ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 154 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 3061 - 3080 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3061 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 5 ราย 1. นายสุพจน์ ฤชุพันธ์ฯ) | พณ | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน 5 ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (19 สิงหาคม 2551) ดังนี้ 1. นายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 2. นายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 3. นายวีระศักดิ์ จินารัตน์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์) 4. ร้อยเอก รชฎ พิสิษฐบรรณกร เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์) 5. นายสุทธิชัย จันทร์อารักษ์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ)
|
||||||||||||||||||||||||
3062 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง
พาณิชย์เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ แผ่นดิน พ.ศ. 2534 ตามลำดับดังนี้ 1. นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ 2. พันตำรวจโทบรรยิน ตั้งภากรณ์
|
||||||||||||||||||||||||
3063 | การจัดตั้งคณะกรรมการศึกษาและพัฒนาระบบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง | พณ | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาและพัฒนาระบบ
ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นกรรมการและ เลขานุการ และมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนักวิชาการร่วมเป็นคณะกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ ศึกษาวิเคราะห์ ปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น และพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจค้า ปลีกค้าส่งรายย่อยดั้งเดิมให้มีความเข้มแข็ง
|
||||||||||||||||||||||||
3064 | การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 6 เดือนแรกปี 2551 (มกราคม - มิถุนายน) | พณ | 05/08/2551 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เพื่อทราบเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ
ของไทยในระยะ 6 เดือนแรก ปี พ.ศ. 2551 (มกราคม-มิถุนายน 2551) สรุปได้ดังนี้ การส่งออกในระยะ 6 เดือน แรกของปี พ.ศ. 2551 มีมูลค่า 87,213 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ หรือ 2,800,770 ล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกัน ของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.1 และ 12.7 ตามลำดับ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตรส่งออกมูลค่า 14,614 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญรวมเชื้อเพลิงส่งออกมูลค่า 67,041 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ส่วนการนำเข้าในระยะ 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2551 มีมูลค่า 88,280 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เ ทียบกับระยะเดียวกัน ของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 โดยกลุ่มสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มสินค้าเชื้อเพลิงมูลค่า 18,509 ล้านเหรียญ สหรัฐ ฯ สินค้าทุนมูลค่า 21,824 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 37,782 ล้านเหรียญ สหรัฐ ฯ สินค้าอุปโภคบริโภคมูลค่า 7,432 และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งมูลค่า 2,698 ล้านเหรียญ สหรัฐ ฯ สำหรับดุลการค้าเดือนมิถุนายน 2551 ไทยเกินดุลการค้า 628 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ และในระยะ 6 เดือน แรกปี พ.ศ. 2551 ขาดดุลการค้า 1,067 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ
|
||||||||||||||||||||||||
3065 | การกำหนดตำแหน่งนักวิชาการพาณิชย์ 9 บส. ในกระทรวงพาณิชย์ | นร | 29/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอมติคณะกรรมการ ก.พ. ในการประชุมครั้งที่
4/2551 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2551 ที่มีมติให้ปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานประกันภัย 9 (ตำแหน่งเลขที่ 1275) สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นตำแหน่งนักวิชาการพาณิชย์ 9 บส. เป็นการ เฉพาะคราว เพื่อแต่งตั้งนายชาลี วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับบทบาทภารกิจและโครงสร้าง ส่วนราชการจากกรณียุบเลิกกรมการประกันภัยไปเป็นสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบ ธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ให้ปฏิบัติงานในฐานะผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลา คม 2550 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2551 โดยมีเงื่อนไขว่า เมื่อนายชาลี วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ พ้นไปให้ยุบเลิกตำแหน่ง ดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
3066 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำพริกไทย น้ำตาลทราย และน้ำมันถั่วเหลือง เข้ามาในราชอาณาจักร ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 29/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำ
พริกไทย น้ำตาลทราย และน้ำมันถั่วเหลืองเข้ามาในราชอาณาจักร ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... มี สาระสำคัญคือ ให้พริกไทยและน้ำตาลทรายที่ผลิตและส่งมาจากประเทศภาคีอาเซียน โดยมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด สินค้าแบบฟอร์ม ดี (From D) เป็นสินค้าที่ไม่ต้องขออนุญาตในการนำเข้า และให้น้ำมันถั่วเหลืองที่ผลิตและส่งมาจาก ประเทศภาคีอาเซียน โดยมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบฟอร์ม ดี (From D) เป็นสินค้าที่ไม่ต้องขออนุญาตใน การนำเข้า ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎ หมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3067 | การปรับเพิ่มราคารับซื้อน้ำนมดิบและราคากลางการจำหน่ายนมโรงเรียน | กษ | 29/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการปรับเพิ่มราคารับซื้อน้ำนมดิบ ณ หน้า
โรงงาน จากเดิม 14.50 บาท/กิโลกรัม เป็น 18.00 บาท/กิโลกรัม และปรับเพิ่มราคากลางนมโรงเรียนสำหรับนม ยู.เอช.ที. เพิ่มขึ้น 1.34 บาท/กล่อง/ซอง และนมพาสเจอร์ไรส์ เพิ่มขึ้น 1.43 บาท/ถุง โดยนม ยู.เอช.ที ชนิดกล่อง ราคากลางเดิมกล่องละ 6.52 บาท เป็นราคาใหม่กล่องละ 7.86 บาท นม ยู.เอช.ที ชนิดซอง ราคากลางเดิมซองละ 6.42 บาท เป็นราคากลางใหม่ซองละ 7.76 บาท และนมพาสเจอร์ไรส์ ชนิดถุง ราคากลางเดิมถุงละ 5.14 บาท เป็น ราคากลางใหม่ถุงละ 6.57 บาท ทั้งนี้ ให้การปรับเพิ่มราคากลางนมโรงเรียนและราคารับซื้อน้ำนมดิบดังกล่าวมีผล นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ และให้กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เร่งพิจารณาอนุญาตปรับเพิ่มราคาผลิตภัณฑ์นมในตลาดทั่วไป (นมพาณิชย์) ตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และให้ กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น) รับไปประสานขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น (อปท.) ในการปรับแผนการใช้จ่ายของ อปท. เพื่อให้สามารถจัดซื้อนมพร้อมดื่มที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นในช่วงระยะ เวลาที่เหลืออยู่ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมพร้อมดื่มตามโครงการอาหารเสริม (นม) ครบตามเป้าหมายเดิม คือ ไม่น้อยกว่า 230 วัน |
||||||||||||||||||||||||
3068 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง "การเสริมสร้างความเข้มแข็งและยกระดับมาตรฐานของวิชาชีพด้านบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก" | สสป | 22/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่อง การเสริมสร้างความเข้มแข็งและยกระดับมาตรฐานของวิชาชีพด้านบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ง ขันในตลาดโลก 2. รับทราบผลการพิจารณาของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงการ คลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมของขวัญ ชำร่วยและตกแต่งบ้าน และสำนักงานส่งเสิรมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) เกี่ยวกับความเห็นและ ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
3069 | ขออนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ เพื่อเป็นอุตสาหกรรมเพื่ออนาคต (New Wave Industries) ของประเทศไทย | วท | 22/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอดังนี้ เห็นชอบในหลักการแผนที่นำทาง
แห่งชาติการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ (National Roadmap for the Biodegradable Plastics Industry Development) (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) มีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้เป็นแผนปฏิบัติสำหรับกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนิน งานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนไปในทิศทางเดียวกัน และเพื่อพัฒนาให้ยุทธศาสตร์อุตสาห กรรมชีวภาพของประเทศถูกนำมาดำเนินการในเชิงปฏิบัติได้เห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ให้รับความเห็นและข้อสังเกต ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ ดำเนินการพัฒนาวิทยา ศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอย่างครบวงจร โดยการจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นทุนสนับสนุนการวิจัยเทคโนโล ยีด้านพลาสติกชีวภาพและสนับสนุนด้านการจดทะเบียนสิทธิบัตรควบคู่กันไป และความเห็นของกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์เกี่ยวกับการนำผลผลิตพืชบางชนิด อาทิ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ไปผลิตเป็นพลังงานทดแทน ในอนาคต อาจจะเกิดปัญหาผลผลิตขาดแคลนหรือมีราคาสูง จึงควรประมาณการความต้องการสินค้าเกษตรดังกล่าวในอนาคต และให้ประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเตรียมการผลิตให้ปริมาณสินค้าเกษตรมีความสมดุลทั้งเพื่อการ บริโภค พลังงานทดแทน และเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน 1,800 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามแผนที่นำทางแห่งชาติ ฯ นั้น หาก มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ ปรับแผนการ ปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับระยะเวลาและความพร้อมในการปฏิบัติงานของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ส่วนวงเงินงบประมาณตามแผนงานโครงการและกิจกรรมที่กำหนดไว้ในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีโดยตรงต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และอนุมัติ ให้คณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ กำกับดูแล และติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนที่นำทางแห่งชาติ ฯ และให้รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3070 | 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน | นร | 15/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นาย
สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) เสนอ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ประกอบด้วย มาตรการลดอัตราภาษีสรรพ สามิตน้ำมัน มาตรการชะลอการปรับราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ในภาคครัวเรือน มาตรการลดค่าใช้จ่ายน้ำประปาของ ครัวเรือน มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง และมาตร การลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ระยะเวลาดำเนินมาตรการเริ่มต้นไม่เกินวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และสิ้นสุด ในวันที่ 31 มกราคม 2552 รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณให้แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจซึ่งได้รับผลกระทบ ด้านการเงินจากการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว โดยในส่วนของมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ให้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2551 และสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2552 และในระหว่างนี้ให้กระทรวงพลังงานร่วม กับกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งตรวจสต็อกน้ำมันเชื้อเพลิงให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 25 กรกฎาคม 2551 อนึ่ง หลังจากวันที่ 31 มกราคม 2552 การคำนวณอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 85 จะเป็น ไปตามอัตราส่วนผสมของน้ำมันเบนซิน สำหรับมาตรการอื่น ๆ อีก 5 มาตรการ ให้เริ่มดำเนินการภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2552 และให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกับกระทรวงมหาดไทยในการ ดำเนินโครงการธงฟ้าราคาประหยัด
|
||||||||||||||||||||||||
3071 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก (WTO) | พณ | 15/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ว่าไทยควรเข้าร่วมการประชุมระด้บรัฐมนตรีและระดับเจ้า หน้าที่อาวุโส โดยมีท่าทีให้คณะผู้แทนของไทยไปเจรจาในเรื่องสำคัญคือ สินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรร มและ ภาคบริการโดยเปิดตลาดบริการในระดับที่มากขึ้น 2. ให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรี องค์การ ค้าโลก เพื่อเจรจาเปิดเสรีการค้าสินค้าและบริการ เป็นการดำเนินการตามนโยบายและท่าทีในการเจรจาของ รัฐบาล และไม่เกินขอบเขตของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ จึงเป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารสามารถดำเนินการได้โดยไม่ ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนตามมาตรา 190 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 |
||||||||||||||||||||||||
3072 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง "ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ฝังตัว" | สสป | 15/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ยุทธศาสตร์ การพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ฝังตัว เกี่ยวกับทิศทางการพัฒนา 3 ประเด็น ได้แก่ 1.1 เสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ให้สามารถแข่งขันได้ เป็นแหล่งผลิตซอฟต์ แวร์ฝังตัว (Embedded Software) ที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ 1.2 ส่งเสริมการค้นคว้า วิจัย และถ่ายทอดเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ โดยสนับสนุนให้มีการนำซอฟต์ แวร์ฝังตัวไปใช้กับผลิตภัณฑ์หรือสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้สูงขึ้น 1.3 พัฒนากำลังคนด้านซอฟต์แวร์ฝังตัวทั้งในด้านของกำลังคนก่อนเข้าสู่อุตสาหกรรมและที่อยู่ใน อุตสาหกรรมแล้วให้มีทักษะความรู้ความสามารถเฉพาะทางในการปฏิบัติงานและส่งเสริมโอกาสในการประกอบ อาชีพอิสระ 2. รับทราบผลการพิจารณาของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร่วมกับกระทรวง พาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ศูนย์เทคโนโล ยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏดุสิต มหาวิทยาลัยเทคโน โลยีราชมงคลธัญบุรีปทุมธานี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่เห็นด้วยกับความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ และรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเพิ่มเติมดังนี้ 2.1 ให้มีทิศทางและมียุทธศาสตร์การพัฒนาครอบคลุม และเหมาะสมทั้งในส่วนของการเตรียม ความพร้อมของบุคลากร การวิจัยและพัฒนา และการส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ขึ้นในประเทศ 2.2 ควรมีการระดมสมองจัดทำ Technology Roadmap ของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ฝังตัวขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด และความต้องการในการนำเทคโนโลยีไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของ ผู้ประกอบการ รวมทั้งกำหนดลำดับของการพัฒนาของแต่ละเทคโนโลยี จะทำให้ทราบแนวทางการพัฒนา และงบประมาณที่ต้องใช้ได้ชัดเจนขึ้น 2.3 ขั้นตอนการกำหนดมาตรการและโครงการต้องพิจารณาอย่างครบวงจรตลอดทั้ง Supply Chain ของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ฝังตัว ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การนำเทคโนโลยีที่วิจัยแล้วมาสร้าง Value Creation โดยพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่าง ๆ และการปรับปรุงกระบวนการผลิต ของ อก. การส่งเสริมทางการตลาดของกระทรวงพาณิชย์ ตลอดจนการ พัฒนาบุคลากรให้เพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพของกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ควรดึงสถาบัน/สมาคม ต่าง ๆ รวมถึงภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น NECTEC, TESA, SIPA สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และสภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ฯลฯ เข้าร่วมเป็นครือข่ายทำงาน เนื่องจากต้องยอมรับว่าปัจจุบันประเทศไทย มีผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้น้อยมาก และยังกระจัดกระจายอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งหากสนับสนุนให้เกิดการรวม กลุ่มและมีการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญร่วมกันอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เกิดเป็นเครือข่าย ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ฝังตัวของประเทศไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3073 | การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 5 เดือนแรกปี 2551 (มกราคม - พฤษภาคม) | พณ | 08/07/2551 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เพื่อทราบเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ
ของไทยในระยะ 5 เดือนแรก ปี พ.ศ. 2551 (มกราคม-พฤษภาคม 2551) สรุปได้ดังนี้ การส่งออกในระยะ 5 เดือน แรกของปี พ.ศ. 2551 มีมูลค่า 79,945 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ หรือ 2,282,469 ล้านบาท โดยมีการส่งออกเพิ่ม ขึ้นในอัตราสูงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะหมวดสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรส่งออกมูลค่า 11,790 ล้านเหรียญ สหรัฐ ฯ ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญรวมเชื้อเพลิงส่งออกมูลค่า 54,469 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ และสินค้าอื่น ๆ ส่งออกมูลค่า 4,685 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ส่วนการนำเข้าในระยะ 5 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2551 มีมูลค่า 72,640 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ โดยมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นในกลุ่มเชื้อเพลิงมูลค่า 15,037 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ สินค้าทุนมูลค่า 18,087 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 31,196 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ สินค้าอุปโภค บริโภคมูลค่า 6,084 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งมูลค่า 6,084 ล้านเหรียญ สหรัฐ ฯ ขณะที่สินค้าอาวุธยุทธปัจจัยและสินค้าอื่น ๆ นำเข้าลดลง สำหรับดุลการค้า เดือนพฤษภาคม 2551 ไทย เกินดุลการค้า 1,295 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ส่งผลให้ดุลการค้าในระยะ 5 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2551 ขาดดุลการค้า รวม 1,695 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ
|
||||||||||||||||||||||||
3074 | ญัตติด่วน เรื่อง ให้สภาพิจารณาปัญหาปุ๋ยราคาแพง | สผ | 08/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามญัตติ เรื่อง
ให้สภาพิจารณาปัญหาปุ๋ยราคาแพง โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่าง ประเทศ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติจัดสรรเงินยืมปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบคุณภาพปุ๋ย และค่าบริหารจัดการโครงการ ซึ่งขณะนี้อยู่ ระหว่างการประสานกับประเทศผู้ค้า เพื่อนำเข้าปุ๋ยสูตร 46-0-0 มาจำหน่ายให้แก่เกษตรกรในราคาที่ต่ำกว่าท้อง ตลาด ส่วนกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินโครงการลดราคาปุ๋ยเคมี โดยได้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนจัดหาปุ๋ยเคมี จำนวน 153,500 บาท จำหน่ายให้เกษตรกรรายย่อยผ่านสถาบันเกษตรกรในราคาถูกกว่าท้องตลาดตันละ 200- 1,000 บาท นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการทางกฎหมายในการ กำกับ ดูแล การขออนุญาต การขึ้นทะเบียน ตรวจสอบ และควบคุมคุณภาพปุ๋ยเคมีตามพระราชบัญญัติปุ๋ยเคมี พ.ศ. 2550 และตรวจสอบสต๊อกและราคาปุ๋ยเคมีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 รวม ทั้งได้ส่งเสริมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และรณรงค์ให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี เพื่อเป็นการปรับปรุงบำรุงดิน ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยเคมีสูงขึ้น และส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน เพื่อ ประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี
|
||||||||||||||||||||||||
3075 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สสป | 08/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและส้งคมแห่งชาติเรื่อง แนวทาง การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในด้านต่าง ๆ 10 ด้าน ได้แก่ ด้านการเมือง/การปกครอง ด้าน เศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการศึกษา ด้านยุติธรรม ด้านความมั่นคง ด้านการข่าว ด้านจิตวิทยา ด้านการต่าง ประเทศ และด้านสาธารณสุข 2. รับทราบผลการพิจารณาของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับกระทรวงกลา โหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณ สุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ สำนักข่าวกรองแห่งชาติที่เห็นด้วยกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ และมีข้อเสนอแนะเพิ่ม เติม อาทิ ในด้านการเมือง/การปกครอง ควรรับฟังข้อมูลและความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ฝึกอบรม ให้เจ้าหน้าที่หรือข้าราชการที่ไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องฝึกอบรมเข้าใจ และถือปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด ฯลฯ ด้านเศรษฐกิจ อาทิ รัฐบาลต้องสร้างความชัดเจนในการดำเนินงานระหว่างเขตเศรษฐ กิจพิเศษกับเขตเศรษฐกิจเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ฯลฯ ด้านการศึกษา ควรจัดให้มีสวัสดิการให้ครู โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่ได้รับการบรรจุแล้วและครอบคลุมถึงบิดา มารดา คู่สมรสและบุตร ควร ขยายการศึกษาของครูผู้สอนให้ถึงระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาที่ขาดแคลน หรือในสาขาบริหารการศึกษา ฯลฯ ด้านการต่างประเทศ อาทิ ดำเนินการให้สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลเข้าถึงและดูแลนักศึกษา ไทยในต่างแดน ฯลฯ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
3076 | การแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกเหนียวตกต่ำ | พณ | 08/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอผลการประชุมหารือร่วมกันระหว่างรองนายก
รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) ผู้แทนภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าว เปลือกเหนียวตกต่ำ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 โดยที่ประชุมได้มีมติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร (ธ.ก.ส.) รับจำนำข้าวเปลือกเหนียวจากโรงสีศิริภิญโญ โดยมีองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้ออก ใบประทวนสินค้าจำนวนประมาณ 32,000 ตัน (ความชื้นไม่เกิน 15%) ในราคาตันละ 9,000 บาท ซึ่งข้าว จำนวนดังกล่าวโรงสีได้รับซื้อจากเกษตรกรจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม- 16 มิถุนายน 2551 และให้โรงสีมีสิทธิไถ่ถอนข้าวเปลือกเหนียวจำนวนดังกล่าวได้ภายใน 3 เดือน นับถัดจาก เดือนที่รับจำนำตามหลักเกณฑ์การรับจำนำใบประทวนของ ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ แก่เกษตรกรจำนวน 6,321 ราย และให้ ธ.ก.ส. พิจารณาให้สินเชื่อแก่โรงสีโดยใช้ข้าวสารเหนียวที่มีอยู่ประมาณ 8,000 ตัน เป็นหลักประกันการให้สินเชื่อในระบบ Packing Stock เพื่อให้โรงสีมีเงินเพียงพอในการชำระหนี้ให้ แก่เกษตรกรทั้ง 2 จังหวัดให้ครบถ้วน รวมทั้งให้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำดังกล่าวประกอบ ด้วยผู้แทนกรมการค้าภายใน ผู้แทน ธ.ก.ส. ผู้แทน อคส. ผู้แทนเกษตรกรจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่
|
||||||||||||||||||||||||
3077 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ เดือนมิถุนายน และระยะ 6 เดือนแรกของปี 2551 | พณ | 08/07/2551 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เพื่อทราบเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดัชนี
ราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน 2551 และระยะ 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2551 สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนมิถุนายน 2551 เท่ากับ 127.7 เทียบกับเดือน พฤษภาคม 2551 (126.2) สูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงกว่าเดือนก่อนค่อนข้างมากคือ ร้อยละ 1.2 (เดือนพฤษภา คม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 2.1) โดยในส่วนของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลงร้อยละ 0.1 จากการลดลงของ ราคาอาหารสดประเภทเนื้อสุกร ร้อยละ 1.3 ไก่สด ร้อยละ 0.5 และไข่ ร้อยละ 1.0 โดยเฉพาะผักสดลดลงค่อน ข้างมากร้อยละ 16.1 ขณะที่ข้าวสารเจ้ามีราคาสูงขึ้นเล็กน้อยคือ ร้อยละ 4.4 และเครื่องประกอบอาหาร (น้ำตาล ทรายและผลิตภัณฑ์น้ำตาล) สูงขึ้นร้อยละ 2.5 อาหารสำเร็จรูปสูงขึ้นร้อยละ 2.5 ส่วนดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่ อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 1.9 จากการสูงขึ้นของราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศร้อยละ 10.3 ส่งผลให้ ค่าโดยสารสาธารณะสูงขึ้นร้อยละ 1.1 สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน 2551 เท่า กับ 109.3 เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 0.9 เดือนมิถุนายน 2550 สูงขึ้นร้อยละ 3.6 และเฉลี่ย ช่วงระยะ 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน 2550) สูงขึ้นร้อยละ 2.2
|
||||||||||||||||||||||||
3078 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พ.ศ. .... | นร | 01/07/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอให้ยุติการตรวจพิจารณาร่าง
ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าละเมิดเครื่องหมาย การค้า พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่ง สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พ.ศ. .... เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ได้ตรวจพิจารณาร่างประกาศกระทรวง พาณิชย์ทั้ง 2 ฉบับแล้วเห็นว่า กรณีที่กำหนดให้พนักงานศุลกากรกักและตรวจสอบสินค้าที่ต้องสงสัยว่าเป็นสินค้า ละเมิดเครื่องหมายการค้าหรือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ณ จุดผ่านแดน นั้น ไม่สามารถออกเป็นร่างประกาศกระทรวง พาณิชย์ได้ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณา จักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 ได้ เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ให้อำนาจในการกักและตรวจสอบสินค้าดังกล่าวไว้ และเมื่อวัตถุประสงค์ของการยกร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว มีขึ้นเพื่อปฏิบัติตามข้อ 51 ถึงข้อ 60 ของ ความตกลงว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (Agreement on Trade-Related Aspects of Intellectual Property Rights : TRIPs) จึงควรออกเป็นกฎหมายในลักษณะอนุวัติการ ซึ่งต่อมากระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า กรมศุล กากรได้ยกร่างประมวลกฎหมายศุลกากรและอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมถึงมาตรการตามข้อ 51 ถึงข้อ 60 ของความตกลง ฯ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ทั้ง 2 ฉบับอีกต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3079 | การหารือทางการค้าระหว่างไทย - สหรัฐฯ | พณ | 24/06/2551 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เพื่อทราบผลการหารือทางการค้าระหว่าง
ไทย-สหรัฐ ฯ โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะได้เดินทางไปประชุมหารือกับนาง Barbara Weisel ผู้ช่วยผู้แทน การค้าสหรัฐ ฯ ภูมิภาคเอเชียใต้และแปซิฟิก (Assistant USTR for Southeast Asia and the Pacific) ในประเด็นเกี่ยว กับความสัมพันธ์ทางการค้าและเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการค้า ระหว่างวันที่ 12 - 13 มิถุนายน 2551 ณ กรุงวอชิงตัน ดี ซี ซึ่งผลการหารือทั้งสองฝ่ายมีความเห็นร่วมกันว่า ควรจัดตั้งกลไกการหารืออย่างไม่เป็นทางการในระดับเจ้าหน้า ที่อาวุโส เพื่อหารือเป็นระยะ ๆ ตามความเหมาะสม ในประเด็นปัญหา ข้อกังวล ความร่วมมือทางการค้า และเรื่องที่ เกี่ยวเนื่องกับการค้า ซึ่งจะนำไปสู่การขยายการค้า การลงทุนและเสริมสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน
|
||||||||||||||||||||||||
3080 | ผลการประชุมยุทธศาสตร์ผลไม้ภาคใต้สู่ตลาดโลก | พณ | 17/06/2551 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เพื่อทราบผลการประชุมยุทธศาสตร์ผลไม้
ภาคใต้สู่ตลาดโลก ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2551 ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบ ด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ระนอง นราธิวาส ยะลา และปัตตานี กลุ่มเกษตรกร หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สำหรับผลการประชุมได้มีการเจรจาการค้าระหว่างผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าต่างประเทศ ห้างค้าปลีก และผู้ส่งออกรายใหญ่ กับ กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตผลไม้ ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณความต้องการซื้อทุเรียน 92,000 ตัน (มูลค่า 2,116 ล้านบาท) มังคุด 41,000 ตัน (มูลค่า 1,189 ล้านบาท) และเงาะ 15,000 ตัน (มูลค่า 247.5 ล้านบาท) รวมมูลค่าการเจรจา การค้าทั้งสิ้น 3,552.5 ล้านบาท ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน ได้เตรียมแผนเชื่อมโยงการ ตลาดภายในประเทศเพื่อรองรับผลไม้จากภาคใต้ ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกองจาก 3 จังหวัดชายแดนภาค ใต้ โดยนำผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกรไปขายยังตลาดกลางผักผลไม้ เช่น ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ฯลฯ และนำผล ผลิตไปขายยังตลาดเพื่อนบ้านผ่าน 6 จุด ได้แก่ สระแก้ว-โรงเกลือ หนองคาย-เวียงจันทน์ มุกดาหาร-สุวรรณเขต ตราด-เกาะกง ระนอง-เกาะสอง สงขลา-ปาดังเบซาร์และสะเดา รวมทั้งการรณรงค์บริโภคลองกอง 3 จังหวัดชาย แดนภาคใต้ เป็นต้น
|
.....