ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 7 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 20 จากข้อมูลทั้งหมด 127 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | อก. | 24/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายภาสกร ชัยรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ๒. นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ๓. นายศุภกิจ บุญศิริ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายใบน้อย สุวรรณชาตรี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ๕. นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายวันชัย พนมชัย ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | อก. | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน
และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายวันชัย พนมชัย ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๒. นายบรรจง สุกรีฑา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายใบน้อย สุวรรณชาตรี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายภาสกร ชัยรัตน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางวรวรรณ ชิตอรุณ ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | อก. | 05/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นางวรวรรณ ชิตอรุณ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ๒. นายใบน้อย สุวรรณชาตรี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ๓. นายจุลพงษ์ ทวีศรี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ๔. นายวันชัย พนมชัย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ณัฐพล รังสิตพล) | อก. | 12/07/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายณัฐพล รังสิตพล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5 | รายงานความก้าวหน้าโครงการอาคารแสดงประเทศไทย งาน World Expo 2020 Dubai และสถานะด้านงบประมาณ | ดศ. | 03/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความก้าวหน้าโครงการอาคารแสดงประเทศไทย งาน World Expo 2020 Dubai และสถานะงบประมาณ เพื่อรายงานความก้าวหน้าของโครงการดังกล่าว
และข้อมูลค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการจัดงาน World Expo
2020 Dubai ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-๑๙
เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบแนวปฏิบัติของเจ้าภาพ
และสอดคล้องกับกำหนดการจัดงานใหม่ซึ่งมีการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเพิ่มอีก
๓๕๔ วัน
โดยค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นแผนงานที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๕ กรอบวงเงิน ๑๑,๑๑๑,๘๕๐ บาท
และแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมพิเศษเพื่อแสดงศักยภาพประเทศไทย
โดยหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ (๑) กรมส่งเสริมการเกษตร กะทรวงเกษตรและสหกรณ์ (๒)
กระทรวงวัฒนธรรม และ (๓) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
และงบประมาณที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
พ.ศ. ๒๕๖๕ กรอบวงเงิน ๑๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าควรดำเนินการติดตั้งระบบสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ภายในอาคารแสดงประเทศไทย งาน World
Expo 2020 Dubai ในรูปแบบเสมือนจริงเห็นครบทุกมุมมอง
(Virtual Reality) ผ่านออนไลน์ เพื่อให้ผู้ชมงานทั่วโลก สามารถเข้าชมงานได้อย่างทั่วถึง
ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถแสดงศักยภาพด้านต่าง ๆ ที่มีอยู่ในงานได้อย่างเต็มประสิทธิผลและคุ้มค่ากับเงินงบประมาณที่ได้ลงทุน
และให้ดำเนินการต่อรองค่าใช้จ่าย เช่น ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ค่าดูแลรักษาอาคาร
ค่ารักษาความปลอดภัย เป็นต้น กับประเทศเจ้าภาพและผู้ให้บริการที่ Expo
เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในห้วงระยะเวลาที่มีการเลื่อนกำหนดจัดงานในโอกาสแรก
ตลอดจนแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมกิจกรรมพิเศษจากแหล่งเงินอื่น เช่น
เงินรายได้ หรือภาคเอกชนสมทบ รวมถึงการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีผลใช้บังคับ
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า และประโยชน์ที่จะได้รับอย่างสมเหตุสมผลต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายใบน้อย สุวรรณชาตรี) | อก. | 23/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายใบน้อย สุวรรณชาตรี
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (พ.ศ. 2563 – 2565) | วธ. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยของไทย
โดยมีกลไกในการขับเคลื่อนประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ส่งเสริมการวิจัย
องค์ความรู้นวัตกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ (๒)
ส่งเสริมให้มีการพัฒนาพื้นที่ทางศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเพื่อการเรียนรู้และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
(๓) ส่งเสริมการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยที่สร้างคุณค่าทางจิตใจ สังคม
และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการบนฐานของทุนทางวัฒนธรรม และ (๔)
ส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่ายด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยทั้งในและต่างประเทศบนฐานมรดกทางวัฒนธรรม
โดยมีกรอบวงเงินในการดำเนินการ รวมทั้งสิ้น ๒๙,๕๖๕.๙๕ ล้านบาท
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อน (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงอุตสาหกรรม และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เช่น
กระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งขอปรับปรุงวงเงินงบประมาณของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่
โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาสู่สากล จากเดิม ๓๓.๑๖
ล้านบาท เป็น ๑๑ ล้านบาท เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามแผนปฏิบัติการฯ
เห็นควรให้ดำเนินการในลักษณะบูรณาการของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่มีอยู่หรือสามารถมาใช้จ่ายได้
นำไปเป็นแนวทางในการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายณัฐพล รังสิตพล และคณะ) | อก | 17/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง สับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนตำแหน่งผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายณัฐพล รังสิตพล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ๒. นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ๓. นายประกอบ วิวิธจินดา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ๔. นายจุลพงษ์ ทวีศรี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9 | ผลการเยือนภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) | กต | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนภูมิภาคคันไซ (จังหวัดโอซากา จังหวัดวากายามะ และจังหวัดเกียวโต) ประเทศญี่ปุ่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ ๓๐ มกราคม-๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามผลการเยือนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเยือนจังหวัดโอซากา เมื่อวันที่ ๓๐-๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ รองนายกรัฐมนตรีฯ และคณะได้เข้าร่วมสัมมนาการลงทุนในหัวข้อ “Thailand : Advancing ASEAN-Japan Partnership” โดยมีนักลงทุนจากจังหวัดโอซากาและจังหวัดอื่น ๆ ในภูมิภาคคันไซเข้าร่วมกว่า ๕๐๐ คน โดยรองนายกรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ ได้แก่ การย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นในระดับท้องถิ่น การแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของจังหวัดโอซากาและภูมิภาคคันไซซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้นของญี่ปุ่น และจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด G20 ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ และมหกรรม World Expo 2025 ในปี ๒๕๖๘ และการสร้างความมั่นใจต่อเสถียรภาพทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญในระยะต่อจากนี้ โดยเฉพาะภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป โดยรัฐบาลชุดใหม่จะยังสานต่อนโยบายทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่สำคัญต่อไป ๒. การเยือนจังหวัดวากายามะ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ รองนายกรัฐมนตรีฯ และนายโยชิโนบุ นิสะกะ ผู้ว่าราชการจังหวัดวากายามะ ได้หารือและเห็นพ้องกันที่จะผลักดันความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ในระดับท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจผ่านการเรียนรู้จุดแข็งของกันและกัน โดยขณะนี้จังหวัดวากายามะอยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกความเข้าใจกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเขินกับจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ แสดงความพร้อมที่จะช่วยผลักดันความร่วมมือต่าง ๆ และขอให้จังหวัดวากายามะช่วยพิจารณาแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่จังหวัดวากายามะมีจุดแข็ง เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถของเกษตรกรและท้องถิ่นของไทย ๓. การเยือนจังหวัดเกียวโต เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ รองนายกรัฐมนตรีฯ และนายทาคาโทชิ นิชิวาคิ ผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโต ได้หารือและเห็นพ้องกันที่จะกระชับความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ในระดับท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของกันและกัน โดยต่อยอดจากความร่วมมือที่จังหวัดเกียวโตมีกับไทย ได้แก่ ความร่วมมือด้านเมืองอัจริยะกับจังหวัดเชียงใหม่และการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาระหว่างกัน ความร่วมมือในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม การส่งเสริมการลงทุนของเอกชนจากจังหวัดเกียวโตในไทย โดยเฉพาะในสาขาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การส่งเสริมให้แรงงานไทยไปทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของจังหวัดเกียวโต และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาของจังหวัดเกียวโตไปจัดตั้งสำนักงานในไทย โดยรองนายกรัฐมนตรีฯ ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโตและนักลงทุนของจังหวัดเกียวโตเยือนไทยเพื่อเข้ามาศึกษาศักยภาพและโอกาสการดำเนินธุรกิจในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10 | ขอความเห็นชอบโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียวโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโยยีคาร์บอนต่ำ (Greening Industry Through Low Carbon Technology Application For SMEs) | อก. | 06/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
และองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United
Nations Industrial Development Organization : UNIDO) ดำเนินโครงการสนับสนุนผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises : SMEs) มุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียวโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ
(Greening Industry through Low Carbon Technology Application for SMEs) และเห็นชอบร่างหนังสือยืนยันการเข้าร่วมโครงการฯ กับ UNIDO รวมทั้งเห็นชอบให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ลงนามหนังสือยืนยัน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยค่าใช้จ่ายที่ฝ่ายไทยต้องร่วมสมทบดำเนินการในปีแรกในรูปแบบเงินสด
(Cash) ให้กระทรวงอุตสาหกรรม (กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม)
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรแล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายปีต่อ ๆ ไป
ให้เสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรยกระดับองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีการพัฒนาไปสู่การใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน/SMEs ในพื้นที่
รวมทั้งปัจจัยแทรกซ้อนจากการนำเครื่องจักรที่ใช้แล้วมาใช้ในการผลิต ควรมีการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่องค์ความรู้แก่
SMEs ที่มิได้เข้าร่วมโครงการฯ
ควรมีการติดตามประเมินผลความสำเร็จของโครงการฯ อย่างใกล้ชิด
และควรให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11 | มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจ SMEs ในการลดผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ | อก | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจ SMEs ในการลดผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อให้ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยเพิ่มผลิตภาพเพิ่มขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายของกิจการไปชดเชยภาระค่าแรงที่เพิ่มขึ้น (๒) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพ การลดความสูญเปล่า การลดต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจ และ (๓) เพื่อเพิ่มสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการและบุคลากรในสถานประกอบการ SMEs ให้มีขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ โดยมีกลุ่มเป้าหมายและระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ จำนวน ๕๐,๐๐๐ กิจการ/๒๕๐,๐๐๐ คน วงเงินงบประมาณ ๕,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้วงเงินรวม ๕๐๐ ล้านบาท จำนวน ๕,๐๐๐ กิจการ/๒๕,๐๐๐ คน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อใช้ในการดำเนินมาตรการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนและหรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ภายใต้แผนงานบูรณาการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมลำดับแรกก่อน โดยดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๕๙ หากไม่เพียงพอ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐต่อไป ส่วนในปีต่อ ๆ ไป ให้พิจารณาผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการฯ และประเมินผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หากยังมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ ก็ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับเรื่องการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานอย่างจริงจัง ควรเพิ่มเรื่องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้สามารถมีทรัพย์สินทางปัญญาเป็นของตนเอง และควรให้ความสำคัญกับการกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือก SMEs โดยมุ่งเน้นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานและได้รับผลกระทบสูงจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การรับรองมาตรฐานเครื่องประดับโลหะมีค่า | พณ | 24/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๗ มกราคม ๒๕๖๐) เรื่อง การรับรองมาตรฐานเครื่องประดับโลหะมีค่า ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี และสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้องได้หารือแนวทางการจัดทำระเบียบการใช้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานเครื่องประดับโลหะมีค่าและตราสัญลักษณ์กลางสำหรับประทับรับรอง ซึ่งระเบียบดังกล่าวระบุให้สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติฯ เป็นหน่วยงานกลาง โดยผู้ผลิตจะต้องขอจดทะเบียนตราผู้ผลิตและผู้จำหน่ายตามที่สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติฯ กำหนด และการประทับตราชุดตราสัญลักษณ์รับรองมาตรฐานจะประกอบด้วยตราสัญลักษณ์รับรองมาตรฐาน ๓ ตราประทับ คือ ตราสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติฯ ตรารับรองชนิดและความบริสุทธิ์ของโลหะมีค่า และตราผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย โดยจะประทับตราลงบนตำแหน่งบริเวณเนื้อโลหะของเครื่องประดับโลหะมีค่าชนิดนั้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม) (จำนวน 5 ราย 1. นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ฯลฯ) | อก | 29/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ๒. นายสมบูรณ์ ยินดียั่งยืน ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายณัฐพล รังสิตพล ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๔. นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายอภิจิณ โชติกเสถียร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม รวม 7 ฉบับ | นร09 | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม รวม ๗ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว เป็นการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานปลัดกระทรวง กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15 | การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 (จำนวน 12 คน 1. นายสุรพงษ์ เจียสกุล ฯลฯ) | อก | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ จำนวน ๑๒ คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรพงษ์ เจียสกุล ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นายวรัชญ์ เพชรร่วง ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการกองกำกับและพัฒนา ระบบเงินนอกงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ๓. นายอิทธิพงศ์ คุณากรบดินทร์ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ๔. นายพสุ โลหารชุน ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ๕. นางสาวชวนชม กิจพันธ์ ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้อำนวยการกองจัดทำงบประมาณด้านเศรษฐกิจ ๑ ๖. นายสุวัชชัย ใจข้อ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย รองผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน สายนโยบายการเงิน ๗. นายธีระชัย แสนแก้ว ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๘. นายมนตรี เลาหศักดิ์ประสิทธิ์ ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๙. นายพนม ตะโกเมือง ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๑๐. นายศรายุธ แสงจันทร์ ผู้แทนโรงงาน ๑๑. นายวิณณ์ ผาณิตวงศ์ ผู้แทนโรงงาน ๑๒. นายรัฐวุฒิ แซ่ตั้ง ผู้แทนโรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16 | มาตรการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลกและร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) | กค | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำเร็จรูป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ตัดเนื้อความในข้อ ๒ ของร่างประกาศออก เพื่อให้เป็นไปตามแบบของการร่างกฎหมาย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งประกอบด้วย มาตรการทางภาษี มาตรการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ มาตรการยกระดับฝีมือแรงงานในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ และมาตรการทางการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งรัดจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรการทางภาษีเกี่ยวกับการให้ผู้ประกอบการหักรายจ่ายได้ ๒ เท่า ของรายจ่ายประเภทเงินเดือนและค่าจ้างของแรงงานเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พิจารณาจัดทำและพัฒนามาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกอย่างกว้างขวาง รวมถึงกำหนดตราสัญลักษณ์กลางที่ใช้รับประกันคุณภาพ (Hallmarking) สำหรับสินค้าในหมวดเครื่องประดับ ๒.๓ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน พิจารณากำหนดมาตรการเพื่อพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีการผลิตจากผู้ประกอบการรายใหญ่และผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อย การจัดตั้งโรงเรียนเฉพาะทางเพื่อส่งเสริมและพัฒนาช่างศิลป์ และการพัฒนาทายาทช่างฝีมือเพื่ออนุรักษ์การผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ๒.๔ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ธนาคารออมสิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามมาตรการทางการเงินในการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสำหรับผู้ประกอบกิจการ SMEs ดังกล่าวต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดมาตรการประชาสัมพันธ์สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่มีคุณภาพของไทย การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในย่านการค้าที่สำคัญ รวมถึงการประชาสัมพันธ์สินค้าที่มีคุณภาพให้แก่นักท่องเที่ยว ๔. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการพิจารณาการให้ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำเร็จรูปให้มีความรอบด้าน รอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยคำนึงถึงการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ผลิตอัญมณีไทยรายย่อย และให้มีการดำเนินการจัดทำรายละเอียดมาตรฐานฝีมือแรงงานและการจดทะเบียนช่างเครื่องประดับให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้การกำหนดมาตรการทางภาษีตามข้อเสนอเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม และเกิดความเป็นธรรม รวมทั้งควรเร่งการผลิตช่างฝีมือให้มีจำนวนมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมด้วย และควรพิจารณาเพิ่มเติมการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านการบริหารจัดการและทางด้านการตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อให้การถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกอบการไทย ตลอดจนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำและพัฒนามาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับและกำหนดตราสัญลักษณ์กลางที่ใช้ในการรับประกันคุณภาพ และการพิจารณากำหนดมาตรการประชาสัมพันธ์สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำเร็จรูปให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อสนับสนุนให้เกิดความเชื่อมั่นต่อสินค้าอัญมณีไทยให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม) (นายพสุ โลหารชุน และนายมงคล พฤกษ์วัฒนา) | อก | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายพสุ โลหารชุน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ๒. นายมงคล พฤกษ์วัฒนา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18 | การเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) | นร04 | 24/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เมื่อวันที่ ๘-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๙ มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีศรีลังกาในโอกาสที่เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑-๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีศรีลังกา และหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา รวมทั้งเข้าร่วมการประชุมทวิภาคีรัฐมนตรีเศรษฐกิจไทย-ศรีลังกา (Economic Ministers’ Meeting) ครั้งที่ ๑ เข้าร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น พบหารือระหว่างภาคเอกชนไทย-ศรีลังกา กล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาทางธุรกิจ (Business Forum) เยี่ยมชมกิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) เยี่ยมชมท่าเรือโคลัมโบ และสถานที่สำคัญทางศาสนา นอกจากนี้ ยังได้ลงนามความตกลง จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ แผนปฏิบัติการร่วมด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับศรีลังกา (๒๕๕๙-๒๕๖๑) และหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการส่งเสริมอุตสาหกรรมระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมของไทยกับคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมศรีลังกา ๒. มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการติดตามผลการเยือนในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือด้านศาสนาและวัฒนธรรม ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านวิชาการ และความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวง/หน่วยงาน (เพิ่มเติม) (จำนวน 13 หน่วยงาน) | นร05 | 26/01/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการแต่งตั้งโฆษกกระทรวง/หน่วยงาน (เพิ่มเติม) จำนวน ๑๓ หน่วยงาน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒ นายสุรพล จารุพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑.๓ นายดรุณ แสงฉาย รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นโฆษกกระทรวงคมนาคม ๑.๔ นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นโฆษกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๑.๕ นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นโฆษกกระทรวงพลังงาน ๑.๖ นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม ๑.๗ นายสมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม ๑.๘ นางเสาวนีย์ โขมพัตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการ เป็นโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๑.๙ นายธีรพล ขุนเมือง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นโฆษกกระทรวงแรงงาน ๑.๑๐ นายประพันธ์ มุสิกพันธ์ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน เป็นโฆษกสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๑.๑๑ นางสาวชลิดา โชไชย ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงระหว่างประเทศ ปฏิบัติราชการที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง เป็นโฆษกสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ๑.๑๒ นายสมชาย สุรชาตรี ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑.๑๓ พลตำรวจเอก เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ ๑๐) เป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ๒. ให้โฆษกกระทรวง/หน่วยงาน เร่งจ้ดการประชุมร่วมกันเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์บูรณาการเชื่อมโยงการประชาสัมพันธ์โครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกันให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้นำภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) มาใช้ในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับนโยบาย การขับเคลื่อน การดำเนินงาน และรายละเอียดการปฏิบัติต่าง ๆ ให้ถูกต้องเหมาะสมและเป็นที่น่าสนใจด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20 | โครงการ GEF UNIDO Cleantech Programme for SMEs in Thailand | อก | 12/01/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารโครงการ GEF UNIDO Cleantech Programme for SMEs in Thailand มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้งผู้ริเริ่มธุรกิจ (Start-ups) ที่คิดค้นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสะอาดของประเทศไทยให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระดับระหว่างประเทศ เช่น Venture Capitals และ Angels Network สำหรับใช้ในการขยายขีดความสามารถในการผลิตเพื่อรองรับตลาดโลกใน ๔ สาขา ได้แก่ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ของเสียเป็นพลังงานและพลังงานหมุนเวียน โดยแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการในโครงการจะใช้รูปแบบ (model) ของ Cleantech Open ใน Silicon Valley สหรัฐอเมริกา ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารโครงการ GEF UNIDO Cleantech Programme for SMEs in Thailand กับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารโครงการดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียโอกาสในการพัฒนาและสร้างธุรกิจอุตสาหกรรมโดยใช้เทคโนโลยีสะอาด และเป็นการแสดงเจตจำนงของประเทศไทยในการให้ความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การวางแผนในการดำเนินการต่อยอดและขยายผลการที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและแนวทางการพัฒนานวัตกรรมให้กับ SMEs หรือ Start-ups อื่น ๆ ในประเทศต่อไปในอนาคต การตรวจสอบความถูกต้องของคำแปลในหัวข้อ "บริบทของกฎหมาย" ในร่างโครงการฯ ฉบับภาษาไทยที่ยังไม่สอดคล้องกับฉบับภาษาอังกฤษ และการให้ความสำคัญกับการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์โครงการแก่ผู้ประกอบการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจและมีความพร้อมสามารถเข้าร่วมโครงการได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งการติดตามประเมินผลโครงการเพื่อนำไปสู่การขยายผลโครงการในอนาคต ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. สำหรับงบประมาณให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบเงินสด (in kind) ที่ประเทศไทยต้องร่วมสมทบงบดำเนินการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไปตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๔. หากมีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงถ้อยคำในร่างเอกสารโครงการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการปรับเปลี่ยนได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |