ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 153 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 3041 - 3060 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3041 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนกันยายน และระยะ 9 เดือนแรกของปี 2551 | พณ | 14/10/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของ
ประเทศเดือนกันยายน 2551 และระยะ 9 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2551 ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคา ผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนกันยายน 2551 เท่ากับ 124.5 เทียบกับเดือนสิงหาคม 2551 (124.2) สูงขึ้นร้อย ละ 0.2 โดยดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.7 จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดผักและผลไม้ ร้อยละ 7.4 ไข่และผลิตภัณฑ์นม ร้อยละ 1.5 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 0.6 และอาหารสำเร็จรูป ร้อยละ 0.2 ส่วนดัชนี หมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงในอัตราที่ชะลอตัวร้อยละ 0.8 โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากราคาน้ำมันใน ตลาดโลกที่ลดลง และผลจากการดำเนินนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ร้อยละ 4.2 รวมทั้งค่าโดยสารรถไฟลดลงร้อยละ 51.4 สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนกันยา ยน 2551 เท่ากับ 108.5 เทียบกับเดือนสิงหาคม 2551 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เดือนกันยายน 2550 สูงขึ้นร้อยละ 2.6 และเฉลี่ยช่วงระยะ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2550) สูงขึ้นร้อยละ 2.5
|
|||||||||||||||||||||
3042 | ผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน | นร | 09/10/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ราย
งานผลการหารือประเด็นด้านเศรษฐกิจ ระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2551 โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้ ประเด็นที่ 1 ส่งเสริมบทบาทความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนผ่านกระบวนการ "คณะกรรมการร่วม ภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือ กรอ." ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการ กรอ. มี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยให้รวมภารกิจของคณะกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ซึ่งเดิมมีนายก รัฐมนตรีเป็นประธานไว้ด้วย และให้ สศช. เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแต่งตั้งต่อไป รวมทั้งให้เสนอแต่งตั้ง คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทำหน้าที่กำกับและขับเคลื่อนแผน การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ ซึ่ง สศช. ได้ทำการศึกษาไว้แล้ว รวมทั้งจัดทำแผนการลงทุนทางด้านโครงสร้าง พื้นฐาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อม ประเด็นที่ 2 ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ส่งออกไทยในภาวะการส่งออกชะลอตัว ที่ประชุมมีมติให้รองนายก รัฐมนตรี (นายโอฬาร ไชยประวัติ) เป็นประธานคณะทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำหน้าที่ประสาน และบูรณาการแผนงานและกิจกรรม Road Show ให้สามารถดำเนินการร่วมกันได้ในรูปแบบทีมประเทศไทย (Team Thailand) อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดงบประมาณและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยรวมกิจกรรมการส่งเสริมการ ส่งออกสินค้า บริการ และการท่องเที่ยว ประเด็นที่ 3 สร้างกลไกเฝ้าระวังผลกระทบจากวิกฤตทางการเงินของโลก ที่ประชุมมีมติให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังดูแลสภาพคล่องให้เพียงพอ และดูแลระบบสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินของรัฐ ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม ประเด็นที่ 4 ทบทวนการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการคลังรับไป พิจารณาเร่งรัดกรณีการนำเข้าสินค้าเหล็ก ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2551 ที่เห็นชอบให้มีการแก้ ไขประกาศกระทรวงการคลัง โดยแก้ไขสาระสำคัญของผู้นำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ได้รับสิทธิยกเว้นอากร ไม่ คำนึงว่าบุคคลใดเป็นผู้นำเข้า แต่จำกัดวัตถุประสงค์การนำเข้าเพื่อใช้สำหรับการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และอุปกรณ์ประกอบของยานยนต์เท่านั้น และให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางร่วมกับ ภาคเอกชนในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น ทั้งในกรอบสินค้าที่มีโควตา และนอกโควต้า และการกำหนดอัตราภาษีที่ถูกต้อง ประเด็นที่ 5 ส่งเสริมพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกันกำหนดมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทั้งใน เรื่องการสนับสนุนสินเชื่อ ภายหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดบทบาทการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย ต่ำผ่านระบบธนาคารพาณิชย์ และปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการ เพื่อนำไปสู่การสร้างความเข้ม แข็งให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทยจัดทำรายละเอียดข้อเสนอของกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและมาตรการส่งเสริม เพื่อนำมาพิจารณาร่วมกัน ต่อไป ประเด็นที่ 6 แก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกันกำหนดมาตรการสนับสนุนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พร้อมทั้ง พิจารณาความเป็นไปได้ของการลงทุนก่อสร้างโรงงาน โดยรัฐเป็นผู้ลงทุนและเอกชนเป็นผู้บริหาร โดยให้คำนึงถึง ความต้องการลงทุนและประเภทอุตสาหกรรมของภาคเอกชนเป็นหลัก และให้กระทรวงการคลังพิจารณามาตรการ ช่วยเหลือทางการเงิน หลังจากที่ ธปท. ยกเลิกโครงการความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ประเด็นที่ 7 เร่งรัดการใช้งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับการให้ภาครัฐเร่ง รัดการเบิกจ่ายการใช้งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 เพื่อบรรเทาการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงและ ให้ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 26 กันยายน 2551 ว่า กระทรวงการคลังได้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการตั้งแต่ไตรมาส แรกของปีงบประมาณเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
3043 | การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ | พณ | 09/10/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายข้าว
แห่งชาติ (กขช) โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นกรรมการ และเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่เสนอนโยบายและยุทธศาสตร์ ต่อคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับข้าวในระยะสั้น และระยาว อนุมัติแผนงาน โครงการ และมาตรการเกี่ยวกับผลิตและการตลาดข้าว ส่งเสริมและสนับสนุน การศึกษาวิจัย เพื่อการพัฒนาการผลิตและการตลาดข้าว โดยผ่านกองทุนวิจัยพัฒนาและส่งเสริมการผลิต และการตลาด หรือแหล่งทุนอื่นที่ กขช. จะเห็นสมควร พิจารณาหลักเกณฑ์ และวิธีการสนับสนุน ช่วยเหลือ เกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงสีข้าว ผู้ค้าข้าวและผู้ส่งออกข้าว และพิจารณาอนุมัติการใช้ เงินตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งติดตาม กำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบาย และมาตรการที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||
3044 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (จำนวน 5 ราย) (1. นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ฯ) | พณ | 09/10/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่ง
ระดับ 10 จำนวน 5 ราย ทั้งนี้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ดังนี้ 1. นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง พาณิชย์ 2. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง พาณิชย์ 3. นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง พาณิชย์ 4. นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัด กระทรวงพาณิชย์ 5. นายบุญนริศร์ สุวรรณพูล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัด กระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||
3045 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 09/10/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในกรณีที่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่ อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ครอบคลุมถึงกรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ด้วย ทั้งนี้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (9 ตุลาคม 2551) เป็นต้นไป โดยให้เป็นไปตามลำดับ ดังนี้ 1. นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 2. พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||
3046 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 6 ราย) (1. นายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ฯ) | พณ | 09/10/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 6 ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
พาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (9 ตุลาคม 2551) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 2. นางสาวเพ็ญชิสา หงษ์อุปถัมภ์ชัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์) 3. นายวีระศักดิ์ จินารัตน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์) 4. นายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 5. นายเกรียงไกร กิตติธเนศวร ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์ ประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์) 6. ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์ ประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์)
|
|||||||||||||||||||||
3047 | มอบหมายให้รัฐมนตรีรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการ (กระทรวงการคลังและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | นร | 30/09/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
1. กระทรวงการคลังมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือมีแต่ไม่ อาจปฏิบัติราชการได้ตามลำดับ ดังนี้ 1.1 นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 1.2 ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 2. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายให้ พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
|
|||||||||||||||||||||
3048 | แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่น ในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (จำนวน 7 ราย 1. นายถิรชัย วุฒิธรรม) | พณ | 16/09/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ
และกรรมการอื่น ในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า จำนวน 7 คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (16 กันยายน 2551) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายถิรชัย วุฒิธรรม เป็นประธานกรรมการ 2. นายประเสริฐ เกษมโกเมศ เป็นรองประธานกรรมการ 3. นายธีระชัย เชมนะสิริ เป็นกรรมการ 4. นายชูชาติ ตันอังสนากุล เป็นกรรมการ 5. นายพงษ์ภัฏ เรียงเครือ เป็นกรรมการ 6. นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เป็นกรรมการ 7. นายยงยุทธ นันทพงษ์ เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||
3049 | โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 | พณ | 09/09/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/ 52 โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ฯ ที่จะใช้จ่ายจากเงินงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 วงเงิน 11,016.24 ล้านบาท นั้น เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 มีผล ใช้บังคับแล้ว ให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้ปรับเปลี่ยนข้อความในหนังสือกระทรวงพาณิชย์ ด่วนที่สุด ที่ พณ 0409/3861 ลงวันที่ 8 กันยายน 2551 หน้า 2 ข้อ 4.4 จากเดิม "ธ.ก.ส. เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี การผลิต 2551/52 ..." เป็น "ธ.ก.ส. อ.ต.ก. และ อคส. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกันรับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นาปี ปีการผลิต 2551/52 ..." 2. ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้ารับความ เห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเก็บรักษาข้าวเปลือกตามโครงการรับจำนำนั้น ควรนำระบบไซโล (SILO) มาใช้ ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพของข้าวเปลือกได้ยาวนานและนำออกไปสีและจำหน่ายได้ในช่วงเวลาที่ เหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||
3050 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า (จำนวน 12 ราย 1. นายสมยศ เชื้อไทยฯ) | พณ | 02/09/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ
เครื่องหมายการค้า จำนวน 12 คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 กันยายน 2551) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายสมยศ เชื้อไทย ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ 2. พลตำรวจตรี รัฐวิทย์ แสนทวีสุข ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ 3. นายจักกพงศ์ ณ บางช้าง ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน 4. นายชาญวิทย์ สุวรรณะบุณย์ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน 5. นายปอ อนาวิล ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน 6. พลตำรวจเอก ชาญชิต เพียรเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน 7. นายภิรมย์ ปริยวัต ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน 8. นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน 9. นายสัตยะพล สัจจเดชะ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน 10. นายเจษฎา ธรรมวณิช ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน 11. นายสมศักดิ์ พณิชยกุล ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ 12. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ
|
|||||||||||||||||||||
3051 | การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 7 เดือนแรกปี 2551 (มกราคม - กรกฎาคม) | พณ | 02/09/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 7 เดือนแรกปี พ.ศ. 2551 (มกราคม
-กรกฎาคม 2551) ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ 1. การส่งออก มีมูลค่า 104,170.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.1 คิดเป็นร้อยละ 60.9 ของเป้า หมายการส่งออกร้อยละ 12.5 สินค้าส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่า 17,676.7 ล้าน เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.5 และสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญรวมเชื้อเพลิงมีมูลค่า 79,797.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.8 ตลาดส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี พ.ศ. 2550 ทั้งตลาดหลักและตลาดใหม่ 2. การนำเข้ามีมูลค่า 106,264.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.8 3. ดุลการค้า 7 เดือนแรกปี พ.ศ. 2551 ไทยขาดดุลการค้า 2,094.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
|
|||||||||||||||||||||
3052 | ผลการจัดงานแสดงสินค้าเมดอินไทยแลนด์สเปเชียล 2551 | พณ | 02/09/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับผลการจัดงานแสดงสินค้าเมดอินไทยแลนด์
สเปเชียล 2551 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-17 สิงหาคม 2551 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมือง ทองธานี เป็นการจัดงานครั้งที่ 21 โดยการจัดงานมีขนาดใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สินค้าที่นำมาจัดแสดงมี ความหลากหลายครบถ้วน นับตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าส่งออก อาทิ เสื้อผ้า ของแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงสินค้าอุตสาหกรรมหนัก และธุรกิจบริการทุกสาขา มีจำนวนผู้เข้าชมงานมากกว่า 1.2 ล้านคน และผู้ นำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 503 ราย ประกอบด้วยประเทศอาเซียน จีน เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และ ยุโรปตะวันออก มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000 ล้านบาท นับได้ว่าเป็นการจัดงานที่ประสบความ สำเร็จในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น One Stop Shopping in Asia
|
|||||||||||||||||||||
3053 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (จำนวน 6 คน 1. ศิริพล ยอดเมืองเจริญฯ) | พณ | 26/08/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณ
วุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ จำนวน 6 คน แทนประธาน กรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (26 สิงหาคม 2551) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ประธานกรรมการ 2. นายพรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3. นายบุญกิต จิตรงามปลั่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4. นายชโยดม สรรพศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5. นายวิชัย อัศรัสกร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6. นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
3054 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (จำนวน 6 คน 1. ศิริพล ยอดเมืองเจริญฯ) | พณ | 26/08/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณ
วุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ จำนวน 6 คน แทนประธาน กรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (26 สิงหาคม 2551) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ประธานกรรมการ 2. นายพรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3. นายบุญกิต จิตรงามปลั่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4. นายชโยดม สรรพศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5. นายวิชัย อัศรัสกร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6. นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
3055 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 26 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ 4 - 8 สิงหาคม 2551 ณ กรุงเทพมหานคร | พน | 26/08/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
(ASEAN Minister on Energy Meeting-AMEM) ครั้งที่ 26 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 4-8 สิงหาคม 2551 ณ กรุงเทพ ฯ สรุปได้ดังนี้ ผลการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 26 (26th AMEM) ได้ มีการหารือถึงความร่วมมือด้านพลังงานในระดับทวิภาคี (Bilateral Meeting) และเห็นพ้องร่วมกันที่จะผลักดันให้ ภูมิภาคอาเซียนเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าเชื้อเพลิงชีวภาพในทวีปเอเชียในอนาคต รวมทั้งให้ความสำคัญ กับพลังงานทางเลือกในอนาคต เช่น พลังงานนิวเคลียร์ นอกจากนี้ ยังได้รับรองเบื้องต้นในร่างแก้ไขความตกลง อาเซียนว่าด้วยความมั่นคงด้านปิโตรเลียม และรับทราบการที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรม การยกร่างแผนปฏิบัติการพลังงานของอาเซียน หรือ ASEAN Plan of Action for Energy Cooperation (APAEC) สำหรับปี ค.ศ. 2010-2015 ต่อจากแผนปฏิบัติการเดิมที่กำลังจะหมดวาระลงในปี พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) โดยร่างแผนปฏิบัติการ ฯ จะมุ่งเน้นการสร้างสมดุลการพัฒนาเศรษฐกิจของอาเซียนทั้งด้านการพัฒนาและเชื่อม โยงแหล่งพลังงานควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน สำหรับการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมระดับรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน+3 (AMEM+3) ครั้งที่ 5 การประชุมระดับรัฐมนตรี พลังงานเอเชียตะวันออก (EAS Energy Minister Meeting : EAS EMM) ครั้งที่ 2 และการประชุมแบบทวิภาคี เพื่อ หารือข้อราชการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานกับรัฐมนตรีด้านพลังงานและรัฐมนตรีช่วยว่าการของประเทศ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ บรูไนดารุสซาลาม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และทบวง พลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency-IEA)
|
|||||||||||||||||||||
3056 | ขออนุมัติหลักการดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งอ่าวไทย (The Royal Coast หรือ Thailand Rivicra) | กก | 26/08/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการบูรณาการและประสาน การดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย โดยให้นำผลการศึกษาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ชาย ฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบน (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง) Thailand Riviera และกรอบความคิดยุทธ ศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งภาคใต้ตอนบนอย่างยั่งยืนเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการ รวมทั้งให้เร่ง รัดดำเนินการโดยเร็วเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ 2. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพ ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาค ส่วนเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพของการทำงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ ตลอดจนการทำการตลาดใน เชิงรุก โดยเฉพาะในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวสูง และให้แต่งตั้งคณะกรรมการ อำนวยการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ประกอบด้วยผู้แทนส่วนราชการ ภาคเอกชน ภาคองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน เพื่อร่วมกันกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การดำเนินการ และแต่งตั้งคณะกรรมการ บูรณาการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย เพื่อจัดทำมาตรการและแผนปฏิบัติการบูรณาการการพัฒนา แหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งให้ทำการศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) รายละ เอียดของรูปแบบการพัฒนาให้ชัดเจน การยอมรับของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งการประกาศและกำหนดเขตพื้นที่ (Zoning) ก่อนดำเนินโครงการในระดับพื้นที่จริง นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับบทบาทการลงทุนของภาคเอกชน ขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่ (Carrying Capacity) การส่งเสริมบทบาทคณะกรรมการนโยบายการท่อง เที่ยวแห่งชาติ ให้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนโครงการ และการบูรณาการโครงการกับการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง ทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard) ยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ด้วย |
|||||||||||||||||||||
3057 | งบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค | 26/08/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนองบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการ
กำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ซึ่งสำนัก งานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 งบรายได้ค่าใช้จ่าย และงบกระแส เงินสด สำหรับงวดบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน-31 ธันวาคม 2550 และมีข้อสังเกตประกอบการตรวจสอบ งบการเงินของสำนักงาน คปภ. ว่า ณ วันที่เปลี่ยนแปลงสถานะ กรมการประกันภัยยังไม่ได้ปิดบัญชีและแต่ง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระผูกพันและสิทธิต่าง ๆ ที่มีอยู่จริง เพื่อส่งมอบให้สำนักงาน คปภ. หรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีสิทธิตามกฎหมาย จึงเสนอแนะให้สำนัก งาน คปภ. ประสานกับกระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการปิดบัญชีของกรมการประกันภัย ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2550 และแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะกรรมการร่วมทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรายการ ทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระผูกพันและสิทธิต่าง ๆ ที่ต้องส่งมอบตามที่กฎหมายกำหนด และจัดทำรายละเอียด เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการส่งมอบรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระผูกพันและสิทธิ ต่าง ๆ ให้สำนักงาน คปภ. ดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
3058 | การลงนามความตกลงภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี | พณ | 19/08/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
1. ให้ไทยเข้าร่วมความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า และความตกลงว่าด้วยการค้าบริการ และให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในพิธีสารเพื่อเข้าร่วมความตกลงทั้ง 2 ฉบับ และหากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิ ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้นๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาอีก 2. ให้นำเสนอกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมและความตกลงว่าด้วย กลไกการระงับข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ก่อนแสดงเจตนาให้ความตกลงมีผลผูกพัน 3. ให้นำเสนอความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า และความตกลงว่าด้วยการค้าบริการ หลังจากที่ได้มีการ ลง นามแล้ว เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ก่อนแสดงเจตนาให้ความตกลงมีผลผูกพันต่อไป 4. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในพิธีสารเพื่อเข้าร่วมความตกลงทั้ง 2 ฉบับ 5. ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่าการลงนามเอกสารดังกล่าวจะไม่มีผลบังคับจนกว่าจะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
|
|||||||||||||||||||||
3059 | การลงนามเอกสารสำคัญในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 40 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 19/08/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
1. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มีหนังสือแจ้งการให้สิทธิการขอใช้พิธีสารว่าด้วยการพิจารณาเป็น พิเศษสำหรับสินค้าข้าวและน้ำตาล (Protocal to Provide Special Consideration for Rice and Sugar) 2. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้ แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนร่วมลงนามในเอกสารจำนวน 5 ฉบับ ได้แก่ ร่างบันทึกความเขัา ใจระหว่างอินโดนีเซียและไทย เรื่อง สินค้าน้ำตาล (Memorandum of Understanding between the Ministry of Commerce of Thailand and the Ministry of Trade of Indonesia), ร่างข้อตกลงการยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพแพทย์ (Mutual Recognition Arrangement on Medical Practitioners), ร่างข้อตกลงการยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพทันต แพทย์ (Mutual Recognition Arrangement on Dental Practitioners), ร่างกรอบข้อตกลงการยอมรับร่วมสาขา บัญชี (Framework Mutual Recognition Arrangement on Accountancy Services) และร่างความตกลงการค้าสินค้า ฉบับใหม่ของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement) โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสาร 5 ฉบับดังกล่าวที่มิใช่สาระสำคัญ ให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก 3. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในเอกสาร 5 ฉบับ 4. ให้เสนอร่างความตกลงการค้าสินค้าฉบับใหม่ของอาเซียน เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความ เห็นชอบก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่า การลงนามเอกสารดังกล่าวจะไม่มีผลใช้บังคับจนกว่าจะได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา
|
|||||||||||||||||||||
3060 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ เดือนกรกฎาคม 2551 | พณ | 19/08/2551 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อมูลความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของ
ประเทศเดือนกรกฎาคม 2551 ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนกรกฎา คม 2551 เท่ากับ 128.1 เปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2551 (127.7) สูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงกว่าเดือนที่ ผ่านมาค่อนข้างมาก คือร้อยละ 0.3 (มิถุนายน 2551 สูงขึ้นร้อยละ 1.2) โดยดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น ร้อยละ 0.3 (เดือนมิถุนายน 2551 ลดลงร้อยละ 0.1) จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดผลไม้สด ร้อยละ 5.3 อาหาร ประเภทปลาและสัตว์น้ำ ร้อยละ 0.6 และสินค้าประเภทเครื่องประกอบอาหาร ร้อยละ 0.9 และดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 0.4 (เดือนมิถุนายน 2551 สูงขึ้นร้อยละ 1.9) เป็นการสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอ ตัวลงกว่าเดือนที่ผ่านมาค่อนข้างมากเนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นผลให้ราคา น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศลดลงในช่วงกลางเดือน ประกอบกับมาตรการของรัฐในการลดภาษีสรรพสามิตของแก๊ส โซฮอล์และน้ำมันดีเซล แต่โดยเฉลี่ยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในเดือนนี้ยังคงสูงอยู่เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา โดยดัชนี น้ำมันเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 1.5 ส่งผลให้ค่าโดยสารสาธารณะ สูงขึ้นร้อยละ 0.7 สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้น ฐานของประเทศเดือนกรกฎาคม 2551 เท่ากับ 109.5 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2551 สูงขึ้นร้อยละ 0.2 เดือน กรกฎาคม 2550 สูงขึ้นร้อยละ 3.7 และเฉลี่ยช่วงระยะ 7 เดือนแรก (มกราคม-กรกฎาคม 2550) สูงขึ้นร้อยละ 2.4
|
.....