ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 83 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 1641 - 1660 จากข้อมูลทั้งหมด 6663 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1641 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมีนโยบายให้บริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนสูงมากและเป็นภาระงบประมาณ โดยประมวลหนี้เหล่านี้ให้ครบถ้วนและหาแหล่งเงินระยะยาวมาสะสางหนี้ทั้งหมด นั้น ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว โดยให้รวมภาระหนี้อื่น ๆ ด้วย เช่น หนี้ที่รัฐต้องชำระตามคำสั่งศาลในโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการรับจำนำข้าว โครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ทั้งนี้ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๑.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘) ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศรับไปพิจารณาแนวทางในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง โดยเฉพาะประเด็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่จะมีสิทธิได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนค่าโดยสาร นั้น ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำฐานข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน เช่น บัตรสินเชื่อเกษตรกร เป็นต้น มาใช้ในการรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวต่อไปด้วย ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวทางการจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ โดยปรับปรุงแนวทางที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเพื่อลดภาระงบประมาณภาครัฐและจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในโครงการของรัฐมากขึ้น ๑.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อดูแลระดับราคาสินค้าผักและผลไม้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเตรียมการรองรับและป้องกันผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่จะสร้างความเสียหายแก่สวนผักและสวนผลไม้ ๑.๕ ให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการใช้พื้นที่ในบริเวณเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การนำพื้นที่ของส่วนราชการที่มิได้ใช้ประโยชน์จัดสรรให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่ดินทำกิน ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานข้อมูลกับคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อให้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติพิจารณากำหนดกลไกในการขับเคลื่อนให้ชัดเจน โดยเฉพาะการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการพัฒนาประเทศ ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบที่ดินซึ่งได้มาจากการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ และเป็นพื้นที่เหลือจากการใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน รวมทั้งที่ไม่ได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ เพื่อรวบรวมและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำที่ดินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในโครงการของรัฐอื่น ๆ ต่อไป เช่น นำมาจัดทำเป็นโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย ๒.๓ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสื่อเผยแพร่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะการเสด็จเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารและห่างไกลในแต่ละภาค เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนต่อไป ๒.๔ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการจัดประมูลในพื้นที่สวนเบญจกิติและศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะมีการปรับปรุงและขยายให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๘ รวมทั้งเร่งรัดพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณมักกะสัน (ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยเดิม) ให้มีความชัดเจน โดยแบ่งสัดส่วนการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ตามประเภทการใช้งาน เช่น อาคารพาณิชย์ สวนสาธารณะ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
1642 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบการคุ้มครองผู้บริโภคและข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปหน่วยงานภาครัฐในการคุ้มครองผู้บริโภค) | สผ | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูประบบการคุ้มครองผู้บริโภคและข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปหน่วยงานภาครัฐในการคุ้มครองผู้บริโภค ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การปฏิรูประบบและกลไกการมีส่วนร่วมในการคุ้มครองผู้บริโภค ๒. การปฏิรูประบบข้อมูลและความปลอดภัยของผู้บริโภค ๓. การปฏิรูประบบชดเชยความเสียหายของผู้บริโภค ๔. ปฏิรูปกลไกและมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคภาครัฐ ประกอบด้วย พิจารณาปฏิรูปหน่วยงานภาครัฐในการคุ้มครองผู้บริโภค และพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ บังคับใช้ได้จริง และคุ้มครองผู้บริโภค
|
|||||||||||||||||||||
1643 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยและร่างพระราชบัญญัติการแจ้งเตือนภัย และจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค พ.ศ. ....) | สผ | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยและร่างพระราชบัญญัติการแจ้งเตือนภัยและจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การจัดทำรายงานเรื่องการจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ๒. ประกาศใช้พระราชบัญญัติการแจ้งเตือนภัยและการจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
1644 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง ระบบวิจัยเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาของประเทศ ระบบวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางนวัตกรรมของประเทศ และการปฏิรูประบบข้อมูลเพื่อการพัฒนาประเทศ (Connected Government as National Agenda)] | สผ | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ระบบวิจัยเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาของประเทศ ระบบวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางนวัตกรรมของประเทศ และการปฏิรูประบบข้อมูลเพื่อการพัฒนาประเทศ (Connected Government as National Agenda) และมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาและสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. กลุ่มที่ ๑ เสนอปฏิรูประบบวิจัยในภาพรวมในประเด็นการปรับโครงสร้างองค์กรของระบบวิจัย การปรับระบบบริหารจัดการ ปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานของระบบวิจัย การผลิตและพัฒนากำลังคน และการสร้างสังคม ชุมชน องค์กรฐานความรู้ ๒. กลุ่มที่ ๒ เสนอปฏิรูปเฉพาะเรื่องควรจัดตั้งสถาบันวิจัยขั้นสูงด้านความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ
|
|||||||||||||||||||||
1645 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แนวทางการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ) | สผ | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง แนวทางการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. ด้านการป้องกัน ซึ่งครอบคลุมการจัดทำแผนงานส่งเสริมสุขภาพประชาชนตลอดช่วงชีวิต การส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นในเรื่องสมุนไพร และการส่งเสริมจิตสำนึกในการดูแลตนเอง ๒. ด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งครอบคลุมการนำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษี การจัดตั้งศูนย์กลางข้อมูลสุขภาพ การจัดให้มีระบบการตรวจอาการเบื้องต้นก่อนที่จะพบแพทย์ การพิจารณานำระบบการมีส่วนร่วมจ่ายมาใช้ การให้สิ่งจูงใจเพื่อลดภาระค่ารักษาพยาบาล และการทำให้การรักษาพยาบาลของเอกชนมีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||
1646 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า และร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. ....) | สผ | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า และร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอปฏิรูปคือ ยกร่างพระราชบัญญัติความรับผิดความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะถดถอยของรายได้ที่เข้าสู่ประเทศ และความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับฐานะของพลเมืองในสังคม และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1647 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วมชายแดน (Joint Economic Development Areas)] | สผ | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วมชายแดน (Joint Economic Development Areas) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยข้อเสนอปฏิรูป ๔ ประเด็น ดังนี้
๑. การลดพิธีการนำเข้า ส่งออกตามแนวชายแดนให้ทำเพียงครั้งเดียว ๒. ลดพิธีการตรวจคนเข้าเมืองตามแนวชายแดน ๓. พิจารณาให้มีการทำการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วม Joint Economic Development Areas (JEDA) ตามแนวชายแดน ๔. การทำวิสัยทัศน์การพัฒนาพื้นที่ชายแดนระยะยาวร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน
|
|||||||||||||||||||||
1648 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2575) | สผ | 15/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี ๒๕๗๕ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. กำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่วัดได้เป็นสากล ๒. ข้อเสนอแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ๓. การจัดตั้งสถาบันยุทธศาสตร์ชาติ
|
|||||||||||||||||||||
1649 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. .... | สว | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. .... เกี่ยวกับการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ การประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา และกระบวนการและกลไกในการนำทรัพย์สินมาเป็นหลักประกันและการบังคับหลักประกัน และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง และกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1650 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงพาณิชย์) (นายชัยณรงค์ โชไชย และนายวรวุฒิ โปษกานนท์) | พณ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายชัยณรงค์ โชไชย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ (นักวิชาการพาณิชย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒. นายวรวุฒิ โปษกานนท์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
1651 | มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน | กค | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs โดยธนาคารออมสินให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการฯ และธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs เฉพาะการปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยมีเงื่อนไขไม่ให้ Refinance หนี้เดิม วงเงินโครงการรวม ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการเป็นวงเงินรวมไม่เกิน ๒๐,๐๒๐ ล้านบาท ๑.๒ ทบทวนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการค้ำประกันสินเชื่อโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๕ (PGS-5) เดิมที่เคยได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และอนุมัติหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการค้ำประกันสินเชื่อโครงการ PGS-5 โดยมีวงเงินค้ำประกัน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท อายุการค้ำประกันไม่เกิน ๗ ปี และอนุมัติงบประมาณการชดเชยความเสียหาย จำนวน ๑๔,๒๕๐ ล้านบาท ๑.๓ เห็นชอบการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีกำไรสุทธิตั้งแต่ ๓๐๐,๐๐๑ บาทขึ้นไป จากเดิมร้อยละ ๑๕ และ ๒๐ ของกำไรสุทธิ เป็นร้อยละ ๑๐ ของกำไรสุทธิ เป็นเวลา ๒ รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ จนถึงรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๑.๔ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up) โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ในอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักที่มีศักยภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จดทะเบียนพาณิชย์ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ เป็นเวลา ๕ รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน ๑.๕ มอบหมายให้กรมสรรพากรดำเนินการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มาตรการ ตามข้อ ๑.๓ และ ๑.๔ มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป ๒. ในส่วนของงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs จำนวน ๒๐,๐๒๐ ล้านบาท ให้ธนาคารออมสินเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละปีตามความจำเป็นและเหมาะสม สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการ PGS-5 ให้ บสย. ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ส่วนการชดเชยค่าประกันชดเชยรายปี ให้ บสย. ใช้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของโครงการก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดกลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่สมควรได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมโครงการ PGS-5 ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพให้มีความเข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขัน และเติบโตได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งการเข้าถึงโครงการ PGS-5 อย่างทั่วถึงของผู้ประกอบการรายย่อย ตลอดจนการกำหนดอุตสาหกรรมและบริการเป้าหมาย เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการพิจารณาธุรกิจที่จะร่วมลงทุนและเป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1652 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า [พันเอก (พิเศษ) ดิเรก ดีประเสริฐ] | พณ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พันเอก (พิเศษ) ดิเรก ดีประเสริฐ ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า แทนรองประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้าเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ กันยายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1653 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (กระทรวงพาณิชย์) (จำนวน 4 ราย 1. นายวิจักร วิเศษน้อย ฯลฯ) | พณ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๔ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ กันยายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายวิจักร วิเศษน้อย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๒. นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๓. นางดวงกมล เจียมบุตร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๔. นายนวพล วิริยะกุลกิจ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||
1654 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพาณิชย์) (จำนวน 10 ราย 1. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ฯลฯ) | พณ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๐ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ๒. นางมาลี โชคล้ำเลิศ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ๓. นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน ๔. นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำ องค์การการค้าโลก ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสมชาติ สร้อยทอง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นางสาวศิรินารถ ใจมั่น ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ๗. นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายวิชัย โภชนกิจ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นางสาวอรุณี พูลแก้ว ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๐. นายอิทธิพงศ์ คุณากรบดินทร์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
1655 | การจัดงานแสดงสินค้า "สุดยอดแบรนด์ไทย (Top Thai Brands)" | พณ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดงานแสดงสินค้า “สุดยอดแบรนด์ไทย (Top Thai Brands)” ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดงานแสดงสินค้า “สุดยอดแบรนด์ไทย (Top Thai Brands)” ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เห็นศักยภาพของสินค้าแบรนด์ไทยส่งออก และเพื่อเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจในการพัฒนาศักยภาพสินค้าของภูมิภาคและชุมชน รวมทั้งเพื่อนำสินค้าของเกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สู่ผู้บริโภค ๑.๒ มีผู้ส่งออกและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพของไทยที่เข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้าในงาน จำนวนรวมทั้งสิ้น ๔๘๑ ราย กลุ่มผู้ซื้อจากต่างประเทศ ๖๘ ราย มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน และมีรายได้จากยอดขายภายในงานและการเจรจาจับคู่ธุรกิจประมาณ ๓๐๐ ล้านบาท นอกจากนี้ มีการจัดสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ๑๕ หัวข้อ มีผู้เข้าร่วมฟังการสัมมนารวมทั้งสิ้นมากกว่า ๙๖๓ คน ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าในลักษณะเดียวกับงานแสดงสินค้า “สุดยอดแบรนด์ไทย (Top Thai Brands)” ในต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา ลาว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าของไทย สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
1656 | กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งและให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง | นร04 | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งและให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง จำนวน ๑๐ ราย ได้แก่ ๑.๑ นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ๑.๒ นายพิชัย สนแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๑.๓ นายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๑.๔ นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑.๕ พลตำรวจโท วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ๑.๖ นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๑.๗ ศาสตราจารย์ พรายพล คุ้มทรัพย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน ๑.๘ นายวีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ผู้ช่วยรัฐมนตีรประจำกระทรวงสาธารณสุข ๑.๙ นายปราโมทย์ วิทยาสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ๑.๑๐ นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง ๒. กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๓ ราย ได้แก่ ๒.๑ นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒.๒ พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ๒.๓ พลเอก กิตติ ปทุมมาศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน
|
|||||||||||||||||||||
1657 | รายงานผลการปฏิบัติงานของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเวทีความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหมู่เกาะแปซิฟิก ครั้งที่ 3 ณ กรุงซูวา สาธารณรัฐฟิจิระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 3 กันยายน 2558 | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการเดินทางในฐานะผู้แทนนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเวทีความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหมู่เกาะแปซิฟิก ครั้งที่ ๓ ณ กรุงซูวา สาธารณรัฐฟิจิ ระหว่างวันที่ ๓๑ สิงหาคม-๓ กันยายน ๒๕๕๘ โดยได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมฯ และเป็นประธานกล่าวเปิดนิทรรศการ “Thailand and the Philosophy of Sufficiency Economy : A Path to Sustainable Development” เพื่อประชาสัมพันธ์บทบาทของไทยในการพัฒนาที่ยั่งยืนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในโอกาสนี้ยังได้พบปะหารือกับผู้นำและผู้แทนประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุม รวมทั้งได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีฟิจิ และหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีฟิจิในเรื่องแผนงานร่วมในการพัฒนา ๓ ปี และการขยายความร่วมมือ อาทิ การเปิดสถานเอกอัครราชทูตฟิจิประจำประเทศไทย การส่งเสริมการค้าการลงทุนด้านเกษตรและประมง และการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อขยายความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศและเป็นโอกาสในการเพิ่มบทบาทและช่องทางการค้าการลงทุนของไทยในกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ทั้งนี้ สาธารณรัฐฟิจิถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในกลุ่มนี้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ โดยเน้นการสร้างบทบาทของไทยในฐานะผู้นำในการเข้าสู่ตลาดการค้าและการลงทุนกับกลุ่มประเทศหมู่เกาะซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบปลาทูน่าและแหล่งลงทุนในอุตสาหกรรมประมงที่สำคัญ
|
|||||||||||||||||||||
1658 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน) | สผ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีประเด็นปฏิรูปที่สำคัญ ดังนี้
๑. หลักการและแนวคิดในการจัดตั้งองค์การมหาชน ๒. การกำหนดและจัดบทบาทภารกิจ และการให้บริการสาธารณะ ๓. ระบบการบริหารและโครงสร้าง ๔. ระบบค่าตอบแทน ๕. ระบบการติดตามและประเมินผล ๖. ข้อเสนอการดำเนินการในลำดับต่อไป ประกอบด้วย การดำเนินงานระยะเร่งด่วน (ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘) ระยะสั้น (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐) ระยะกลาง (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒) และระยะยาว (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๘)
|
|||||||||||||||||||||
1659 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้า และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ....) | สผ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอเรื่อง การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้า และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเพื่อปฏิรูป ๔ องค์ประกอบ ที่จำเป็นต่อการบังคับใช้กฎหมาย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สาระของกฎหมาย โดยปรับปรุงหรือกำหนดบทนิยาม หลักเกณฑ์ ระเบียบ และแนวปฏิบัติให้ชัดเจน ครบถ้วน มีสภาพบังคับตามกฎหมายและยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพการประกอบธุรกิจในอนาคต ๑.๒ ขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย ให้มีความเสมอภาคกับผู้ประกอบธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน และขยายขอบเขตให้ครอบคลุมการกระทำผิดนอกประเทศที่ส่งผลต่อภาวการณ์แข่งขันภายในประเทศ ๑.๓ ผู้บังคับใช้กฎหมาย โดยการปรับโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า รวมทั้งกำหนดระเบียบปฏิบัติหรือหลักเกณฑ์การดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ๑.๔ การสืบสวนการดำเนินคดีและบทลงดทษโดยการใช้อำนาจคณะกรรมการในการกำหนดโทษปรับและ/หรือให้ฟ้องคดีอาญาและค่าสเยหายต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากมีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านธุรกิจทางการค้า และปรับบทลงโทษให้เหมาะสม ๒. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประะทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1660 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบและโครงสร้างภาษี) | สผ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูประบบและโครงสร้างภาษี ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีประเด็นปฏิรูป สรุปได้ ดังนี้
๑. การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้ชัดว่าภาษีของไทยมี ๒ ระดับ คือ ภาษีระดับชาติและภาษีระดับท้องถิ่น ๒. การจัดแบ่งภาษีท้องถิ่นให้เกิดรายได้ต่อท้องถิ่นเพียงพอกับการใช้จ่ายของท้องถิ่น ๓. การเร่งทำภาษีให้ครบฐานโดยเร่งรัดภาษีมรดกและภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ๔. ปรับช่วงเงินได้ของอัตราภาษีเงินได้ให้กว้างและสูงขึ้น ๕. ยกเลิกอากรแสตมป์ ๖. ปรับปรุงการบริหารจัดเก็บภาษีให้ครอบคลุมผู้เสียภาษีให้กว้างขึ้น ๗. จัดตั้งคณะกรรมการภาษีอากรระดับชาติ
|
.....