลขใดและ
ในปีใด และในพื้นที่ดังกล่าว ขอให้กันพื้นที่บางส่วนมอบให้กระทรวงศึกษาธิการนำไปสร้างสนามกีฬา เพื่อ
ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันจะได้หรือไม่ ประการใด ถ้ามิได้เพราะเหตุใด และขอให้กระทรวงมหาดไทย
โดยกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) หรือกรมโยธาธิการร่วมกับ อบต.  หรือเทศบาลตำบลเพื่อสำรวจ 
ออกแบบเข้าแผนโครงการปรับปรุงถนน โดยให้นายอำเภอสระโบสถ์เร่งรัดติดตามการสำรวจโดยเร็วจะได้
หรือไม่ ประการใด ถ้ามิได้เพราะเหตุใด  และที่ดินที่นายนิยม วรปัญญา ได้มอบให้ดังกล่าวนี้  มีการกันพื้น
ที่บางส่วนเพื่อใช้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ไว้ให้ราษฎรใช้ร่วมกันหรือไม่  อย่างไร  ตามที่สำนักเลขาธิการ
นายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเร่งรัดประสานงานการจ้างต่อ
เรือขุดหัวสว่าน ขนาด 28 นิ้ว จำนวน 3 ลำ ของกรมเจ้าท่า ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
(นายประชา  มาลีนนท์)  เสนอ  และที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอเพิ่มเติมในส่วนของการสอบสวนข้อ
เท็จจริง   ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามขั้นตอนของการสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนต่อไปควรดำเนินการทางวินัยตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2535 โดยให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย  ไม่ต้องรอผลการพิจารณาในเรื่องนี้จาก  ป.ป.ช.
ส่วนการจะให้พักราชการ หรือสั่งให้ออกจากราชการเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาให้เป็นไปตาม
ความเหมาะสมและกฎหมาย  หรือระเบียบปฏิบัติทางราชการ    โดยให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนิน
การให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2545 และวันที่  26  มีนาคม  2545 ต่อไป
เมื่อดำเนินการแล้วให้รายงานคณะรัฐมนตรีทราบด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานเรื่อง การเร่งรัดนำยางธรรมชาติ
เพื่อใช้งานด้านการขนส่งของกระทรวงคมนาคม  ที่มีนโยบายที่จะนำยางธรรมชาติมาใช้งานด้านการขน
ส่ง  และรับทราบแนวทาง  แผนงาน/โครงการ  การใช้ยางธรรมชาติในงานด้านการขนส่งของกระทรวง
คมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นการดำเนินงานเพื่อช่วยแก้ไขปัญหายางธรรมชาติมีราคาตกต่ำ
อีกแนวทางหนึ่งต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอขอแก้ไขการคำนวณเงิน
ที่กรมเจ้าท่าชำระเกินให้แก่บริษัท Ellicott ซึ่งเดิมเสนอไว้เป็นเงิน  11,126,561.98  เหรียญสหรัฐ ฯ  เป็น
17,793,249.83  เหรียญสหรัฐ ฯ   และเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการเร่งรัดประสานงานการ
จ้างต่อเรือขุดหัวสว่าน ขนาด 28 นิ้ว  จำนวน  3  ลำ  (กรมเจ้าท่าควรเลิกสัญญาและใช้สิทธิเรียกร้องหลัก
ประกันทั้ง 2 ฉบับ  กับไม่จ่ายเงินคืนค่าภาษีต่าง ๆ  พร้อมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตาม
สัญญา)  ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ  และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนิน
การตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2545  เกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ผู้
เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 โดยไม่จำเป็นต้อง
รอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.)  แล้วรายงาน
คณะรัฐมนตรีทราบด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการปฏิบัติงานตามภารกิจและ
นโยบายความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้  ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ (ศอ.บต.) ตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2544  ซึ่งได้ดำเนินงานแก้ไขปัญหาในด้านต่าง ๆ ได้แก่ 
ด้านสังคมจิตวิทยา ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยือน และมอบของที่ระลึก
แก่ผู้นำศาสนาอิสลามในช่วงเดือนถือศีลอด (รอมฎอน) อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ประสงค์จะ
เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ส่งเสริมสนับสนุนให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา
อิสลามพัฒนาขีดความสามารถในการต่อต้านยาเสพติด พร้อมทั้งรับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด  และ
ดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีของประชาชนในพื้นที่ต่อการดำเนินงานของรัฐ
โดยจัดกิจกรรมผ่านทางสื่อต่าง ๆ ส่วนด้านเศรษฐกิจและสังคม ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กับการเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนา
เขตอุตสาหกรรมปัตตานี และส่งเสริมการประกอบอาชีพให้แก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้  นอก
จากนี้ ศอ.บต. ได้ดำเนินงานแก้ไขปัญหาในด้านการเมืองการปกครอง  การบริหารงานบุคลากรภาครัฐ
และด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  สำหรับการดำเนินงานด้านความมั่นคงและรักษาความสงบเรียบ
ร้อย ซึ่งจากกรณีที่คนร้ายได้ลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ นั้น  ศอ.บต. เห็นว่าควรมีมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิ
ผลงานด้านการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่   และจะร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในพื้นที่ในการประสาน
การปฏิบัติงานทั้งด้านการพัฒนาและด้านยุทธการเพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานอย่างเป็นระบบ
และมีเป้าหมายการปฏิบัติที่ชัดเจน

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 77/2545  เรื่อง  มอบหมายและมอบ
อำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลและติดตามการดำเนินการตามนโยบาย  โดยมอบหมายและมอบ
อำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายกร  ทัพพะรังสี)  เป็นผู้กำกับดูแลและติดตามเรื่องหรือข้อตกลงใด ๆ
ที่ได้มีการเจรจาทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับต่างประเทศ  และสั่งการแทนนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี
เพื่อให้การเจรจาหรือข้อตกลงที่ได้ทำไว้บรรลุผลสำเร็จ และประสานงานกับรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี
และหน่วยงานที่รับผิดชอบในภารกิจนั้นๆ  ในการเร่งรัดขอข้อมูลแนะนำ และประสานงานกับหน่วยงาน
อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายสัมฤทธิผลอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและรวด
เร็ว   ตลอดจนรายงานนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบความคืบหน้า   ปัญหา   และอุปสรรค
ต่าง ๆ  รวมทั้งเสนอมาตรการเพื่อเร่งรัดดำเนินการต่อไปด้วย  ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2545 เป็น
ต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เป็นค่า
งานก่อสร้างทางตามโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข
42 สายอำเภอจะนะ - ปัตตานี - นราธิวาส  -อำเภอสุไหงโกลก ตอนแยกทางหลวงหมายเลข 43 -
ปัตตานี - นราธิวาส - ตอนอำเภอสายบุรี - อำเภอบาเจาะ - นราธิวาส   ตามโครงการเงินกู้  ADB  
จากเดิมจำนวน 1,560,107,310 บาท เป็นวงเงินค่างานใหม่จำนวน 1,565,398,498 บาท คิดเป็น
ค่างานเพิ่มขึ้นจำนวน  5,291,188  บาท   ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ   โดยให้เบิกจ่ายจากเงินกู้
ADB จำนวน 2,645,594 บาท และเบิกจ่ายจากงบประมาณจำนวน 2,645,594 บาท ตามความเห็น
ของสำนักงบประมาณ

                            อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 4  ที่มี
มติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาสารคาม พ.ศ. .... (ปรับเปลี่ยนสถานภาพของมหา
วิทยาลัยจากมหาวิทยาลัยของรัฐที่เป็นส่วนราชการไปเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ แต่อยู่
ในการกำกับดูแลของรัฐบาล) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา     โดยให้รับข้อ
สังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาให้เป็นแนวทางเดียวกับร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอื่น
ที่อยู่ในระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว   ให้เสนอคณะกรรมการ
ประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป  และให้กระทรวงการ
คลังไปพิจารณายกร่างกฎหมายเพื่อกำหนดให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งรายงานรายรับรายจ่ายของเงินรายได้
ให้รัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบ และให้นำเงินรายได้ไปฝากไว้กับกระทรวงการคลัง หากจะนำ
รายได้ไปฝากธนาคารพาณิชย์ ให้ขอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อน รวมทั้งให้สำนักงานคณะ
กรรมการการศึกษาแห่งชาติร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์  แนวทางการปรับ
เปลี่ยนมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐให้เป็นแนวทางและมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้  การออกนอกระบบของ
มหาวิทยาลัยของรัฐควรมีจุดยืนที่ชัดเจน มีแนวคิดหลักอย่างไร และต้องการทำอะไร แล้วจึงจัดระบบ เนื่อง
จากการเขียนกฎหมายยังไม่มีความชัดเจนทั้งในเรื่องการวางระบบ ความมีอิสระ  และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การเชื่อมโยงกับรัฐบาล ดังนั้น ในการร่างกฎหมายจึงควรพิจารณาให้ชัดเจนเสียก่อนโดยมีจุดเชื่อมโยงเพื่อ
ให้รัฐบาลสามารถดูแลทิศทางในภาพรวมได้  นอกจากนี้  ควรต้องพิจารณาความพร้อมในการออกนอก
ระบบ  โดยเฉพาะในเรื่องงบประมาณและรายได้ของมหาวิทยาลัยที่จะมาอุดหนุนในการออกนอกระบบ
รวมทั้งระยะเวลาที่กำหนดให้ออกนอกระบบจะเป็นการเร่งรัดไปหรือไม่ อย่างไร  และมหาวิทยาลัยแต่ละ
แห่งควรต้องมีมาตรฐานเดียวกันหรือไม่  โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาควรนำประเด็นตามข้อ
สังเกตนี้ไปศึกษาร่วมกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยต่าง ๆ  และดูแนวทางจากประเทศอื่น ๆ ประกอบด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเร่งรัดประสานงานการจ้างต่อ
เรือขุดหัวสว่านขนาด 28 นิ้ว  จำนวน 3 ลำ  ของกรมเจ้าท่า  ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ  และมีความ
เห็นว่า  ในการเจรจากับธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก โดยรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสิ่งที่
ถูกต้อง   การร่วมกันแก้ไขกับธนาคาร ฯ  คงบรรเทาความเสียหายได้ในระดับหนึ่ง   ดังนั้น   คณะกรรม
การ  ฯ  จึงควรเจรจาเพิ่มเติมกับธนาคาร  ฯ  เกี่ยวกับข้อเสนอของธนาคารที่ยังไม่สามารถยอมรับได้อีก
ครั้งหนึ่ง   โดยยึดหลักการและแนวคิดในการเจรจาให้มีการยืดหยุ่น เป็นการบรรเทาความเสียหายมาก
กว่าการรักษาผลประโยชน์  โดยทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ    นอกจากนี้   คณะรัฐมนตรีมีข้อ
สังเกตว่า  คณะกรรมการ ฯ ควรคำนวณตัวเลขการสูญเสียกรณีที่กรมเจ้าท่าได้จ่ายเงินให้บริษัท Ellicott 
Machine Corporation International ไปแล้วจำนวน 42,720,812.15 เหรียญสหรัฐ ฯ  ถ้าบริษัท ฯ  ล้ม
ละลายจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายเท่าใดจากธนาคาร ฯ  และทรัพย์สินของบริษัท ฯ  กับกรณีที่ปฏิบัติ
ตามข้อเสนอของธนาคาร ฯ ประเทศไทยจะได้รับอะไร  เท่าใด  โดยคำนวณตัวเลขเปรียบเทียบประกอบ
ในการเจรจา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการเร่งรัดการติดตามการใช้เงินภาครัฐในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2545  โดยให้รัฐมนตรีรับไปกำชับและเร่งรัดการดำเนินการขอเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี 
พ.ศ. 2545  และการขอก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ฯ ดังกล่าว ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัด
ให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กันยายน  22  ตุลาคม และ  27  พฤศจิกายน  2544
ที่ให้หัวหน้าส่วนราชการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจตรวจสอบ เร่งรัดและติดตามการดำเนินการเบิกจ่าย
เงินงบประมาณ ฯ  ดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินภาค
รัฐ   ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ   รวมทั้งให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการจัดทำแผนการ
ดำเนินการต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการดำเนินการเกี่ยวกับการตั้งเขตการค้าเสรี  (Free Trade Area - FTA)
เกี่ยวกับเรื่องข้าวและยางพารานั้น ต้องรีบดำเนินการและผลักดันให้ดำเนินการไปอย่างรวดเร็วและสำเร็จตาม
วัตถุประสงค์      โดยเชิญเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยของประเทศที่เกี่ยวข้องเข้าพบและหารือกับนายก
รัฐมนตรีโดยขอให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ประสานดำเนินการ มอบให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้จัดหาข้อมูลและทำสรุปเสนอนายกรัฐมนตรี   และมอบให้รองนายกรัฐมนตรี  (นาย
สมคิด  จาตุศรีพิทักษ์)  เป็นผู้ดูแลและให้ดำเนินการในเรื่องยางพาราก่อน   ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาโครงการ
แปรรูปยางพาราอย่างเบ็ดเสร็จ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 246 ร. เรื่อง  การก่อสร้างถนนลาดยางของกรมโยธา  
ธิการและกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี  ซึ่งถาม  
ว่า ขอให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดให้กรมโยธาธิการและกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทเข้าทำการสำรวจและออก  
แบบโครงการลาดยางถนนสายดงน้อย-วังมโนราห์-วัดตาอิน-ยางราก-ทรายงาม  สายนาสวรรค์-วังตาอิน- 
ยางราก-หัวเขา-สระเพลง-วัดเนินสวรรค์   และโคกเจริญ   สายวัดเนินสวรรค์-ห้วยสาราม-หนองระเริง-ห้วย
ตระคร้อ  และวังกระโดน  สายน้ำตกวังก้านเหลือง-หนองปลาไหล-หนองขาม-วังไพร-เขาสมโภชน์   และสาย
ลำพญาไม้-วังยาง-โปร่งสวอง-สวนมะเดื่อ- เชื่อมถนนสายเขาน้อยปากช่อง ให้ได้มาตรฐานจะได้หรือไม่ ถ้าไม่
ได้เพราะเหตุใด  และขอให้เร่งสำรวจออกแบบให้เสร็จและเข้าแผนโครงการปี 2544 และให้ดำเนินการก่อสร้าง  
ปี 2545-2546 จะได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้เพราะเหตุใด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจา 
นุเบกษาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4) ที่มี
มติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอ และให้ส่ง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้รับประเด็นอภิปรายของ คกก.4 (เกี่ยวกับอำนาจในการ
พิจารณาแต่งตั้งและถอดถอนศาสตราจารย์และศาสตราจารย์พิเศษ ให้สภาสถาบันอุดมศึกษามีอำนาจเพียงการ
เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการอุดมศึกษาหรือต่อกระทรวง) ไปพิจารณาด้วย  แล้วส่งให้คณะกรรมการประสาน
งานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา  ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป  และให้สำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาโดย
เฉพาะ และให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2543 เกี่ยวกับการตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย โดย
ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐทุกแห่งเมื่อได้รับร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จ 
แล้ว  ให้แจ้งความเห็นต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร่งด่วนอย่างช้าไม่เกิน  14  วัน  ทั้งกรณีที่มีความ
เห็นชอบกับร่างกฎหมายนั้น   หรือกรณีที่มีความเห็นแตกต่าง     หากไม่แจ้งภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่า
เห็นชอบ   ทั้งนี้   เพื่อเป็นข้อมูลที่ชัดเจนและช่วยให้การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเป็นไปโดยเร็ว เพื่อจะได้เป็น
มาตรการเร่งรัดการดำเนินร่างกฎหมาย และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเวียนให้หน่วยงานของรัฐทราบ
และถือปฏิบัติต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าการดำเนินมาตรการเร่งรัด  
การเบิกจ่ายโครงการเงินกู้จากต่างประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ณ ไตรมาสที่ 4  ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  
(30 กันยายน 2544)  โดยส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ใช้เงินกู้จากต่างประเทศได้เบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในการ  
ดำเนินงานและสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นจำนวน 152.33 ล้านเหรียญสหรัฐ  
หรือเทียบเท่า 6,763.45 ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  61.58  ของเป้าหมายในการเบิกจ่ายสำหรับไตรมาสที่  4 
(247.36 ล้านเหรียญสหรัฐ)  ประกอบด้วย  โครงการเงินกู้ของส่วนราชการ  9  โครงการ  โครงการเงินกู้ของ   
รัฐวิสาหกิจ  8  โครงการ  และโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างและลดผลกระทบทางสังคม  3  โครงการ   ซึ่ง
การเบิกจ่ายเงินกู้ในไตรมาสที่ 4  เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3  มีอัตราการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ
20  เมื่อเทียบกับเป้าหมาย   แต่มีปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้การเบิกจ่ายเงินกู้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย   ได้แก่  
ปัญหาความล่าช้าในการดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาและการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการ และปัญหาการเบิกจ่าย 
เงินกู้ของแต่ละโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย    สำหรับการเบิกจ่ายของโครงการเงินกู้จากต่างประเทศที่อยู่
ระหว่างการเบิกจ่ายของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 96 โครงการ  มียอดการเบิกจ่ายสำหรับปีงบประมาณ 
 พ.ศ. 2544 จำนวน 2,304.74 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย  ณ  วันที่ 30 กันยายน 2544 มียอดการเบิกจ่ายเงินกู้  
สะสมจำนวน 5,377.61 ล้านเหรียญสหรัฐ  นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้ร่วมกับหน่วยงานเจ้าของโครงการ    
พิจารณากำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาและเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกู้  พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายการเบิก 
จ่ายสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2545